Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
ปุจฺฉาวาโร
Pucchāvāro
๑. ปจฺจยานุโลมวณฺณนา
1. Paccayānulomavaṇṇanā
เอเกกํ ติกทุกนฺติ เอเกกํ ติกํ ทุกญฺจาติ อโตฺถ, น ติกทุกนฺติฯ
Ekekaṃ tikadukanti ekekaṃ tikaṃ dukañcāti attho, na tikadukanti.
ปจฺจยา เจวาติ เย กุสลาทิธเมฺม ปฎิจฺจาติ วุตฺตา, เต ปฎิจฺจตฺถํ ผรนฺตา กุสลาทิปจฺจยา เจวาติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘เต จ โข สหชาตาวา’’ติฯ เยหิ ปน เหตาทิปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติ วุตฺตา, เต สหชาตาปิ โหนฺติ อสหชาตาปีติฯ เอตฺถ ปฎิจฺจสหชาตวาเรหิ สมานเตฺถหิ ปฎิจฺจสหชาตาภิธาเนหิ สมานตฺถํ โพเธเนฺตน ภควตา ปจฺฉิมวาเรน ปุริมวาโร, ปุริมวาเรน จ ปจฺฉิมวาโร จ โพธิโตติ เวทิตโพฺพฯ เอส นโย ปจฺจยนิสฺสยวาเรสุ สํสฎฺฐสมฺปยุตฺตวาเรสุ จ, เอวญฺจ นิรุตฺติโกสลฺลํ ชนิตํ โหตีติฯ
Paccayā cevāti ye kusalādidhamme paṭiccāti vuttā, te paṭiccatthaṃ pharantā kusalādipaccayā cevāti attho. Tenevāha ‘‘te ca kho sahajātāvā’’ti. Yehi pana hetādipaccayehi uppatti vuttā, te sahajātāpi honti asahajātāpīti. Ettha paṭiccasahajātavārehi samānatthehi paṭiccasahajātābhidhānehi samānatthaṃ bodhentena bhagavatā pacchimavārena purimavāro, purimavārena ca pacchimavāro ca bodhitoti veditabbo. Esa nayo paccayanissayavāresu saṃsaṭṭhasampayuttavāresu ca, evañca niruttikosallaṃ janitaṃ hotīti.
‘‘เต เต ปน ปเญฺห อุทฺธริตฺวา ปุน กุสโล เหตุ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ ลิขิตํฯ ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๐๑) ปญฺหาวารปาโฐติ ปมาทเลขา เอสาติ ปาฬิยํ อาคตปาฐเมว ปฐนฺติฯ ปุริมวาเรสุ สหชาตนิสฺสยสมฺปยุตฺตปจฺจยภาเวหิ กุสลาทิธเมฺม นิยเมตฺวา ตสฺมิํ นิยเม กุสลาทีนํ เหตุปจฺจยาทีหิ อุปฺปตฺติํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตํ, น ตตฺถ ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา เหตาทิปจฺจยภูตา’’ติ วิญฺญายนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘สิยา กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๒๕) เอวมาทีหิ สงฺคหิเต ปฎิจฺจตฺถาทิผรณกภาเว เหตาทิปจฺจยปจฺจยุปฺปเนฺนสุ เหตาทิปจฺจยานํ นิจฺฉยาภาวโต ปญฺหา นิชฺชฎา นิคฺคุมฺพา จ กตฺวา น วิภตฺตา, อิธ ปน ‘‘สิยา กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวมาทีหิ สงฺคหิตา เหตาทิปจฺจยภูตา กุสลาทโย ปจฺจยุปฺปนฺนา จ นิจฺฉิตา, น โกจิ ปุจฺฉาสงฺคหิโต อโตฺถ อนิจฺฉิโต นาม อตฺถีติ อาห ‘‘สเพฺพปิ เต ปญฺหา นิชฺชฎา นิคฺคุมฺพา จ กตฺวา วิภตฺตา’’ติฯ ปญฺหา ปน อุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺชนํ สพฺพตฺถ สมานนฺติ น ตํ สนฺธาย นิชฺชฎตา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
‘‘Te te pana pañhe uddharitvā puna kusalo hetu hetusampayuttakānaṃ dhammāna’’nti likhitaṃ. ‘‘Kusalā hetū sampayuttakānaṃ khandhāna’’nti (paṭṭhā. 1.1.401) pañhāvārapāṭhoti pamādalekhā esāti pāḷiyaṃ āgatapāṭhameva paṭhanti. Purimavāresu sahajātanissayasampayuttapaccayabhāvehi kusalādidhamme niyametvā tasmiṃ niyame kusalādīnaṃ hetupaccayādīhi uppattiṃ pucchitvā vissajjanaṃ kataṃ, na tattha ‘‘ime nāma te dhammā hetādipaccayabhūtā’’ti viññāyanti, tasmā tattha ‘‘siyā kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjeyya hetupaccayā’’ti (paṭṭhā. 1.1.25) evamādīhi saṅgahite paṭiccatthādipharaṇakabhāve hetādipaccayapaccayuppannesu hetādipaccayānaṃ nicchayābhāvato pañhā nijjaṭā niggumbā ca katvā na vibhattā, idha pana ‘‘siyā kusalo dhammo kusalassa dhammassa hetupaccayena paccayo’’ti evamādīhi saṅgahitā hetādipaccayabhūtā kusalādayo paccayuppannā ca nicchitā, na koci pucchāsaṅgahito attho anicchito nāma atthīti āha ‘‘sabbepi te pañhā nijjaṭā niggumbā ca katvā vibhattā’’ti. Pañhā pana uddharitvā vissajjanaṃ sabbattha samānanti na taṃ sandhāya nijjaṭatā vuttāti daṭṭhabbā.
อุปฺปตฺติยา ปญฺญาปิตตฺตาติ ปุจฺฉามเตฺตเนว อุปฺปตฺติยา ฐปิตตฺตา ปกาสิตตฺตา, นานปฺปกาเรหิ วา ญาปิตตฺตาติ อโตฺถฯ
Uppattiyā paññāpitattāti pucchāmatteneva uppattiyā ṭhapitattā pakāsitattā, nānappakārehi vā ñāpitattāti attho.
๒๕-๓๔. ปริกปฺปปุจฺฉาติ วิธิปุจฺฉาฯ กิํ สิยาติ เอโส วิธิ กิํ อตฺถีติ อโตฺถฯ กิํ สิยา, อถ น สิยาติ สมฺปุจฺฉนํ วา ปริกปฺปปุจฺฉาติ วทติฯ กิมิทํ สมฺปุจฺฉนํ นาม? สเมจฺจ ปุจฺฉนํ, ‘‘กิํ สุตฺตนฺตํ ปริยาปุเณยฺย, อถ อภิธมฺม’’นฺติ อเญฺญน สห สมฺปธารณนฺติ อโตฺถฯ โย กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา, โส กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ สิยาติ เอตสฺมิํ อเตฺถ สติ ปจฺฉาชาตวิปากปจฺจเยสุปิ สพฺพปุจฺฉานํ ปวตฺติโต ‘‘โย กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย ปจฺฉาชาตปจฺจยา วิปากปจฺจยา, โส กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ สิยา’’ติ อยมโตฺถ วิญฺญาเยยฺย, ตถา จ สติ ปจฺฉาชาตปจฺจยา วิปากปจฺจยาติ อุปฺปชฺชมานํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ ภวนสฺส ปุจฺฉนโต กุสลานํ เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติ อนุญฺญาตาติ อาปชฺชติ, น จ ตํตํปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานํ กุสลาทีนํ กุสลาทิธเมฺม ปฎิจฺจ ภวนมตฺถิตา เอตฺถ ปุจฺฉิตา, อถ โข อุปฺปตฺติ, เอวญฺจ กตฺวา วิสฺสชฺชเน ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชตี’’ติ อุปฺปตฺติเยว วิสฺสชฺชิตาติ, ตสฺมา อยมโตฺถ สโทโสติ ‘‘อถ วา’’ติ อตฺถนฺตรวจนํ วุตฺตํฯ
25-34. Parikappapucchāti vidhipucchā. Kiṃ siyāti eso vidhi kiṃ atthīti attho. Kiṃ siyā, atha na siyāti sampucchanaṃ vā parikappapucchāti vadati. Kimidaṃ sampucchanaṃ nāma? Samecca pucchanaṃ, ‘‘kiṃ suttantaṃ pariyāpuṇeyya, atha abhidhamma’’nti aññena saha sampadhāraṇanti attho. Yo kusalo dhammo uppajjeyya hetupaccayā, so kusalaṃ dhammaṃ paṭicca siyāti etasmiṃ atthe sati pacchājātavipākapaccayesupi sabbapucchānaṃ pavattito ‘‘yo kusalo dhammo uppajjeyya pacchājātapaccayā vipākapaccayā, so kusalaṃ dhammaṃ paṭicca siyā’’ti ayamattho viññāyeyya, tathā ca sati pacchājātapaccayā vipākapaccayāti uppajjamānaṃ niddhāretvā tassa kusalaṃ dhammaṃ paṭicca bhavanassa pucchanato kusalānaṃ tehi paccayehi uppatti anuññātāti āpajjati, na ca taṃtaṃpaccayā uppajjamānānaṃ kusalādīnaṃ kusalādidhamme paṭicca bhavanamatthitā ettha pucchitā, atha kho uppatti, evañca katvā vissajjane ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjatī’’ti uppattiyeva vissajjitāti, tasmā ayamattho sadosoti ‘‘atha vā’’ti atthantaravacanaṃ vuttaṃ.
ตตฺถ ‘‘กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ อุปฺปตฺติํ อนุชานิตฺวา ‘‘เหตุปจฺจยา สิยา เอต’’นฺติ ตสฺสา เหตุปจฺจยา ภวนปุจฺฉนํ, ‘‘อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ เหตุปจฺจยา อุปฺปตฺติํ อนุชานิตฺวา ตสฺสา ‘‘สิยา เอต’’นฺติ ภวนปุจฺฉนญฺจ น ยุตฺตํฯ อนุญฺญาตญฺหิ นิจฺฉิตเมวาติฯ ตสฺมา อนนุชานิตฺวา ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ เอวํ ยถาวุตฺตํ อุปฺปชฺชนํ กิํ สิยาติ ปุจฺฉตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุปฺปเชฺชยฺยาติ วา อิทมฺปิ สมฺปุจฺฉนเมว, กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม กิํ อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยาติ อโตฺถฯ สิยาติ ยถาปุจฺฉิตเสฺสว อุปฺปชฺชนสฺส สมฺภวํ ปุจฺฉติ ‘‘กิํ เอวํ อุปฺปชฺชนํ สิยา สมฺภเวยฺยา’’ติ, อยํ นโย สิยาสทฺทสฺส ปจฺฉาโยชเนฯ ยถาฐาเนเยว ปน ฐิตา ‘‘สิยา’’ติ เอสา สามญฺญปุจฺฉา, ตาย ปน ปุจฺฉาย ‘‘อิทํ นาม ปุจฺฉิต’’นฺติ น วิญฺญายตีติ ตสฺสาเยว ปุจฺฉาย วิเสสนตฺถํ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ ปุจฺฉติ, เอวํ วิเสสิตพฺพวิเสสนภาเวน เทฺวปิ ปุจฺฉา เอกาเยว ปุจฺฉาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Tattha ‘‘kusalo dhammo uppajjeyyā’’ti uppattiṃ anujānitvā ‘‘hetupaccayā siyā eta’’nti tassā hetupaccayā bhavanapucchanaṃ, ‘‘uppajjeyya hetupaccayā’’ti hetupaccayā uppattiṃ anujānitvā tassā ‘‘siyā eta’’nti bhavanapucchanañca na yuttaṃ. Anuññātañhi nicchitamevāti. Tasmā ananujānitvā ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjeyya hetupaccayā’’ti evaṃ yathāvuttaṃ uppajjanaṃ kiṃ siyāti pucchatīti daṭṭhabbaṃ. Uppajjeyyāti vā idampi sampucchanameva, kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo kiṃ uppajjeyya hetupaccayāti attho. Siyāti yathāpucchitasseva uppajjanassa sambhavaṃ pucchati ‘‘kiṃ evaṃ uppajjanaṃ siyā sambhaveyyā’’ti, ayaṃ nayo siyāsaddassa pacchāyojane. Yathāṭhāneyeva pana ṭhitā ‘‘siyā’’ti esā sāmaññapucchā, tāya pana pucchāya ‘‘idaṃ nāma pucchita’’nti na viññāyatīti tassāyeva pucchāya visesanatthaṃ ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjeyya hetupaccayā’’ti pucchati, evaṃ visesitabbavisesanabhāvena dvepi pucchā ekāyeva pucchāti daṭṭhabbā.
คมนุสฺสุกฺกวจนนฺติ คมนสฺส สมานกตฺตุกปจฺฉิมกาลกิริยาเปกฺขวจนนฺติ อโตฺถฯ ยทิปิ ปฎิคมนุปฺปตฺตีนํ ปุริมปจฺฉิมกาลตา นตฺถิ, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปน สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวเนว โหตีติ คหณปฺปวตฺติอาการวเสน ปจฺจยายตฺตตาอตฺตปฎิลาภสงฺขาตานํ ปฎิคมนุปฺปตฺติกิริยานมฺปิ ปุริมปจฺฉิมกาลโวหาโร โหตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ คมนํ วา อุปฺปตฺติ เอวาติ คจฺฉนฺตสฺส ปฎิคมนํ อุปฺปชฺชนฺตสฺส ปฎิอุปฺปชฺชนํ สมานกิริยาฯ ปฎิกรณญฺหิ ปฎิสทฺทโตฺถติฯ ตสฺมา ‘‘กุสลํ ธมฺม’’นฺติ อุปโยคนิทฺทิฎฺฐํ ปจฺจยํ อุปฺปชฺชมานํ ปฎิจฺจ ตทายตฺตุปฺปตฺติยา ปฎิคนฺตฺวาติ อยเมตฺถ อโตฺถ, เตน ปฎิจฺจาติ สหชาตปจฺจยํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ สหชาตปจฺจยกรณญฺหิ อุปฺปชฺชมานาภิมุขอุปฺปชฺชมานํ ปฎิคมนํ, ตํ กตฺวาติ ปฎิจฺจสทฺทสฺส อโตฺถติฯ
Gamanussukkavacananti gamanassa samānakattukapacchimakālakiriyāpekkhavacananti attho. Yadipi paṭigamanuppattīnaṃ purimapacchimakālatā natthi, paccayapaccayuppannānaṃ pana sahajātānampi paccayapaccayuppannabhāvena gahaṇaṃ purimapacchimabhāveneva hotīti gahaṇappavattiākāravasena paccayāyattatāattapaṭilābhasaṅkhātānaṃ paṭigamanuppattikiriyānampi purimapacchimakālavohāro hotīti daṭṭhabbo. Gamanaṃ vā uppatti evāti gacchantassa paṭigamanaṃ uppajjantassa paṭiuppajjanaṃ samānakiriyā. Paṭikaraṇañhi paṭisaddatthoti. Tasmā ‘‘kusalaṃ dhamma’’nti upayoganiddiṭṭhaṃ paccayaṃ uppajjamānaṃ paṭicca tadāyattuppattiyā paṭigantvāti ayamettha attho, tena paṭiccāti sahajātapaccayaṃ katvāti vuttaṃ hoti. Sahajātapaccayakaraṇañhi uppajjamānābhimukhauppajjamānaṃ paṭigamanaṃ, taṃ katvāti paṭiccasaddassa atthoti.
๓๕-๓๘. ตาสุ ปาฬิยํ เทฺวเยว ทสฺสิตาติ เหตารมฺมณทุเก ทฺวินฺนํ ปุจฺฉานํ ทสฺสิตตฺตา วุตฺตํฯ เอตฺถ จ เอกมูลกาทิภาโว ปุจฺฉานํ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพ, ปจฺจยานํ ปน วเสน สพฺพปฐโม ปจฺจยนฺตเรน อโวมิสฺสกตฺตา สุทฺธิกนโย, ทุติโย อารมฺมณาทีสุ เอเกกสฺส เหตุ เอว เอกมูลกนฺติ กตฺวา เอกมูลกนโยฯ เอวํ เหตารมฺมณทุกาทีนํ อธิปติอาทีนํ มูลภาวโต ทุกมูลกาทโย นยา เวทิตพฺพาฯ เตวีสติมูลกนโย จ ตโต ปรํ มูลสฺส อภาวโต ‘‘สพฺพมูลก’’นฺติ ปาฬิยํ วุโตฺตฯ ตตฺถ นปุํสกนิเทฺทเสน เอก…เป.… สพฺพมูลกํ ปจฺจยคมนํ ปาฬิคมนํ วาติ วิญฺญายติ, เอก…เป.… สพฺพมูลกํ นยํ อสมฺมุยฺหเนฺตนาติ อุปโยโค วา , อิธ จ สพฺพมูลกนฺติ จ เตวีสติมูลกเสฺสว วุตฺตตฺตา ปจฺจนีเย วกฺขติ ‘‘ยถา อนุโลเม เอเกกสฺส ปทสฺส เอกมูลกํ…เป.… ยาว เตวีสติมูลกํ, เอวํ ปจฺจนีเยปิ วิตฺถาเรตพฺพ’’นฺติ (ปฎฺฐา. อฎฺฐ. ๑.๔๒-๔๔)ฯ
35-38. Tāsu pāḷiyaṃ dveyeva dassitāti hetārammaṇaduke dvinnaṃ pucchānaṃ dassitattā vuttaṃ. Ettha ca ekamūlakādibhāvo pucchānaṃ vuttoti veditabbo, paccayānaṃ pana vasena sabbapaṭhamo paccayantarena avomissakattā suddhikanayo, dutiyo ārammaṇādīsu ekekassa hetu eva ekamūlakanti katvā ekamūlakanayo. Evaṃ hetārammaṇadukādīnaṃ adhipatiādīnaṃ mūlabhāvato dukamūlakādayo nayā veditabbā. Tevīsatimūlakanayo ca tato paraṃ mūlassa abhāvato ‘‘sabbamūlaka’’nti pāḷiyaṃ vutto. Tattha napuṃsakaniddesena eka…pe… sabbamūlakaṃ paccayagamanaṃ pāḷigamanaṃ vāti viññāyati, eka…pe… sabbamūlakaṃ nayaṃ asammuyhantenāti upayogo vā , idha ca sabbamūlakanti ca tevīsatimūlakasseva vuttattā paccanīye vakkhati ‘‘yathā anulome ekekassa padassa ekamūlakaṃ…pe… yāva tevīsatimūlakaṃ, evaṃ paccanīyepi vitthāretabba’’nti (paṭṭhā. aṭṭha. 1.42-44).
๓๙-๔๐. ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยาติ เอตฺตาวตา อารมฺมณปจฺจยํ อาทิํ กตฺวา เหตุปจฺจยปริโยสาโน เอกมูลกนโย ทสฺสิโต’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ วินเย วิย จกฺกพนฺธนวเสน ปาฬิคติ อาปชฺชติ, น เหฎฺฐิมโสธนวเสนฯ เหฎฺฐิมโสธนวเสน จ อิธ อภิธเมฺม ปาฬิ คตา, เอวญฺจ กตฺวา วิสฺสชฺชเน ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณิ, อธิปติปจฺจยา ตีณิ, อธิปติปจฺจยา เหตุยา นว, อารมฺมเณ ตีณี’’ติอาทินา เหฎฺฐิมํ โสเธตฺวาว ปาฬิ ปวตฺตาฯ โย เจตฺถ ‘‘เอกมูลกนโย’’ติ วุโตฺต, โส สุทฺธิกนโยวฯ โส จ วิเสสาภาวโต อารมฺมณมูลกาทีสุ น ลพฺภติฯ น หิ อารมฺมณาทีสุ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อาทิมฺหิ ฐปิเตปิ ปจฺจยนฺตเรน สมฺพนฺธาภาเวน อาทิมฺหิ วุตฺตสุทฺธิกโต วิเสสโตฺถ ลพฺภติ, เตเนว วิสฺสชฺชเนปิ อารมฺมณมูลกาทีสุ สุทฺธิกนโย น ทสฺสิโตติ, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยา อารมฺมณปจฺจยา อธิปติปจฺจยา…เป.… อารมฺมณปจฺจยา อวิคตปจฺจยา’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๓๙) อยํ เหฎฺฐิมโสธนวเสน เอกสฺมิํ อารมฺมณปจฺจเย เหตุปจฺจยาทิเก โยเชตฺวา วุโตฺต เอกมูลกนโย ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา…เป.… อวิคตปจฺจยา’’ติ วา เอกมูลเกสุ อนนฺตรปจฺจยสฺส มูลกํ อารมฺมณํ ทเสฺสตฺวา เอกมูลกาทีนิ สํขิปิตฺวา สพฺพมูลกสฺสาวสาเนน อวิคตปจฺจเยน นิฎฺฐาปิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อธิปติปจฺจยา อนนฺตรปจฺจยา สมนนฺตรปจฺจยา สหชาตปจฺจยา อญฺญมญฺญปจฺจยาติ อิทํ มูลเมว ทเสฺสตฺวา เอกมูลกาทีนํ สํขิปนํ ทฎฺฐพฺพํ, น สุทฺธิกทสฺสนํ, นาปิ สพฺพมูลเก กติปยปจฺจยทสฺสนํฯ
39-40. ‘‘Ārammaṇapaccayā hetupaccayāti ettāvatā ārammaṇapaccayaṃ ādiṃ katvā hetupaccayapariyosāno ekamūlakanayo dassito’’ti vuttaṃ, evaṃ sati vinaye viya cakkabandhanavasena pāḷigati āpajjati, na heṭṭhimasodhanavasena. Heṭṭhimasodhanavasena ca idha abhidhamme pāḷi gatā, evañca katvā vissajjane ‘‘ārammaṇapaccayā hetuyā tīṇi, adhipatipaccayā tīṇi, adhipatipaccayā hetuyā nava, ārammaṇe tīṇī’’tiādinā heṭṭhimaṃ sodhetvāva pāḷi pavattā. Yo cettha ‘‘ekamūlakanayo’’ti vutto, so suddhikanayova. So ca visesābhāvato ārammaṇamūlakādīsu na labbhati. Na hi ārammaṇādīsu tasmiṃ tasmiṃ ādimhi ṭhapitepi paccayantarena sambandhābhāvena ādimhi vuttasuddhikato visesattho labbhati, teneva vissajjanepi ārammaṇamūlakādīsu suddhikanayo na dassitoti, tasmā ‘‘ārammaṇapaccayā hetupaccayā ārammaṇapaccayā adhipatipaccayā…pe… ārammaṇapaccayā avigatapaccayā’’ti (paṭṭhā. 1.1.39) ayaṃ heṭṭhimasodhanavasena ekasmiṃ ārammaṇapaccaye hetupaccayādike yojetvā vutto ekamūlakanayo daṭṭhabbo. ‘‘Ārammaṇapaccayā…pe… avigatapaccayā’’ti vā ekamūlakesu anantarapaccayassa mūlakaṃ ārammaṇaṃ dassetvā ekamūlakādīni saṃkhipitvā sabbamūlakassāvasānena avigatapaccayena niṭṭhāpitanti daṭṭhabbaṃ. Adhipatipaccayā anantarapaccayā samanantarapaccayā sahajātapaccayā aññamaññapaccayāti idaṃ mūlameva dassetvā ekamūlakādīnaṃ saṃkhipanaṃ daṭṭhabbaṃ, na suddhikadassanaṃ, nāpi sabbamūlake katipayapaccayadassanaṃ.
๔๑. ตโต นิสฺสยาทีนิ มูลานิปิ สํขิปิตฺวา อวิคตมูลกนยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อวิคตปจฺจยา เหตุปจฺจยา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ เอตสฺมิญฺจ สุทฺธิกสฺส อทสฺสเนน อารมฺมณมูลกาทีสุ วิสุํ วิสุํ สุทฺธิกนโย น ลพฺภตีติ ญาปิโต โหติฯ น หิ อาทิ กตฺถจิ สํเขปนฺตรคโต โหติฯ อาทิอเนฺตหิ มชฺฌิมานํ ทสฺสนญฺหิ สเงฺขโป, อาทิโต ปภุติ กติจิ วตฺวา คติทสฺสนํ วาติฯ ทุติยจตุกฺกํ วตฺวา ‘‘วิคตปจฺจยา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ฐปิตํ ฯ เตน โอสานจตุกฺกํ ทเสฺสติฯ ตติยจตุกฺกโต ปภุติ วา ปญฺจกมูลานิ สํขิปิตฺวา สพฺพมูลกสฺส อวสาเนน นิฎฺฐเปติฯ
41. Tato nissayādīni mūlānipi saṃkhipitvā avigatamūlakanayaṃ dassetuṃ ‘‘avigatapaccayā hetupaccayā’’tiādi āraddhaṃ. Etasmiñca suddhikassa adassanena ārammaṇamūlakādīsu visuṃ visuṃ suddhikanayo na labbhatīti ñāpito hoti. Na hi ādi katthaci saṃkhepantaragato hoti. Ādiantehi majjhimānaṃ dassanañhi saṅkhepo, ādito pabhuti katici vatvā gatidassanaṃ vāti. Dutiyacatukkaṃ vatvā ‘‘vigatapaccayā’’ti padaṃ uddharitvā ṭhapitaṃ . Tena osānacatukkaṃ dasseti. Tatiyacatukkato pabhuti vā pañcakamūlāni saṃkhipitvā sabbamūlakassa avasānena niṭṭhapeti.
เอตฺถ จ ทุกมูลกาทีสุ ยถา เหตุอารมฺมณทุเกน สทฺธิํ อวเสสา ปจฺจยา โยชิตา, เหตารมฺมณาธิปติติกาทีหิ จ อวเสสาวเสสา, เอวํ เหตุอธิปติทุกาทีหิ เหตุอธิปติอนนฺตรติกาทีหิ จ อวเสสาวเสสา โยเชตพฺพา สิยุํฯ ยทิ จ สเพฺพสํ ปจฺจยานํ มูลภาเวน โยชิตตฺตา เหตุมูลเก เหตุอธิปติอาทิทุกานํ อธิปติมูลกาทีสุ อธิปติเหตุอาทิทุเกหิ วิเสโส นตฺถิฯ เต เอว หิ ปจฺจยา อุปฺปฎิปาฎิยา วุตฺตา, ตถาปิ อารมฺมณมูลกาทีสุ อารมฺมณาธิปติทุกาทีนํ อวเสสาวเสเสหิ, เหตุมูลเก จ เหตุอธิปติอนนฺตรติกาทีนํ อวเสสาวเสเสหิ โยชเน อตฺถิ วิเสโสติฯ ยสฺมา ปน เอวํ โยชิยมาเนสุปิ สุขคฺคหณํ น โหติ, น จ ยถาวุตฺตาย โยชนาย สพฺพา สา โยชนา ปญฺญวตา น สกฺกา วิญฺญาตุํ, ตสฺมา ตถา อโยเชตฺวา อนุปุเพฺพเนว โยชนา กตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ธมฺมานํ เทสนาวิธาเน หิ ภควาว ปมาณนฺติฯ คณนาคาถา อาทิมปาเฐ กาจิ วิรุทฺธา, ตสฺมา สุฎฺฐุ คเณตฺวา คเหตพฺพาฯ
Ettha ca dukamūlakādīsu yathā hetuārammaṇadukena saddhiṃ avasesā paccayā yojitā, hetārammaṇādhipatitikādīhi ca avasesāvasesā, evaṃ hetuadhipatidukādīhi hetuadhipatianantaratikādīhi ca avasesāvasesā yojetabbā siyuṃ. Yadi ca sabbesaṃ paccayānaṃ mūlabhāvena yojitattā hetumūlake hetuadhipatiādidukānaṃ adhipatimūlakādīsu adhipatihetuādidukehi viseso natthi. Te eva hi paccayā uppaṭipāṭiyā vuttā, tathāpi ārammaṇamūlakādīsu ārammaṇādhipatidukādīnaṃ avasesāvasesehi, hetumūlake ca hetuadhipatianantaratikādīnaṃ avasesāvasesehi yojane atthi visesoti. Yasmā pana evaṃ yojiyamānesupi sukhaggahaṇaṃ na hoti, na ca yathāvuttāya yojanāya sabbā sā yojanā paññavatā na sakkā viññātuṃ, tasmā tathā ayojetvā anupubbeneva yojanā katāti daṭṭhabbā. Dhammānaṃ desanāvidhāne hi bhagavāva pamāṇanti. Gaṇanāgāthā ādimapāṭhe kāci viruddhā, tasmā suṭṭhu gaṇetvā gahetabbā.
‘‘ทฺวาวีสติยา ติเกสุ เอเกกํ ติกํ ทุกานํ สเตน สเตน สทฺธิํ โยเชตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ทุกติกปฎฺฐาเน เกสญฺจิ โปตฺถกานํ วเสน วุตฺตํฯ เกสุจิ ปน เอเกโก ทุโก ทฺวาวีสติยา ทฺวาวีสติยา ติเกหิ โยชิโต, ตญฺจ คมนํ ยุตฺตํฯ น หิ ตตฺถ ติกสฺส โยชนา อตฺถิ, อถ โข ติกานํ เอเกเกน ปเทน ทุกสฺสาติฯ ตตฺถ ฉสฎฺฐิยา ติกปเทสุ เอเกเกน สํสนฺทิตฺวา ฉสฎฺฐิ เหตุทุกา, ตถา สเหตุกทุกาทโย จาติ ทุกานํ ฉสตาธิกานิ ฉสหสฺสานิ โหนฺติฯ เตสุ เอเกกสฺมิํ ปฎิจฺจวาราทโย สตฺต วารา นยา ปุจฺฉา จ สพฺพา ทุกปฎฺฐาเน เหตุทุเกน สมานาฯ
‘‘Dvāvīsatiyā tikesu ekekaṃ tikaṃ dukānaṃ satena satena saddhiṃ yojetvā’’ti vuttaṃ, taṃ dukatikapaṭṭhāne kesañci potthakānaṃ vasena vuttaṃ. Kesuci pana ekeko duko dvāvīsatiyā dvāvīsatiyā tikehi yojito, tañca gamanaṃ yuttaṃ. Na hi tattha tikassa yojanā atthi, atha kho tikānaṃ ekekena padena dukassāti. Tattha chasaṭṭhiyā tikapadesu ekekena saṃsanditvā chasaṭṭhi hetudukā, tathā sahetukadukādayo cāti dukānaṃ chasatādhikāni chasahassāni honti. Tesu ekekasmiṃ paṭiccavārādayo satta vārā nayā pucchā ca sabbā dukapaṭṭhāne hetudukena samānā.
‘‘ทุกสเต เอเกกํ ทุกํ ทฺวาวีสติยา ติเกหิ สทฺธิํ โยเชตฺวา’’ติ จ วุตฺตํ, ตมฺปิ ติกทุกปฎฺฐาเน เกสญฺจิ โปตฺถกานํ วเสน วุตฺตํฯ วุตฺตนเยน ปน ยุตฺตคมเนสุ เอเกโก ติโก ทุกสเตน โยชิโตฯ ตตฺถ เหตุปทํ ปกฺขิปิตฺวา วุโตฺต เอโก กุสลตฺติโก, ตถา นเหตุปทํ…เป.… อรณปทนฺติ กุสลตฺติกานํ เทฺว สตานิ โหนฺติ, ตถา เวทนาตฺติกาทีนมฺปีติ สเพฺพสํ จตุสตาธิกานิ จตฺตาริ สหสฺสานิ โหนฺติฯ เตสุ เอเกกสฺมิํ วารนยปุจฺฉา ติกปฎฺฐาเน กุสลตฺติเกน สมานาฯ
‘‘Dukasate ekekaṃ dukaṃ dvāvīsatiyā tikehi saddhiṃ yojetvā’’ti ca vuttaṃ, tampi tikadukapaṭṭhāne kesañci potthakānaṃ vasena vuttaṃ. Vuttanayena pana yuttagamanesu ekeko tiko dukasatena yojito. Tattha hetupadaṃ pakkhipitvā vutto eko kusalattiko, tathā nahetupadaṃ…pe… araṇapadanti kusalattikānaṃ dve satāni honti, tathā vedanāttikādīnampīti sabbesaṃ catusatādhikāni cattāri sahassāni honti. Tesu ekekasmiṃ vāranayapucchā tikapaṭṭhāne kusalattikena samānā.
‘‘ฉ อนุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติ วจนโต ปนาติ เอเตน อิทํ ทเสฺสติ – ‘‘อนุโลมมฺหี’’ติ ‘‘ติกาทโย ฉนยา’’ติ จ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ปฎิจฺจวาราทิวเสน สตฺตวิธมฺปิ อนุโลมํ สห คเหตฺวา ‘‘ฉ อนุโลมมฺหี’’ติ วุตฺตํ, อนุโลมาทิวเสน จตุพฺพิธํ ติกปฎฺฐานํ สห คเหตฺวา ‘‘ติกญฺจ ปฎฺฐานวร’’นฺติ, ตถา จตุพฺพิธานิ ทุกปฎฺฐานาทีนิ สห คเหตฺวา ‘‘ทุกุตฺตม’’นฺติอาทิํ วตฺวา ‘‘ฉ นยา สุคมฺภีรา’’ติ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ คเหตฺวา อิมสฺมิํ ปจฺจยานุโลเม สตฺตปฺปเภเท ฉปิ เอเต ปฎฺฐานา ปฎฺฐานนยา จตุปฺปเภทา ปุจฺฉาวเสน อุทฺธริตพฺพาติฯ เอวญฺหิ สพฺพสฺมิํ ปฎฺฐาเน สโพฺพ ปจฺจยานุโลโม ทสฺสิโต โหตีติฯ ปจฺจนียคาถาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ ทุกติกปฎฺฐานาทีสุ วิเสสิตเพฺพหิ ติเกหิ ปฎฺฐานํ ติกปฎฺฐานํฯ ทุกานํ ติกปฎฺฐานํ ทุกติกปฎฺฐานํฯ ทุกวิเสสิตา วา ติกา ทุกติกา, ทุกติกานํ ปฎฺฐานํ ทุกติกปฎฺฐานนฺติ อิมินา นเยน วจนโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ทุกาทิวิเสสิตสฺส เจตฺถ ติกาทิปทสฺส ทุกาทิภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ ทุกปฎฺฐานเมว หิ ติกปทสํสนฺทนวเสน ทุกปทสํสนฺทนวเสน จ ปวตฺตํ ทุกติกปฎฺฐานํ ทุกทุกปฎฺฐานญฺจ, ตถา ติกปฎฺฐานเมว ทุกปทสํสนฺทนวเสน ติกปทสํสนฺทนวเสน จ ปวตฺตํ ติกทุกปฎฺฐานํ ติกติกปฎฺฐานญฺจาติฯ
‘‘Chaanulomamhi nayā sugambhīrā’’ti vacanato panāti etena idaṃ dasseti – ‘‘anulomamhī’’ti ‘‘tikādayo chanayā’’ti ca avisesena vuttattā paṭiccavārādivasena sattavidhampi anulomaṃ saha gahetvā ‘‘cha anulomamhī’’ti vuttaṃ, anulomādivasena catubbidhaṃ tikapaṭṭhānaṃ saha gahetvā ‘‘tikañca paṭṭhānavara’’nti, tathā catubbidhāni dukapaṭṭhānādīni saha gahetvā ‘‘dukuttama’’ntiādiṃ vatvā ‘‘cha nayā sugambhīrā’’ti vuttanti imamatthaṃ gahetvā imasmiṃ paccayānulome sattappabhede chapi ete paṭṭhānā paṭṭhānanayā catuppabhedā pucchāvasena uddharitabbāti. Evañhi sabbasmiṃ paṭṭhāne sabbo paccayānulomo dassito hotīti. Paccanīyagāthādīsupi eseva nayo. Ettha ca dukatikapaṭṭhānādīsu visesitabbehi tikehi paṭṭhānaṃ tikapaṭṭhānaṃ. Dukānaṃ tikapaṭṭhānaṃ dukatikapaṭṭhānaṃ. Dukavisesitā vā tikā dukatikā, dukatikānaṃ paṭṭhānaṃ dukatikapaṭṭhānanti iminā nayena vacanattho veditabbo. Dukādivisesitassa cettha tikādipadassa dukādibhāvo daṭṭhabbo. Dukapaṭṭhānameva hi tikapadasaṃsandanavasena dukapadasaṃsandanavasena ca pavattaṃ dukatikapaṭṭhānaṃ dukadukapaṭṭhānañca, tathā tikapaṭṭhānameva dukapadasaṃsandanavasena tikapadasaṃsandanavasena ca pavattaṃ tikadukapaṭṭhānaṃ tikatikapaṭṭhānañcāti.
ปจฺจยานุโลมวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paccayānulomavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / ๓. ปุจฺฉาวาโร • 3. Pucchāvāro
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑. ปจฺจยานุโลมวณฺณนา • 1. Paccayānulomavaṇṇanā