Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
อภิธมฺมปิฎเก
Abhidhammapiṭake
ปฎฺฐานปฺปกรณ-อฎฺฐกถา
Paṭṭhānappakaraṇa-aṭṭhakathā
เทวาติเทโว เทวานํ, เทวทานวปูชิโต,
Devātidevo devānaṃ, devadānavapūjito,
เทสยิตฺวา ปกรณํ, ยมกํ สุทฺธสํยโมฯ
Desayitvā pakaraṇaṃ, yamakaṃ suddhasaṃyamo.
อตฺถโต ธมฺมโต เจว, คมฺภีรสฺสาถ ตสฺส ยํ,
Atthato dhammato ceva, gambhīrassātha tassa yaṃ,
อนนฺตรํ มหาวีโร, สตฺตมํ อิสิสตฺตโมฯ
Anantaraṃ mahāvīro, sattamaṃ isisattamo.
ปฎฺฐานํ นาม นาเมน, นามรูปนิโรธโน,
Paṭṭhānaṃ nāma nāmena, nāmarūpanirodhano,
เทเสสิ อติคมฺภีร-นยมณฺฑิตเทสนํฯ
Desesi atigambhīra-nayamaṇḍitadesanaṃ.
อิทานิ ตสฺส สมฺปโตฺต, ยสฺมา สํวณฺณนากฺกโม,
Idāni tassa sampatto, yasmā saṃvaṇṇanākkamo,
ตสฺมา นํ วณฺณยิสฺสามิ, ตํ สุณาถ สมาหิตาติฯ
Tasmā naṃ vaṇṇayissāmi, taṃ suṇātha samāhitāti.
ปจฺจยุเทฺทสวณฺณนา
Paccayuddesavaṇṇanā
สมฺมาสมฺพุเทฺธน หิ อนุโลมปฎฺฐาเน ทฺวาวีสติ ติเก นิสฺสาย ติกปฎฺฐานํ นาม นิทฺทิฎฺฐํ, สตํ ทุเก นิสฺสาย ทุกปฎฺฐานํ นาม นิทฺทิฎฺฐํฯ ตโต ปรํ ทฺวาวีสติ ติเก คเหตฺวา ทุกสเต ปกฺขิปิตฺวา ทุกติกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ ตโต ปรํ ทุกสตํ คเหตฺวา ทฺวาวีสติยา ติเกสุ ปกฺขิปิตฺวา ติกทุกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ ติเก ปน ติเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ติกติกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ ทุเก จ ทุเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ทุกทุกปฎฺฐานํ นาม ทสฺสิตํฯ เอวํ –
Sammāsambuddhena hi anulomapaṭṭhāne dvāvīsati tike nissāya tikapaṭṭhānaṃ nāma niddiṭṭhaṃ, sataṃ duke nissāya dukapaṭṭhānaṃ nāma niddiṭṭhaṃ. Tato paraṃ dvāvīsati tike gahetvā dukasate pakkhipitvā dukatikapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Tato paraṃ dukasataṃ gahetvā dvāvīsatiyā tikesu pakkhipitvā tikadukapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Tike pana tikesuyeva pakkhipitvā tikatikapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Duke ca dukesuyeva pakkhipitvā dukadukapaṭṭhānaṃ nāma dassitaṃ. Evaṃ –
ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,
Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,
ทุกํ ติกเญฺจว ติกํ ทุกญฺจ;
Dukaṃ tikañceva tikaṃ dukañca;
ติกํ ติกเญฺจว ทุกํ ทุกญฺจ,
Tikaṃ tikañceva dukaṃ dukañca,
ฉ อนุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีราติฯ
Cha anulomamhi nayā sugambhīrāti.
ปจฺจนียปฎฺฐาเนปิ ทฺวาวีสติ ติเก นิสฺสาย ติกปฎฺฐานํ นามฯ ทุกสตํ นิสฺสาย ทุกปฎฺฐานํ นามฯ ทฺวาวีสติ ติเก ทุกสเต ปกฺขิปิตฺวา ทุกติกปฎฺฐานํ นามฯ ทุกสตํ ทฺวาวีสติยา ติเกสุ ปกฺขิปิตฺวา ติกทุกปฎฺฐานํ นามฯ ติเก ติเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ติกติกปฎฺฐานํ นามฯ ทุเก ทุเกสุเยว ปกฺขิปิตฺวา ทุกทุกปฎฺฐานํ นามาติ เอวํ ปจฺจนีเยปิ ฉหิ นเยหิ ปฎฺฐานํ นิทฺทิฎฺฐํฯ เตน วุตฺตํ –
Paccanīyapaṭṭhānepi dvāvīsati tike nissāya tikapaṭṭhānaṃ nāma. Dukasataṃ nissāya dukapaṭṭhānaṃ nāma. Dvāvīsati tike dukasate pakkhipitvā dukatikapaṭṭhānaṃ nāma. Dukasataṃ dvāvīsatiyā tikesu pakkhipitvā tikadukapaṭṭhānaṃ nāma. Tike tikesuyeva pakkhipitvā tikatikapaṭṭhānaṃ nāma. Duke dukesuyeva pakkhipitvā dukadukapaṭṭhānaṃ nāmāti evaṃ paccanīyepi chahi nayehi paṭṭhānaṃ niddiṭṭhaṃ. Tena vuttaṃ –
‘‘ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,
‘‘Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,
ทุกํ ติกเญฺจว ติกํ ทุกญฺจ;
Dukaṃ tikañceva tikaṃ dukañca;
ติกํ ติกเญฺจว ทุกํ ทุกญฺจ,
Tikaṃ tikañceva dukaṃ dukañca,
ฉ ปจฺจนียมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติฯ
Cha paccanīyamhi nayā sugambhīrā’’ti.
ตโต ปรํ อนุโลมปจฺจนีเยปิ เอเตเนวุปาเยน ฉ นยา ทสฺสิตาฯ เตนาห –
Tato paraṃ anulomapaccanīyepi etenevupāyena cha nayā dassitā. Tenāha –
‘‘ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,
‘‘Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,
ทุกํ ติกเญฺจว ติกํ ทุกญฺจ;
Dukaṃ tikañceva tikaṃ dukañca;
ติกํ ติกเญฺจว ทุกํ ทุกญฺจ,
Tikaṃ tikañceva dukaṃ dukañca,
ฉ อนุโลมปจฺจนียมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติฯ
Cha anulomapaccanīyamhi nayā sugambhīrā’’ti.
ตทนนฺตรํ ปจฺจนียานุโลมมฺหิ เอเตเหว ฉหิ นเยหิ นิทฺทิฎฺฐํฯ เตนาห –
Tadanantaraṃ paccanīyānulomamhi eteheva chahi nayehi niddiṭṭhaṃ. Tenāha –
‘‘ติกญฺจ ปฎฺฐานวรํ ทุกุตฺตมํ,
‘‘Tikañca paṭṭhānavaraṃ dukuttamaṃ,
ทุกํ ติกเญฺจว ติกํ ทุกญฺจ;
Dukaṃ tikañceva tikaṃ dukañca;
ติกํ ติกเญฺจว ทุกํ ทุกญฺจ,
Tikaṃ tikañceva dukaṃ dukañca,
ฉ ปจฺจนียานุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติฯ
Cha paccanīyānulomamhi nayā sugambhīrā’’ti.
