Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ปุจฺฉาวาโร

    Pucchāvāro

    ๑. ปจฺจยานุโลมวณฺณนา

    1. Paccayānulomavaṇṇanā

    เอเกกํ ติกํ ทุกญฺจาติ กุสลตฺติกาทีสุ พาวีสติยา ติเกสุ เหตุทุกาทีสุ สตํ ทุเกสุ เอเกกํ ติกํ ทุกญฺจฯ น ติกทุกนฺติ ตุลฺยโยคีนํ น ติกทุกนฺติ อโตฺถฯ ติกวิสิฎฺฐํ ปน ทุกํ, ทุกวิสิฎฺฐญฺจ ติกํ, ติกวิสิฎฺฐติกทุกวิสิฎฺฐทุเกสุ วิย นิสฺสาย อุปริ เทสนา ปวตฺตา เอวาติฯ

    Ekekaṃ tikaṃ dukañcāti kusalattikādīsu bāvīsatiyā tikesu hetudukādīsu sataṃ dukesu ekekaṃ tikaṃ dukañca. Na tikadukanti tulyayogīnaṃ na tikadukanti attho. Tikavisiṭṭhaṃ pana dukaṃ, dukavisiṭṭhañca tikaṃ, tikavisiṭṭhatikadukavisiṭṭhadukesu viya nissāya upari desanā pavattā evāti.

    เย กุสลาทิธเมฺม ปฎิจฺจาติ วุตฺตา ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา’’ติอาทีสุ, เต กุสลาทิธมฺมา ปฎิจฺจตฺถํ ผรนฺตา เหตุอาทิปจฺจยฎฺฐํ สาเธนฺตา กุสลาทิปจฺจยา เจวาติ อโตฺถฯ เตเนวาหาติ ยสฺมา ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยุปฺปเนฺนสุ ปฎิจฺจตฺถผรณํ อุภเยสํ เตสํ สหภาเว สติ, นาญฺญถาฯ เตเนว การเณนาห ‘‘เต จ โข สหชาตาวา’’ติฯ เตติ เหตุอาทิปจฺจยาฯ เตสุ หิ เหตุสหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยาทโย สหชาตา, อนนฺตรสมนนฺตราทโย อสหชาตา ปจฺจยา โหนฺตีติฯ เอเตหิ ทฺวีหิ วาเรหิ อิตเรตรตฺถโพธนวเสน ปวตฺตาย เทสนาย กิํ สาธิตํ โหตีติ อาห ‘‘เอวญฺจ นิรุตฺติโกสลฺลํ ชนิตํ โหตี’’ติฯ

    Ye kusalādidhamme paṭiccāti vuttā ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjati hetupaccayā’’tiādīsu, te kusalādidhammā paṭiccatthaṃ pharantā hetuādipaccayaṭṭhaṃ sādhentā kusalādipaccayā cevāti attho. Tenevāhāti yasmā paccayadhammānaṃ paccayuppannesu paṭiccatthapharaṇaṃ ubhayesaṃ tesaṃ sahabhāve sati, nāññathā. Teneva kāraṇenāha ‘‘te ca kho sahajātāvā’’ti. Teti hetuādipaccayā. Tesu hi hetusahajātaaññamaññanissayādayo sahajātā, anantarasamanantarādayo asahajātā paccayā hontīti. Etehi dvīhi vārehi itaretaratthabodhanavasena pavattāya desanāya kiṃ sādhitaṃ hotīti āha ‘‘evañca niruttikosallaṃ janitaṃ hotī’’ti.

