Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา
Paccakkhānavibhaṅgavaṇṇanā
ทุพฺพเลฺย อาวิกเตติ ยํนูนาหํ พุทฺธํ ปจฺจเกฺขยฺยนฺติอาทินา ทุพฺพลภาเว ปกาสิเตฯ มุขารุฬฺหตาติ โลกชนานํ สตฺตฎฺฐาติอาทีสุ มุขารุฬฺหญาเยนาติ อธิปฺปาโยฯ ทิรตฺตติรตฺตนฺติ (ปาจิ. ๕๒) เอตฺถ ยถา อนฺตรนฺตรา สหเสยฺยาวเสน ติรตฺตํ อคฺคเหตฺวา นิรนฺตรเมว ติโสฺส รตฺติโย อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ สหเสยฺยาย อรุณุฎฺฐาปนวเสน ติรตฺตคฺคหณตฺถํ ‘‘ทิรตฺตติรตฺต’’นฺติ อพฺยวธาเนน วุตฺตนฺติ ทิรตฺตคฺคหณสฺส ปโยชนมฺปิ สกฺกา คเหตุํ, เอวมิธาปิ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ อิมสฺสาปิ คหณสฺส ปโยชนมเตฺถวาติ ทเสฺสตุํ ยสฺมา วา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺสาติอาทิ วุตฺตํฯ
Dubbalyeāvikateti yaṃnūnāhaṃ buddhaṃ paccakkheyyantiādinā dubbalabhāve pakāsite. Mukhāruḷhatāti lokajanānaṃ sattaṭṭhātiādīsu mukhāruḷhañāyenāti adhippāyo. Dirattatirattanti (pāci. 52) ettha yathā antarantarā sahaseyyāvasena tirattaṃ aggahetvā nirantarameva tisso rattiyo anupasampannena saddhiṃ sahaseyyāya aruṇuṭṭhāpanavasena tirattaggahaṇatthaṃ ‘‘dirattatiratta’’nti abyavadhānena vuttanti dirattaggahaṇassa payojanampi sakkā gahetuṃ, evamidhāpi dubbalyaṃ anāvikatvāti imassāpi gahaṇassa payojanamatthevāti dassetuṃ yasmā vā sikkhāpaccakkhānassātiādi vuttaṃ.
อิทานิ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ อิมสฺส ปุริมปทเสฺสว วิวรณภาวํ วินาปิ วิสุํ อตฺถสพฺภาวํ ทเสฺสตุํ อปิจาติอาทิ วุตฺตํฯ วิเสสาวิเสสนฺติ เอตฺถ เยน วาเกฺยน ทุพฺพลฺยาวิกมฺมเมว โหติ, น สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตตฺถ สิกฺขาปจฺจกฺขานทุพฺพลฺยาวิกมฺมานํ อญฺญมญฺญํ วิเสโส โหติฯ เยน ปน วจเนน ตทุภยมฺปิ โหติ, ตตฺถ เนวตฺถิ วิเสโส อวิเสโสปิ, ตํ วิเสสาวิเสสํฯ ‘‘กฐ กิจฺฉชีวเน’’ติ ธาตูสุ ปฐิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘กิจฺฉชีวิกปฺปโตฺต’’ติฯ อุกฺกณฺฐนญฺหิ อุกฺกณฺฐา, ตํ อิโต คโตติ อุกฺกณฺฐิโต, กิจฺฉชีวิกํ ปโตฺตติ อโตฺถฯ อุทฺธํ คโต กโณฺฐ เอติสฺสาติ อุกฺกณฺฐา, อนภิรติยา วเช นิรุทฺธโคคโณ วิย คมนมคฺคํ คเวสโนฺต ปุคฺคโล อุกฺกโณฺฐ โหติ, ตํ อุกฺกณฺฐํฯ อนภิรติํ อิโตติปิ อุกฺกณฺฐิโตติ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘อุทฺธํ กณฺฐํ กตฺวา วิหรมาโน’’ติฯ สา จ อุกฺกณฺฐตา วิเกฺขเปเนวาติ วิกฺขิโตฺตติอาทิ วุตฺตํฯ
Idāni dubbalyaṃ anāvikatvāti imassa purimapadasseva vivaraṇabhāvaṃ vināpi visuṃ atthasabbhāvaṃ dassetuṃ apicātiādi vuttaṃ. Visesāvisesanti ettha yena vākyena dubbalyāvikammameva hoti, na sikkhāpaccakkhānaṃ, tattha sikkhāpaccakkhānadubbalyāvikammānaṃ aññamaññaṃ viseso hoti. Yena pana vacanena tadubhayampi hoti, tattha nevatthi viseso avisesopi, taṃ visesāvisesaṃ. ‘‘Kaṭha kicchajīvane’’ti dhātūsu paṭhitattā vuttaṃ ‘‘kicchajīvikappatto’’ti. Ukkaṇṭhanañhi ukkaṇṭhā, taṃ ito gatoti ukkaṇṭhito, kicchajīvikaṃ pattoti attho. Uddhaṃ gato kaṇṭho etissāti ukkaṇṭhā, anabhiratiyā vaje niruddhagogaṇo viya gamanamaggaṃ gavesanto puggalo ukkaṇṭho hoti, taṃ ukkaṇṭhaṃ. Anabhiratiṃ itotipi ukkaṇṭhitoti atthaṃ dassento āha – ‘‘uddhaṃ kaṇṭhaṃ katvā viharamāno’’ti. Sā ca ukkaṇṭhatā vikkhepenevāti vikkhittotiādi vuttaṃ.