เอวํ อนุโลเม ฉ ปฎฺฐานานิ, ปจฺจนีเย ฉ, อนุโลมปจฺจนีเย ฉ, ปจฺจนียานุโลเม ฉ ปฎฺฐานานีติ อิทํ ‘‘จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานสโมธานปฎฺฐานมหาปกรณํ นามา’’ติ หิ วุตฺตํฯ
Evaṃ anulome cha paṭṭhānāni, paccanīye cha, anulomapaccanīye cha, paccanīyānulome cha paṭṭhānānīti idaṃ ‘‘catuvīsatisamantapaṭṭhānasamodhānapaṭṭhānamahāpakaraṇaṃ nāmā’’ti hi vuttaṃ.
ตตฺถ เยสํ จตุวีสติยา สมนฺตปฎฺฐานานํ สโมธานวเสเนตํ จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานสโมธานํ ปฎฺฐานมหาปกรณํ นามาติ วุตฺตํ, เตสเญฺจว อิมสฺส จ ปกรณสฺส นามโตฺถ ตาว เอวํ เวทิตโพฺพฯ เกนเฎฺฐน ปฎฺฐานนฺติ? นานปฺปการปจฺจยเฎฺฐนฯ ‘ป-กาโร’ หิ นานปฺปการตฺถํ ทีเปติ, ฐานสโทฺท ปจฺจยตฺถํฯ ฐานาฎฺฐานกุสลตาติอาทีสุ หิ ปจฺจโย ฐานนฺติ วุโตฺตฯ อิติ นานปฺปการานํ ปจฺจยานํ วเสน เทสิตตฺตา อิเมสุ จตุวีสติยา ปฎฺฐาเนสุ เอเกกํ ปฎฺฐานํ นามฯ อิเมสํ ปน ปฎฺฐานานํ สมูหโต สพฺพเมฺปตํ ปกรณํ ปฎฺฐานนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Tattha yesaṃ catuvīsatiyā samantapaṭṭhānānaṃ samodhānavasenetaṃ catuvīsatisamantapaṭṭhānasamodhānaṃ paṭṭhānamahāpakaraṇaṃ nāmāti vuttaṃ, tesañceva imassa ca pakaraṇassa nāmattho tāva evaṃ veditabbo. Kenaṭṭhena paṭṭhānanti? Nānappakārapaccayaṭṭhena. ‘Pa-kāro’ hi nānappakāratthaṃ dīpeti, ṭhānasaddo paccayatthaṃ. Ṭhānāṭṭhānakusalatātiādīsu hi paccayo ṭhānanti vutto. Iti nānappakārānaṃ paccayānaṃ vasena desitattā imesu catuvīsatiyā paṭṭhānesu ekekaṃ paṭṭhānaṃ nāma. Imesaṃ pana paṭṭhānānaṃ samūhato sabbampetaṃ pakaraṇaṃ paṭṭhānanti veditabbaṃ.
อปโร นโย – เกนเฎฺฐน ปฎฺฐานนฺติ? วิภชนเฎฺฐนฯ ‘‘ปญฺญาปนา ปฎฺฐปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺม’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๗๑) อาคตฎฺฐานสฺมิญฺหิ วิภชนเฎฺฐน ปฎฺฐานํ ปญฺญายติฯ อิติ กุสลาทีนํ ธมฺมานํ เหตุปจฺจยาทิวเสน วิภตฺตตฺตา อิเมสุ จตุวีสติยา ปฎฺฐาเนสุ เอเกกํ ปฎฺฐานํ นามฯ อิเมสํ ปน ปฎฺฐานานํ สมูหโต สพฺพเมฺปตํ ปกรณํ ปฎฺฐานํ นามาติ เวทิตพฺพํฯ
Aparo nayo – kenaṭṭhena paṭṭhānanti? Vibhajanaṭṭhena. ‘‘Paññāpanā paṭṭhapanā vivaraṇā vibhajanā uttānīkamma’’nti (ma. ni. 1.371) āgataṭṭhānasmiñhi vibhajanaṭṭhena paṭṭhānaṃ paññāyati. Iti kusalādīnaṃ dhammānaṃ hetupaccayādivasena vibhattattā imesu catuvīsatiyā paṭṭhānesu ekekaṃ paṭṭhānaṃ nāma. Imesaṃ pana paṭṭhānānaṃ samūhato sabbampetaṃ pakaraṇaṃ paṭṭhānaṃ nāmāti veditabbaṃ.
อปโร นโย – เกนเฎฺฐน ปฎฺฐานนฺติ? ปฎฺฐิตเตฺถนฯ คมนเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ ‘‘โคฎฺฐา ปฎฺฐิตคาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) อาคตฎฺฐานสฺมิญฺหิ เยน ปฎฺฐาเนน ปฎฺฐิตคาโวติ วุโตฺต, ตํ อตฺถโต คมนํ โหติฯ อิติ นาติวิตฺถาริตนเยสุ ธมฺมสงฺคณีอาทีสุ อนิสฺสงฺคคมนสฺส สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส เหตุปจฺจยาทิเภทภิเนฺนสุ กุสลาทีสุ วิตฺถาริตนยลาภโต นิสฺสงฺควเสน ปวตฺตคมนตฺตา อิเมสุ จตุวีสติยา ปฎฺฐาเนสุ เอเกกํ ปฎฺฐานํ นามฯ อิเมสํ ปน ปฎฺฐานานํ สมูหโต สพฺพเมฺปตํ ปกรณํ ปฎฺฐานํ นามาติ เวทิตพฺพํฯ
Aparo nayo – kenaṭṭhena paṭṭhānanti? Paṭṭhitatthena. Gamanaṭṭhenāti attho. ‘‘Goṭṭhā paṭṭhitagāvo’’ti (ma. ni. 1.156) āgataṭṭhānasmiñhi yena paṭṭhānena paṭṭhitagāvoti vutto, taṃ atthato gamanaṃ hoti. Iti nātivitthāritanayesu dhammasaṅgaṇīādīsu anissaṅgagamanassa sabbaññutaññāṇassa hetupaccayādibhedabhinnesu kusalādīsu vitthāritanayalābhato nissaṅgavasena pavattagamanattā imesu catuvīsatiyā paṭṭhānesu ekekaṃ paṭṭhānaṃ nāma. Imesaṃ pana paṭṭhānānaṃ samūhato sabbampetaṃ pakaraṇaṃ paṭṭhānaṃ nāmāti veditabbaṃ.
ตตฺถ อนุโลมมฺหิ ตาว ปฐมํ ติกวเสน เทสิตตฺตา ติกปฎฺฐานํ นามฯ ตสฺส ปทเจฺฉโท – ติกานํ ปฎฺฐานํ เอตฺถ อตฺถีติ ติกปฎฺฐานํฯ ติกานํ นานปฺปการกา ปจฺจยา เอติสฺสา เทสนาย อตฺถีติ อโตฺถฯ ทุติยวิกเปฺปปิ ติกานํ ปฎฺฐานเนฺตฺวว ติกปฎฺฐานํฯ เหตุปจฺจยาทิวเสน ติกานํ วิภชนาติ อโตฺถฯ ตติยวิกเปฺป เหตุปจฺจยาทิเภทภินฺนตาย ลทฺธวิตฺถารา ติกา เอว ปฎฺฐานํ ติกปฎฺฐานํฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส นิสฺสงฺคคมนภูมีติ อโตฺถฯ ทุกปฎฺฐานาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ อนุโลเม ฉปฎฺฐานานิ วิทิตฺวา ปจฺจนียาทีสุปิ อิมินาวุปาเยน เวทิตพฺพานิฯ
Tattha anulomamhi tāva paṭhamaṃ tikavasena desitattā tikapaṭṭhānaṃ nāma. Tassa padacchedo – tikānaṃ paṭṭhānaṃ ettha atthīti tikapaṭṭhānaṃ. Tikānaṃ nānappakārakā paccayā etissā desanāya atthīti attho. Dutiyavikappepi tikānaṃ paṭṭhānantveva tikapaṭṭhānaṃ. Hetupaccayādivasena tikānaṃ vibhajanāti attho. Tatiyavikappe hetupaccayādibhedabhinnatāya laddhavitthārā tikā eva paṭṭhānaṃ tikapaṭṭhānaṃ. Sabbaññutaññāṇassa nissaṅgagamanabhūmīti attho. Dukapaṭṭhānādīsupi eseva nayo. Evaṃ anulome chapaṭṭhānāni viditvā paccanīyādīsupi imināvupāyena veditabbāni.
