Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๘. ปจลายมานสุตฺตํ
8. Pacalāyamānasuttaṃ
๖๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ภเคฺคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเยฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มคเธสุ กลฺลวาฬปุตฺตคาเม 1 ปจลายมาโน นิสิโนฺน โหติฯ อทฺทสา โข ภควา ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ มคเธสุ กลฺลวาฬปุตฺตคาเม ปจลายมานํ นิสินฺนํฯ ทิสฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมวํ – ภเคฺคสุ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย อนฺตรหิโต มคเธสุ กลฺลวาฬปุตฺตคาเม อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ –
61. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā bhaggesu viharati susumāragire bhesakaḷāvane migadāye. Tena kho pana samayena āyasmā mahāmoggallāno magadhesu kallavāḷaputtagāme 2 pacalāyamāno nisinno hoti. Addasā kho bhagavā dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ magadhesu kallavāḷaputtagāme pacalāyamānaṃ nisinnaṃ. Disvā – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evamevaṃ – bhaggesu susumāragire bhesakaḷāvane migadāye antarahito magadhesu kallavāḷaputtagāme āyasmato mahāmoggallānassa sammukhe pāturahosi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Nisajja kho bhagavā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ etadavoca –
‘‘ปจลายสิ โน ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ปจลายสิ โน ตฺวํ, โมคฺคลฺลานา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ ฯ ‘‘ตสฺมาติห, โมคฺคลฺลาน, ยถาสญฺญิสฺส เต วิหรโต ตํ มิทฺธํ โอกฺกมติ, ตํ สญฺญํ มา มนสากาสิ 3, ตํ สญฺญํ มา พหุลมกาสิ 4ฯ ฐานํ โข ปเนตํ, โมคฺคลฺลาน, วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ’’ฯ
‘‘Pacalāyasi no tvaṃ, moggallāna, pacalāyasi no tvaṃ, moggallānā’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’ . ‘‘Tasmātiha, moggallāna, yathāsaññissa te viharato taṃ middhaṃ okkamati, taṃ saññaṃ mā manasākāsi 5, taṃ saññaṃ mā bahulamakāsi 6. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, moggallāna, vijjati yaṃ te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha’’.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตเกฺกยฺยาสิ อนุวิจาเรยฺยาสิ, มนสา อนุเปเกฺขยฺยาสิฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถฯ
‘‘No ce te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha, tato tvaṃ, moggallāna, yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ cetasā anuvitakkeyyāsi anuvicāreyyāsi, manasā anupekkheyyāsi. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati yaṃ te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กเรยฺยาสิฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถฯ
‘‘No ce te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha, tato tvaṃ, moggallāna, yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena sajjhāyaṃ kareyyāsi. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati yaṃ te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, อุโภ กณฺณโสตานิ อาวิเญฺฉยฺยาสิ 7, ปาณินา คตฺตานิ อนุมเชฺชยฺยาสิฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถฯ
‘‘No ce te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha, tato tvaṃ, moggallāna, ubho kaṇṇasotāni āviñcheyyāsi 8, pāṇinā gattāni anumajjeyyāsi. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati yaṃ te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, อุฎฺฐายาสนา อุทเกน อกฺขีนิ อนุมชฺชิตฺวา 9 ทิสา อนุวิโลเกยฺยาสิ , นกฺขตฺตานิ ตารกรูปานิ อุโลฺลเกยฺยาสิฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถฯ
‘‘No ce te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha, tato tvaṃ, moggallāna, uṭṭhāyāsanā udakena akkhīni anumajjitvā 10 disā anuvilokeyyāsi , nakkhattāni tārakarūpāni ullokeyyāsi. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati yaṃ te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, อาโลกสญฺญํ มนสิ กเรยฺยาสิ, ทิวาสญฺญํ อธิฎฺฐเหยฺยาสิ – ยถา ทิวา ตถา รตฺติํ ยถา รตฺติํ ตถา ทิวาฯ อิติ วิวเฎน 11 เจตสา อปริโยนเทฺธน สปฺปภาสํ จิตฺตํ ภาเวยฺยาสิฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถฯ
‘‘No ce te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha, tato tvaṃ, moggallāna, ālokasaññaṃ manasi kareyyāsi, divāsaññaṃ adhiṭṭhaheyyāsi – yathā divā tathā rattiṃ yathā rattiṃ tathā divā. Iti vivaṭena 12 cetasā apariyonaddhena sappabhāsaṃ cittaṃ bhāveyyāsi. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati yaṃ te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ปจฺฉาปุเรสญฺญี 13 จงฺกมํ อธิฎฺฐเหยฺยาสิ อโนฺตคเตหิ อินฺทฺริเยหิ อพหิคเตน มานเสนฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถฯ
‘‘No ce te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha, tato tvaṃ, moggallāna, pacchāpuresaññī 14 caṅkamaṃ adhiṭṭhaheyyāsi antogatehi indriyehi abahigatena mānasena. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati yaṃ te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha.