สมณภาวโตติ อุปสมฺปทโตฯ ภาววิกปฺปากาเรนาติ ภิกฺขุภาวโต จวิตฺวา ยํ ยํ คิหิอาทิภาวํ ปตฺตุกาโม ‘‘อหํ อสฺส’’นฺติ อตฺตโน ภวนํ วิกเปฺปติ, เตน เตน คิหิอาทิอากาเรน, อตฺตโน ภวนสฺส วิกปฺปนากาเรนาติ อธิปฺปาโยฯ
Samaṇabhāvatoti upasampadato. Bhāvavikappākārenāti bhikkhubhāvato cavitvā yaṃ yaṃ gihiādibhāvaṃ pattukāmo ‘‘ahaṃ assa’’nti attano bhavanaṃ vikappeti, tena tena gihiādiākārena, attano bhavanassa vikappanākārenāti adhippāyo.
๔๖. ปาฬิยํ ยทิ ปนาหนฺติ อหํ ยทิ พุทฺธํ ปจฺจเกฺขยฺยํ, สาธุ วตสฺสาติ อโตฺถฯ อปาหํ, หนฺทาหนฺติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ คเหตโพฺพฯ ‘‘โหติ เม พุทฺธํ ปจฺจเกฺขยฺย’’นฺติ มม จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ วทติฯ
46.Pāḷiyaṃyadi panāhanti ahaṃ yadi buddhaṃ paccakkheyyaṃ, sādhu vatassāti attho. Apāhaṃ, handāhanti etthāpi vuttanayeneva attho gahetabbo. ‘‘Hoti me buddhaṃ paccakkheyya’’nti mama cittaṃ uppajjatīti vadati.
๕๐. น รมามีติ ปพฺพชฺชาย ทุกฺขพหุลตาย สุขาภาวํ ทเสฺสติฯ นาภิรมามีติ ปพฺพชฺชาย วิชฺชมาเนปิ อนวชฺชสุเข อตฺตโน อภิรติอภาวํ ทเสฺสติฯ
50.Naramāmīti pabbajjāya dukkhabahulatāya sukhābhāvaṃ dasseti. Nābhiramāmīti pabbajjāya vijjamānepi anavajjasukhe attano abhiratiabhāvaṃ dasseti.
๕๑. เตเนว วจีเภเทนาติ วจีเภทํ กตฺวาปิ อเญฺญน กายปฺปโยเคน วิญฺญาปนํ นิวเตฺตติฯ อยํ สาสนํ ชหิตุกาโมติอาทินา ภาสาโกสลฺลาภาเวน สพฺพโส ปทตฺถาวโพธาภาเวปิ ‘‘อยํ อตฺตโน ปพฺพชิตภาวํ ชหิตุกาโม อิมํ วากฺยเภทํ กโรตี’’ติ เอตฺตกํ อธิเปฺปตตฺถมตฺตํ เจปิ โส ตาว ชานาติ, ปจฺจกฺขานเมว โหตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘เอตฺตกมตฺตมฺปิ ชานาตี’’ติฯ ปทปจฺฉาภฎฺฐนฺติ ปทปราวตฺติ, มาคธภาสโต อวสิฎฺฐา สพฺพาปิ ภาสา ‘‘มิลกฺขภาสา’’ติ เวทิตพฺพาฯ เขตฺตเมว โอติณฺณนฺติ สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส รุหนฎฺฐานภูตํ เขตฺตเมว โอติณฺณํฯ
51.Teneva vacībhedenāti vacībhedaṃ katvāpi aññena kāyappayogena viññāpanaṃ nivatteti. Ayaṃ sāsanaṃ jahitukāmotiādinā bhāsākosallābhāvena sabbaso padatthāvabodhābhāvepi ‘‘ayaṃ attano pabbajitabhāvaṃ jahitukāmo imaṃ vākyabhedaṃ karotī’’ti ettakaṃ adhippetatthamattaṃ cepi so tāva jānāti, paccakkhānameva hotīti dasseti. Tenāha ‘‘ettakamattampi jānātī’’ti. Padapacchābhaṭṭhanti padaparāvatti, māgadhabhāsato avasiṭṭhā sabbāpi bhāsā ‘‘milakkhabhāsā’’ti veditabbā. Khettameva otiṇṇanti sikkhāpaccakkhānassa ruhanaṭṭhānabhūtaṃ khettameva otiṇṇaṃ.
ทูตนฺติ มุขสาสนํฯ สาสนนฺติ ปณฺณสาสนํ, ภิตฺติถมฺภาทีสุ อกฺขรํ วา ฉินฺทิตฺวา ทเสฺสติฯ ปจฺจกฺขาตุกามตาจิเตฺต ธรเนฺตเยว วจีเภทสมุปฺปตฺติํ สนฺธาย ‘‘จิตฺตสมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, จิตฺตสมุฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ นิยมิตานิยมิตวเสน วิชานนเภทํ ทเสฺสตุมาห ยทิ อยเมว ชานาตูติอาทิฯ อยญฺจ วิภาโค วทติ วิญฺญาเปตีติ เอตฺถ ยสฺส วทติ, ตเสฺสว วิชานนํ อธิเปฺปตนฺติ อิมินา วุตฺตนเยน ลโทฺธติ ทฎฺฐพฺพํ, น เหตฺถ เอกสฺส วทติ อญฺญสฺส วิญฺญาเปตีติ อยมโตฺถ สมฺภวติฯ ‘‘เตสุ เอกสฺมิํ ชานเนฺตปี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เทฺวเยว ชานนฺตุ เอโก มา ชานาตู’’ติ เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ นิยเมตฺวา อาโรจิเตปิ เตสุ เอกสฺมิมฺปิ ชานเนฺต ปจฺจกฺขานํ โหติเยวาติ คเหตพฺพํฯ ปริสงฺกมาโนติ ‘‘วาเรสฺสนฺตี’’ติ อาสงฺกมาโนฯ สมยญฺญูติ สาสนสเงฺกตญฺญู, อิธ ปน อธิปฺปายมตฺตชานเนนาปิ สมยญฺญู นาม โหติ, เตนาห อุกฺกณฺฐิโตติอาทิฯ ตสฺมา พุทฺธํ ปจฺจกฺขามีติอาทิเขตฺตปทานํ สพฺพโส อตฺถํ ญตฺวาปิ สเจ ‘‘ภิกฺขุภาวโต จวิตุกามตาย เอส วทตี’’ติ อธิปฺปายํ น ชานาติ, อปฺปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขาฯ อตฺถํ ปน อชานิตฺวาปิ ‘‘อุกฺกณฺฐิโต วทตี’’ติ ตํ ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขาฯ โสตวิญฺญาณวีถิยา สทฺทมตฺตคฺคหณเมว, อตฺถคฺคหณํ ปน มโนวิญฺญาณวีถิปรมฺปรายาติ อาห ตงฺขณเญฺญวาติอาทิฯ
Dūtanti mukhasāsanaṃ. Sāsananti paṇṇasāsanaṃ, bhittithambhādīsu akkharaṃ vā chinditvā dasseti. Paccakkhātukāmatācitte dharanteyeva vacībhedasamuppattiṃ sandhāya ‘‘cittasampayutta’’nti vuttaṃ, cittasamuṭṭhānanti attho. Niyamitāniyamitavasena vijānanabhedaṃ dassetumāha yadi ayameva jānātūtiādi. Ayañca vibhāgo vadati viññāpetīti ettha yassa vadati, tasseva vijānanaṃ adhippetanti iminā vuttanayena laddhoti daṭṭhabbaṃ, na hettha ekassa vadati aññassa viññāpetīti ayamattho sambhavati. ‘‘Tesu ekasmiṃ jānantepī’’ti vuttattā ‘‘dveyeva jānantu eko mā jānātū’’ti evaṃ dvinnampi janānaṃ niyametvā ārocitepi tesu ekasmimpi jānante paccakkhānaṃ hotiyevāti gahetabbaṃ. Parisaṅkamānoti ‘‘vāressantī’’ti āsaṅkamāno. Samayaññūti sāsanasaṅketaññū, idha pana adhippāyamattajānanenāpi samayaññū nāma hoti, tenāha ukkaṇṭhitotiādi. Tasmā buddhaṃ paccakkhāmītiādikhettapadānaṃ sabbaso atthaṃ ñatvāpi sace ‘‘bhikkhubhāvato cavitukāmatāya esa vadatī’’ti adhippāyaṃ na jānāti, appaccakkhātāva hoti sikkhā. Atthaṃ pana ajānitvāpi ‘‘ukkaṇṭhito vadatī’’ti taṃ jānāti, paccakkhātāva hoti sikkhā. Sotaviññāṇavīthiyā saddamattaggahaṇameva, atthaggahaṇaṃ pana manoviññāṇavīthiparamparāyāti āha taṅkhaṇaññevātiādi.
