Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๙๕] ๕. ปพฺพตูปตฺถรชาตกวณฺณนา
[195] 5. Pabbatūpattharajātakavaṇṇanā
ปพฺพตูปตฺถเร รเมฺมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิฯ โกสลรโญฺญ กิร เอโก อมโจฺจ อเนฺตปุเร ปทุสฺสิฯ ราชาปิ ปริวีมํสมาโน ตํ ตถโต ญตฺวา ‘‘สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อมฺหากํ อเนฺตปุเร เอโก อมโจฺจ ปทุสฺสิ, ตสฺส กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ปุจฺฉิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘อุปการโก เต, มหาราช, โส จ อมโจฺจ สา จ อิตฺถี ปิยา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภเนฺต, อติวิย อุปการโก สกลํ ราชกุลํ สนฺธาเรติ, สาปิ เม อิตฺถี ปิยา’’ติ วุเตฺต ‘‘มหาราช, ‘อตฺตโน อุปการเกสุ เสวเกสุ ปิยาสุ จ อิตฺถีสุ ทุพฺภิตุํ น สกฺกา’ติ ปุเพฺพปิ ราชาโน ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา มชฺฌตฺตาว อเหสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Pabbatūpatthare rammeti idaṃ satthā jetavane viharanto kosalarājānaṃ ārabbha kathesi. Kosalarañño kira eko amacco antepure padussi. Rājāpi parivīmaṃsamāno taṃ tathato ñatvā ‘‘satthu ārocessāmī’’ti jetavanaṃ gantvā satthāraṃ vanditvā ‘‘bhante, amhākaṃ antepure eko amacco padussi, tassa kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti pucchi. Atha naṃ satthā ‘‘upakārako te, mahārāja, so ca amacco sā ca itthī piyā’’ti pucchitvā ‘‘āma, bhante, ativiya upakārako sakalaṃ rājakulaṃ sandhāreti, sāpi me itthī piyā’’ti vutte ‘‘mahārāja, ‘attano upakārakesu sevakesu piyāsu ca itthīsu dubbhituṃ na sakkā’ti pubbepi rājāno paṇḍitānaṃ kathaṃ sutvā majjhattāva ahesu’’nti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิฯ อถสฺส รโญฺญ เอโก อมโจฺจ อเนฺตปุเร ปทุสฺสิฯ ราชา นํ ตถโต ญตฺวา ‘‘อมโจฺจปิ เม พหูปกาโร, อยํ อิตฺถีปิ เม ปิยา, เทฺวปิ อิเม นาเสตุํ น สกฺกา , ปณฺฑิตามจฺจํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สเจ สหิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สหิสฺสามิ, โน เจ, น สหิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาสนํ ทตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ, มหาราช, วิสฺสเชฺชสฺสามี’’ติ วุเตฺต ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto amaccakule nibbattitvā vayappatto tassa atthadhammānusāsako ahosi. Athassa rañño eko amacco antepure padussi. Rājā naṃ tathato ñatvā ‘‘amaccopi me bahūpakāro, ayaṃ itthīpi me piyā, dvepi ime nāsetuṃ na sakkā , paṇḍitāmaccaṃ pañhaṃ pucchitvā sace sahitabbaṃ bhavissati, sahissāmi, no ce, na sahissāmī’’ti bodhisattaṃ pakkosāpetvā āsanaṃ datvā ‘‘paṇḍita, pañhaṃ pucchissāmī’’ti vatvā ‘‘pucchatha, mahārāja, vissajjessāmī’’ti vutte pañhaṃ pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๘๙.
89.
‘‘ปพฺพตูปตฺถเร รเมฺม, ชาตา โปกฺขรณี สิวา;
‘‘Pabbatūpatthare ramme, jātā pokkharaṇī sivā;
ตํ สิงฺคาโล อปาปายิ, ชานํ สีเหน รกฺขิต’’นฺติฯ
Taṃ siṅgālo apāpāyi, jānaṃ sīhena rakkhita’’nti.
ตตฺถ ปพฺพตูปตฺถเร รเมฺมติ หิมวนฺตปพฺพตปาเท ปตฺถริตฺวา ฐิเต องฺคณฎฺฐาเนติ อโตฺถฯ ชาตา โปกฺขรณี สิวาติ สิวา สีตลา มธุโรทกา โปกฺขรณี นิพฺพตฺตา, อปิจ โข โปกฺขรสญฺฉนฺนา นทีปิ โปกฺขรณีเยวฯ อปาปายีติ อป-อิติ อุปสโคฺค, อปายีติ อโตฺถฯ ชานํ สีเหน รกฺขิตนฺติ สา โปกฺขรณี สีหปริโภคา สีเหน รกฺขิตา, โสปิ นํ สิงฺคาโล ‘‘สีเหน รกฺขิตา อย’’นฺติ ชานโนฺตว อปายิฯ ตํ กิํ มญฺญติ, พาโล สิงฺคาโล สีหสฺส อภายิตฺวา ปิเวยฺย เอวรูปํ โปกฺขรณินฺติ อยเมตฺถาธิปฺปาโยฯ
Tattha pabbatūpatthare rammeti himavantapabbatapāde pattharitvā ṭhite aṅgaṇaṭṭhāneti attho. Jātā pokkharaṇī sivāti sivā sītalā madhurodakā pokkharaṇī nibbattā, apica kho pokkharasañchannā nadīpi pokkharaṇīyeva. Apāpāyīti apa-iti upasaggo, apāyīti attho. Jānaṃ sīhena rakkhitanti sā pokkharaṇī sīhaparibhogā sīhena rakkhitā, sopi naṃ siṅgālo ‘‘sīhena rakkhitā aya’’nti jānantova apāyi. Taṃ kiṃ maññati, bālo siṅgālo sīhassa abhāyitvā piveyya evarūpaṃ pokkharaṇinti ayametthādhippāyo.