ยสฺมา ปเนตานิ อนุโลเม, ปจฺจนีเย, อนุโลมปจฺจนีเย, ปจฺจนียานุโลเมติ สมนฺตา ฉ ฉ หุตฺวา จตุวีสติ โหนฺติ; ตสฺมา ‘‘จตุวีสติ สมนฺตปฎฺฐานานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ อิติ อิเมสํ จตุวีสติยา ขุทฺทกปฎฺฐานสงฺขาตานํ สมนฺตปฎฺฐานานํ สโมธานวเสเนตํ จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานสโมธานํ ปฎฺฐานมหาปกรณํ นามฯ
Yasmā panetāni anulome, paccanīye, anulomapaccanīye, paccanīyānulometi samantā cha cha hutvā catuvīsati honti; tasmā ‘‘catuvīsati samantapaṭṭhānānī’’ti vuccanti. Iti imesaṃ catuvīsatiyā khuddakapaṭṭhānasaṅkhātānaṃ samantapaṭṭhānānaṃ samodhānavasenetaṃ catuvīsatisamantapaṭṭhānasamodhānaṃ paṭṭhānamahāpakaraṇaṃ nāma.
ตํ ปเนตํ เย ติกาทโย นิสฺสาย นิทฺทิฎฺฐตฺตา ‘‘ติกปฎฺฐานํ ทุกปฎฺฐานํ…เป.… ทุกทุกปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํ, เต อนามสิตฺวา เยสํ ปจฺจยานํ วเสน เต ติกาทโย วิภตฺตา เต ปจฺจเย ทเสฺสตุํ อาทิโต ตาวสฺส มาติกานิเกฺขปวาโร นาม วุโตฺต; ปจฺจยวิภงฺควาโรติปิ ตเสฺสว นามํฯ โส อุเทฺทสนิเทฺทสโต ทุวิโธฯ ตสฺส เหตุปจฺจโย…เป.… อวิคตปจฺจโยติ อยํ อุเทฺทโสฯ
Taṃ panetaṃ ye tikādayo nissāya niddiṭṭhattā ‘‘tikapaṭṭhānaṃ dukapaṭṭhānaṃ…pe… dukadukapaṭṭhāna’’nti vuttaṃ, te anāmasitvā yesaṃ paccayānaṃ vasena te tikādayo vibhattā te paccaye dassetuṃ ādito tāvassa mātikānikkhepavāro nāma vutto; paccayavibhaṅgavārotipi tasseva nāmaṃ. So uddesaniddesato duvidho. Tassa hetupaccayo…pe… avigatapaccayoti ayaṃ uddeso.
ตตฺถ เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ เหตุปจฺจโยฯ เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย, เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติฯ อารมฺมณปจฺจยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ เหตูติ วจนาวยวการณมูลานเมตํ อธิวจนํฯ ‘‘ปฎิญฺญา เหตู’’ติอาทีสุ หิ โลเก วจนาวยโว เหตูติ, วุจฺจติฯ สาสเน ปน ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๖๐) การณํฯ ‘‘ตโย กุสลา เหตู, ตโย อกุสลา เหตู’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๕๙) มูลํ เหตูติ วุจฺจติฯ ตํ อิธ อธิเปฺปตํฯ ปจฺจโยติ เอตฺถ ปน อยํ วจนโตฺถ – ปฎิจฺจ เอตสฺมา เอตีติ ปจฺจโย, อปฺปจฺจกฺขาย นํ วตฺตตีติ อโตฺถฯ โย หิ ธโมฺม ยํ ธมฺมํ อปฺปจฺจกฺขาย ติฎฺฐติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติฯ
Tattha hetu ca so paccayo cāti hetupaccayo. Hetu hutvā paccayo, hetubhāvena paccayoti vuttaṃ hoti. Ārammaṇapaccayādīsupi eseva nayo. Tattha hetūti vacanāvayavakāraṇamūlānametaṃ adhivacanaṃ. ‘‘Paṭiññā hetū’’tiādīsu hi loke vacanāvayavo hetūti, vuccati. Sāsane pana ‘‘ye dhammā hetuppabhavā’’tiādīsu (mahāva. 60) kāraṇaṃ. ‘‘Tayo kusalā hetū, tayo akusalā hetū’’tiādīsu (dha. sa. 1059) mūlaṃ hetūti vuccati. Taṃ idha adhippetaṃ. Paccayoti ettha pana ayaṃ vacanattho – paṭicca etasmā etīti paccayo, appaccakkhāya naṃ vattatīti attho. Yo hi dhammo yaṃ dhammaṃ appaccakkhāya tiṭṭhati vā uppajjati vā, so tassa paccayoti vuttaṃ hoti.
ลกฺขณโต ปน อุปการกลกฺขโณ ปจฺจโย, โย หิ ธโมฺม ยสฺส ธมฺมสฺส ฐิติยา วา อุปฺปตฺติยา วา อุปการโก โหติ, โส ตสฺส ปจฺจโยติ วุจฺจติฯ ปจฺจโย, เหตุ; การณํ นิทานํ สมฺภโว, ปภโวติ อตฺถโต เอกํ, พฺยญฺชนโต นานํฯ อิติ มูลเฎฺฐน เหตุ, อุปการกเฎฺฐน ปจฺจโยติ สเงฺขปโต มูลเฎฺฐน อุปการโก ธโมฺม เหตุปจฺจโยฯ โส หิ สาลิอาทีนํ สาลิพีชาทีนิ วิย, มณิปฺปภาทีนํ วิย จ มณิวณฺณาทโย กุสลาทีนํ กุสลาทิภาวสาธโกติ อาจริยานํ อธิปฺปาโยฯ เอวํ สเนฺต ปน ตํสมุฎฺฐานรูเปสุ เหตุปจฺจยตา น สมฺปชฺชติฯ น หิ โส เตสํ กุสลาทิภาวํ สาเธติ, น จ ปจฺจโย น โหตีติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ อเหตุกจิตฺตานญฺจ วินา เอเตน อพฺยากตภาโว สิโทฺธฯ
Lakkhaṇato pana upakārakalakkhaṇo paccayo, yo hi dhammo yassa dhammassa ṭhitiyā vā uppattiyā vā upakārako hoti, so tassa paccayoti vuccati. Paccayo, hetu; kāraṇaṃ nidānaṃ sambhavo, pabhavoti atthato ekaṃ, byañjanato nānaṃ. Iti mūlaṭṭhena hetu, upakārakaṭṭhena paccayoti saṅkhepato mūlaṭṭhena upakārako dhammo hetupaccayo. So hi sāliādīnaṃ sālibījādīni viya, maṇippabhādīnaṃ viya ca maṇivaṇṇādayo kusalādīnaṃ kusalādibhāvasādhakoti ācariyānaṃ adhippāyo. Evaṃ sante pana taṃsamuṭṭhānarūpesu hetupaccayatā na sampajjati. Na hi so tesaṃ kusalādibhāvaṃ sādheti, na ca paccayo na hotīti. Vuttañhetaṃ ‘‘hetū hetusampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ hetupaccayena paccayo’’ti. Ahetukacittānañca vinā etena abyākatabhāvo siddho.
สเหตุกานมฺปิ จ โยนิโสมนสิการาทิปฎิพโทฺธ กุสลาทิภาโว น สมฺปยุตฺตเหตุปฎิพโทฺธฯ ยทิ จ สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว สิยา, ตํสมฺปยุเตฺตสุ เหตุปฎิพโทฺธ อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วาฯ ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โหติ, ตสฺมา ยถา สมฺปยุเตฺตสุ, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา ปริเยสิตพฺพาฯ กุสลาทิภาวสาธนวเสน ปน เหตูนํ มูลฎฺฐํ อคฺคเหตฺวา สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนวเสน คยฺหมาเน น กิญฺจิ วิรุชฺฌติฯ ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรุฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฎฺฐิตา, อเหตุกา ปน ติลพีชกาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฎฺฐิตาฯ อิติ มูลเฎฺฐน อุปการโกติ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธเนน อุปการโก ธโมฺม เหตุปจฺจโยติ เวทิตโพฺพฯ
Sahetukānampi ca yonisomanasikārādipaṭibaddho kusalādibhāvo na sampayuttahetupaṭibaddho. Yadi ca sampayuttahetūsu sabhāvatova kusalādibhāvo siyā, taṃsampayuttesu hetupaṭibaddho alobho kusalo vā siyā abyākato vā. Yasmā pana ubhayathāpi hoti, tasmā yathā sampayuttesu, evaṃ hetūsupi kusalāditā pariyesitabbā. Kusalādibhāvasādhanavasena pana hetūnaṃ mūlaṭṭhaṃ aggahetvā suppatiṭṭhitabhāvasādhanavasena gayhamāne na kiñci virujjhati. Laddhahetupaccayā hi dhammā viruḷhamūlā viya pādapā thirā honti suppatiṭṭhitā, ahetukā pana tilabījakādisevālā viya na suppatiṭṭhitā. Iti mūlaṭṭhena upakārakoti suppatiṭṭhitabhāvasādhanena upakārako dhammo hetupaccayoti veditabbo.
ตโต ปเรสุ อารมฺมณวเสน อุปการโก ธโมฺม อารมฺมณปจฺจโยฯ โส ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา’’ติ อารภิตฺวาปิ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภ เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ โอสาปิตตฺตา น โกจิ ธโมฺม น โหติฯ ยถา หิ ทุพฺพโล ปุริโส ทณฺฑํ วา รชฺชุํ วา อาลมฺพิตฺวาว อุฎฺฐหติ เจว ติฎฺฐติ จ, เอวํ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา รูปาทิอารมฺมณํ อารเพฺภว อุปฺปชฺชนฺติ เจว ติฎฺฐนฺติ จฯ ตสฺมา สเพฺพปิ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อารมฺมณภูตา ธมฺมา อารมฺมณปจฺจโยติ เวทิตพฺพาฯ
Tato paresu ārammaṇavasena upakārako dhammo ārammaṇapaccayo. So ‘‘rūpāyatanaṃ cakkhuviññāṇadhātuyā’’ti ārabhitvāpi ‘‘yaṃ yaṃ dhammaṃ ārabbha ye ye dhammā uppajjanti cittacetasikā dhammā, te te dhammā tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ ārammaṇapaccayena paccayo’’ti osāpitattā na koci dhammo na hoti. Yathā hi dubbalo puriso daṇḍaṃ vā rajjuṃ vā ālambitvāva uṭṭhahati ceva tiṭṭhati ca, evaṃ cittacetasikā dhammā rūpādiārammaṇaṃ ārabbheva uppajjanti ceva tiṭṭhanti ca. Tasmā sabbepi cittacetasikānaṃ dhammānaṃ ārammaṇabhūtā dhammā ārammaṇapaccayoti veditabbā.
เชฎฺฐกเฎฺฐน อุปการโก ธโมฺม อธิปติปจฺจโยฯ โส สหชาตารมฺมณวเสน ทุวิโธฯ ตตฺถ ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต ฉนฺทวีริยจิตฺตวีมํสสงฺขาตา จตฺตาโร ธมฺมา สหชาตาธิปติปจฺจโยติ เวทิตพฺพา, โน จ โข เอกโตฯ ยทา หิ ฉนฺทํ ธุรํ เชฎฺฐกํ กตฺวา จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตทา ฉโนฺทว อธิปติ, น อิตเรฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ยํ ปน ธมฺมํ ครุํ กตฺวา อรูปธมฺมา ปวตฺตนฺติ, โส เนสํ อารมฺมณาธิปติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ ครุํ กตฺวา เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ
Jeṭṭhakaṭṭhena upakārako dhammo adhipatipaccayo. So sahajātārammaṇavasena duvidho. Tattha ‘‘chandādhipati chandasampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ adhipatipaccayena paccayo’’tiādivacanato chandavīriyacittavīmaṃsasaṅkhātā cattāro dhammā sahajātādhipatipaccayoti veditabbā, no ca kho ekato. Yadā hi chandaṃ dhuraṃ jeṭṭhakaṃ katvā cittaṃ pavattati, tadā chandova adhipati, na itare. Esa nayo sesesupi. Yaṃ pana dhammaṃ garuṃ katvā arūpadhammā pavattanti, so nesaṃ ārammaṇādhipati. Tena vuttaṃ – ‘‘yaṃ yaṃ dhammaṃ garuṃ katvā ye ye dhammā uppajjanti cittacetasikā dhammā, te te dhammā tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ adhipatipaccayena paccayo’’ti.
อนนฺตรภาเวน อุปการโก ธโมฺม อนนฺตรปจฺจโยฯ สมนนฺตรภาเวน อุปการโก ธโมฺม สมนนฺตรปจฺจโยฯ อิทญฺจ ปจฺจยทฺวยํ พหุธา ปปญฺจยนฺติฯ อยํ ปเนตฺถ สาโร – โย หิ เอส จกฺขุวิญฺญาณานนฺตรา มโนธาตุ, มโนธาตุอนนฺตรา มโนวิญฺญาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโม, โส ยสฺมา ปุริมจิตฺตวเสเนว อิชฺฌติ, น อญฺญถาฯ ตสฺมา อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรํ อนุรูปสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อุปฺปาทนสมโตฺถว ธโมฺม อนนฺตรปจฺจโยฯ เตเนวาห – ‘‘อนนฺตรปจฺจโยติ จกฺขุวิญฺญาณธาตุ ตํสมฺปยุตฺตกา จ ธมฺมา มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิฯ
Anantarabhāvena upakārako dhammo anantarapaccayo. Samanantarabhāvena upakārako dhammo samanantarapaccayo. Idañca paccayadvayaṃ bahudhā papañcayanti. Ayaṃ panettha sāro – yo hi esa cakkhuviññāṇānantarā manodhātu, manodhātuanantarā manoviññāṇadhātūtiādi cittaniyamo, so yasmā purimacittavaseneva ijjhati, na aññathā. Tasmā attano attano anantaraṃ anurūpassa cittuppādassa uppādanasamatthova dhammo anantarapaccayo. Tenevāha – ‘‘anantarapaccayoti cakkhuviññāṇadhātu taṃsampayuttakā ca dhammā manodhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ anantarapaccayena paccayo’’tiādi.
โย อนนฺตรปจฺจโย, เสฺวว สมนนฺตรปจฺจโยฯ พฺยญฺชนมตฺตเมว เหตฺถ นานํ, อุปจยสนฺตติอาทีสุ วิย, อธิวจนนิรุตฺติทุกาทีสุ วิย จ, อตฺถโต ปน นานํ นตฺถิฯ ยมฺปิ ‘‘อทฺธานนฺตรตาย อนนฺตรปจฺจโย, กาลานนฺตรตาย สมนนฺตรปจฺจโย’’ติ อาจริยานํ มตํ , ตํ ‘‘นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนกุสลํ ผลสมาปตฺติยา สมนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทีหิ วิรุชฺฌติฯ ยมฺปิ ตตฺถ วทนฺติ – ‘‘ธมฺมานํ สมุฎฺฐาปนสมตฺถตา น ปริหายติ, ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตา ธมฺมา สมนนฺตรํ นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ตมฺปิ กาลานนฺตรตาย อภาวเมว สาเธติฯ ภาวนาพเลน หิ ตตฺถ กาลานนฺตรตา นตฺถีติ, มยมฺปิ เอตเทว วทามฯ ยสฺมา จ กาลานนฺตรตา นตฺถิ, ตสฺมา สมนนฺตรปจฺจยตา น ยุชฺชติฯ กาลานนฺตรตาย หิ เตสํ สมนนฺตรปจฺจโย โหตีติ ลทฺธิฯ ตสฺมา อภินิเวสํ อกตฺวา พฺยญฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปเจฺจตพฺพํ, น อตฺถโตฯ กถํ? นตฺถิ เอเตสํ อนฺตรนฺติ หิ อนนฺตราฯ สณฺฐานาภาวโต สุฎฺฐุ อนนฺตราติ สมนนฺตราฯ
Yo anantarapaccayo, sveva samanantarapaccayo. Byañjanamattameva hettha nānaṃ, upacayasantatiādīsu viya, adhivacananiruttidukādīsu viya ca, atthato pana nānaṃ natthi. Yampi ‘‘addhānantaratāya anantarapaccayo, kālānantaratāya samanantarapaccayo’’ti ācariyānaṃ mataṃ , taṃ ‘‘nirodhā vuṭṭhahantassa nevasaññānāsaññāyatanakusalaṃ phalasamāpattiyā samanantarapaccayena paccayo’’tiādīhi virujjhati. Yampi tattha vadanti – ‘‘dhammānaṃ samuṭṭhāpanasamatthatā na parihāyati, bhāvanābalena pana vāritattā dhammā samanantaraṃ nuppajjantī’’ti, tampi kālānantaratāya abhāvameva sādheti. Bhāvanābalena hi tattha kālānantaratā natthīti, mayampi etadeva vadāma. Yasmā ca kālānantaratā natthi, tasmā samanantarapaccayatā na yujjati. Kālānantaratāya hi tesaṃ samanantarapaccayo hotīti laddhi. Tasmā abhinivesaṃ akatvā byañjanamattatovettha nānākaraṇaṃ paccetabbaṃ, na atthato. Kathaṃ? Natthi etesaṃ antaranti hi anantarā. Saṇṭhānābhāvato suṭṭhu anantarāti samanantarā.
อุปฺปชฺชมาโน สห อุปฺปชฺชมานภาเวน อุปการโก ธโมฺม สหชาตปจฺจโย, ปกาสสฺส ปทีโป วิยฯ โส อรูปกฺขนฺธาทิวเสน ฉพฺพิโธ โหติฯ ยถาห – จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อญฺญมญฺญํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ จตฺตาโร มหาภูตา อญฺญมญฺญํ…เป.… โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อญฺญมญฺญํ…เป.… จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ…เป.… มหาภูตา อุปาทารูปานํ…เป.… รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ กิญฺจิกาเล สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย; กิญฺจิ กาเล น สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ อิทํ หทยวตฺถุเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ
Uppajjamāno saha uppajjamānabhāvena upakārako dhammo sahajātapaccayo, pakāsassa padīpo viya. So arūpakkhandhādivasena chabbidho hoti. Yathāha – cattāro khandhā arūpino aññamaññaṃ sahajātapaccayena paccayo. Cattāro mahābhūtā aññamaññaṃ…pe… okkantikkhaṇe nāmarūpaṃ aññamaññaṃ…pe… cittacetasikā dhammā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ…pe… mahābhūtā upādārūpānaṃ…pe… rūpino dhammā arūpīnaṃ dhammānaṃ kiñcikāle sahajātapaccayena paccayo; kiñci kāle na sahajātapaccayena paccayoti. Idaṃ hadayavatthumeva sandhāya vuttaṃ.
อญฺญมญฺญํ อุปฺปาทนุปตฺถมฺภนภาเวน อุปการโก ธโมฺม อญฺญมญฺญปจฺจโยฯ อญฺญมญฺญุปตฺถมฺภกํ ติทณฺฑํ วิยฯ โส อรูปกฺขนฺธาทิวเสน ติวิโธ โหติฯ ยถาห – จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อญฺญมญฺญปจฺจเยน ปจฺจโยฯ จตฺตาโร มหาภูตา…เป.… โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อญฺญมญฺญปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Aññamaññaṃ uppādanupatthambhanabhāvena upakārako dhammo aññamaññapaccayo. Aññamaññupatthambhakaṃ tidaṇḍaṃ viya. So arūpakkhandhādivasena tividho hoti. Yathāha – cattāro khandhā arūpino aññamaññapaccayena paccayo. Cattāro mahābhūtā…pe… okkantikkhaṇe nāmarūpaṃ aññamaññapaccayena paccayoti.
อธิฎฺฐานากาเรน นิสฺสยากาเรน จ อุปการโก ธโมฺม นิสฺสยปจฺจโย, ตรุจิตฺตกมฺมาทีนํ ปถวีปฎาทโย วิยฯ โส ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อญฺญมญฺญํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ สหชาเต วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ฉโฎฺฐ ปเนตฺถ โกฎฺฐาโส ‘‘จกฺขายตนํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา, โสตฆานชิวฺหากายายตนํ กายวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิญฺญาณธาตุ จ วตฺตนฺติ , ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิญฺญาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ วิภโตฺตฯ
Adhiṭṭhānākārena nissayākārena ca upakārako dhammo nissayapaccayo, tarucittakammādīnaṃ pathavīpaṭādayo viya. So ‘‘cattāro khandhā arūpino aññamaññaṃ nissayapaccayena paccayo’’ti evaṃ sahajāte vuttanayeneva veditabbo. Chaṭṭho panettha koṭṭhāso ‘‘cakkhāyatanaṃ cakkhuviññāṇadhātuyā, sotaghānajivhākāyāyatanaṃ kāyaviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ nissayapaccayena paccayo. Yaṃ rūpaṃ nissāya manodhātu ca manoviññāṇadhātu ca vattanti , taṃ rūpaṃ manodhātuyā ca manoviññāṇadhātuyā ca taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ nissayapaccayena paccayo’’ti evaṃ vibhatto.