๕๓. วณฺณปฎฺฐานนฺติ สตฺถุคุณวณฺณปฺปกาสกํ ปกรณํฯ อุปาลิคาถาสูติ อุปาลิสุเตฺต อุปาลิคหปตินา ธีรสฺส วิคตโมหสฺสาติอาทินา วุตฺตคาถาสุฯ ยถารุตนฺติ ปาฬิยํ วุตฺตเมวาติ อโตฺถฯ อนนฺตพุทฺธีติอาทีนิ วณฺณปฎฺฐาเน อาคตนามานิฯ ธีรนฺติอาทีนิ (ม. นิ. ๒.๗๖) ปน อุปาลิคาถาสุฯ ตตฺถ โพธิ วุจฺจติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, สา ชานนเหตุตฺตา ปญฺญาณํ เอตสฺสาติ โพธิปญฺญาโณฯ สฺวากฺขาตํ ธมฺมนฺติอาทีสุ ธมฺม-สโทฺท สฺวากฺขาตาทิปทานํ ธมฺมเววจนภาวํ ทเสฺสตุํ วุโตฺตฯ ตสฺมา สฺวากฺขาตํ ปจฺจกฺขามีติอาทินา วุเตฺตเยว เววจเนน ปจฺจกฺขานํ นาม โหติฯ ธมฺม-สเทฺทน สห โยเชตฺวา วุเตฺต ปน ยถารุตวเสน ปจฺจกฺขานนฺติ เวทิตพฺพํฯ สุปฺปฎิปนฺนํ สงฺฆนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ กุสลํ ธมฺมนฺติอาทีนิปิ กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมาติอาทิธมฺมเมว (ธ. ส. ติกมาติกา ๑) สนฺธาย วุตฺตนามานิ, อิตรถา อกุสลธมฺมปจฺจกฺขาเน โทสาภาวปฺปสงฺคโตติ, เตนาห จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหเสฺสสูติอาทิฯ ปฐมปาราชิกนฺติอาทินา สิกฺขาปทานํเยว คหณํ เวทิตพฺพํ, น อาปตฺตีนํฯ
53.Vaṇṇapaṭṭhānanti satthuguṇavaṇṇappakāsakaṃ pakaraṇaṃ. Upāligāthāsūti upālisutte upāligahapatinā dhīrassa vigatamohassātiādinā vuttagāthāsu. Yathārutanti pāḷiyaṃ vuttamevāti attho. Anantabuddhītiādīni vaṇṇapaṭṭhāne āgatanāmāni. Dhīrantiādīni (ma. ni. 2.76) pana upāligāthāsu. Tattha bodhi vuccati sabbaññutaññāṇaṃ, sā jānanahetuttā paññāṇaṃ etassāti bodhipaññāṇo. Svākkhātaṃ dhammantiādīsu dhamma-saddo svākkhātādipadānaṃ dhammavevacanabhāvaṃ dassetuṃ vutto. Tasmā svākkhātaṃ paccakkhāmītiādinā vutteyeva vevacanena paccakkhānaṃ nāma hoti. Dhamma-saddena saha yojetvā vutte pana yathārutavasena paccakkhānanti veditabbaṃ. Suppaṭipannaṃ saṅghantiādīsupi eseva nayo. Kusalaṃ dhammantiādīnipi kusalā dhammā akusalā dhammātiādidhammameva (dha. sa. tikamātikā 1) sandhāya vuttanāmāni, itarathā akusaladhammapaccakkhāne dosābhāvappasaṅgatoti, tenāha caturāsītidhammakkhandhasahassesūtiādi. Paṭhamapārājikantiādinā sikkhāpadānaṃyeva gahaṇaṃ veditabbaṃ, na āpattīnaṃ.