โพธิสโตฺต ‘‘อทฺธา เอตสฺส อเนฺตปุเร เอโก อมโจฺจ ปทุโฎฺฐ ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Bodhisatto ‘‘addhā etassa antepure eko amacco paduṭṭho bhavissatī’’ti ñatvā dutiyaṃ gāthamāha –
๙๐.
90.
‘‘ปิวนฺติ เจ มหาราช, สาปทานิ มหานทิํ;
‘‘Pivanti ce mahārāja, sāpadāni mahānadiṃ;
น เตน อนที โหติ, ขมสฺสุ ยทิ เต ปิยา’’ติฯ
Na tena anadī hoti, khamassu yadi te piyā’’ti.
ตตฺถ สาปทานีติ น เกวลํ สิงฺคาโลว, อวเสสานิ สุนขปสทพิฬารมิคาทีนิ สพฺพสาปทานิ ตํ โปกฺขรสญฺฉนฺนตฺตา ‘‘โปกฺขรณี’’ติ ลทฺธนามํ นทิํ ปิวนฺติ เจฯ น เตน อนที โหตีติ นทิยญฺหิ ทฺวิปทจตุปฺปทาปิ อหิมจฺฉาปิ สเพฺพ ปิปาสิตา ปานียํ ปิวนฺติ, น สา เตน การเณน อนที นาม โหติ, นาปิ อุจฺฉิฎฺฐนทีฯ กสฺมา? สเพฺพสํ สาธารณตฺตาฯ ยถา นที เยน เกนจิ ปีตา น ทุสฺสติ, เอวํ อิตฺถีปิ กิเลสวเสน สามิกํ อติกฺกมิตฺวา อเญฺญน สทฺธิํ สํวาสํ คตา เนว อนิตฺถี โหติฯ กสฺมา? สเพฺพสํ สาธารณภาเวนฯ นาปิ อุจฺฉิฎฺฐิตฺถีฯ กสฺมา? โอทกนฺติกตาย สุทฺธภาเวนฯ ขมสฺสุ ยทิ เต ปิยาติ ยทิ ปน เต สา อิตฺถี ปิยา, โส จ อมโจฺจ พหูปกาโร, เตสํ อุภินฺนมฺปิ ขมสฺสุ มชฺฌตฺตภาเวน ติฎฺฐาหีติฯ
Tattha sāpadānīti na kevalaṃ siṅgālova, avasesāni sunakhapasadabiḷāramigādīni sabbasāpadāni taṃ pokkharasañchannattā ‘‘pokkharaṇī’’ti laddhanāmaṃ nadiṃ pivanti ce. Na tena anadī hotīti nadiyañhi dvipadacatuppadāpi ahimacchāpi sabbe pipāsitā pānīyaṃ pivanti, na sā tena kāraṇena anadī nāma hoti, nāpi ucchiṭṭhanadī. Kasmā? Sabbesaṃ sādhāraṇattā. Yathā nadī yena kenaci pītā na dussati, evaṃ itthīpi kilesavasena sāmikaṃ atikkamitvā aññena saddhiṃ saṃvāsaṃ gatā neva anitthī hoti. Kasmā? Sabbesaṃ sādhāraṇabhāvena. Nāpi ucchiṭṭhitthī. Kasmā? Odakantikatāya suddhabhāvena. Khamassu yadi te piyāti yadi pana te sā itthī piyā, so ca amacco bahūpakāro, tesaṃ ubhinnampi khamassu majjhattabhāvena tiṭṭhāhīti.
เอวํ มหาสโตฺต รโญฺญ โอวาทํ อทาสิฯ ราชา ตสฺส โอวาเท ฐตฺวา ‘‘ปุน เอวรูปํ ปาปกมฺมํ มา กริตฺถา’’ติ วตฺวา อุภินฺนมฺปิ ขมิฯ ตโต ปฎฺฐาย เต โอรมิํสุฯ ราชาปิ ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิฯ โกสลราชาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ ขมิตฺวา มชฺฌโตฺต อโหสิฯ
Evaṃ mahāsatto rañño ovādaṃ adāsi. Rājā tassa ovāde ṭhatvā ‘‘puna evarūpaṃ pāpakammaṃ mā karitthā’’ti vatvā ubhinnampi khami. Tato paṭṭhāya te oramiṃsu. Rājāpi dānādīni puññāni katvā jīvitapariyosāne saggapuraṃ pūresi. Kosalarājāpi imaṃ dhammadesanaṃ sutvā tesaṃ ubhinnampi khamitvā majjhatto ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosi’’nti.
ปพฺพตูปตฺถรชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Pabbatūpattharajātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๙๕. ปพฺพตูปตฺถรชาตกํ • 195. Pabbatūpattharajātakaṃ