    เต เต ปเญฺห อุทฺธริตฺวาติ ‘‘สิยา กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทโย เย เย ปญฺหา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺติ, เต เต ปเญฺห อุทฺธริตฺวาฯ ปมาทเลขา เอสาติ อิทํ ‘‘กุสโล เหตุ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ ลิขิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปฎิจฺจสหชาตวาเรสุ สหชาตปจฺจโย, ปจฺจยนิสฺสยวาเรสุ นิสฺสยปจฺจโย, สํสฎฺฐสมฺปยุตฺตวาเรสุ สมฺปยุตฺตปจฺจโย เอกนฺติโกติ กตฺวา วุโตฺตติ อาห ‘‘ปุริมวาเรสุ…เป.… นิยเมตฺวา’’ติฯ ตตฺถาติ เตสุ ปุริมวาเรสุ ฉสุฯ น วิญฺญายนฺติ สรูปโต อนุทฺธฎตฺตาฯ เอวมาทีหิ ปเญฺหหิฯ เหตาทิปจฺจยปจฺจยุปฺปเนฺนสูติ เหตุอาทีสุ ปจฺจยธเมฺมสุ สมฺปยุตฺตกฺขนฺธาทิเภเทสุ เตสํ ปจฺจยุปฺปเนฺนสุฯ นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมํฯ เหตาทิปจฺจยานํ นิจฺฉยาภาวโตติ ‘‘อิเม นาม เต เหตุอาทโย ปจฺจยธมฺมา’’ติ นิจฺฉยาภาวโต สรูปโต อนิทฺธาริตตฺตาฯ ยถา หิ นาม นานาชฎาชฎิตํ คุมฺพนฺตรคตญฺจ ตํสทิสํ สรูปโต อทิสฺสมานํ อิทํ ตนฺติ น วินิจฺฉินียติ, เอวํ ญาตุํ อิจฺฉิโตปิ อโตฺถ สรูปโต อนิทฺธาริโต นิชฺชโฎ นิคุโมฺพ จ นาม น โหติ นิจฺฉยาภาวโต, สรูปโต ปน ตสฺมิํ นิทฺธาริเต ตพฺพิสยสฺส นิจฺฉยสฺส วเสน ปุคฺคลสฺส อสมฺพุทฺธภาวาปฺปตฺติยา โส ปโญฺห นิชฺชโฎ นิคุโมฺพ จ นาม โหตีติ อาห ‘‘นิจฺฉยาภาวโต เต ปญฺหา นิชฺชฎา นิคุมฺพา จ กตฺวา น วิภตฺตา’’ติ, ‘‘น โกจิ ปุจฺฉาสงฺคหิโต…เป.… วิภตฺตา’’ติ จฯ นฺติ ปญฺหาวิสฺสชฺชนํ สนฺธาย นิชฺชฎตา น วุตฺตา, อถ โข นิจฺฉยุปฺปาทนนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Tete pañhe uddharitvāti ‘‘siyā kusalo dhammo kusalassa dhammassa hetupaccayena paccayo’’tiādayo ye ye pañhā vissajjanaṃ labhanti, te te pañhe uddharitvā. Pamādalekhā esāti idaṃ ‘‘kusalo hetu hetusampayuttakānaṃ dhammāna’’nti likhitaṃ sandhāya vuttaṃ. Paṭiccasahajātavāresu sahajātapaccayo, paccayanissayavāresu nissayapaccayo, saṃsaṭṭhasampayuttavāresu sampayuttapaccayo ekantikoti katvā vuttoti āha ‘‘purimavāresu…pe… niyametvā’’ti. Tatthāti tesu purimavāresu chasu. Na viññāyanti sarūpato anuddhaṭattā. Evamādīhi pañhehi. Hetādipaccayapaccayuppannesūti hetuādīsu paccayadhammesu sampayuttakkhandhādibhedesu tesaṃ paccayuppannesu. Niddhāraṇe cetaṃ bhummaṃ. Hetādipaccayānaṃ nicchayābhāvatoti ‘‘ime nāma te hetuādayo paccayadhammā’’ti nicchayābhāvato sarūpato aniddhāritattā. Yathā hi nāma nānājaṭājaṭitaṃ gumbantaragatañca taṃsadisaṃ sarūpato adissamānaṃ idaṃ tanti na vinicchinīyati, evaṃ ñātuṃ icchitopi attho sarūpato aniddhārito nijjaṭo nigumbo ca nāma na hoti nicchayābhāvato, sarūpato pana tasmiṃ niddhārite tabbisayassa nicchayassa vasena puggalassa asambuddhabhāvāppattiyā so pañho nijjaṭo nigumbo ca nāma hotīti āha ‘‘nicchayābhāvato te pañhā nijjaṭā nigumbā ca katvā na vibhattā’’ti, ‘‘na koci pucchāsaṅgahito…pe… vibhattā’’ti ca. Tanti pañhāvissajjanaṃ sandhāya nijjaṭatā na vuttā, atha kho nicchayuppādananti adhippāyo.

    ฐปนํ นาม อิธ วิเนยฺยสนฺตาเน ปติฎฺฐปนํ, ตํ ปน ตสฺส อตฺถสฺส ทีปนํ โชตนนฺติ อาห ‘‘ปกาสิตตฺตา’’ติฯ ปกาเรหีติ เหตุอาทิปจฺจยปฺปกาเรหิ, กุสลาทิปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนปฺปกาเรหิ วาฯ

    Ṭhapanaṃ nāma idha vineyyasantāne patiṭṭhapanaṃ, taṃ pana tassa atthassa dīpanaṃ jotananti āha ‘‘pakāsitattā’’ti. Pakārehīti hetuādipaccayappakārehi, kusalādipaccayapaccayuppannappakārehi vā.

    ๒๕-๓๔. ปริกปฺปนํ วิทหนนฺติ กตฺวา อาห ‘‘ปริกปฺปปุจฺฉาติ วิธิปุจฺฉา’’ติฯ สิยาติ ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ เอโส วิธิ กิํ อตฺถีติ เอเตน ‘‘สิยา’’ติ วิธิมฺหิ กิริยาปทํฯ ปุจฺฉา ปน วากฺยตฺถสิทฺธา เวทิตพฺพาฯ ตเมว หิ วากฺยตฺถสิทฺธํ ปุจฺฉํ ทเสฺสตุํ อฎฺฐกถายมฺปิ ‘‘กิํ โส กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ สิยา’’ติ วุตฺตํฯ สํปุจฺฉนํ ปริกปฺปปุจฺฉาติ ตสฺมิํ ปเกฺข หิ กิริยาย ปเทเนว ปุจฺฉา วิภาวียตีติ วุตฺตํ โหตีติฯ ‘‘สิยา กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ เหตุปจฺจยา’’ติ อุภยมิทํ ปจฺจยวจนํ, ‘‘กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ ปจฺจยุปฺปนฺนวจนํฯ เตสุ ปจฺจยธมฺมสฺส ปจฺจยภาเว วิภาวิเต ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถโต วิภาวิตาเยว โหตีติ ปจฺจยธโมฺมว ปุจฺฉิตโพฺพฯ ตตฺถ จ ปจฺจยธมฺมวิสิโฎฺฐ ปฎิจฺจโตฺถ วา ปุจฺฉิตโพฺพ สิยา ปจฺจยวิสิโฎฺฐ วาติ ทุวิธา ปุจฺฉิตพฺพาเยว อตฺถวิกปฺปา อฎฺฐกถายํ วุตฺตาฯ เตสุ ปฐมสฺมิํ ปุจฺฉา สโทสาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สพฺพปุจฺฉานํ ปวตฺติโตติ กุสลมูลาทีนํ สตฺตสตฺตปุจฺฉานํ ปวตฺตนโต, อุปฺปชฺชมานํ กุสลํฯ เตหิ ปจฺจเยหีติ ปจฺฉาชาตวิปากปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติ อนุญฺญาตาติ อาปชฺชติ, น จ ตํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตํตํปจฺจยาติ ตโต ตโต โยนิโสมนสิการาทิปจฺจยโตฯ ภวนมตฺถิตา เอตฺถ น จ ปุจฺฉิตาติ ‘‘กิํ สิยา’’ติ วุตฺตโยชนาย โทสมาหฯ เอวญฺจ กตฺวาติ อุปฺปตฺติยา เอว ปุจฺฉิตตฺตาฯ

    25-34. Parikappanaṃ vidahananti katvā āha ‘‘parikappapucchāti vidhipucchā’’ti. Siyāti bhaveyyāti attho. Eso vidhi kiṃ atthīti etena ‘‘siyā’’ti vidhimhi kiriyāpadaṃ. Pucchā pana vākyatthasiddhā veditabbā. Tameva hi vākyatthasiddhaṃ pucchaṃ dassetuṃ aṭṭhakathāyampi ‘‘kiṃ so kusalaṃ dhammaṃ paṭicca siyā’’ti vuttaṃ. Saṃpucchanaṃ parikappapucchāti tasmiṃ pakkhe hi kiriyāya padeneva pucchā vibhāvīyatīti vuttaṃ hotīti. ‘‘Siyā kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjeyya hetupaccayā’’ti ettha ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca hetupaccayā’’ti ubhayamidaṃ paccayavacanaṃ, ‘‘kusalo dhammo uppajjeyyā’’ti paccayuppannavacanaṃ. Tesu paccayadhammassa paccayabhāve vibhāvite paccayuppannassa uppatti atthato vibhāvitāyeva hotīti paccayadhammova pucchitabbo. Tattha ca paccayadhammavisiṭṭho paṭiccattho vā pucchitabbo siyā paccayavisiṭṭho vāti duvidhā pucchitabbāyeva atthavikappā aṭṭhakathāyaṃ vuttā. Tesu paṭhamasmiṃ pucchā sadosāti dassento ‘‘yo kusalo dhammo uppajjeyyā’’tiādimāha. Tattha sabbapucchānaṃ pavattitoti kusalamūlādīnaṃ sattasattapucchānaṃ pavattanato, uppajjamānaṃ kusalaṃ. Tehi paccayehīti pacchājātavipākapaccayehi uppatti anuññātāti āpajjati, na ca taṃ yuttanti adhippāyo. Taṃtaṃpaccayāti tato tato yonisomanasikārādipaccayato. Bhavanamatthitā ettha na ca pucchitāti ‘‘kiṃ siyā’’ti vuttayojanāya dosamāha. Evañca katvāti uppattiyā eva pucchitattā.

    ตตฺถาติ ‘‘อถ วา’’ติอาทินา วุเตฺต อตฺถนฺตเรฯ อุปฺปเชฺชยฺยาติ อุปฺปตฺติํ อนุชานิตฺวาติ ‘‘อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ กุสลปจฺจยํ อุปฺปตฺติํ อนุชานิตฺวาฯ ตสฺสาติ อุปฺปตฺติยาฯ ภวนปุจฺฉนนฺติ เหตุปจฺจยา ภวนปุจฺฉนํ น ยุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปุน ตสฺสาติ เหตุปจฺจยา อุปฺปตฺติยาฯ ภวนปุจฺฉนนฺติ เกวลํ ภวนปุจฺฉนํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา วุตฺตนเยน อุภยตฺถาปิ อุปฺปตฺติอนุชานนมุเขน ภวนปุจฺฉนํ อยุตฺตํ, ตสฺมาฯ อนุชานนญฺจ อฎฺฐกถายํ วุเตฺต อตฺถวิกปฺปทฺวเย อตฺถโต อาปนฺนํ, ตํ อนนุชานโนฺต อาห ‘‘อนนุชานิตฺวาวา’’ติอาทิฯ สํปุจฺฉนเมวาติ อิมินา สํปุจฺฉเน ‘‘อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ อิทํ กิริยาปทนฺติ ทเสฺสติฯ ยทิ เอวํ ‘‘สิยา’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห ‘‘สิยาติ…เป.… ปุจฺฉตี’’ติฯ อยํ นโยติ ‘‘สิยา’’ติอาทินา อนนฺตรวุโตฺต อตฺถนโยฯ น วิญฺญายติ อนามฎฺฐวิเสสตฺตาฯ เทฺวปิ ปุจฺฉาติ สมฺภวนปุจฺฉา ตพฺพิเสสปุจฺฉา จาติ ทุวิธาปิ ปุจฺฉา เอกาเยว ปุจฺฉา สํปุจฺฉนภาวโต เอกาธิกรณภาวโต จฯ

    Tatthāti ‘‘atha vā’’tiādinā vutte atthantare. Uppajjeyyāti uppattiṃ anujānitvāti ‘‘uppajjeyyā’’ti ettha vuttaṃ kusalapaccayaṃ uppattiṃ anujānitvā. Tassāti uppattiyā. Bhavanapucchananti hetupaccayā bhavanapucchanaṃ na yuttanti sambandho. Puna tassāti hetupaccayā uppattiyā. Bhavanapucchananti kevalaṃ bhavanapucchanaṃ. Tasmāti yasmā vuttanayena ubhayatthāpi uppattianujānanamukhena bhavanapucchanaṃ ayuttaṃ, tasmā. Anujānanañca aṭṭhakathāyaṃ vutte atthavikappadvaye atthato āpannaṃ, taṃ ananujānanto āha ‘‘ananujānitvāvā’’tiādi. Saṃpucchanamevāti iminā saṃpucchane ‘‘uppajjeyyā’’ti idaṃ kiriyāpadanti dasseti. Yadi evaṃ ‘‘siyā’’ti idaṃ kathanti āha ‘‘siyāti…pe… pucchatī’’ti. Ayaṃ nayoti ‘‘siyā’’tiādinā anantaravutto atthanayo. Na viññāyati anāmaṭṭhavisesattā. Dvepi pucchāti sambhavanapucchā tabbisesapucchā cāti duvidhāpi pucchā ekāyeva pucchā saṃpucchanabhāvato ekādhikaraṇabhāvato ca.

    คมนุสฺสุกฺกวจนนฺติ คมนสฺส อุสฺสุกฺกวจนํฯ คมนกิริยาย ยถา อตฺตโน กตฺตา อุปริ กตฺตพฺพกิริยาย โยคฺยรูโป โหติ, เอวเมว ฐานํ คมนุสฺสุกฺกนํ ตสฺส โพธนํ วจนํฯ เอวํภูตา จ กิริยา ยสฺมา อตฺถโต กิริยนฺตราเปกฺขา นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘คมนสฺส…เป.… อโตฺถ’’ติฯ กถํ ปเนตสฺมิํ สหชาตปจฺจยปฎฺฐาเน ปฎิจฺจวาเร ปฎิจฺจสทฺทสฺส ปจฺฉิมกาลกิริยาเปกฺขตาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ยทิปี’’ติอาทิฯ เตเนตํ ทเสฺสติ ‘‘อสติปิ ปฎิอยนุปฺปชฺชนานํ กาลเภเท อญฺญตฺร เหตุผเลสุ ทิสฺสมานํ ปุริมปจฺฉิมกาลตํ เหตุผลตาสามญฺญโต อิธาปิ สมาโรเปตฺวา รุฬฺหีวเสน ปุริมปจฺฉิมกาลโวหาโร กโต’’ติฯ เตนาห ‘‘คหณปฺปวตฺติอาการวเสน…เป.… ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ ตตฺถ อตฺตปฎิลาโภ อุปฺปาโทติ อโตฺถฯ

    Gamanussukkavacananti gamanassa ussukkavacanaṃ. Gamanakiriyāya yathā attano kattā upari kattabbakiriyāya yogyarūpo hoti, evameva ṭhānaṃ gamanussukkanaṃ tassa bodhanaṃ vacanaṃ. Evaṃbhūtā ca kiriyā yasmā atthato kiriyantarāpekkhā nāma hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘gamanassa…pe… attho’’ti. Kathaṃ panetasmiṃ sahajātapaccayapaṭṭhāne paṭiccavāre paṭiccasaddassa pacchimakālakiriyāpekkhatāti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘yadipī’’tiādi. Tenetaṃ dasseti ‘‘asatipi paṭiayanuppajjanānaṃ kālabhede aññatra hetuphalesu dissamānaṃ purimapacchimakālataṃ hetuphalatāsāmaññato idhāpi samāropetvā ruḷhīvasena purimapacchimakālavohāro kato’’ti. Tenāha ‘‘gahaṇappavattiākāravasena…pe… daṭṭhabbo’’ti. Tattha attapaṭilābho uppādoti attho.

    คมนนฺติ ‘‘ปฎิจฺจา’’ติ เอตฺถ ลพฺภมานํ อยนกิริยํ ปริยายนฺตเรนาหฯ สา ปนตฺถโต ปวตฺติ, ปวตฺติ จ ธมฺมานํ ยถาปจฺจยํ อุปฺปตฺติเยวฯ สภาวธมฺมานญฺหิ อุปฺปตฺติยํ โลเก สโพฺพ กิริยาการกโวหาโร, ตสฺมา ‘‘ปฎิจฺจา’’ติ เอตฺถ ลพฺภมานํ ยํ ปฎิอยนํ ปฎิคมนํ อตฺถโต ปฎิอุปฺปชฺชมานํ, ตญฺจ คจฺฉนฺตาทิอเปกฺขาย โหตีติ อาห ‘‘คจฺฉนฺตสฺส ปฎิคมนํ, อุปฺปชฺชนฺตสฺส ปฎิอุปฺปชฺชน’’นฺติฯ ตยิทํ คมนปฎิคมนํ, อุปฺปชฺชนปฎิอุปฺปชฺชนํ สมานกิริยาฯ กถํ? ยสฺมา ปฎิกรณํ ปฎิสทฺทโตฺถฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สหชาตปจฺจยภูตสฺส อุปฺปชฺชนฺตสฺส ปฎิอุปฺปชฺชนํ ‘‘ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ อโตฺถ, ตสฺมาฯ ตทายตฺตุปฺปตฺติยาติ สหโยเค กรณวจนํ, กรณเตฺถ, เหตุเตฺถ วา, ตสฺมิํ อุปฺปชฺชมาเน กุสลธเมฺม อายตฺตาย ปฎิพทฺธาย อุปฺปตฺติยา สเหว ปฎิคนฺตฺวาติ อโตฺถฯ เตน ปฎิอยนตฺตลาภานํ สมานกาลตํ ทเสฺสติฯ เตเนวาห ‘‘สหชาตปจฺจยํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิฯ นนุ จ สมานกาลกิริยายํ อีทิโส สทฺทปฺปโยโค นตฺถิ, ปุริมกาลกิริยายเมว จ อตฺถีติ? นายเมกโนฺต สมานกาลกิริยายมฺปิ เกหิจิ อิจฺฉิตตฺตาฯ ตถา หิ –

    Gamananti ‘‘paṭiccā’’ti ettha labbhamānaṃ ayanakiriyaṃ pariyāyantarenāha. Sā panatthato pavatti, pavatti ca dhammānaṃ yathāpaccayaṃ uppattiyeva. Sabhāvadhammānañhi uppattiyaṃ loke sabbo kiriyākārakavohāro, tasmā ‘‘paṭiccā’’ti ettha labbhamānaṃ yaṃ paṭiayanaṃ paṭigamanaṃ atthato paṭiuppajjamānaṃ, tañca gacchantādiapekkhāya hotīti āha ‘‘gacchantassa paṭigamanaṃ, uppajjantassa paṭiuppajjana’’nti. Tayidaṃ gamanapaṭigamanaṃ, uppajjanapaṭiuppajjanaṃ samānakiriyā. Kathaṃ? Yasmā paṭikaraṇaṃ paṭisaddattho. Tasmāti yasmā sahajātapaccayabhūtassa uppajjantassa paṭiuppajjanaṃ ‘‘paṭicca uppajjatī’’ti ettha attho, tasmā. Tadāyattuppattiyāti sahayoge karaṇavacanaṃ, karaṇatthe, hetutthe vā, tasmiṃ uppajjamāne kusaladhamme āyattāya paṭibaddhāya uppattiyā saheva paṭigantvāti attho. Tena paṭiayanattalābhānaṃ samānakālataṃ dasseti. Tenevāha ‘‘sahajātapaccayaṃ katvāti vuttaṃ hotī’’tiādi. Nanu ca samānakālakiriyāyaṃ īdiso saddappayogo natthi, purimakālakiriyāyameva ca atthīti? Nāyamekanto samānakālakiriyāyampi kehici icchitattā. Tathā hi –

    ‘‘นิหนฺตฺวา ติมิรํ โลเก, อุทิโต สตรํสมิ;

    ‘‘Nihantvā timiraṃ loke, udito sataraṃsami;

    โลเกกจกฺขุภูโตย-มตฺถเมติ ทิวากโรฯ

    Lokekacakkhubhūtoya-matthameti divākaro.

    ‘‘สิรีวิลาสรูเปน, สพฺพโสภาวิภาวินา;

    ‘‘Sirīvilāsarūpena, sabbasobhāvibhāvinā;

    โอภาเสตฺวาทิโต พุโทฺธ, สตรํสิ ยถา ปโร’’ติฯ –

    Obhāsetvādito buddho, sataraṃsi yathā paro’’ti. –

    จ ปโยคา ทิสฺสนฺติฯ

    Ca payogā dissanti.

    ๓๕-๓๘. ตาสูติ ทุกมูลกนเย เหตารมฺมณทุเก เอกูนปญฺญาสปุจฺฉา, ตาสุฯ เหตารมฺมณทุเกติ ‘‘เหตุปจฺจยา อารมฺมณปจฺจยา’’ติ เอวํ เหตุปจฺจยอารมฺมณปจฺจยานํ วเสน อาคเต ปจฺจยทุเกฯ ทฺวินฺนํ ปุจฺฉานํ ทสฺสิตตฺตาติ ยสฺมิํ วาจนามเคฺค กุสลปทมูลา กุสลปทาวสานา , กุสลาทิปทตฺตยมูลา กุสลาทิปทตฺตยาวสานา จ เอกูนปญฺญาสาย ปุจฺฉานํ อาทิปริโยสานภูตา เทฺว เอว ปุจฺฉา ทสฺสิตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ปณฺณตฺติวาเร ปุจฺฉานํ วุโตฺต น ปจฺจยานนฺติ อโตฺถฯ ปุจฺฉาย หิ วเสน เหตุปจฺจเย เหตุปจฺจยสงฺขาตํ เอกมูลํ เอตสฺสาติ เอกมูลโก, นยสทฺทาเปกฺขาย จายํ ปุลฺลิงฺคนิเทฺทโสฯ เอวํ อารมฺมณปจฺจยมูลกาทีสุฯ ตถา เหตุอารมฺมณปจฺจยสงฺขาตานิ เทฺว มูลานิ เอตสฺสาติ ทฺวิมูลโกติอาทินา โยเชตพฺพาฯ ปจฺจยานํ ปน วุจฺจมาเน ปฐมนยสฺส เอกมูลกตา น สิยาฯ น หิ ตตฺถ ปจฺจยนฺตรํ อตฺถิ, ยํ มูลภาเวน วตฺตพฺพํ สิยาฯ เตนาห ‘‘ปจฺจยานํ ปน วเสนา’’ติอาทิฯ เหตารมฺมณทุกาทีนนฺติ อวยเว สามิวจนํ, อธิปติอาทีนนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตโต ปรํ มูลสฺส อภาวโต สพฺพมูลกํ อนวเสสานํ ปจฺจยานํ มูลภาเวน คหิตตฺตาฯ น หิ มูลวนฺตภาเวน คหิตา ปจฺจยา มูลภาเวน คยฺหนฺติฯ ปจฺจยคมนํ ปาฬิคมนนฺติ วิญฺญายติ อภิเธยฺยานุรูปํ ลิงฺควจนาทีติ กตฺวาฯ อิธาติ อนุโลเมฯ -สโทฺท อุปจยโตฺถฯ โส เตวีสติมูลสฺส สพฺพมูลภาวํ อุปจเยน วุจฺจมานํ โชเตติฯ

    35-38. Tāsūti dukamūlakanaye hetārammaṇaduke ekūnapaññāsapucchā, tāsu. Hetārammaṇaduketi ‘‘hetupaccayā ārammaṇapaccayā’’ti evaṃ hetupaccayaārammaṇapaccayānaṃ vasena āgate paccayaduke. Dvinnaṃ pucchānaṃ dassitattāti yasmiṃ vācanāmagge kusalapadamūlā kusalapadāvasānā , kusalādipadattayamūlā kusalādipadattayāvasānā ca ekūnapaññāsāya pucchānaṃ ādipariyosānabhūtā dve eva pucchā dassitā, taṃ sandhāya vuttaṃ. Etthāti etasmiṃ paṇṇattivāre pucchānaṃ vutto na paccayānanti attho. Pucchāya hi vasena hetupaccaye hetupaccayasaṅkhātaṃ ekamūlaṃ etassāti ekamūlako, nayasaddāpekkhāya cāyaṃ pulliṅganiddeso. Evaṃ ārammaṇapaccayamūlakādīsu. Tathā hetuārammaṇapaccayasaṅkhātāni dve mūlāni etassāti dvimūlakotiādinā yojetabbā. Paccayānaṃ pana vuccamāne paṭhamanayassa ekamūlakatā na siyā. Na hi tattha paccayantaraṃ atthi, yaṃ mūlabhāvena vattabbaṃ siyā. Tenāha ‘‘paccayānaṃ pana vasenā’’tiādi. Hetārammaṇadukādīnanti avayave sāmivacanaṃ, adhipatiādīnanti sambandho. Tato paraṃ mūlassa abhāvato sabbamūlakaṃ anavasesānaṃ paccayānaṃ mūlabhāvena gahitattā. Na hi mūlavantabhāvena gahitā paccayā mūlabhāvena gayhanti. Paccayagamanaṃ pāḷigamananti viññāyati abhidheyyānurūpaṃ liṅgavacanādīti katvā. Idhāti anulome. Ca-saddo upacayattho. So tevīsatimūlassa sabbamūlabhāvaṃ upacayena vuccamānaṃ joteti.

    ๓๙-๔๐. เอวํ สตีติ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘อารมฺมณปจฺจยา อวิคตปจฺจยา, อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยา’’ติ เอวํ วาจนามเคฺค สติฯ จกฺกพนฺธนวเสน ปาฬิคติ อาปชฺชตุ, โก โทโสติ กทาจิ วเทยฺยาติ อาห ‘‘เหฎฺฐิมโสธนวเสน จ อิธ อภิธเมฺม ปาฬิ คตา’’ติฯ ตถา หิ ขนฺธวิภงฺคาทีสุปิ ปาฬิ เหฎฺฐิมโสธนวเสน ปวตฺตาฯ คณนจาเรน ตมตฺถํ สาเธตุํ ‘‘เอวญฺจ กตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อารมฺมณาทีสูติ อารมฺมณมูลกาทีสุ นเยสุฯ ตสฺมิํ ตสฺมินฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อารมฺมณาทิปจฺจเยฯ สุทฺธิกโตติ สุทฺธิกนยโตฯ ตสฺมาติ อารมฺมณมูลกาทีสุ สุทฺธิกนยสฺส อลพฺภมานตฺตาฯ เอกมูลกนโย ทฎฺฐโพฺพ อารมฺมณมูลเกติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา…เป.… อวิคตปจฺจยาติ วา’’ติอาทิ ตาทิสํ วาจนามคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยตฺถ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยา, อารมฺมณปจฺจยา อธิปติปจฺจยา, อารมฺมณปจฺจยา…เป.… อวิคตปจฺจยา’’ติ เอวํ อารมฺมณมูลเก อนนฺตรปจฺจยมูลภูตา อารมฺมณปจฺจยปริโยสานเมว เอกมูลกํ ทเสฺสตฺวา อุปริ อวสิฎฺฐเอกมูลกโต ปฎฺฐาย ยาว สพฺพมูลเก วิคตปจฺจยา, ตาว สํขิปิตฺวา อวิคตปจฺจโยว ทสฺสิโตฯ เตนาห ‘‘เอกมูลเกสู’’ติอาทิฯ อิโต ปเรสุปิ เอทิเสสุ ฐาเนสุ เอเสว นโยฯ มูลเมว ทเสฺสตฺวาติ อธิปติมูลเก เอกมูลกสฺส อาทิเมว ทเสฺสตฺวาฯ น สุทฺธิกทสฺสนนฺติ น สุทฺธิกนยทสฺสนํฯ ‘‘สุทฺธิกนโย หิ วิเสสาภาวโต อารมฺมณมูลกาทีสุ น ลพฺภตี’’ติ หิ วุตฺตํฯ นาปิ สพฺพมูลเก กติปยปจฺจยทสฺสนํ อุปริ สพฺพมูลเก เอกมูลกสฺส อาคตตฺตาฯ

    39-40. Evaṃ satīti ‘‘ārammaṇapaccayā hetupaccayā’’ti ārabhitvā ‘‘ārammaṇapaccayā avigatapaccayā, ārammaṇapaccayā hetupaccayā’’ti evaṃ vācanāmagge sati. Cakkabandhanavasena pāḷigati āpajjatu, ko dosoti kadāci vadeyyāti āha ‘‘heṭṭhimasodhanavasena ca idha abhidhamme pāḷi gatā’’ti. Tathā hi khandhavibhaṅgādīsupi pāḷi heṭṭhimasodhanavasena pavattā. Gaṇanacārena tamatthaṃ sādhetuṃ ‘‘evañca katvā’’tiādi vuttaṃ. Ārammaṇādīsūti ārammaṇamūlakādīsu nayesu. Tasmiṃ tasminti tasmiṃ tasmiṃ ārammaṇādipaccaye. Suddhikatoti suddhikanayato. Tasmāti ārammaṇamūlakādīsu suddhikanayassa alabbhamānattā. Ekamūlakanayo daṭṭhabbo ārammaṇamūlaketi adhippāyo. ‘‘Ārammaṇapaccayā…pe… avigatapaccayāti vā’’tiādi tādisaṃ vācanāmaggaṃ sandhāya vuttaṃ. Yattha ‘‘ārammaṇapaccayā hetupaccayā, ārammaṇapaccayā adhipatipaccayā, ārammaṇapaccayā…pe… avigatapaccayā’’ti evaṃ ārammaṇamūlake anantarapaccayamūlabhūtā ārammaṇapaccayapariyosānameva ekamūlakaṃ dassetvā upari avasiṭṭhaekamūlakato paṭṭhāya yāva sabbamūlake vigatapaccayā, tāva saṃkhipitvā avigatapaccayova dassito. Tenāha ‘‘ekamūlakesū’’tiādi. Ito paresupi edisesu ṭhānesu eseva nayo. Mūlameva dassetvāti adhipatimūlake ekamūlakassa ādimeva dassetvā. Na suddhikadassananti na suddhikanayadassanaṃ. ‘‘Suddhikanayo hi visesābhāvato ārammaṇamūlakādīsu na labbhatī’’ti hi vuttaṃ. Nāpi sabbamūlakekatipayapaccayadassanaṃ upari sabbamūlake ekamūlakassa āgatattā.

    ๔๑. เอกสฺมิญฺจาติ อวิคตมูลกาทิเก จ นเยฯ สเงฺขปนฺตรคโตติ สเงฺขปสฺส สงฺขิปิตสฺส อพฺภนฺตรคโต, สงฺขิปิตโพฺพติ อโตฺถฯ มชฺฌิมานํ ทสฺสนนฺติ มชฺฌิมานํ นยโต ทสฺสนํ, อญฺญถา สเงฺขโป เอว น สิยาฯ คติทสฺสนนฺติ อนฺตทสฺสนํ อกตฺวา ปาฬิคติยา ทสฺสนํ, ตญฺจ อาทิโต ปฎฺฐาย กติปยทสฺสนเมวฯ เตน วิคตปจฺจยุทฺธารเณน โอสานจตุกฺกํ ทเสฺสติ อวิคตมูลเก วิคตปจฺจยสฺส โอสานภาวโตฯ สพฺพมูลกสฺส อวสาเนน ‘‘วิคตปจฺจยา’’ติ ปเทนฯ

    41. Ekasmiñcāti avigatamūlakādike ca naye. Saṅkhepantaragatoti saṅkhepassa saṅkhipitassa abbhantaragato, saṅkhipitabboti attho. Majjhimānaṃ dassananti majjhimānaṃ nayato dassanaṃ, aññathā saṅkhepo eva na siyā. Gatidassananti antadassanaṃ akatvā pāḷigatiyā dassanaṃ, tañca ādito paṭṭhāya katipayadassanameva. Tena vigatapaccayuddhāraṇena osānacatukkaṃ dasseti avigatamūlake vigatapaccayassa osānabhāvato. Sabbamūlakassa avasānena ‘‘vigatapaccayā’’ti padena.

    ยถา เหตุอาทีนํ ปจฺจยานํ อุเทฺทสานุปุพฺพิยา ทุกติกาทิโยชนา กตา, เอวํ ตตฺถ อารมฺมณาทิปจฺจเย ลงฺฆิตฺวาปิ สกฺกา โยชนํ กาตุํ, ตถา กสฺมา น กตา? ยทิปิ อนวเสสโต ปจฺจยานํ มูลภาเวน คหิตตฺตา เกสญฺจิ เกหิจิ โยชเน อตฺถวิเสโส นตฺถิ, อารมฺมณมูลกาทีสุ ปน อารมฺมณาธิปติทุกาทีนํ เหตุมูลเก จ เหตุอธิปติอนนฺตรติกาทีนํ ตํตํอวสิฎฺฐปจฺจเยหิ โยชนาย อเตฺถว วิเสโส, เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา อุปฺปฎิปาฎิยา โยชนา น สุขคฺคหณา, สกฺกา จ ญาณุตฺตเรน ปุคฺคเลน ยถาทสฺสิเตน นเยน โยชิตุนฺติ อุปฺปฎิปาฎิยา ปจฺจเย อคฺคเหตฺวา ปฎิปาฎิยาว เต โยเชตฺวา ทสฺสิตาติ อิมมตฺถมาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินาฯ

    Yathā hetuādīnaṃ paccayānaṃ uddesānupubbiyā dukatikādiyojanā katā, evaṃ tattha ārammaṇādipaccaye laṅghitvāpi sakkā yojanaṃ kātuṃ, tathā kasmā na katā? Yadipi anavasesato paccayānaṃ mūlabhāvena gahitattā kesañci kehici yojane atthaviseso natthi, ārammaṇamūlakādīsu pana ārammaṇādhipatidukādīnaṃ hetumūlake ca hetuadhipatianantaratikādīnaṃ taṃtaṃavasiṭṭhapaccayehi yojanāya attheva viseso, evaṃ santepi yasmā uppaṭipāṭiyā yojanā na sukhaggahaṇā, sakkā ca ñāṇuttarena puggalena yathādassitena nayena yojitunti uppaṭipāṭiyā paccaye aggahetvā paṭipāṭiyāva te yojetvā dassitāti imamatthamāha ‘‘ettha cā’’tiādinā.

    ตญฺจ คมนํ ยุตฺตนฺติ ยํ สเพฺพหิ ติเกหิ เอเกกสฺส ทุกสฺส โยชนาวเสน ปาฬิคมนํ, ตํ ยุตฺตํ ติเกสุ ทุกานํ ปเกฺขปภาวโตฯ ตตฺถาติ ทุเกสุฯ เอเกกสฺมินฺติ เอเกกสฺมิํ ทุกติเกฯ นยาติ อนุโลมนยาทโย วาเร วาเร จตฺตาโร นยา, ปุจฺฉา ปน สตฺตวีสติฯ ยทิ เอวํ กสฺมา เหตุทุเกน สมานาติ? ตํ ติกปเทสุ ปเจฺจกํ เหตุทุกสฺส ลพฺภมานสฺส เหตุทุกภาวสามญฺญโต วุตฺตํฯ

    Tañca gamanaṃ yuttanti yaṃ sabbehi tikehi ekekassa dukassa yojanāvasena pāḷigamanaṃ, taṃ yuttaṃ tikesu dukānaṃ pakkhepabhāvato. Tatthāti dukesu. Ekekasminti ekekasmiṃ dukatike. Nayāti anulomanayādayo vāre vāre cattāro nayā, pucchā pana sattavīsati. Yadi evaṃ kasmā hetudukena samānāti? Taṃ tikapadesu paccekaṃ hetudukassa labbhamānassa hetudukabhāvasāmaññato vuttaṃ.

    วุตฺตนเยนาติ ‘‘น หี’’ติอาทินา ทุกติเก วุตฺตนเยนฯ ตตฺถ หิ น ทุกสฺส โยชนา อตฺถิ, อถ โข ทุกานํ เอเกเกน ปเทน ติกสฺส โยชนาฯ เตนาห ‘‘เอเกโก ติโก ทุกสเตน โยชิโต’’ติฯ เอเกกสฺมินฺติ เอเกกสฺมิํ ติกทุเกฯ

    Vuttanayenāti ‘‘na hī’’tiādinā dukatike vuttanayena. Tattha hi na dukassa yojanā atthi, atha kho dukānaṃ ekekena padena tikassa yojanā. Tenāha ‘‘ekeko tiko dukasatena yojito’’ti. Ekekasminti ekekasmiṃ tikaduke.

    ติกาทโย ฉ นยาติ ‘‘ติกญฺจ ปฎฺฐานวร’’นฺติอาทินา คาถายํ วุตฺตา ติกปฎฺฐานาทโย ฉ นยาฯ สตฺตวิธมฺปีติ วารเภเทน สตฺตธา ภินฺทิตฺวา วุตฺตมฺปิฯ อนุโลมนฺติ ปจฺจยานุโลมํ อนุโลมภาวสามเญฺญน สห คเหตฺวาฯ ตถา จตุพฺพิธมฺปิ ติกปฎฺฐานํ ติกปฎฺฐานตาสามเญฺญน, ทุกปฎฺฐานาทีนิ จ จตฺตาริ จตฺตาริ ตํสามเญฺญน สห คเหตฺวาฯ อิมมตฺถํ คเหตฺวา ‘‘ติกญฺจ ปฎฺฐานวร’’นฺติ คาถาย อธิปฺปายวิภาวนวเสน ‘‘อนุโลมมฺหี’’ติอาทินา วุตฺตํ อิมมตฺถํ คเหตฺวาฯ สตฺตปฺปเภเทติ ปฎิจฺจวาราทิวเสน สตฺตปฺปเภเทฯ ฉปิ เอเต ติกาทิเภเทน จตุจตุปฺปเภทา ธมฺมานุโลมาทิวเสน ฉ อุทฺธริตพฺพาติ อิทํ ทเสฺสตีติ โยชนาฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ธมฺมานุโลมาทิวิภาคภินฺนาปิ ติกาทิภาวสามเญฺญน เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตา ติกปฎฺฐานาทิสงฺขาตา ติกาทโย ฉ ธมฺมนยา ปฎิจฺจวาราทิวเสน วิภชิยมานา ตตฺถ ตตฺถ นิทฺธาริยมาเน อนุโลมตาสามเญฺญน อนุโลมนฺติ เอกโต คหิเต ปจฺจยานุโลเม สุฎฺฐุ อติวิย คมฺภีราติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิธ ปน อยํ คาถา ตสฺมิํ ธมฺมานุโลเม ปจฺจยานุโลมํ สนฺธาย วุตฺตา’’ติ ธมฺมานุโลโม ปจฺจยานุโลมสฺส วิเสสนภาเวน นิยเมตฺวา วุโตฺตฯ เอส นโย ปจฺจนียคาถาทีสุปิฯ ติกปฎฺฐานสฺส ทุกปฎฺฐานสฺส จ ปุเพฺพ อโตฺถ วุโตฺตติ อาห ‘‘ทุกติกปฎฺฐานาทีสู’’ติฯ ติเกหิ ปฎฺฐานนฺติ ติเกหิ นานปฺปการโต ปจฺจยวิภาวนํ, ติเกหิ วา ญาณสฺส ปวตฺตนฎฺฐานํฯ ทุกสมฺพนฺธิ ติกปฎฺฐานํ, ทุกวิสิฎฺฐานํ วา ติกานํ ปฎฺฐานํ ทุกติกปฎฺฐานนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทุกาน’’นฺติอาทิมาหฯ ทุกาทิวิเสสิตสฺสาติ ทุกาทิปทวิเสสิตสฺส ทุกาทิภาโว ทฎฺฐโพฺพ ‘‘เหตุํ กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ, นเหตุํ กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจา’’ติอาทิวจนโตฯ

    Tikādayocha nayāti ‘‘tikañca paṭṭhānavara’’ntiādinā gāthāyaṃ vuttā tikapaṭṭhānādayo cha nayā. Sattavidhampīti vārabhedena sattadhā bhinditvā vuttampi. Anulomanti paccayānulomaṃ anulomabhāvasāmaññena saha gahetvā. Tathā catubbidhampi tikapaṭṭhānaṃ tikapaṭṭhānatāsāmaññena, dukapaṭṭhānādīni ca cattāri cattāri taṃsāmaññena saha gahetvā. Imamatthaṃ gahetvā ‘‘tikañca paṭṭhānavara’’nti gāthāya adhippāyavibhāvanavasena ‘‘anulomamhī’’tiādinā vuttaṃ imamatthaṃ gahetvā. Sattappabhedeti paṭiccavārādivasena sattappabhede. Chapi ete tikādibhedena catucatuppabhedā dhammānulomādivasena cha uddharitabbāti idaṃ dassetīti yojanā. Ayañhettha saṅkhepattho – dhammānulomādivibhāgabhinnāpi tikādibhāvasāmaññena ekajjhaṃ katvā vuttā tikapaṭṭhānādisaṅkhātā tikādayo cha dhammanayā paṭiccavārādivasena vibhajiyamānā tattha tattha niddhāriyamāne anulomatāsāmaññena anulomanti ekato gahite paccayānulome suṭṭhu ativiya gambhīrāti. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘idha pana ayaṃ gāthā tasmiṃ dhammānulome paccayānulomaṃ sandhāya vuttā’’ti dhammānulomo paccayānulomassa visesanabhāvena niyametvā vutto. Esa nayo paccanīyagāthādīsupi. Tikapaṭṭhānassa dukapaṭṭhānassa ca pubbe attho vuttoti āha ‘‘dukatikapaṭṭhānādīsū’’ti. Tikehi paṭṭhānanti tikehi nānappakārato paccayavibhāvanaṃ, tikehi vā ñāṇassa pavattanaṭṭhānaṃ. Dukasambandhi tikapaṭṭhānaṃ, dukavisiṭṭhānaṃ vā tikānaṃ paṭṭhānaṃ dukatikapaṭṭhānanti imamatthaṃ dassento ‘‘dukāna’’ntiādimāha. Dukādivisesitassāti dukādipadavisesitassa dukādibhāvo daṭṭhabbo ‘‘hetuṃ kusalaṃ dhammaṃ paṭicca, nahetuṃ kusalaṃ dhammaṃ paṭiccā’’tiādivacanato.

    ปจฺจยานุโลมวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paccayānulomavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / ๓. ปุจฺฉาวาโร • 3. Pucchāvāro

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. ปจฺจยานุโลมวณฺณนา • 1. Paccayānulomavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact