Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๓. ปจฺจเวกฺขณสุตฺตวณฺณนา
3. Paccavekkhaṇasuttavaṇṇanā
๕๓. ตติเย อตฺตโน อเนเก ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ปหีเนติ โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปโกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายา- สาเฐยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทตณฺหาอวิชฺชาติวิธากุสลมูลทุจฺจริตสํกิเลสวิสม- สญฺญาวิตกฺกปปญฺจจตุพฺพิธวิปลฺลาสอาสวโอฆโยคคนฺถาคติคมนตณฺหุปาทานปญฺจวิธ- เจโตขิลปญฺจเจโตวินิพนฺธนีวรณาภินนฺทนฉวิวาท- มูลตณฺหากายสตฺตานุสยอฎฺฐมิจฺฉตฺตนว- ตณฺหามูลกทสากุสลกมฺมปถทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตอฎฺฐสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภเท อตฺตโน สนฺตาเน อนาทิกาลปวเตฺต ทิยฑฺฒสหสฺสกิเลเส ตํสหคเต จาปิ อเนเก ปาปเก ลามเก อโกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน อกุสเล ธเมฺม อนวเสสํ สห วาสนาย โพธิมูเลเยว ปหีเน อริยมเคฺคน สมุจฺฉิเนฺน ปจฺจเวกฺขมาโน ‘‘อยมฺปิ เม กิเลโส ปหีโน, อยมฺปิ เม กิเลโส ปหีโน’’ติ อนุปทปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจเวกฺขมาโน ภควา นิสิโนฺน โหติฯ
53. Tatiye attano aneke pāpake akusale dhamme pahīneti lobhadosamohaviparītamanasikāraahirikānottappakodhūpanāhamakkhapalāsaissāmacchariyamāyā- sāṭheyyathambhasārambhamānātimānamadapamādataṇhāavijjātividhākusalamūladuccaritasaṃkilesavisama- saññāvitakkapapañcacatubbidhavipallāsaāsavaoghayogaganthāgatigamanataṇhupādānapañcavidha- cetokhilapañcacetovinibandhanīvaraṇābhinandanachavivāda- mūlataṇhākāyasattānusayaaṭṭhamicchattanava- taṇhāmūlakadasākusalakammapathadvāsaṭṭhidiṭṭhigataaṭṭhasatataṇhāvicaritādippabhede attano santāne anādikālapavatte diyaḍḍhasahassakilese taṃsahagate cāpi aneke pāpake lāmake akosallasambhūtaṭṭhena akusale dhamme anavasesaṃ saha vāsanāya bodhimūleyeva pahīne ariyamaggena samucchinne paccavekkhamāno ‘‘ayampi me kileso pahīno, ayampi me kileso pahīno’’ti anupadapaccavekkhaṇāya paccavekkhamāno bhagavā nisinno hoti.
อเนเก จ กุสเล ธเมฺมติ สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนํ จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ ผลานิ, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา, จตุโยนิปริเจฺฉทกญาณํ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชญาณานิ, ปญฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปญฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปญฺจญาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, ปญฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปญฺจ วิมุตฺตายตนญาณานิ, ปญฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สญฺญา, ฉ อนุสฺสติฎฺฐานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิเพฺพธภาคิยา ปญฺญา, ฉ อภิญฺญา, ฉ อสาธารณญาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต สญฺญา, สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺต ขีณาสวพลเทสนา, อฎฺฐ ปญฺญาปฎิลาภเหตุเทสนา, อฎฺฐ สมฺมตฺตานิ, อฎฺฐ โลกธมฺมาติกฺกมา, อฎฺฐ อารมฺภวตฺถูนิ, อฎฺฐ อกฺขณเทสนา, อฎฺฐ มหาปุริสวิตกฺกา, อฎฺฐ อภิภายตนเทสนา, อฎฺฐ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นว สตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฺปฎิวินยา, นว สญฺญา, นว นานตฺตานิ, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถกรณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขา ธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตงฺคคุณา, จุทฺทส พุทฺธญาณานิ, ปนฺนรส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฎฺฐารส มหาวิปสฺสนา, อฎฺฐารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณญาณานิ, จตุจตฺตาลีส ญาณวตฺถูนิ, ปญฺญาส อุทยพฺพยญาณานิ, ปโรปญฺญาส กุสลา ธมฺมา, สตฺตสตฺตติ ญาณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสมาปตฺติสญฺจาริมหาวชิรญาณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฎฺฐานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาญาณานิ, ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนญาณานิ จาติ เอวมาทิเก อเนเก อตฺตโน กุสเล อนวชฺชธเมฺม อนนฺตกาลํ ปารมิปริภาวนาย มคฺคภาวนาย จ ปาริปูริํ วุทฺธิํ คเต ‘‘อิเมปิ อนวชฺชธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺติ, อิเมปิ อนวชฺชธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺตี’’ติ รุจิวเสน มนสิการาภิมุเข พุทฺธคุเณ วคฺควเคฺค ปุญฺชปุเญฺช กตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโน นิสิโนฺน โหติฯ เต จ โข สปเทสโต เอว, น นิปฺปเทสโตฯ สเพฺพ พุทฺธคุเณ ภควตาปิ อนุปทํ อนวเสสโต มนสิ กาตุํ น สกฺกา อนนฺตาปริเมยฺยภาวโตฯ
Aneke ca kusale dhammeti sīlasamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanaṃ cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, cattāro ariyamaggā, cattāri phalāni, catasso paṭisambhidā, catuyoniparicchedakañāṇaṃ, cattāro ariyavaṃsā, cattāri vesārajjañāṇāni, pañca padhāniyaṅgāni, pañcaṅgiko sammāsamādhi, pañcañāṇiko sammāsamādhi, pañcindriyāni, pañca balāni, pañca nissāraṇīyā dhātuyo, pañca vimuttāyatanañāṇāni, pañca vimuttiparipācanīyā saññā, cha anussatiṭṭhānāni, cha gāravā, cha nissāraṇīyā dhātuyo, cha satatavihārā, cha anuttariyāni, cha nibbedhabhāgiyā paññā, cha abhiññā, cha asādhāraṇañāṇāni, satta aparihāniyā dhammā, satta ariyadhanāni, satta bojjhaṅgā, satta sappurisadhammā, satta nijjaravatthūni, satta saññā, satta dakkhiṇeyyapuggaladesanā, satta khīṇāsavabaladesanā, aṭṭha paññāpaṭilābhahetudesanā, aṭṭha sammattāni, aṭṭha lokadhammātikkamā, aṭṭha ārambhavatthūni, aṭṭha akkhaṇadesanā, aṭṭha mahāpurisavitakkā, aṭṭha abhibhāyatanadesanā, aṭṭha vimokkhā, nava yonisomanasikāramūlakā dhammā, nava pārisuddhipadhāniyaṅgāni, nava sattāvāsadesanā, nava āghātappaṭivinayā, nava saññā, nava nānattāni, nava anupubbavihārā, dasa nāthakaraṇā dhammā, dasa kasiṇāyatanāni, dasa kusalakammapathā, dasa sammattāni, dasa ariyavāsā, dasa asekkhā dhammā, dasa tathāgatabalāni, ekādasa mettānisaṃsā, dvādasa dhammacakkākārā, terasa dhutaṅgaguṇā, cuddasa buddhañāṇāni, pannarasa vimuttiparipācanīyā dhammā, soḷasavidhā ānāpānassati, soḷasa aparantapanīyā dhammā, aṭṭhārasa mahāvipassanā, aṭṭhārasa buddhadhammā, ekūnavīsati paccavekkhaṇañāṇāni, catucattālīsa ñāṇavatthūni, paññāsa udayabbayañāṇāni, paropaññāsa kusalā dhammā, sattasattati ñāṇavatthūni, catuvīsatikoṭisatasahassasamāpattisañcārimahāvajirañāṇaṃ, anantanayasamantapaṭṭhānapavicayapaccavekkhaṇadesanāñāṇāni, tathā anantāsu lokadhātūsu anantānaṃ sattānaṃ āsayādivibhāvanañāṇāni cāti evamādike aneke attano kusale anavajjadhamme anantakālaṃ pāramiparibhāvanāya maggabhāvanāya ca pāripūriṃ vuddhiṃ gate ‘‘imepi anavajjadhammā mayi saṃvijjanti, imepi anavajjadhammā mayi saṃvijjantī’’ti rucivasena manasikārābhimukhe buddhaguṇe vaggavagge puñjapuñje katvā paccavekkhamāno nisinno hoti. Te ca kho sapadesato eva, na nippadesato. Sabbe buddhaguṇe bhagavatāpi anupadaṃ anavasesato manasi kātuṃ na sakkā anantāparimeyyabhāvato.
วุตฺตเญฺหตํ –
Vuttañhetaṃ –
‘‘พุโทฺธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
‘‘Buddhopi buddhassa bhaṇeyya vaṇṇaṃ,
กปฺปมฺปิ เจ อญฺญมภาสมาโน;
Kappampi ce aññamabhāsamāno;
ขีเยถ กโปฺป จิรทีฆมนฺตเร,
Khīyetha kappo ciradīghamantare,
วโณฺณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติฯ
Vaṇṇo na khīyetha tathāgatassā’’ti.
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
Aparampi vuttaṃ –
‘‘อสเงฺขฺยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
‘‘Asaṅkhyeyyāni nāmāni, saguṇena mahesino;
คุเณน นามมุเทฺธยฺยํ, อปิ นาม สหสฺสโต’’ติฯ
Guṇena nāmamuddheyyaṃ, api nāma sahassato’’ti.
ตทา หิ ภควา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต วิหารํ ปวิสิตฺวา คนฺธกุฎิปฺปมุเข ฐตฺวา ภิกฺขูสุ วตฺตํ ทเสฺสตฺวา คเตสุ มหาคนฺธกุฎิํ ปวิสิตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน อตฺตโน อตีตชาติวิสยํ ญาณํ เปเสสิฯ อถสฺส ตานิ นิรนฺตรํ โปงฺขานุโปงฺขํ อนนฺตาปริมาณปฺปเภทา อุปฎฺฐหิํสุฯ โส ‘‘เอวํ มหนฺตสฺส นาม ทุกฺขกฺขนฺธสฺส มูลภูตา อิเม กิเลสา’’ติ กิเลสวิสยํ ญาณาจารํ เปเสตฺวา เต ปหานมุเขน อนุปทํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิเม วต กิเลสา อนวเสสโต มยฺหํ สุฎฺฐุ ปหีนา’’ติ ปุน เตสํ ปหานกรํ สาการํ สปริวารํ สอุเทฺทสํ อริยมคฺคํ ปจฺจเวกฺขโนฺต อนนฺตาปริมาณเภเท อตฺตโน สีลาทิอนวชฺชธเมฺม มนสากาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā hi bhagavā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto vihāraṃ pavisitvā gandhakuṭippamukhe ṭhatvā bhikkhūsu vattaṃ dassetvā gatesu mahāgandhakuṭiṃ pavisitvā paññattavarabuddhāsane nisinno attano atītajātivisayaṃ ñāṇaṃ pesesi. Athassa tāni nirantaraṃ poṅkhānupoṅkhaṃ anantāparimāṇappabhedā upaṭṭhahiṃsu. So ‘‘evaṃ mahantassa nāma dukkhakkhandhassa mūlabhūtā ime kilesā’’ti kilesavisayaṃ ñāṇācāraṃ pesetvā te pahānamukhena anupadaṃ paccavekkhitvā ‘‘ime vata kilesā anavasesato mayhaṃ suṭṭhu pahīnā’’ti puna tesaṃ pahānakaraṃ sākāraṃ saparivāraṃ sauddesaṃ ariyamaggaṃ paccavekkhanto anantāparimāṇabhede attano sīlādianavajjadhamme manasākāsi. Tena vuttaṃ –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อตฺตโน อเนเก ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ปหีเน ปจฺจเวกฺขมาโน นิสิโนฺน โหติ, อเนเก จ กุสเล ธเมฺม ภาวนาปาริปูริํ คเต’’ติฯ
‘‘Tena kho pana samayena bhagavā attano aneke pāpake akusale dhamme pahīne paccavekkhamāno nisinno hoti, aneke ca kusale dhamme bhāvanāpāripūriṃ gate’’ti.
เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสุเทฺทสภูตํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Evaṃ paccavekkhitvā uppannapītisomanassuddesabhūtaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ อหุ ปุเพฺพติ อรหตฺตมคฺคญาณุปฺปตฺติโต ปุเพฺพ สโพฺพปิ จายํ ราคาทิโก กิเลสคโณ มยฺหํ สนฺตาเน อหุ อาสิ, น อิมสฺมิํ กิเลสคเณ โกจิปิ กิเลโส นาโหสิฯ ตทา นาหูติ ตทา ตสฺมิํ กาเล อริยมคฺคกฺขเณ โส กิเลสคโณ น อหุ น อาสิ, ตตฺถ อณุมโตฺตปิ กิเลโส อคฺคมคฺคกฺขเณ อปฺปหีโน นาม นตฺถิฯ ‘‘ตโต นาหู’’ติปิ ปฐนฺติ, ตโต อรหตฺตมคฺคกฺขณโต ปรํ นาสีติ อโตฺถฯ นาหุ ปุเพฺพติ โย จายํ มม อปริมาโณ อนวชฺชธโมฺม เอตรหิ ภาวนาปาริปูริํ คโต อุปลพฺภติ, โสปิ อริยมคฺคกฺขณโต ปุเพฺพ น อหุ น อาสิฯ ตทา อหูติ ยทา ปน เม อคฺคมคฺคญาณํ อุปฺปนฺนํ, ตทา สโพฺพปิ เม อนวชฺชธโมฺม อาสิฯ อคฺคมคฺคาธิคเมน หิ สทฺธิํ สเพฺพปิ สพฺพญฺญุคุณา พุทฺธานํ หตฺถคตา เอว โหนฺติฯ
Tattha ahu pubbeti arahattamaggañāṇuppattito pubbe sabbopi cāyaṃ rāgādiko kilesagaṇo mayhaṃ santāne ahu āsi, na imasmiṃ kilesagaṇe kocipi kileso nāhosi. Tadā nāhūti tadā tasmiṃ kāle ariyamaggakkhaṇe so kilesagaṇo na ahu na āsi, tattha aṇumattopi kileso aggamaggakkhaṇe appahīno nāma natthi. ‘‘Tato nāhū’’tipi paṭhanti, tato arahattamaggakkhaṇato paraṃ nāsīti attho. Nāhu pubbeti yo cāyaṃ mama aparimāṇo anavajjadhammo etarahi bhāvanāpāripūriṃ gato upalabbhati, sopi ariyamaggakkhaṇato pubbe na ahu na āsi. Tadā ahūti yadā pana me aggamaggañāṇaṃ uppannaṃ, tadā sabbopi me anavajjadhammo āsi. Aggamaggādhigamena hi saddhiṃ sabbepi sabbaññuguṇā buddhānaṃ hatthagatā eva honti.
น จาหุ น จ ภวิสฺสติ, น เจตรหิ วิชฺชตีติ โย ปน โส อนวชฺชธโมฺม อริยมโคฺค มยฺหํ โพธิมเณฺฑ อุปฺปโนฺน, เยน สโพฺพ กิเลสคโณ อนวเสสํ ปหีโน, โส ยถา มยฺหํ มคฺคกฺขณโต ปุเพฺพ น จาหุ น จ อโหสิ, เอวํ อตฺตนา ปหาตพฺพกิเลสาภาวโต เต กิเลสา วิย อยมฺปิ น จ ภวิสฺสติ อนาคเต น อุปฺปชฺชิสฺสติ, เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนกาเลปิ น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจาภาวโตฯ น หิ อริยมโคฺค อเนกวารํ ปวตฺตติฯ เตเนวาห – ‘‘น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติฯ
Nacāhu na ca bhavissati, na cetarahi vijjatīti yo pana so anavajjadhammo ariyamaggo mayhaṃ bodhimaṇḍe uppanno, yena sabbo kilesagaṇo anavasesaṃ pahīno, so yathā mayhaṃ maggakkhaṇato pubbe na cāhu na ca ahosi, evaṃ attanā pahātabbakilesābhāvato te kilesā viya ayampi na ca bhavissati anāgate na uppajjissati, etarahi paccuppannakālepi na vijjati na upalabbhati attanā kattabbakiccābhāvato. Na hi ariyamaggo anekavāraṃ pavattati. Tenevāha – ‘‘na pāraṃ diguṇaṃ yantī’’ti.
อิติ ภควา อริยมเคฺคน อตฺตโน สนฺตาเน อนวเสสํ ปหีเน อกุสเล ธเมฺม ภาวนาปาริปูริํ คเต อปริมาเณ อนวชฺชธเมฺม จ ปจฺจเวกฺขมาโน อตฺตุปนายิกปีติเวควิสฺสฎฺฐํ อุทานํ อุทาเนสิฯ ปุริมาย กถาย ปุริมเวสารชฺชทฺวยเมว กถิตํ, ปจฺฉิมทฺวยํ สมฺมาสโมฺพธิยา ปกาสิตตฺตา ปกาสิตเมว โหตีติฯ
Iti bhagavā ariyamaggena attano santāne anavasesaṃ pahīne akusale dhamme bhāvanāpāripūriṃ gate aparimāṇe anavajjadhamme ca paccavekkhamāno attupanāyikapītivegavissaṭṭhaṃ udānaṃ udānesi. Purimāya kathāya purimavesārajjadvayameva kathitaṃ, pacchimadvayaṃ sammāsambodhiyā pakāsitattā pakāsitameva hotīti.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๓. ปจฺจเวกฺขณสุตฺตํ • 3. Paccavekkhaṇasuttaṃ