Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
ปจฺจยนิเทฺทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา
Paccayaniddesapakiṇṇakavinicchayakathāvaṇṇanā
อาทิมปาโฐติ ปุริมปาโฐฯ ตถา จ สตีติ โทสสฺสปิ สตฺตรสหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจยภาเว สติฯ อธิปติปจฺจยภาโวปิสฺส อนุญฺญาโต โหตีติ อาห ‘‘โทสสฺสปิ ครุกรณํ ปาฬิยํ วตฺตพฺพํ สิยา’’ติฯ ‘‘เสสาน’’นฺติ วจเนเนว นิวาริโตติ กทาจิ อาสเงฺกยฺยาติ ตํนิวตฺตนตฺถมาห ‘‘น จ เสสาน’’นฺติอาทิฯ ปุเรชาตาทีหีติ ปุเรชาตกมฺมาหารฌานินฺทฺริยมคฺควิปากปจฺจเยหิฯ ตนฺนิวารณตฺถนฺติ ตสฺส ยถาวุตฺตโทสสฺส นิวารณตฺถํฯ วิสุญฺจ อคฺคเหตฺวาติ โลภโมหา วิปากปจฺจยาปิ น โหนฺติ, ตถา โทโสติ เอวํ วิสุญฺจ อคฺคเหตฺวาฯ โผฎฺฐพฺพายตนํ กายวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณาทิปจฺจโย โหนฺตํเยว ปถวีอาทิสภาวตฺตา อตฺตนา สหชาตานํ สหชาตาทิปจฺจยา โหนฺติเยวาติ วุตฺตํ ‘‘โผฎฺฐพฺพายตนสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาวํ ทเสฺสตี’’ติฯ ‘‘สพฺพธมฺมาน’’นฺติ ‘‘สเพฺพ ธมฺมา มโนวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ วุเตฺต สพฺพธเมฺม สนฺธายาห ‘‘สพฺพธมฺมานํ ยถาโยคํ เหตาทิปจฺจยภาวํ ทเสฺสตี’’ติฯ น หิ เอตํ…เป.… ภาวทสฺสนํ, อถ โข เอกธมฺมสฺส อเนกปจฺจยภาวทสฺสนํ, ตสฺมา ‘‘เอเตน โผฎฺฐพฺพายตนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ รูปาทีนนฺติ รูปายตนาทีนํฯ
Ādimapāṭhoti purimapāṭho. Tathā ca satīti dosassapi sattarasahi paccayehi paccayabhāve sati. Adhipatipaccayabhāvopissa anuññāto hotīti āha ‘‘dosassapi garukaraṇaṃ pāḷiyaṃ vattabbaṃ siyā’’ti. ‘‘Sesāna’’nti vacaneneva nivāritoti kadāci āsaṅkeyyāti taṃnivattanatthamāha ‘‘na ca sesāna’’ntiādi. Purejātādīhīti purejātakammāhārajhānindriyamaggavipākapaccayehi. Tannivāraṇatthanti tassa yathāvuttadosassa nivāraṇatthaṃ. Visuñca aggahetvāti lobhamohā vipākapaccayāpi na honti, tathā dosoti evaṃ visuñca aggahetvā. Phoṭṭhabbāyatanaṃ kāyaviññāṇadhātuyā ārammaṇādipaccayo hontaṃyeva pathavīādisabhāvattā attanā sahajātānaṃ sahajātādipaccayā hontiyevāti vuttaṃ ‘‘phoṭṭhabbāyatanassa sahajātādipaccayabhāvaṃ dassetī’’ti. ‘‘Sabbadhammāna’’nti ‘‘sabbe dhammā manoviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ ārammaṇapaccayena paccayo’’ti ettha vutte sabbadhamme sandhāyāha ‘‘sabbadhammānaṃ yathāyogaṃ hetādipaccayabhāvaṃ dassetī’’ti. Na hi etaṃ…pe… bhāvadassanaṃ, atha kho ekadhammassa anekapaccayabhāvadassanaṃ, tasmā ‘‘etena phoṭṭhabbāyatanassā’’tiādi vuttanti adhippāyo. Rūpādīnanti rūpāyatanādīnaṃ.
เภทาติ วิเสสาฯ เภทํ อนามสิตฺวาติ จกฺขุวิญฺญาณธาตุอาทิวิเสสํ อคฺคเหตฺวาฯ เต เอวาติ ยถาวุตฺตวิเสสานํ สามญฺญภูเต ขเนฺธ เอวฯ ยํ สนฺธาย ‘‘เอวํ น สกฺกา วตฺตุ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ วิภาเวตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎฺฐานสํวณฺณนา เหสาติ เอเตน สุเตฺต วุตฺตปริยายมคฺคภาเวเนตฺถ น สกฺกา มิจฺฉาวาจาทีนํ มคฺคปจฺจยํ วตฺตุนฺติ ทเสฺสติฯ เสสปจฺจยภาโวติ มคฺคปจฺจยํ ฐเปตฺวา ยถาวุเตฺตหิ เสเสหิ อฎฺฐารสหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจยภาโวฯ อธิปติปจฺจโย น โหตีติ อารมฺมณาธิปติปจฺจโย น โหติฯ ตนฺติ วิจิกิจฺฉํฯ ตตฺถาติ ยถาวุเตฺตสุ อหิริกาทีสุฯ
Bhedāti visesā. Bhedaṃ anāmasitvāti cakkhuviññāṇadhātuādivisesaṃ aggahetvā. Te evāti yathāvuttavisesānaṃ sāmaññabhūte khandhe eva. Yaṃ sandhāya ‘‘evaṃ na sakkā vattu’’nti vuttaṃ, taṃ vibhāvetuṃ ‘‘na hī’’tiādi vuttaṃ. Paṭṭhānasaṃvaṇṇanā hesāti etena sutte vuttapariyāyamaggabhāvenettha na sakkā micchāvācādīnaṃ maggapaccayaṃ vattunti dasseti. Sesapaccayabhāvoti maggapaccayaṃ ṭhapetvā yathāvuttehi sesehi aṭṭhārasahi paccayehi paccayabhāvo. Adhipatipaccayo na hotīti ārammaṇādhipatipaccayo na hoti. Tanti vicikicchaṃ. Tatthāti yathāvuttesu ahirikādīsu.
ทสธา ปจฺจยา โหนฺติ, ปุน ตถา หทยวตฺถุนฺติ อิทํ อตฺถมตฺตวจนํฯ ปาโฐ ปน ‘‘หทยวตฺถุ เตสเญฺจว วิปฺปยุตฺตสฺส จ วเสน ทสธา ปจฺจโย โหตี’’ติ เวทิตโพฺพฯ รูปสทฺทคนฺธรสายตนมตฺตเมวาติ อิทํ รูปาทีนํ สหชาตปจฺจยตาย วิย นิสฺสยปจฺจยตาย จ อภาวโต, ปุเรชาตปจฺจยตาย จ ภาวโต วุตฺตํฯ เอตานีติ ยถาวุตฺตานิ รูปสทฺทคนฺธรสารมฺมณานิฯ สพฺพาติกฺกนฺตปจฺจยาเปกฺขาติ ‘‘เอกธมฺมสฺส อเนกปจฺจยภาวโต’’ติ เอตสฺมิํ วิจาเร เหตุอาทิอติกฺกนฺตปจฺจยาเปกฺขา เอเตสํ รูปาทีนํ อปุพฺพตา นตฺถิ, อถ โข อารมฺมณอารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยปจฺจยาเปกฺขาฯ น หิ รูปาทีนิ เหตุสหชาตาธิปติอาทิวเสน ปจฺจยา โหนฺตีติฯ ตสฺสาติ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส ปุเรชาตปจฺจยภาวโต อปุพฺพตา, ตสฺมา ตํ เอกูนวีสติวิโธ ปจฺจโย โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ สตฺตธา ปจฺจยภาโว โยเชตโพฺพ, น หิ โอชา ปุเรชาตปจฺจโย น โหตีติฯ
Dasadhā paccayā honti, puna tathā hadayavatthunti idaṃ atthamattavacanaṃ. Pāṭho pana ‘‘hadayavatthu tesañceva vippayuttassa ca vasena dasadhā paccayo hotī’’ti veditabbo. Rūpasaddagandharasāyatanamattamevāti idaṃ rūpādīnaṃ sahajātapaccayatāya viya nissayapaccayatāya ca abhāvato, purejātapaccayatāya ca bhāvato vuttaṃ. Etānīti yathāvuttāni rūpasaddagandharasārammaṇāni. Sabbātikkantapaccayāpekkhāti ‘‘ekadhammassa anekapaccayabhāvato’’ti etasmiṃ vicāre hetuādiatikkantapaccayāpekkhā etesaṃ rūpādīnaṃ apubbatā natthi, atha kho ārammaṇaārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayapaccayāpekkhā. Na hi rūpādīni hetusahajātādhipatiādivasena paccayā hontīti. Tassāti rūpajīvitindriyassa purejātapaccayabhāvato apubbatā, tasmā taṃ ekūnavīsatividho paccayo hotīti vuttaṃ hoti. Sattadhā paccayabhāvo yojetabbo, na hi ojā purejātapaccayo na hotīti.
อโตฺถติ วา เหตุอาทิธมฺมานํ สภาโว เวทิตโพฺพฯ โส หิ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปเนฺนหิ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต, ญาเณน วา ญาตพฺพโต ‘‘อโตฺถ’’ติ วุจฺจติฯ อากาโรติ ตเสฺสว ปวตฺติอากาโร, เยน อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยภาวํ อุปคจฺฉตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ตํ ปน วิปฺปยุตฺตํฯ ‘‘สตฺตหากาเรหี’’ติ ปฐานสฺส การณมาห ‘‘อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉโท หี’’ติอาทินาฯ
Atthoti vā hetuādidhammānaṃ sabhāvo veditabbo. So hi attano paccayuppannehi araṇīyato upagantabbato, ñāṇena vā ñātabbato ‘‘attho’’ti vuccati. Ākāroti tasseva pavattiākāro, yena attano paccayuppannānaṃ paccayabhāvaṃ upagacchatīti evamettha attho daṭṭhabbo. Taṃ pana vippayuttaṃ. ‘‘Sattahākārehī’’ti paṭhānassa kāraṇamāha ‘‘ukkaṭṭhaparicchedo hī’’tiādinā.
ยํ กมฺมปจฺจโย…เป.… ทฎฺฐพฺพํ อาเสวนกมฺมปจฺจยานํ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อนนฺตรฎฺฐานตายฯ สหชาตมฺปิ หิ อนนฺตรเมวาติฯ โกจิ ปเนตฺถาติ เอตฺถ เอตสฺมิํ ปกตูปนิสฺสยสมุทาเย โกจิ ตเทกเทสภูโต กมฺมสภาโว ปกตูปนิสฺสโยติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ ‘‘ยทิทํ อารมฺมณปุเรชาเต ปเนตฺถ อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจยตา น ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมิํ, ตสฺมิํ วา อารมฺมณปุเรชาตคฺคหเณฯ วตฺถุสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา ลพฺภตีติ น วตฺตพฺพาฯ น หิ อารมฺมณภูตํ วตฺถุ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย โหติ, อถ โข นิสฺสยภูตเมวาติฯ อิโต อุตฺตรีติ เอตฺถ ‘‘อิโต’’ติ อิทํ ปจฺจามสนํ ปุเรชาตํ วา สนฺธาย อารมฺมณปุเรชาตํ วาฯ ตตฺถ ปฐมนยํ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปุเรชาตโต ปรโตปี’’ติฯ เตน กมฺมาทิปจฺจเยสุปิ วกฺขมาเนสุ ลพฺภมานาลพฺภมานํ เวทิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ทุติยํ ปน นยํ อนเปกฺขิตฺวา อฎฺฐกถายํ อาคตวเสน วุตฺตํ ‘‘อิโต วา อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต’’ติ, อตฺตนา วุตฺตนเยน ปน ‘‘นิสฺสยินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต วา’’ติฯ ตตฺถ วตฺตพฺพํ สยเมวาห ‘‘อารมฺมณาธิปตี’’ติอาทิฯ กมฺมาทีสุ ลพฺภมานาลพฺภมานํ น วกฺขติ ‘‘อิโต อุตฺตรี’’ติอาทินา ปเคว อติเทสสฺส กตตฺตา, ตสฺมา ปุริโมเยว ปุเรชาตโตปีติ วุตฺตอโตฺถเยว อธิเปฺปโตฯ
Yaṃ kammapaccayo…pe… daṭṭhabbaṃ āsevanakammapaccayānaṃ paccayuppannassa anantaraṭṭhānatāya. Sahajātampi hi anantaramevāti. Koci panetthāti ettha etasmiṃ pakatūpanissayasamudāye koci tadekadesabhūto kammasabhāvo pakatūpanissayoti attho. Tatthāti ‘‘yadidaṃ ārammaṇapurejāte panettha indriyavippayuttapaccayatā na labbhatī’’ti vuttaṃ, tasmiṃ, tasmiṃ vā ārammaṇapurejātaggahaṇe. Vatthussa vippayuttapaccayatā labbhatīti na vattabbā. Na hi ārammaṇabhūtaṃ vatthu vippayuttapaccayo hoti, atha kho nissayabhūtamevāti. Ito uttarīti ettha ‘‘ito’’ti idaṃ paccāmasanaṃ purejātaṃ vā sandhāya ārammaṇapurejātaṃ vā. Tattha paṭhamanayaṃ apekkhitvā vuttaṃ ‘‘purejātato paratopī’’ti. Tena kammādipaccayesupi vakkhamānesu labbhamānālabbhamānaṃ veditabbanti vuttaṃ hoti. Dutiyaṃ pana nayaṃ anapekkhitvā aṭṭhakathāyaṃ āgatavasena vuttaṃ ‘‘ito vā indriyavippayuttato’’ti, attanā vuttanayena pana ‘‘nissayindriyavippayuttato vā’’ti. Tattha vattabbaṃ sayamevāha ‘‘ārammaṇādhipatī’’tiādi. Kammādīsu labbhamānālabbhamānaṃ na vakkhati ‘‘ito uttarī’’tiādinā pageva atidesassa katattā, tasmā purimoyeva purejātatopīti vuttaatthoyeva adhippeto.
‘‘มคฺคปจฺจยตํ อวิชหโนฺตวา’’ติ อิมินา จ มคฺคปจฺจโย วุโตฺตติ ‘‘มคฺควชฺชานํ นวนฺน’’นฺติ วุตฺตํ ปจฺฉิมปาเฐ, ปุริมปาเฐ ปน ‘‘มคฺคปจฺจยตํ อวิชหโนฺตวา’’ติ วุตฺตตฺตา เอว มคฺคปจฺจเยน สทฺธิํ สหชาตาทิปจฺจยา คเหตพฺพาติ ‘‘ทสนฺน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปจฺฉิมปาเฐ ‘‘เอกาทสหากาเรหี’’ติ วตฺตพฺพํ, ปุริมปาเฐ ‘‘ทฺวาทสหี’’ติฯ
‘‘Maggapaccayataṃ avijahantovā’’ti iminā ca maggapaccayo vuttoti ‘‘maggavajjānaṃ navanna’’nti vuttaṃ pacchimapāṭhe, purimapāṭhe pana ‘‘maggapaccayataṃ avijahantovā’’ti vuttattā eva maggapaccayena saddhiṃ sahajātādipaccayā gahetabbāti ‘‘dasanna’’nti vuttaṃ. Tattha pacchimapāṭhe ‘‘ekādasahākārehī’’ti vattabbaṃ, purimapāṭhe ‘‘dvādasahī’’ti.
สมนนฺตรนิรุทฺธตาย อารมฺมณภาเวน จาติ วิชฺชมานมฺปิ วิเสสมนามสิตฺวา เกวลํ สมนนฺตรนิรุทฺธตาย อารมฺมณภาเวน, น จ สมนนฺตรนิรุทฺธตาอารมฺมณภาวสามเญฺญนาติ อโตฺถฯ ‘‘อิมินา อุปาเยนา’’ติ ปจฺจยสภาคตาทสฺสเนน ปจฺจยวิสภาคตาทสฺสเนน จ วุตฺตํ ปททฺวยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ปทุทฺธาโร กโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เหตุอาทีนํ สหชาตานํ…เป.… โยเชตพฺพา’’ติ อาหฯ เหตุอารมฺมณาทีนํ สหชาตาสหชาตภาเวน อญฺญมญฺญวิสภาคตาติ โยชนาฯ เอวมาทินาติ อาทิ-สเทฺทน ปุเรชาตานํ จกฺขาทีนํ รูปาทีนญฺจ ปุเรชาตภาเวน สภาคตา, ปวตฺติยํ วตฺถุขนฺธาทีนํ ปุเรชาตปจฺฉาชาตานํ ปุเรชาตปจฺฉาชาตภาเวน วิสภาคตาติ เอวมาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ เหตุนเหตุอาทิภาวโตปิ เจตฺถ ยุคฬกโต วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ เหตุปจฺจโย หิ เหตุภาเวน ปจฺจโย, อิตเร ตทญฺญภาเวนฯ เอวมิตเรสุปิ ยถารหํ ยุคฬกโต เวทิตโพฺพฯ
Samanantaraniruddhatāya ārammaṇabhāvena cāti vijjamānampi visesamanāmasitvā kevalaṃ samanantaraniruddhatāya ārammaṇabhāvena, na ca samanantaraniruddhatāārammaṇabhāvasāmaññenāti attho. ‘‘Iminā upāyenā’’ti paccayasabhāgatādassanena paccayavisabhāgatādassanena ca vuttaṃ padadvayaṃ ekajjhaṃ katvā paduddhāro katoti dassento ‘‘hetuādīnaṃ sahajātānaṃ…pe… yojetabbā’’ti āha. Hetuārammaṇādīnaṃ sahajātāsahajātabhāvena aññamaññavisabhāgatāti yojanā. Evamādināti ādi-saddena purejātānaṃ cakkhādīnaṃ rūpādīnañca purejātabhāvena sabhāgatā, pavattiyaṃ vatthukhandhādīnaṃ purejātapacchājātānaṃ purejātapacchājātabhāvena visabhāgatāti evamādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo. Hetunahetuādibhāvatopi cettha yugaḷakato viññātabbo vinicchayo. Hetupaccayo hi hetubhāvena paccayo, itare tadaññabhāvena. Evamitaresupi yathārahaṃ yugaḷakato veditabbo.
อุภยปฺปธานตาติ ชนโนปตฺถมฺภนปฺปธานตาฯ ฐานนฺติ ปทสฺส อตฺถวจนํ การณภาโวติ วินาปิ ภาวปจฺจยํ ภาวปจฺจยสฺส อโตฺถ ญายตีติฯ อุปนิสฺสยํ ภินฺทเนฺตนาติ อนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยวิภาเคน วิภชเนฺตนฯ ตโยปิ อุปนิสฺสยา วตฺตพฺพา อุปนิสฺสยวิภาคภาวโตฯ อุปนิสฺสยคฺคหณเมว กาตพฺพํ สามญฺญรูเปนฯ ตตฺถาติ เอวมวฎฺฐิเต อนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสโยติ ภินฺทนํ วิภาคกรณํ ยทิ ปกตูปนิสฺสยสฺส รูปานํ ปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ, นนุ อารมฺมณูปนิสฺสยอนนฺตรูปนิสฺสยาปิ รูปานํ ปจฺจยา น โหนฺติเยวาติ? สจฺจํ น โหนฺติ, เต ปน ทสฺสิตนยาติ ตเทกเทเสน อิตรมฺปิ ทสฺสิตเมว โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อารมฺมณํ…เป.… ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ อาหฯ ตํสมานคติกตฺตาติ เตหิ อนนฺตราทีหิ สมานคติกตฺตา อรูปานํเยว ปจฺจยภาวโตฯ ตนฺติ ปุเรชาตปจฺจยํฯ ตตฺถาติ อนนฺตราทีสุ ปฐิตฺวาฯ
Ubhayappadhānatāti jananopatthambhanappadhānatā. Ṭhānanti padassa atthavacanaṃ kāraṇabhāvoti vināpi bhāvapaccayaṃ bhāvapaccayassa attho ñāyatīti. Upanissayaṃ bhindantenāti anantarūpanissayapakatūpanissayavibhāgena vibhajantena. Tayopi upanissayā vattabbā upanissayavibhāgabhāvato. Upanissayaggahaṇameva kātabbaṃ sāmaññarūpena. Tatthāti evamavaṭṭhite anantarūpanissayapakatūpanissayoti bhindanaṃ vibhāgakaraṇaṃ yadi pakatūpanissayassa rūpānaṃ paccayattābhāvadassanatthaṃ, nanu ārammaṇūpanissayaanantarūpanissayāpi rūpānaṃ paccayā na hontiyevāti? Saccaṃ na honti, te pana dassitanayāti tadekadesena itarampi dassitameva hotīti imamatthaṃ dassento ‘‘ārammaṇaṃ…pe… daṭṭhabba’’nti āha. Taṃsamānagatikattāti tehi anantarādīhi samānagatikattā arūpānaṃyeva paccayabhāvato. Tanti purejātapaccayaṃ. Tatthāti anantarādīsu paṭhitvā.
ปจฺจยนิเทฺทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccayaniddesapakiṇṇakavinicchayakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.