‘‘โน เจ เต เอวํ วิหรโต ตํ มิทฺธํ ปหีเยถ, ตโต ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปยฺยาสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิ กริตฺวาฯ ปฎิพุเทฺธน จ 15 เต, โมคฺคลฺลาน, ขิปฺปเญฺญว ปจฺจุฎฺฐาตพฺพํ – ‘น เสยฺยสุขํ น ปสฺสสุขํ น มิทฺธสุขํ อนุยุโตฺต วิหริสฺสามี’ติฯ เอวญฺหิ เต, โมคฺคลฺลาน, สิกฺขิตพฺพํฯ
‘‘No ce te evaṃ viharato taṃ middhaṃ pahīyetha, tato tvaṃ, moggallāna, dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappeyyāsi pāde pādaṃ accādhāya sato sampajāno uṭṭhānasaññaṃ manasi karitvā. Paṭibuddhena ca 16 te, moggallāna, khippaññeva paccuṭṭhātabbaṃ – ‘na seyyasukhaṃ na passasukhaṃ na middhasukhaṃ anuyutto viharissāmī’ti. Evañhi te, moggallāna, sikkhitabbaṃ.
‘‘ตสฺมาติห, โมคฺคลฺลาน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น อุจฺจาโสณฺฑํ ปคฺคเหตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมิสฺสามี’ติฯ เอวญฺหิ เต, โมคฺคลฺลาน, สิกฺขิตพฺพํฯ สเจ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ อุจฺจาโสณฺฑํ ปคฺคเหตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมติ, สนฺติ หิ, โมคฺคลฺลาน, กุเลสุ กิจฺจกรณียานิฯ เยหิ มนุสฺสา อาคตํ ภิกฺขุํ น มนสิ กโรนฺติ, ตตฺร ภิกฺขุสฺส เอวํ โหติ – ‘โกสุ นาม อิทานิ มํ อิมสฺมิํ กุเล ปริภินฺทิ, วิรตฺตรูปา ทานิเม มยิ มนุสฺสา’ติฯ อิติสฺส อลาเภน มงฺกุภาโว, มงฺกุภูตสฺส อุทฺธจฺจํ, อุทฺธตสฺส อสํวโร, อสํวุตสฺส อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหาฯ
‘‘Tasmātiha, moggallāna, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘na uccāsoṇḍaṃ paggahetvā kulāni upasaṅkamissāmī’ti. Evañhi te, moggallāna, sikkhitabbaṃ. Sace, moggallāna, bhikkhu uccāsoṇḍaṃ paggahetvā kulāni upasaṅkamati, santi hi, moggallāna, kulesu kiccakaraṇīyāni. Yehi manussā āgataṃ bhikkhuṃ na manasi karonti, tatra bhikkhussa evaṃ hoti – ‘kosu nāma idāni maṃ imasmiṃ kule paribhindi, virattarūpā dānime mayi manussā’ti. Itissa alābhena maṅkubhāvo, maṅkubhūtassa uddhaccaṃ, uddhatassa asaṃvaro, asaṃvutassa ārā cittaṃ samādhimhā.
‘‘ตสฺมาติห, โมคฺคลฺลาน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น วิคฺคาหิกกถํ กเถสฺสามี’ติฯ เอวญฺหิ เต, โมคฺคลฺลาน, สิกฺขิตพฺพํฯ วิคฺคาหิกาย, โมคฺคลฺลาน, กถาย สติ กถาพาหุลฺลํ ปาฎิกงฺขํ, กถาพาหุเลฺล สติ อุทฺธจฺจํ, อุทฺธตสฺส อสํวโร, อสํวุตสฺส อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหา 17ฯ นาหํ, โมคฺคลฺลาน, สเพฺพเหว สํสคฺคํ วณฺณยามิฯ น ปนาหํ , โมคฺคลฺลาน, สเพฺพเหว สํสคฺคํ น วณฺณยามิฯ สคหฎฺฐปพฺพชิเตหิ โข อหํ, โมคฺคลฺลาน, สํสคฺคํ น วณฺณยามิ 18ฯ ยานิ จ โข ตานิ เสนาสนานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิโคฺฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกานิ 19 ปฎิสลฺลานสารุปฺปานิ ตถารูเปหิ เสนาสเนหิ สํสคฺคํ 20 วณฺณยามี’’ติฯ
‘‘Tasmātiha, moggallāna, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘na viggāhikakathaṃ kathessāmī’ti. Evañhi te, moggallāna, sikkhitabbaṃ. Viggāhikāya, moggallāna, kathāya sati kathābāhullaṃ pāṭikaṅkhaṃ, kathābāhulle sati uddhaccaṃ, uddhatassa asaṃvaro, asaṃvutassa ārā cittaṃ samādhimhā 21. Nāhaṃ, moggallāna, sabbeheva saṃsaggaṃ vaṇṇayāmi. Na panāhaṃ , moggallāna, sabbeheva saṃsaggaṃ na vaṇṇayāmi. Sagahaṭṭhapabbajitehi kho ahaṃ, moggallāna, saṃsaggaṃ na vaṇṇayāmi 22. Yāni ca kho tāni senāsanāni appasaddāni appanigghosāni vijanavātāni manussarāhasseyyakāni 23 paṭisallānasāruppāni tathārūpehi senāsanehi saṃsaggaṃ 24 vaṇṇayāmī’’ti.
เอวํ วุเตฺต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, ภิกฺขุ สํขิเตฺตน ตณฺหาสงฺขยวิมุโตฺต โหติ อจฺจนฺตนิโฎฺฐ อจฺจนฺตโยคเกฺขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสโฎฺฐ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ?
Evaṃ vutte āyasmā mahāmoggallāno bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kittāvatā nu kho, bhante, bhikkhu saṃkhittena taṇhāsaṅkhayavimutto hoti accantaniṭṭho accantayogakkhemī accantabrahmacārī accantapariyosāno seṭṭho devamanussāna’’nti?
‘‘อิธ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ – ‘สเพฺพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ; เอวเญฺจตํ, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ – ‘สเพฺพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติฯ โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ อภิญฺญาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติฯ สพฺพํ ธมฺมํ ปริญฺญาย ยํกิญฺจิ เวทนํ เวทิยติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วาฯ โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี วิหรติ, นิโรธานุปสฺสี วิหรติ, ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรติฯ โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรโนฺต วิราคานุปสฺสี วิหรโนฺต นิโรธานุปสฺสี วิหรโนฺต ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรโนฺต น กิญฺจิ 25 โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายติฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติฯ เอตฺตาวตา โข, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ สํขิเตฺตน ตณฺหาสงฺขยวิมุโตฺต โหติ อจฺจนฺตนิโฎฺฐ อจฺจนฺตโยคเกฺขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสโฎฺฐ เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ อฎฺฐมํฯ
‘‘Idha, moggallāna, bhikkhuno sutaṃ hoti – ‘sabbe dhammā nālaṃ abhinivesāyā’ti; evañcetaṃ, moggallāna, bhikkhuno sutaṃ hoti – ‘sabbe dhammā nālaṃ abhinivesāyā’ti. So sabbaṃ dhammaṃ abhijānāti, sabbaṃ dhammaṃ abhiññāya sabbaṃ dhammaṃ parijānāti. Sabbaṃ dhammaṃ pariññāya yaṃkiñci vedanaṃ vediyati sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā. So tāsu vedanāsu aniccānupassī viharati, virāgānupassī viharati, nirodhānupassī viharati, paṭinissaggānupassī viharati. So tāsu vedanāsu aniccānupassī viharanto virāgānupassī viharanto nirodhānupassī viharanto paṭinissaggānupassī viharanto na kiñci 26 loke upādiyati, anupādiyaṃ na paritassati, aparitassaṃ paccattaṃyeva parinibbāyati. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāti. Ettāvatā kho, moggallāna, bhikkhu saṃkhittena taṇhāsaṅkhayavimutto hoti accantaniṭṭho accantayogakkhemī accantabrahmacārī accantapariyosāno seṭṭho devamanussāna’’nti. Aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ปจลายมานสุตฺตวณฺณนา • 8. Pacalāyamānasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. ปจลายมานสุตฺตวณฺณนา • 8. Pacalāyamānasuttavaṇṇanā