Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. ปพฺพตูปมสุตฺตวณฺณนา

    5. Pabbatūpamasuttavaṇṇanā

    ๑๓๖. ปญฺจเม มุทฺธาวสิตฺตานนฺติ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อวสิตฺตานํ กตาภิเสกานํฯ กามเคธปริยุฎฺฐิตานนฺติ กาเมสุ เคเธน ปริยุฎฺฐิตานํ อภิภูตานํฯ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺตานนฺติ ชนปเท ถิรภาวปฺปตฺตานํฯ ราชกรณียานีติ ราชกมฺมานิ ราชูหิ กตฺตพฺพกิจฺจานิฯ เตสุ ขฺวาหนฺติ เตสุ อหํฯ อุสุกฺกมาปโนฺนติ พฺยาปารํ อาปโนฺนฯ เอส กิร ราชา ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ภควโต อุปฎฺฐานํ คจฺฉติ, อนฺตราคมนานิ พหูนิปิ โหนฺติฯ ตสฺส นิพทฺธํ คจฺฉโต พลกาโย มหาปิ โหติ อโปฺปปิฯ อเถกทิวสํ ปญฺจสตา โจรา จินฺตยิํสุ – ‘‘อยํ ราชา อเวลาย อเปฺปน พเลน สมณสฺส โคตมสฺส อุปฎฺฐานํ คจฺฉติ, อนฺตรามเคฺค นํ คเหตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสามา’’ติฯ เต อนฺธวเน นิลียิํสุฯ ราชาโน จ นาม มหาปุญฺญา โหนฺติฯ อถ เตสํเยว อพฺภนฺตรโต เอโก ปุริโส นิกฺขมิตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา มหนฺตํ พลกายํ อาทาย อนฺธวนํ ปริวาเรตฺวา เต สเพฺพ คเหตฺวา อนฺธวนโต ยาว นครทฺวารา มคฺคสฺส อุโภสุ ปเสฺสสุ ยถา อญฺญมญฺญํ จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิพนฺธิตฺวา โอโลเกนฺติ, เอวํ อาสนฺนานิ สูลานิ โรปาเปตฺวา สูเลสุ อุตฺตาเสสิฯ อิทํ สนฺธาย เอวมาหฯ

    136. Pañcame muddhāvasittānanti khattiyābhisekena muddhani avasittānaṃ katābhisekānaṃ. Kāmagedhapariyuṭṭhitānanti kāmesu gedhena pariyuṭṭhitānaṃ abhibhūtānaṃ. Janapadatthāvariyappattānanti janapade thirabhāvappattānaṃ. Rājakaraṇīyānīti rājakammāni rājūhi kattabbakiccāni. Tesu khvāhanti tesu ahaṃ. Usukkamāpannoti byāpāraṃ āpanno. Esa kira rājā divasassa tikkhattuṃ bhagavato upaṭṭhānaṃ gacchati, antarāgamanāni bahūnipi honti. Tassa nibaddhaṃ gacchato balakāyo mahāpi hoti appopi. Athekadivasaṃ pañcasatā corā cintayiṃsu – ‘‘ayaṃ rājā avelāya appena balena samaṇassa gotamassa upaṭṭhānaṃ gacchati, antarāmagge naṃ gahetvā rajjaṃ gaṇhissāmā’’ti. Te andhavane nilīyiṃsu. Rājāno ca nāma mahāpuññā honti. Atha tesaṃyeva abbhantarato eko puriso nikkhamitvā rañño ārocesi. Rājā mahantaṃ balakāyaṃ ādāya andhavanaṃ parivāretvā te sabbe gahetvā andhavanato yāva nagaradvārā maggassa ubhosu passesu yathā aññamaññaṃ cakkhunā cakkhuṃ upanibandhitvā olokenti, evaṃ āsannāni sūlāni ropāpetvā sūlesu uttāsesi. Idaṃ sandhāya evamāha.

    อถ สตฺถา จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ วกฺขามิ, ‘มหาราช, มาทิเส นาม สมฺมาสมฺพุเทฺธ ธุรวิหาเร วสเนฺต ตยา เอวรูปํ ทารุณํ กมฺมํ กตํ, อยุตฺตํ เต กต’นฺติ, อถายํ ราชา มงฺกุ หุตฺวา สนฺถมฺภิตุํ น สกฺกุเณยฺย, ปริยาเยน ธมฺมํ กเถนฺตเสฺสว เม สลฺลเกฺขสฺสตี’’ติ ธมฺมเทสนํ อารภโนฺต ตํ กิํ มญฺญสีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สทฺธายิโกติ สทฺธาตโพฺพ, ยสฺส ตฺวํ วจนํ สทฺทหสีติ อโตฺถฯ ปจฺจยิโกติ ตเสฺสว เววจนํ, ยสฺส วจนํ ปตฺติยายสีติ อโตฺถฯ อพฺภสมนฺติ อากาสสมํฯ นิโปฺปเถโนฺต อาคจฺฉตีติ ปถวิตลโต ยาว อกนิฎฺฐพฺรหฺมโลกา สเพฺพ สเตฺต สณฺหกรณียํ ติณจุณฺณํ วิย กโรโนฺต ปิสโนฺต อาคจฺฉติฯ

    Atha satthā cintesi – ‘‘sacāhaṃ vakkhāmi, ‘mahārāja, mādise nāma sammāsambuddhe dhuravihāre vasante tayā evarūpaṃ dāruṇaṃ kammaṃ kataṃ, ayuttaṃ te kata’nti, athāyaṃ rājā maṅku hutvā santhambhituṃ na sakkuṇeyya, pariyāyena dhammaṃ kathentasseva me sallakkhessatī’’ti dhammadesanaṃ ārabhanto taṃ kiṃ maññasītiādimāha. Tattha saddhāyikoti saddhātabbo, yassa tvaṃ vacanaṃ saddahasīti attho. Paccayikoti tasseva vevacanaṃ, yassa vacanaṃ pattiyāyasīti attho. Abbhasamanti ākāsasamaṃ. Nippothento āgacchatīti pathavitalato yāva akaniṭṭhabrahmalokā sabbe satte saṇhakaraṇīyaṃ tiṇacuṇṇaṃ viya karonto pisanto āgacchati.

    อญฺญตฺร ธมฺมจริยายาติ ฐเปตฺวา ธมฺมจริยํ อญฺญํ กาตพฺพํ นตฺถิ, ทสกุสลกมฺมปถสงฺขาตา ธมฺมจริยาว กตฺตพฺพา, ภเนฺตติ – สมจริยาทีนิ ตเสฺสว เววจนานิฯ อาโรเจมีติ อาจิกฺขามิฯ ปฎิเวทยามีติ ชานาเปมิฯ อธิวตฺตตีติ อโชฺฌตฺถรติฯ หตฺถิยุทฺธานีติ นาฬาคิริสทิเส เหมกปฺปเน นาเค อภิรุยฺห ยุชฺฌิตพฺพยุทฺธานิฯ คตีติ นิปฺผตฺติฯ วิสโยติ โอกาโส, สมตฺถภาโว วาฯ น หิ สกฺกา เตหิ ชรามรณํ ปฎิพาหิตุํ ฯ มนฺติโน มหามตฺตาติ มนฺตสมฺปนฺนา มโหสธวิธุรปณฺฑิตาทิสทิสา มหาอมจฺจาฯ ภูมิคตนฺติ มหาโลหกุมฺภิโย ปูเรตฺวา ภูมิยํ ฐปิตํฯ เวหาสฎฺฐนฺติ จมฺมปสิพฺพเก ปูเรตฺวา ตุลาสงฺฆาฎาทีสุ ลเคฺคตฺวา เจว นิยฺยุหาทีสุ จ ปูเรตฺวา ฐปิตํฯ อุปลาเปตุนฺติ อญฺญมญฺญํ ภินฺทิตุํฯ ยถา เทฺว ชนา เอเกน มเคฺคน น คจฺฉนฺติ เอวํ กาตุํฯ

    Aññatra dhammacariyāyāti ṭhapetvā dhammacariyaṃ aññaṃ kātabbaṃ natthi, dasakusalakammapathasaṅkhātā dhammacariyāva kattabbā, bhanteti – samacariyādīni tasseva vevacanāni. Ārocemīti ācikkhāmi. Paṭivedayāmīti jānāpemi. Adhivattatīti ajjhottharati. Hatthiyuddhānīti nāḷāgirisadise hemakappane nāge abhiruyha yujjhitabbayuddhāni. Gatīti nipphatti. Visayoti okāso, samatthabhāvo vā. Na hi sakkā tehi jarāmaraṇaṃ paṭibāhituṃ . Mantino mahāmattāti mantasampannā mahosadhavidhurapaṇḍitādisadisā mahāamaccā. Bhūmigatanti mahālohakumbhiyo pūretvā bhūmiyaṃ ṭhapitaṃ. Vehāsaṭṭhanti cammapasibbake pūretvā tulāsaṅghāṭādīsu laggetvā ceva niyyuhādīsu ca pūretvā ṭhapitaṃ. Upalāpetunti aññamaññaṃ bhindituṃ. Yathā dve janā ekena maggena na gacchanti evaṃ kātuṃ.

    นภํ อาหจฺจาติ อากาสํ ปูเรตฺวาฯ เอวํ ชรา จ มจฺจุ จาติ อิธ เทฺวเยว ปพฺพตา คหิตา, ราโชวาเท ปน ‘‘ชรา อาคจฺฉติ สพฺพโยพฺพนํ วิลุมฺปมานา’’ติ เอวํ ชรา มรณํ พฺยาธิ วิปตฺตีติ จตฺตาโรเปเต อาคตาวฯ ตสฺมาติ ยสฺมา หตฺถิยุทฺธาทีหิ ชรามรณํ ชินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมาฯ สทฺธํ นิเวสเยติ สทฺธํ นิเวเสยฺย, ปติฎฺฐาเปยฺยาติฯ ปญฺจมํฯ

    Nabhaṃ āhaccāti ākāsaṃ pūretvā. Evaṃ jarā ca maccu cāti idha dveyeva pabbatā gahitā, rājovāde pana ‘‘jarā āgacchati sabbayobbanaṃ vilumpamānā’’ti evaṃ jarā maraṇaṃ byādhi vipattīti cattāropete āgatāva. Tasmāti yasmā hatthiyuddhādīhi jarāmaraṇaṃ jinituṃ na sakkā, tasmā. Saddhaṃ nivesayeti saddhaṃ niveseyya, patiṭṭhāpeyyāti. Pañcamaṃ.

    ตติโย วโคฺคฯ

    Tatiyo vaggo.

    อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา

    Iti sāratthappakāsiniyā

    สํยุตฺตนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Saṃyuttanikāya-aṭṭhakathāya

    โกสลสํยุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kosalasaṃyuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. ปพฺพตูปมสุตฺตํ • 5. Pabbatūpamasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. ปพฺพตูปมสุตฺตวณฺณนา • 5. Pabbatūpamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact