Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
ปจฺจยนิเทฺทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา
Paccayaniddesapakiṇṇakavinicchayakathāvaṇṇanā
‘‘โลภโทสโมหา วิปากปจฺจยาปิ น โหนฺติ, เสสานํ สตฺตรสนฺนํ ปจฺจยานํ วเสน ปจฺจยา โหนฺตี’’ติอาทิมปาโฐฯ เอตฺถ จ โลภโทสโมหานํ ปเจฺจกํ สตฺตรสหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจยภาโว วุโตฺต, สเพฺพ เหตู สห อคฺคเหตฺวา เอกธมฺมสฺส อเนกปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ อโมหาทีนํ วิสุํ คหิตตฺตาติ โทสสฺสปิ สตฺตรสหิ ปจฺจยภาโว อาปชฺชติ, ตถา จ สติ โทสสฺสปิ ครุกรณํ ปาฬิยํ วตฺตพฺพํ สิยาฯ ‘‘อกุสโล ปน อารมฺมณาธิปติ นาม โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท วุจฺจตี’’ติ (ปฎฺฐา. อฎฺฐ. ๑.๔) เอตฺถาปิ โลภโทสสหคตจิตฺตุปฺปาทาติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปน วุตฺตํ, ตสฺมา โทสสฺส อธิปติปจฺจยตาปิ นิวาเรตพฺพาฯ น จ ‘‘เสสาน’’นฺติ วจเนน อธิปติปจฺจโย นิวาริโต, อถ โข สงฺคหิโต ปุเรชาตาทีหิ ยถาวุเตฺตหิ เสสตฺตาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โทสํ โลภโมเหหิ สห อคฺคเหตฺวา วิสุญฺจ อคฺคเหตฺวา ‘‘โทโส อธิปติปจฺจโยปิ น โหติ, เสสานํ ปจฺจยานํ วเสน ปจฺจโย โหตี’’ติ ปฐนฺติฯ อิมินา นเยนาติ เอเตน โผฎฺฐพฺพายตนสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาวํ, สพฺพธมฺมานํ ยถาโยคํ เหตาทิปจฺจยภาวญฺจ ทเสฺสติฯ น หิ เอตํ เอกปจฺจยสฺส อเนกปจฺจยภาวทสฺสนนฺติ รูปาทีนํ ปกตูปนิสฺสยภาโว จ เอเตน ทสฺสิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ
‘‘Lobhadosamohāvipākapaccayāpi na honti, sesānaṃ sattarasannaṃ paccayānaṃ vasena paccayā hontī’’tiādimapāṭho. Ettha ca lobhadosamohānaṃ paccekaṃ sattarasahi paccayehi paccayabhāvo vutto, sabbe hetū saha aggahetvā ekadhammassa anekapaccayabhāvadassanatthaṃ amohādīnaṃ visuṃ gahitattāti dosassapi sattarasahi paccayabhāvo āpajjati, tathā ca sati dosassapi garukaraṇaṃ pāḷiyaṃ vattabbaṃ siyā. ‘‘Akusalo pana ārammaṇādhipati nāma lobhasahagatacittuppādo vuccatī’’ti (paṭṭhā. aṭṭha. 1.4) etthāpi lobhadosasahagatacittuppādāti vattabbaṃ siyā, na pana vuttaṃ, tasmā dosassa adhipatipaccayatāpi nivāretabbā. Na ca ‘‘sesāna’’nti vacanena adhipatipaccayo nivārito, atha kho saṅgahito purejātādīhi yathāvuttehi sesattāti tannivāraṇatthaṃ dosaṃ lobhamohehi saha aggahetvā visuñca aggahetvā ‘‘doso adhipatipaccayopi na hoti, sesānaṃ paccayānaṃ vasena paccayo hotī’’ti paṭhanti. Iminā nayenāti etena phoṭṭhabbāyatanassa sahajātādipaccayabhāvaṃ, sabbadhammānaṃ yathāyogaṃ hetādipaccayabhāvañca dasseti. Na hi etaṃ ekapaccayassa anekapaccayabhāvadassananti rūpādīnaṃ pakatūpanissayabhāvo ca etena dassitoti daṭṭhabbo.
จตุนฺนํ ขนฺธานํ เภทา จกฺขุวิญฺญาณธาตุอาทโยติ เภทํ อนามสิตฺวา เต เอว คเหตฺวา อาห ‘‘จตูสุ ขเนฺธสู’’ติฯ มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีวา เตหิ เจว กมฺมาหารปจฺจเยหิ จาติ เอกูนวีสติธาติ อิทเมวํ น สกฺกา วตฺตุํฯ น หิ มิจฺฉาวาจาทโย มิจฺฉาทิฎฺฐิ วิย มคฺคปจฺจยา โหนฺติ เจตนาย มคฺคปจฺจยตฺตาภาวโตฯ ยทิ จ ภเวยฺย, ปญฺหาวาเร ‘‘กมฺมปจฺจยา มเคฺค ตีณี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา มิจฺฉาวาจาทีนํ มคฺคปจฺจยภาโว น วตฺตโพฺพฯ ปฎฺฐานสํวณฺณนา เหสาฯ เสสปจฺจยภาโว จ เจตนาย อเนกปจฺจยภาววจเนน วุโตฺตเยวาติ น อิทํ ปฐิตพฺพนฺติ น ปฐนฺติฯ ‘‘อหิริกํ…เป.… มิทฺธํ อุทฺธจฺจํ วิจิกิจฺฉา’’ติอาทิมปาโฐ, วิจิกิจฺฉา ปน อธิปติปจฺจโย น โหตีติ ตํ ตตฺถ อปฐิตฺวา ‘‘วิจิกิจฺฉาอิสฺสามจฺฉริยกุกฺกุจฺจานิ ตโต อธิปติปจฺจยํ อปเนตฺวา’’ติ เอวเมตฺถ ปฐนฺติฯ
Catunnaṃ khandhānaṃ bhedā cakkhuviññāṇadhātuādayoti bhedaṃ anāmasitvā te eva gahetvā āha ‘‘catūsu khandhesū’’ti. Micchāvācākammantājīvā tehi ceva kammāhārapaccayehi cāti ekūnavīsatidhāti idamevaṃ na sakkā vattuṃ. Na hi micchāvācādayo micchādiṭṭhi viya maggapaccayā honti cetanāya maggapaccayattābhāvato. Yadi ca bhaveyya, pañhāvāre ‘‘kammapaccayā magge tīṇī’’ti vattabbaṃ siyā, tasmā micchāvācādīnaṃ maggapaccayabhāvo na vattabbo. Paṭṭhānasaṃvaṇṇanā hesā. Sesapaccayabhāvo ca cetanāya anekapaccayabhāvavacanena vuttoyevāti na idaṃ paṭhitabbanti na paṭhanti. ‘‘Ahirikaṃ…pe… middhaṃ uddhaccaṃ vicikicchā’’tiādimapāṭho, vicikicchā pana adhipatipaccayo na hotīti taṃ tattha apaṭhitvā ‘‘vicikicchāissāmacchariyakukkuccāni tato adhipatipaccayaṃ apanetvā’’ti evamettha paṭhanti.
‘‘จตฺตาริ มหาภูตานิ อารมฺมณ…เป.… ปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ทสธา ปจฺจยา โหนฺติ, ปุน ตถา หทยวตฺถู’’ติ ปุริมปาโฐ, มหาภูตานิ ปน วิปฺปยุตฺตปจฺจยา น โหนฺตีติ ‘‘ปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน นวธา ปจฺจยา โหนฺติ, วิปฺปยุตฺตปจฺจยํ ปกฺขิปิตฺวา ทสธา วตฺถุ’’นฺติ ปฐนฺติฯ เอตฺตกเมเวตฺถ อปุพฺพนฺติ เอตสฺมิํ ปุเรชาตปจฺจเย สหชาตนิสฺสเยหิ อปุพฺพํ รูปสทฺทคนฺธรสายตนมตฺตเมวาติ อโตฺถ, อารมฺมณานิ ปเนตานิ อารมฺมณปจฺจยธมฺมานํ อเนกปจฺจยภาเว วุตฺตานีติ สพฺพาติกฺกนฺตปจฺจยาเปกฺขา เอเตสํ อปุพฺพตา นตฺถีติฯ อินฺทฺริยาทีสุ อปุพฺพํ นตฺถีติ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺสปิ อรูปชีวิตินฺทฺริยโต อปุพฺพสฺส ปจฺจยภาวสฺส อภาวํ มญฺญมาเนน อปุพฺพตา น วุตฺตาฯ ตสฺส ปน ปุเรชาตปจฺจยภาวโต อปุพฺพตาฯ กพฬีการาหารสฺส จ ปุเรชาเตน สทฺธิํ สตฺตธา ปจฺจยภาโว โยเชตโพฺพฯ
‘‘Cattārimahābhūtāni ārammaṇa…pe… purejātavippayuttaatthiavigatavasena dasadhā paccayā honti, puna tathā hadayavatthū’’ti purimapāṭho, mahābhūtāni pana vippayuttapaccayā na hontīti ‘‘purejātaatthiavigatavasena navadhā paccayā honti, vippayuttapaccayaṃ pakkhipitvā dasadhā vatthu’’nti paṭhanti. Ettakamevettha apubbanti etasmiṃ purejātapaccaye sahajātanissayehi apubbaṃ rūpasaddagandharasāyatanamattamevāti attho, ārammaṇāni panetāni ārammaṇapaccayadhammānaṃ anekapaccayabhāve vuttānīti sabbātikkantapaccayāpekkhā etesaṃ apubbatā natthīti. Indriyādīsu apubbaṃ natthīti rūpajīvitindriyassapi arūpajīvitindriyato apubbassa paccayabhāvassa abhāvaṃ maññamānena apubbatā na vuttā. Tassa pana purejātapaccayabhāvato apubbatā. Kabaḷīkārāhārassa ca purejātena saddhiṃ sattadhā paccayabhāvo yojetabbo.
อากาโรติ มูลาทิอากาโรฯ อโตฺถติ เตนากาเรน อุปการกตาฯ ‘‘เยนากาเรนา’’ติ เอตสฺส วา อตฺถวจนํ ‘‘เยนเตฺถนา’’ติฯ วิปากเหตูสุเยว ลพฺภตีติ เอตฺถ อโมหวิปากเหตุสฺส อธิปติปจฺจยภาโว จ โลกุตฺตรวิปาเกเยว ลพฺภตีติฯ เอวํ สพฺพตฺถ ลพฺภมานาลพฺภมานํ สลฺลเกฺขตพฺพํฯ วิปฺปยุตฺตํ อปฐิตฺวา ‘‘ฉหากาเรหี’’ติ ปุริมปาโฐ, ตํ ปน ปฐิตฺวา ‘‘สตฺตหากาเรหี’’ติ ปฐนฺติฯ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉโท เหตฺถ วุจฺจติ, น จ ยํ อารมฺมณํ นิสฺสโย โหติ, ตํ วิปฺปยุตฺตํ น โหตีติฯ
Ākāroti mūlādiākāro. Atthoti tenākārena upakārakatā. ‘‘Yenākārenā’’ti etassa vā atthavacanaṃ ‘‘yenatthenā’’ti. Vipākahetūsuyeva labbhatīti ettha amohavipākahetussa adhipatipaccayabhāvo ca lokuttaravipākeyeva labbhatīti. Evaṃ sabbattha labbhamānālabbhamānaṃ sallakkhetabbaṃ. Vippayuttaṃ apaṭhitvā ‘‘chahākārehī’’ti purimapāṭho, taṃ pana paṭhitvā ‘‘sattahākārehī’’ti paṭhanti. Ukkaṭṭhaparicchedo hettha vuccati, na ca yaṃ ārammaṇaṃ nissayo hoti, taṃ vippayuttaṃ na hotīti.
อนนฺตรสมนนฺตเรสุ ยํ กมฺมปจฺจโย โหติ, ตํ น อาเสวนปจฺจโยฯ ยญฺจ อาเสวนปจฺจโย โหติ, น ตํ กมฺมปจฺจโยติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ปกตูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยวา’’ติ วุตฺตํ , กมฺมปจฺจโยปิ ปน โส โหติ, ตสฺมา ‘‘กมฺมปจฺจโย จา’’ติ ปฐนฺติฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – ปกตูปนิสฺสโย เยภุเยฺยน ปกตูปนิสฺสโยว โหติ, โกจิ ปเนตฺถ กมฺมปจฺจโย จ โหตีติฯ ‘‘อารมฺมณปุเรชาเต ปเนตฺถ อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจยตา น ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ยทิ กญฺจิ อารมฺมณภูตํ ปุเรชาตํ วุตฺตํ, อารมฺมณภูตสฺส วตฺถุสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา ลพฺภตีติ สา น ลพฺภตีติ น วตฺตพฺพาฯ อถ ปน วตฺถุปุเรชาตโต อญฺญํ วตฺถุภาวรหิตารมฺมณเมว ‘‘อารมฺมณปุเรชาต’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺส นิสฺสยปจฺจยตา น ลพฺภตีติ ‘‘นิสฺสยินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจยตา น ลพฺภตี’’ติ วตฺตพฺพํฯ อิโต อุตฺตริปีติ ปุเรชาตโต ปรโตปีติ อโตฺถ, อิโต วา อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต นิสฺสยินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต วา อุตฺตริ อารมฺมณาธิปติอาทิ จ ลพฺภมานาลพฺภมานํ เวทิตพฺพนฺติ อโตฺถ วตฺตโพฺพฯ กมฺมาทีสุ ปน ลพฺภมานาลพฺภมานํ น วกฺขตีติ ปุริโมเยเวตฺถ อโตฺถ อธิเปฺปโตฯ
Anantarasamanantaresu yaṃ kammapaccayo hoti, taṃ na āsevanapaccayo. Yañca āsevanapaccayo hoti, na taṃ kammapaccayoti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Pakatūpanissayo pakatūpanissayovā’’ti vuttaṃ , kammapaccayopi pana so hoti, tasmā ‘‘kammapaccayo cā’’ti paṭhanti. Ayaṃ panettha attho – pakatūpanissayo yebhuyyena pakatūpanissayova hoti, koci panettha kammapaccayo ca hotīti. ‘‘Ārammaṇapurejāte panettha indriyavippayuttapaccayatā na labbhatī’’ti vuttaṃ. Tattha ārammaṇapurejātanti yadi kañci ārammaṇabhūtaṃ purejātaṃ vuttaṃ, ārammaṇabhūtassa vatthussa vippayuttapaccayatā labbhatīti sā na labbhatīti na vattabbā. Atha pana vatthupurejātato aññaṃ vatthubhāvarahitārammaṇameva ‘‘ārammaṇapurejāta’’nti vuttaṃ, tassa nissayapaccayatā na labbhatīti ‘‘nissayindriyavippayuttapaccayatā na labbhatī’’ti vattabbaṃ. Ito uttaripīti purejātato paratopīti attho, ito vā indriyavippayuttato nissayindriyavippayuttato vā uttari ārammaṇādhipatiādi ca labbhamānālabbhamānaṃ veditabbanti attho vattabbo. Kammādīsu pana labbhamānālabbhamānaṃ na vakkhatīti purimoyevettha attho adhippeto.
‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อาหารปจฺจโยวา’’ติ ปุริมปาโฐ, อตฺถิอวิคตปจฺจโยปิ ปน โส โหติ, เตน ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อาหารปจฺจยตฺตํ อวิชหโนฺตว อตฺถิอวิคตานํ วเสน อปเรหิปิ ทฺวีหากาเรหิ อเนกปจฺจยภาวํ คจฺฉตี’’ติ ปฐนฺติฯ
‘‘Kabaḷīkāro āhāro āhārapaccayovā’’ti purimapāṭho, atthiavigatapaccayopi pana so hoti, tena ‘‘kabaḷīkāro āhāro āhārapaccayattaṃ avijahantova atthiavigatānaṃ vasena aparehipi dvīhākārehi anekapaccayabhāvaṃ gacchatī’’ti paṭhanti.
‘‘ยถานุรูปํ ฌานปจฺจเย วุตฺตานํ ทสนฺนํ เหตุอธิปตีนญฺจาติ อิเมสํ วเสนา’’ติ ปุริมปาโฐ, ‘‘ยถานุรูปํ ฌานปจฺจเย วุตฺตานํ มคฺควชฺชานํ นวนฺนํ เหตุอธิปติฌานานญฺจาติ อิเมสํ วเสนา’’ติ ปจฺฉิมปาโฐ, เตสุ วิจาเรตฺวา ยุโตฺต คเหตโพฺพฯ
‘‘Yathānurūpaṃ jhānapaccaye vuttānaṃ dasannaṃ hetuadhipatīnañcāti imesaṃ vasenā’’ti purimapāṭho, ‘‘yathānurūpaṃ jhānapaccaye vuttānaṃ maggavajjānaṃ navannaṃ hetuadhipatijhānānañcāti imesaṃ vasenā’’ti pacchimapāṭho, tesu vicāretvā yutto gahetabbo.
สมนนฺตรนิรุทฺธตาย อารมฺมณภาเวน จ สทิโส ปจฺจยภาโว ปจฺจยสภาคตา, วิรุทฺธปจฺจยตา ปจฺจยวิสภาคตาฯ ‘‘อิมินา อุปาเยนา’’ติ วจนโต เหตุอาทีนํ สหชาตานํ สหชาตภาเวน สภาคตา, สหชาตาสหชาตานํ เหตุอารมฺมณาทีนํ อญฺญมญฺญวิสภาคตาติ เอวมาทินา อุปาเยน สภาคตา วิสภาคตา โยเชตพฺพาฯ
Samanantaraniruddhatāya ārammaṇabhāvena ca sadiso paccayabhāvo paccayasabhāgatā, viruddhapaccayatā paccayavisabhāgatā. ‘‘Iminā upāyenā’’ti vacanato hetuādīnaṃ sahajātānaṃ sahajātabhāvena sabhāgatā, sahajātāsahajātānaṃ hetuārammaṇādīnaṃ aññamaññavisabhāgatāti evamādinā upāyena sabhāgatā visabhāgatā yojetabbā.
ชนกาเยว, น อชนกาติ ชนกภาวปฺปธานาเยว หุตฺวา ปจฺจยา โหนฺติ, น อุปตฺถมฺภกภาวปฺปธานาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เยสํ เหตุอาทโย ปจฺจยา โหนฺติ, เต เตหิ วินา เนว อุปฺปชฺชนฺติ, น จ ปวตฺตนฺตีติ เตสํ อุภยปฺปธานตา วุตฺตาฯ น หิ เต อนนฺตราทโย วิย ชนเนเนว ปวตฺติํ กโรนฺตีติฯ
Janakāyeva, na ajanakāti janakabhāvappadhānāyeva hutvā paccayā honti, na upatthambhakabhāvappadhānāti attho daṭṭhabbo. Yesaṃ hetuādayo paccayā honti, te tehi vinā neva uppajjanti, na ca pavattantīti tesaṃ ubhayappadhānatā vuttā. Na hi te anantarādayo viya jananeneva pavattiṃ karontīti.
สเพฺพสํ ฐานํ การณภาโว สพฺพฎฺฐานํ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ สพฺพฎฺฐานิกาฯ อุปนิสฺสยํ ภินฺทเนฺตน ตโยปิ อุปนิสฺสยา วตฺตพฺพา, อภินฺทิตฺวา วา อุปนิสฺสยคฺคหณเมว กาตพฺพํฯ ตตฺถ ภินฺทนํ ปกตูปนิสฺสยสฺส รูปานํ ปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ, อารมฺมณานนฺตรูปนิสฺสยานํ ปน ปุเพฺพ อารมฺมณาธิปติอนนฺตรคฺคหเณหิ คหิตตฺตา เตสุ เอกเทเสน อนนฺตรูปนิสฺสเยน อิตรมฺปิ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปุเรชาตปจฺฉาชาตาปิ อสพฺพฎฺฐานิกา อรูปรูปานเญฺญว ยถากฺกเมน ปจฺจยภาวโตติ เอตฺถ ปุเรชาตปจฺจโย อนนฺตราทีสุ เอว วตฺตโพฺพ ตํสมานคติกตฺตา, น จ ยุคฬภาโว ปจฺฉาชาเตน สห กถเน การณํ อสพฺพฎฺฐานิกทสฺสนมตฺตสฺส อธิเปฺปตตฺตาติ ตํ ตตฺถ ปฐิตฺวา ‘‘ปจฺฉาชาโตปิ อสพฺพฎฺฐานิโก รูปานํเยว ปจฺจยภาวโต’’ติ ปฐนฺติฯ
Sabbesaṃ ṭhānaṃ kāraṇabhāvo sabbaṭṭhānaṃ, taṃ etesaṃ atthīti sabbaṭṭhānikā. Upanissayaṃ bhindantena tayopi upanissayā vattabbā, abhinditvā vā upanissayaggahaṇameva kātabbaṃ. Tattha bhindanaṃ pakatūpanissayassa rūpānaṃ paccayattābhāvadassanatthaṃ, ārammaṇānantarūpanissayānaṃ pana pubbe ārammaṇādhipatianantaraggahaṇehi gahitattā tesu ekadesena anantarūpanissayena itarampi dassetīti daṭṭhabbaṃ. Purejātapacchājātāpi asabbaṭṭhānikā arūparūpānaññeva yathākkamena paccayabhāvatoti ettha purejātapaccayo anantarādīsu eva vattabbo taṃsamānagatikattā, na ca yugaḷabhāvo pacchājātena saha kathane kāraṇaṃ asabbaṭṭhānikadassanamattassa adhippetattāti taṃ tattha paṭhitvā ‘‘pacchājātopi asabbaṭṭhāniko rūpānaṃyeva paccayabhāvato’’ti paṭhanti.
ปจฺจยนิเทฺทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccayaniddesapakiṇṇakavinicchayakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.