ยสฺส มูเลนาติ ยสฺส สนฺติเกฯ อาจริยเววจเนสุ โย อุปชฺฌํ อทตฺวา อาจริโยว หุตฺวา ปพฺพาเชสิ, ตํ สนฺธาย ‘‘โย มํ ปพฺพาเชสี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺส มูเลนาติ ตสฺส สนฺติเกฯ โอกลฺลโกติ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขาตุรานํ กิสลูขสรีรเวสานํ คหฎฺฐมนุสฺสานํ อธิวจนํฯ โมฬิพโทฺธติ พทฺธเกสกลาโป คหโฎฺฐฯ กุมารโกติ กุมาราวโตฺถ อติวิย ทหโร สามเณโรฯ เจลฺลโกติ ตโต กิญฺจิ มหโนฺตฯ เจฎโกติ มชฺฌิโมฯ โมฬิคโลฺลติ มหาสามเณโรฯ สมณุเทฺทโสติ อวิเสสโต สามเณราธิวจนํฯ อสุจิสงฺกสฺสรสมาจาโรติ อสุจิ หุตฺวา ‘‘มยา กตํ ปเร ชานนฺติ นุ โข, น นุ โข’’ติ อตฺตนา, ‘‘อสุเกน นุ โข อิทํ กต’’นฺติ ปเรหิ จ สงฺกาย สริตเพฺพน อนุสฺสริตเพฺพน สมาจาเรน ยุโตฺตฯ สญฺชาตราคาทิกจวรตฺตา กสมฺพุชาโตฯ โกโณฺฐติ ทุสฺสีลาธิวจนเมตํฯ
Yassa mūlenāti yassa santike. Ācariyavevacanesu yo upajjhaṃ adatvā ācariyova hutvā pabbājesi, taṃ sandhāya ‘‘yo maṃ pabbājesī’’ti vuttaṃ. Tassa mūlenāti tassa santike. Okallakoti khuppipāsādidukkhāturānaṃ kisalūkhasarīravesānaṃ gahaṭṭhamanussānaṃ adhivacanaṃ. Moḷibaddhoti baddhakesakalāpo gahaṭṭho. Kumārakoti kumārāvattho ativiya daharo sāmaṇero. Cellakoti tato kiñci mahanto. Ceṭakoti majjhimo. Moḷigalloti mahāsāmaṇero. Samaṇuddesoti avisesato sāmaṇerādhivacanaṃ. Asucisaṅkassarasamācāroti asuci hutvā ‘‘mayā kataṃ pare jānanti nu kho, na nu kho’’ti attanā, ‘‘asukena nu kho idaṃ kata’’nti parehi ca saṅkāya saritabbena anussaritabbena samācārena yutto. Sañjātarāgādikacavarattā kasambujāto. Koṇṭhoti dussīlādhivacanametaṃ.
๕๔. ติเหตุกปฎิสนฺธิกาติ อติขิปฺปํ ชานนสมเตฺถ สนฺธาย วุตฺตํ, น ทุเหตุกานํ ตตฺถ อสมฺภวโตฯ สภาคสฺสาติ ปุริสสฺสฯ วิสภาคสฺสาติ มาตุคามสฺสฯ โปตฺถกรูปสทิสสฺสาติ มตฺติกาทีหิ กตรูปสทิสสฺส ฯ ครุเมธสฺสาติ อารมฺมเณสุ ลหุปฺปวตฺติยา อภาวโต ทนฺธคติกตาย ครุปญฺญสฺส, มนฺทปญฺญสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ
54.Tihetukapaṭisandhikāti atikhippaṃ jānanasamatthe sandhāya vuttaṃ, na duhetukānaṃ tattha asambhavato. Sabhāgassāti purisassa. Visabhāgassāti mātugāmassa. Potthakarūpasadisassāti mattikādīhi katarūpasadisassa . Garumedhassāti ārammaṇesu lahuppavattiyā abhāvato dandhagatikatāya garupaññassa, mandapaññassāti vuttaṃ hoti.
อิทาเนตฺถ สิกฺขาปจฺจกฺขานวารสฺส ปาฬิยํ อฎฺฐกถายญฺจ วุตฺตนยานํ สมฺปิณฺฑนตฺถวเสน เอวํ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ – ตตฺถ หิ สามญฺญา จวิตุกาโมติอาทีหิ ปเทหิ จิตฺตนิยมํ ทเสฺสติฯ พุทฺธนฺติอาทีหิ ปเทหิ เขตฺตนิยมํ, ปจฺจกฺขามิ ธาเรตีติ เอเตน กาลนิยมํ, วทตีติ อิมินา ปโยคนิยมํ, อลํ เม พุเทฺธน, กิํ นุ เม, น มมโตฺถ, สุมุตฺตาหนฺติอาทีหิ อนามฎฺฐกาลวเสนปิ ปจฺจกฺขานํ โหตีติ ทเสฺสติ, วิญฺญาเปตีติ อิมินา วิชานนนิยมํ, อุมฺมตฺตโก สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ อุมฺมตฺตกสฺส สนฺติเกติอาทีหิ ปุคฺคลนิยมํ, โส จ นปฺปฎิวิชานาตีติอาทีหิ วิชานนนิยมาภาเวน ปจฺจกฺขานาภาวํ ทเสฺสติ, ทวายาติอาทีหิ จิตฺตนิยมาภาเวน, สาเวตุกาโม น สาเวตีติ อิมินา ปโยคนิยมาภาเวน, อวิญฺญุสฺส สาเวติ วิญฺญุสฺส น สาเวตีติ เอเตหิ ยํ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส สาเวติ, ตเสฺสว สวเน สีสํ เอติ, นาญฺญสฺสาติฯ สพฺพโส วา ปน น สาเวติ อปฺปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขาติ อิทํ ปน จิตฺตาทินิยเมเนว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, น อญฺญถาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตสฺมา จิตฺตเขตฺตกาลปโยคปุคฺคลวิชานนวเสน สิกฺขาย ปจฺจกฺขานํ ญตฺวา ตทภาเวน อปฺปจฺจกฺขานํ เวทิตพฺพํฯ
Idānettha sikkhāpaccakkhānavārassa pāḷiyaṃ aṭṭhakathāyañca vuttanayānaṃ sampiṇḍanatthavasena evaṃ vinicchayo veditabbo – tattha hi sāmaññā cavitukāmotiādīhi padehi cittaniyamaṃ dasseti. Buddhantiādīhi padehi khettaniyamaṃ, paccakkhāmi dhāretīti etena kālaniyamaṃ, vadatīti iminā payoganiyamaṃ, alaṃ me buddhena, kiṃ nu me, na mamattho, sumuttāhantiādīhi anāmaṭṭhakālavasenapi paccakkhānaṃ hotīti dasseti, viññāpetīti iminā vijānananiyamaṃ, ummattako sikkhaṃ paccakkhāti ummattakassa santiketiādīhi puggalaniyamaṃ, so ca nappaṭivijānātītiādīhi vijānananiyamābhāvena paccakkhānābhāvaṃ dasseti, davāyātiādīhi cittaniyamābhāvena, sāvetukāmo na sāvetīti iminā payoganiyamābhāvena, aviññussa sāveti viññussa na sāvetīti etehi yaṃ puggalaṃ uddissa sāveti, tasseva savane sīsaṃ eti, nāññassāti. Sabbaso vā pana na sāveti appaccakkhātā hoti sikkhāti idaṃ pana cittādiniyameneva sikkhāpaccakkhānaṃ hoti, na aññathāti dassanatthaṃ vuttaṃ. Tasmā cittakhettakālapayogapuggalavijānanavasena sikkhāya paccakkhānaṃ ñatvā tadabhāvena appaccakkhānaṃ veditabbaṃ.
กถํ? อุปสมฺปนฺนภาวโต จวิตุกามตาจิเตฺตเนว หิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, น ทวา วา รวา วา ภณนฺตสฺสฯ เอวํ จิตฺตวเสน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนฯ ตถา พุทฺธํ ปจฺจกฺขามีติอาทินา วุตฺตานํ พุทฺธาทีนํ สพฺรหฺมจาริปริโยสานานํ จตุทฺทสนฺนเญฺจว คิหีติ มํ ธาเรหีติอาทินา วุตฺตานํ คิหิอาทีนํ อสกฺยปุตฺติยปริโยสานานํ อฎฺฐนฺนญฺจาติ อิเมสํ ทฺวาวีสติยา เขตฺตปทานํ ยสฺส กสฺสจิ สเววจนสฺส วเสน เตสุ ยํ กิญฺจิ วตฺตุกามสฺส ยํ กิญฺจิ วทโตปิ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติฯ เอวํ เขตฺตวเสน สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนฯ ตตฺถ ยเทตํ ‘‘ปจฺจกฺขามีติ จ มํ ธาเรหีติ จา’’ติ วุตฺตํ วตฺตมานกาลวจนํ, ยานิ จ ‘‘อลํ เม พุเทฺธน, กิํ นุ เม พุเทฺธน, น มมโตฺถ พุเทฺธน, สุมุตฺตาหํ พุเทฺธนา’’ติอาทินา นเยน อาขฺยาตวเสน กาลํ อนามสิตฺวา ปุริเมหิ จุทฺทสหิ ปเทหิ สทฺธิํ โยเชตฺวา วุตฺตานิ อลํ เมติอาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ, เตสํเยว จ สเววจนานํ วเสน ปจฺจกฺขานํ โหติ, น ปน ‘‘ปจฺจกฺขาสิ’’นฺติ วา, ‘‘ปจฺจกฺขิสฺส’’นฺติ วา, ‘‘มํ ธาเรสี’’ติ วา, ‘‘มํ ธาเรสฺสสี’’ติ วา, ‘‘ยํนูน ปจฺจเกฺขยฺย’’นฺติ วาติอาทีนิ อตีตานาคตปริกปฺปวจนานิ ภณนฺตสฺสฯ เอวํ วตฺตมานกาลวเสน เจว อนามฎฺฐกาลวเสน จ ปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนฯ ปโยโค ปน ทุวิโธ กายิโก วาจสิโก, ตตฺถ พุทฺธํ ปจฺจกฺขามีติอาทินา นเยน ยาย กายจิ ภาสาย วจีเภทํ กตฺวา วาจสิกปโยเคเนว ปจฺจกฺขานํ โหติ, น อกฺขรลิขนํ วา หตฺถมุทฺทาทิทสฺสนํ วา กายปโยคํ กโรนฺตสฺสฯ เอวํ วาจสิกปโยเคเนว ปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนฯ
Kathaṃ? Upasampannabhāvato cavitukāmatācitteneva hi sikkhāpaccakkhānaṃ hoti, na davā vā ravā vā bhaṇantassa. Evaṃ cittavasena sikkhāpaccakkhānaṃ hoti, na tadabhāvena. Tathā buddhaṃ paccakkhāmītiādinā vuttānaṃ buddhādīnaṃ sabrahmacāripariyosānānaṃ catuddasannañceva gihīti maṃ dhārehītiādinā vuttānaṃ gihiādīnaṃ asakyaputtiyapariyosānānaṃ aṭṭhannañcāti imesaṃ dvāvīsatiyā khettapadānaṃ yassa kassaci savevacanassa vasena tesu yaṃ kiñci vattukāmassa yaṃ kiñci vadatopi sikkhāpaccakkhānaṃ hoti. Evaṃ khettavasena sikkhāpaccakkhānaṃ hoti, na tadabhāvena. Tattha yadetaṃ ‘‘paccakkhāmīti ca maṃ dhārehīti cā’’ti vuttaṃ vattamānakālavacanaṃ, yāni ca ‘‘alaṃ me buddhena, kiṃ nu me buddhena, na mamattho buddhena, sumuttāhaṃ buddhenā’’tiādinā nayena ākhyātavasena kālaṃ anāmasitvā purimehi cuddasahi padehi saddhiṃ yojetvā vuttāni alaṃ metiādīni cattāri padāni, tesaṃyeva ca savevacanānaṃ vasena paccakkhānaṃ hoti, na pana ‘‘paccakkhāsi’’nti vā, ‘‘paccakkhissa’’nti vā, ‘‘maṃ dhāresī’’ti vā, ‘‘maṃ dhāressasī’’ti vā, ‘‘yaṃnūna paccakkheyya’’nti vātiādīni atītānāgataparikappavacanāni bhaṇantassa. Evaṃ vattamānakālavasena ceva anāmaṭṭhakālavasena ca paccakkhānaṃ hoti, na tadabhāvena. Payogo pana duvidho kāyiko vācasiko, tattha buddhaṃ paccakkhāmītiādinā nayena yāya kāyaci bhāsāya vacībhedaṃ katvā vācasikapayogeneva paccakkhānaṃ hoti, na akkharalikhanaṃ vā hatthamuddādidassanaṃ vā kāyapayogaṃ karontassa. Evaṃ vācasikapayogeneva paccakkhānaṃ hoti, na tadabhāvena.
ปุคฺคโล ปน ทุวิโธ โย จ ปจฺจกฺขาติ, ยสฺส จ ปจฺจกฺขาติ, ตตฺถ โย ปจฺจกฺขาติ, โส สเจ อุมฺมตฺตกขิตฺตจิตฺตเวทนฎฺฎานํ อญฺญตโร น โหติ, ยสฺส ปน ปจฺจกฺขาติ, โส สเจ มนุสฺสชาติโก โหติ, น จ อุมฺมตฺตกาทีนํ อญฺญตโร สมฺมุขีภูโต จ, สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติฯ น หิ อสมฺมุขีภูตสฺส ทูเตน วา ปเณฺณน วา อาโรจนํ รุหติฯ เอวํ ยถาวุตฺตปุคฺคลวเสน ปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนฯ วิชานนมฺปิ นิยมิตานิยมิตวเสน ทุวิธํฯ ตตฺถ ยสฺส เยสํ วา นิยเมตฺวา อิมสฺส อิเมสํ วา อาโรเจมีติ วทติ, สเจ เต ยถา ปกติยา โลเก มนุสฺสา วจนํ สุตฺวา อาวชฺชนสมเย ชานนฺติ, เอวํ ตสฺส วจนานนฺตรเมว ‘‘อยํ อุกฺกณฺฐิโต’’ติ วา, ‘‘คิหิภาวํ ปตฺถยตี’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน มนุสฺสชาติโก วจนตฺถํ ชานาติ, ปจฺจกฺขาตาว โหติ สิกฺขาฯ อถ อปรภาเค ‘‘กิํ อิมินา วุตฺต’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ชานนฺติ, อเญฺญ วา ชานนฺติ, อปฺปจฺจกฺขาตาว โหติฯ อนิยเมตฺวา อาโรเจนฺตสฺส ปน สเจ วุตฺตนเยน โย โกจิ มนุสฺสชาติโก วจนตฺถํ ชานาติ, ปจฺจกฺขาตา โหติ สิกฺขา, เอวํ ชานนวเสน ปจฺจกฺขานํ โหติ, น ตทภาเวนฯ อิติ อิเมสํ วุตฺตปฺปการานํ จิตฺตาทีนํ วเสเนว สิกฺขาปจฺจกฺขานํ โหติ, น อญฺญถาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Puggalo pana duvidho yo ca paccakkhāti, yassa ca paccakkhāti, tattha yo paccakkhāti, so sace ummattakakhittacittavedanaṭṭānaṃ aññataro na hoti, yassa pana paccakkhāti, so sace manussajātiko hoti, na ca ummattakādīnaṃ aññataro sammukhībhūto ca, sikkhāpaccakkhānaṃ hoti. Na hi asammukhībhūtassa dūtena vā paṇṇena vā ārocanaṃ ruhati. Evaṃ yathāvuttapuggalavasena paccakkhānaṃ hoti, na tadabhāvena. Vijānanampi niyamitāniyamitavasena duvidhaṃ. Tattha yassa yesaṃ vā niyametvā imassa imesaṃ vā ārocemīti vadati, sace te yathā pakatiyā loke manussā vacanaṃ sutvā āvajjanasamaye jānanti, evaṃ tassa vacanānantarameva ‘‘ayaṃ ukkaṇṭhito’’ti vā, ‘‘gihibhāvaṃ patthayatī’’ti vā yena kenaci ākārena manussajātiko vacanatthaṃ jānāti, paccakkhātāva hoti sikkhā. Atha aparabhāge ‘‘kiṃ iminā vutta’’nti cintetvā jānanti, aññe vā jānanti, appaccakkhātāva hoti. Aniyametvā ārocentassa pana sace vuttanayena yo koci manussajātiko vacanatthaṃ jānāti, paccakkhātā hoti sikkhā, evaṃ jānanavasena paccakkhānaṃ hoti, na tadabhāvena. Iti imesaṃ vuttappakārānaṃ cittādīnaṃ vaseneva sikkhāpaccakkhānaṃ hoti, na aññathāti daṭṭhabbaṃ.
สิกฺขาปจฺจกฺขานวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ
Sikkhāpaccakkhānavaṇṇanānayo niṭṭhito.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา • Sikkhāpaccakkhānavibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / สิกฺขาปจฺจกฺขานกถาวณฺณนา • Sikkhāpaccakkhānakathāvaṇṇanā