อุปนิสฺสยปจฺจโยติ อิธ ปน อยํ ตาว วจนโตฺถ – ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโต, น ปฎิกฺขิโตฺตติ นิสฺสโยฯ ยถา ปน ภุโส อายาโส อุปายาโส, เอวํ ภุโส นิสฺสโย อุปนิสฺสโยฯ พลวการณเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตสฺมา พลวการณภาเวน อุปการโก ธโมฺม อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เวทิตโพฺพฯ โส อารมฺมณูปนิสฺสโย, อนนฺตรูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยติ ติวิโธ โหติฯ ตตฺถ ‘‘ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ตํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ปุเพฺพ สุจิณฺณานิ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ฌานํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, เสกฺขา โคตฺรภุํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ, โวทานํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ, เสกฺขา มคฺคา วุฎฺฐหิตฺวา มคฺคํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตี’’ติ เอวมาทินา นเยน อารมฺมณูปนิสฺสโย ตาว อารมฺมณาธิปตินา สทฺธิํ นานตฺตํ อกตฺวา วิภโตฺตฯ ตตฺถ ยํ อารมฺมณํ ครุํ กตฺวา จิตฺตเจตสิกา อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ นิยมโต เตสํ อารมฺมเณสุ พลวารมฺมณํ โหติ ฯ อิติ ครุกาตพฺพมตฺตเฎฺฐน อารมฺมณาธิปติ, พลวการณเฎฺฐน อารมฺมณูปนิสฺสโยติ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ
Upanissayapaccayoti idha pana ayaṃ tāva vacanattho – tadadhīnavuttitāya attano phalena nissito, na paṭikkhittoti nissayo. Yathā pana bhuso āyāso upāyāso, evaṃ bhuso nissayo upanissayo. Balavakāraṇassetaṃ adhivacanaṃ. Tasmā balavakāraṇabhāvena upakārako dhammo upanissayapaccayoti veditabbo. So ārammaṇūpanissayo, anantarūpanissayo pakatūpanissayoti tividho hoti. Tattha ‘‘dānaṃ datvā sīlaṃ samādiyitvā uposathakammaṃ katvā taṃ garuṃ katvā paccavekkhati, pubbe suciṇṇāni garuṃ katvā paccavekkhati, jhānā vuṭṭhahitvā jhānaṃ garuṃ katvā paccavekkhati, sekkhā gotrabhuṃ garuṃ katvā paccavekkhanti, vodānaṃ garuṃ katvā paccavekkhanti, sekkhā maggā vuṭṭhahitvā maggaṃ garuṃ katvā paccavekkhantī’’ti evamādinā nayena ārammaṇūpanissayo tāva ārammaṇādhipatinā saddhiṃ nānattaṃ akatvā vibhatto. Tattha yaṃ ārammaṇaṃ garuṃ katvā cittacetasikā uppajjanti, taṃ niyamato tesaṃ ārammaṇesu balavārammaṇaṃ hoti . Iti garukātabbamattaṭṭhena ārammaṇādhipati, balavakāraṇaṭṭhena ārammaṇūpanissayoti evametesaṃ nānattaṃ veditabbaṃ.
อนนฺตรูปนิสฺสโยปิ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ขนฺธา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ขนฺธานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา นเยน อนนฺตรปจฺจเยน สทฺธิํ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภโตฺตฯ มาติกานิเกฺขเป ปน เนสํ ‘‘จกฺขุวิญฺญาณธาตุ ตํสมฺปยุตฺตกา จ ธมฺมา มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา นเยน อนนฺตรสฺส จ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา นเยน อุปนิสฺสยสฺส จ อาคตตฺตา นิเกฺขปวิเสโส อตฺถิ, โสปิ อตฺถโต เอกีภาวเมว คจฺฉติฯ เอวํ สเนฺตปิ อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรํ อนุรูปสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺตนสมตฺถตาย อนนฺตรตา ปุริมจิตฺตสฺส จ ปจฺฉิมจิตฺตุปฺปาทเน พลวตาย อนนฺตรูปนิสฺสยตา เวทิตพฺพาฯ ยถา หิ เหตุปจฺจยาทีสุ กญฺจิ ธมฺมํ วินาปิ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, น เอวํ อนนฺตรจิตฺตํ, วินา จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ นาม อตฺถิ, ตสฺมา พลวปจฺจโย โหติฯ อิติ อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรํ อนุรูปจิตฺตุปฺปาทวเสน อนนฺตรปจฺจโย, พลวการณวเสน อนนฺตรูปนิสฺสโยติ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ
Anantarūpanissayopi ‘‘purimā purimā kusalā khandhā pacchimānaṃ pacchimānaṃ kusalānaṃ khandhānaṃ upanissayapaccayena paccayo’’tiādinā nayena anantarapaccayena saddhiṃ nānattaṃ akatvāva vibhatto. Mātikānikkhepe pana nesaṃ ‘‘cakkhuviññāṇadhātu taṃsampayuttakā ca dhammā manodhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ anantarapaccayena paccayo’’tiādinā nayena anantarassa ca ‘‘purimā purimā kusalā dhammā pacchimānaṃ pacchimānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ upanissayapaccayena paccayo’’tiādinā nayena upanissayassa ca āgatattā nikkhepaviseso atthi, sopi atthato ekībhāvameva gacchati. Evaṃ santepi attano attano anantaraṃ anurūpassa cittuppādassa pavattanasamatthatāya anantaratā purimacittassa ca pacchimacittuppādane balavatāya anantarūpanissayatā veditabbā. Yathā hi hetupaccayādīsu kañci dhammaṃ vināpi cittaṃ uppajjati, na evaṃ anantaracittaṃ, vinā cittassa uppatti nāma atthi, tasmā balavapaccayo hoti. Iti attano attano anantaraṃ anurūpacittuppādavasena anantarapaccayo, balavakāraṇavasena anantarūpanissayoti evametesaṃ nānattaṃ veditabbaṃ.
ปกตูปนิสฺสโย ปน ปกโต อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยฯ ปกโต นาม อตฺตโน สนฺตาเน นิปฺผาทิโต วา สทฺธาสีลาทิ; อุปเสวิโต วา อุตุโภชนาทิฯ ปกติยาเยว วา อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโย, อารมฺมณานนฺตเรหิ อสมฺมิโสฺสติ อโตฺถฯ ตสฺส ‘‘ปกตูปนิสฺสโย – สทฺธํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, ฌานํ อุปฺปาเทติ, วิปสฺสนํ อุปฺปาเทติ, มคฺคํ อุปฺปาเทติ, อภิญฺญํ อุปฺปาเทติ, สมาปตฺติํ อุปฺปาเทติ, สีลํ… สุตํ… จาคํ… ปญฺญํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ…เป.… สมาปตฺติํ อุปฺปาเทติฯ สทฺธา… สีลํ… สุตํ… จาโค… ปญฺญา สทฺธาย… สีลสฺส… สุตสฺส… จาคสฺส… ปญฺญาย อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา นเยน อเนกปฺปการโก ปเภโท เวทิตโพฺพฯ อิติ อิเม สทฺธาทโย ปกตา เจว พลวการณเฎฺฐน อุปนิสฺสยา จาติ ปกตูปนิสฺสโยติฯ
Pakatūpanissayo pana pakato upanissayo pakatūpanissayo. Pakato nāma attano santāne nipphādito vā saddhāsīlādi; upasevito vā utubhojanādi. Pakatiyāyeva vā upanissayo pakatūpanissayo, ārammaṇānantarehi asammissoti attho. Tassa ‘‘pakatūpanissayo – saddhaṃ upanissāya dānaṃ deti, sīlaṃ samādiyati, uposathakammaṃ karoti, jhānaṃ uppādeti, vipassanaṃ uppādeti, maggaṃ uppādeti, abhiññaṃ uppādeti, samāpattiṃ uppādeti, sīlaṃ… sutaṃ… cāgaṃ… paññaṃ upanissāya dānaṃ deti…pe… samāpattiṃ uppādeti. Saddhā… sīlaṃ… sutaṃ… cāgo… paññā saddhāya… sīlassa… sutassa… cāgassa… paññāya upanissayapaccayena paccayo’’tiādinā nayena anekappakārako pabhedo veditabbo. Iti ime saddhādayo pakatā ceva balavakāraṇaṭṭhena upanissayā cāti pakatūpanissayoti.
ปฐมตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา วตฺตมานภาเวน อุปการโก ธโมฺม ปุเรชาตปจฺจโยฯ โส ปญฺจทฺวาเร วตฺถารมฺมณหทยวตฺถุวเสน เอกาทสวิโธ โหติ ฯ ยถาห – จกฺขายตนํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายายตนํ, รูปายตนํ, สทฺท… คนฺธ… รส… โผฎฺฐพฺพายตนํ, กายวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพายตนํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิญฺญาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, มโนวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ กิญฺจิ กาเล ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, กิญฺจิ กาเล น ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Paṭhamataraṃ uppajjitvā vattamānabhāvena upakārako dhammo purejātapaccayo. So pañcadvāre vatthārammaṇahadayavatthuvasena ekādasavidho hoti . Yathāha – cakkhāyatanaṃ cakkhuviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ purejātapaccayena paccayo. Sota… ghāna… jivhā… kāyāyatanaṃ, rūpāyatanaṃ, sadda… gandha… rasa… phoṭṭhabbāyatanaṃ, kāyaviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ purejātapaccayena paccayo. Rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbāyatanaṃ manodhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ purejātapaccayena paccayo. Yaṃ rūpaṃ nissāya manodhātu ca manoviññāṇadhātu ca vattanti, taṃ rūpaṃ manodhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ purejātapaccayena paccayo, manoviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ kiñci kāle purejātapaccayena paccayo, kiñci kāle na purejātapaccayena paccayoti.
ปุเรชาตานํ รูปธมฺมานํ อุปตฺถมฺภกเฎฺฐน อุปการโก อรูปธโมฺม ปจฺฉาชาตปจฺจโย, คิชฺฌโปตกสรีรานํ อาหาราสาเจตนา วิยฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ
Purejātānaṃ rūpadhammānaṃ upatthambhakaṭṭhena upakārako arūpadhammo pacchājātapaccayo, gijjhapotakasarīrānaṃ āhārāsācetanā viya. Tena vuttaṃ – ‘‘pacchājātā cittacetasikā dhammā purejātassa imassa kāyassa pacchājātapaccayena paccayo’’ti.
อาเสวนเฎฺฐน อนนฺตรานํ ปคุณพลวภาวาย อุปการโก ธโมฺม อาเสวนปจฺจโย, คนฺถาทีสุ ปุริมาปุริมาภิโยโค วิยฯ โส กุสลากุสลกิริยชวนวเสน ติวิโธ โหติฯ ยถาห – ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย ฯ ปุริมา ปุริมา อกุสลา…เป.… กิริยาพฺยากตา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กิริยาพฺยากตานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Āsevanaṭṭhena anantarānaṃ paguṇabalavabhāvāya upakārako dhammo āsevanapaccayo, ganthādīsu purimāpurimābhiyogo viya. So kusalākusalakiriyajavanavasena tividho hoti. Yathāha – purimā purimā kusalā dhammā pacchimānaṃ pacchimānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ āsevanapaccayena paccayo . Purimā purimā akusalā…pe… kiriyābyākatā dhammā pacchimānaṃ pacchimānaṃ kiriyābyākatānaṃ dhammānaṃ āsevanapaccayena paccayoti.
จิตฺตปโยคสงฺขาเตน กิริยาภาเวน อุปการโก ธโมฺม กมฺมปจฺจโยฯ โส นานากฺขณิกาย เจว กุสลากุสลเจตนาย สหชาตาย จ สพฺพายปิ เจตนาย วเสน ทุวิโธ โหติฯ ยถาห – กุสลากุสลํ กมฺมํ วิปากานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโยฯ เจตนา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํ สมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Cittapayogasaṅkhātena kiriyābhāvena upakārako dhammo kammapaccayo. So nānākkhaṇikāya ceva kusalākusalacetanāya sahajātāya ca sabbāyapi cetanāya vasena duvidho hoti. Yathāha – kusalākusalaṃ kammaṃ vipākānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ kammapaccayena paccayo. Cetanā sampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃ samuṭṭhānānañca rūpānaṃ kammapaccayena paccayoti.
นิรุสฺสาหสนฺตภาเวน นิรุสฺสาหสนฺตภาวาย อุปการโก วิปากธโมฺม วิปากปจฺจโยฯ โส ปวเตฺต จิตฺตสมุฎฺฐานานํ, ปฎิสนฺธิยํ กฎตฺตา จ รูปานํ, สพฺพตฺถ จ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วิปากปจฺจโย โหติฯ ยถาห – วิปากาพฺยากโต เอโก ขโนฺธ ติณฺณํ ขนฺธานํ, จิตฺตสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ, วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย…เป.… ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากโต เอโก ขโนฺธ…เป.… เทฺว ขนฺธา ทฺวินฺนํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ วิปากปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ขนฺธา วตฺถุสฺส วิปากปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Nirussāhasantabhāvena nirussāhasantabhāvāya upakārako vipākadhammo vipākapaccayo. So pavatte cittasamuṭṭhānānaṃ, paṭisandhiyaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ, sabbattha ca sampayuttadhammānaṃ vipākapaccayo hoti. Yathāha – vipākābyākato eko khandho tiṇṇaṃ khandhānaṃ, cittasamuṭṭhānānañca rūpānaṃ, vipākapaccayena paccayo…pe… paṭisandhikkhaṇe vipākābyākato eko khandho…pe… dve khandhā dvinnaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ vipākapaccayena paccayo. Khandhā vatthussa vipākapaccayena paccayoti.
รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกเฎฺฐน อุปการกา จตฺตาโร อาหารา อาหารปจฺจโยฯ ยถาห – กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโยฯ อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ ปญฺหาวาเร ปน ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วุตฺตํฯ
Rūpārūpānaṃ upatthambhakaṭṭhena upakārakā cattāro āhārā āhārapaccayo. Yathāha – kabaḷīkāro āhāro imassa kāyassa āhārapaccayena paccayo. Arūpino āhārā sampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ āhārapaccayena paccayoti. Pañhāvāre pana ‘‘paṭisandhikkhaṇe vipākābyākatā āhārā sampayuttakānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ āhārapaccayena paccayo’’tipi vuttaṃ.
อธิปติยเฎฺฐน อุปการกา อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยวชฺชา วีสตินฺทฺริยา อินฺทฺริยปจฺจโยฯ ตตฺถ จกฺขุนฺทฺริยาทโย ปญฺจ อรูปธมฺมานํเยว, เสสา รูปารูปานํ ปจฺจยา โหนฺติฯ ยถาห – จกฺขุนฺทฺริยํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา, โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายินฺทฺริยํ กายวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโยฯ รูปชีวิตินฺทฺริยํ กฎตฺตารูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโยฯ อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ ปญฺหาวาเร ปน ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วุตฺตํฯ
Adhipatiyaṭṭhena upakārakā itthindriyapurisindriyavajjā vīsatindriyā indriyapaccayo. Tattha cakkhundriyādayo pañca arūpadhammānaṃyeva, sesā rūpārūpānaṃ paccayā honti. Yathāha – cakkhundriyaṃ cakkhuviññāṇadhātuyā, sota… ghāna… jivhā… kāyindriyaṃ kāyaviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ indriyapaccayena paccayo. Rūpajīvitindriyaṃ kaṭattārūpānaṃ indriyapaccayena paccayo. Arūpino indriyā sampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ indriyapaccayena paccayoti. Pañhāvāre pana ‘‘paṭisandhikkhaṇe vipākābyākatā indriyā sampayuttakānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ indriyapaccayena paccayo’’tipi vuttaṃ.
อุปนิชฺฌายนเฎฺฐน อุปการกานิ ฐเปตฺวา ทฺวิปญฺจวิญฺญาเณสุ กายิกสุขทุกฺขเวทนาทฺวยํ สพฺพานิปิ กุสลาทิเภทานิ สตฺต ฌานงฺคานิ ฌานปจฺจโยฯ ยถาห – ฌานงฺคานิ ฌานสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ ฌานปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ ปญฺหาวาเร ปน ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตานิ ฌานงฺคานิ สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ ฌานปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วุตฺตํฯ
Upanijjhāyanaṭṭhena upakārakāni ṭhapetvā dvipañcaviññāṇesu kāyikasukhadukkhavedanādvayaṃ sabbānipi kusalādibhedāni satta jhānaṅgāni jhānapaccayo. Yathāha – jhānaṅgāni jhānasampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ jhānapaccayena paccayoti. Pañhāvāre pana paṭisandhikkhaṇe vipākābyākatāni jhānaṅgāni sampayuttakānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ jhānapaccayena paccayo’’tipi vuttaṃ.
ยโต ตโต วา นิยฺยานเฎฺฐน อุปการกานิ กุสลาทิเภทานิ ทฺวาทส มคฺคงฺคานิ มคฺคปจฺจโยฯ ยถาห – ‘‘มคฺคงฺคานิ มคฺคสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ มคฺคปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ ปญฺหาวาเร ปน ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตานิ มคฺคงฺคานิ สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฎตฺตา จ รูปานํ มคฺคปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํฯ น เอเต ปน เทฺวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ยถาสงฺขฺยํ ทฺวิปญฺจวิญฺญาณาเหตุกจิเตฺตสุ ลพฺภนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Yato tato vā niyyānaṭṭhena upakārakāni kusalādibhedāni dvādasa maggaṅgāni maggapaccayo. Yathāha – ‘‘maggaṅgāni maggasampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ maggapaccayena paccayo’’ti. Pañhāvāre pana ‘‘paṭisandhikkhaṇe vipākābyākatāni maggaṅgāni sampayuttakānaṃ khandhānaṃ kaṭattā ca rūpānaṃ maggapaccayena paccayo’’ti vuttaṃ. Na ete pana dvepi jhānamaggapaccayā yathāsaṅkhyaṃ dvipañcaviññāṇāhetukacittesu labbhantīti veditabbā.
เอกวตฺถุกเอการมฺมณเอกุปฺปาเทกนิโรธสงฺขาเตน สมฺปยุตฺตภาเวน อุปการกา อรูปธมฺมา สมฺปยุตฺตปจฺจโยฯ ยถาห – ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อญฺญมญฺญํ สมฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ
Ekavatthukaekārammaṇaekuppādekanirodhasaṅkhātena sampayuttabhāvena upakārakā arūpadhammā sampayuttapaccayo. Yathāha – ‘‘cattāro khandhā arūpino aññamaññaṃ sampayuttapaccayena paccayo’’ti.
เอกวตฺถุกาทิภาวานุปคเมน อุปการกา รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ, อรูปิโน ธมฺมา รูปีนํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ โส สหชาตปจฺฉาชาตปุเรชาตวเสน ติวิโธ โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ – สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ปจฺฉาชาตา กุสลา ขนฺธา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ อพฺยากตปทสฺส ปน สหชาตวิภเงฺค ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา ขนฺธา กฎตฺตารูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ขนฺธา วตฺถุสฺส, วตฺถุ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํฯ ปุเรชาตํ ปน จกฺขุนฺทฺริยาทิวตฺถุวเสเนว เวทิตพฺพํฯ ยถาห – ปุเรชาตํ จกฺขายตนํ จกฺขุวิญฺญาณสฺส…เป.… กายายตนํ กายวิญฺญาณสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโยฯ วตฺถุ วิปากาพฺยากตานํ กิริยาพฺยากตานํ ขนฺธานํ วตฺถุ กุสลานํ ขนฺธานํ, วตฺถุ อกุสลานํ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Ekavatthukādibhāvānupagamena upakārakā rūpino dhammā arūpīnaṃ, arūpino dhammā rūpīnaṃ vippayuttapaccayena paccayo. So sahajātapacchājātapurejātavasena tividho hoti. Vuttañhetaṃ – sahajātā kusalā khandhā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ vippayuttapaccayena paccayo. Pacchājātā kusalā khandhā purejātassa imassa kāyassa vippayuttapaccayena paccayoti. Abyākatapadassa pana sahajātavibhaṅge ‘‘paṭisandhikkhaṇe vipākābyākatā khandhā kaṭattārūpānaṃ vippayuttapaccayena paccayo. Khandhā vatthussa, vatthu khandhānaṃ vippayuttapaccayena paccayo’’ti vuttaṃ. Purejātaṃ pana cakkhundriyādivatthuvaseneva veditabbaṃ. Yathāha – purejātaṃ cakkhāyatanaṃ cakkhuviññāṇassa…pe… kāyāyatanaṃ kāyaviññāṇassa vippayuttapaccayena paccayo. Vatthu vipākābyākatānaṃ kiriyābyākatānaṃ khandhānaṃ vatthu kusalānaṃ khandhānaṃ, vatthu akusalānaṃ khandhānaṃ vippayuttapaccayena paccayoti.
ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณน อตฺถิภาเวน ตาทิสเสฺสว ธมฺมสฺส อุปตฺถมฺภกเฎฺฐน อุปการโก ธโมฺม อตฺถิปจฺจโย ฯ ตสฺส อรูปกฺขนฺธมหาภูตนามรูปจิตฺตเจตสิกมหาภูตายตนวตฺถุวเสน สตฺตธา มาติกา นิกฺขิตฺตาฯ ยถาห – จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อญฺญมญฺญํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย; จตฺตาโร มหาภูตา อญฺญมญฺญํ, โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อญฺญมญฺญํ, จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ มหาภูตา อุปาทารูปานํ, จกฺขายตนํ จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา…เป.… กายายตนํ…เป.… รูปายตนํ…เป.… โผฎฺฐพฺพายตนํ กายวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโยฯ รูปายตนํ…เป.… โผฎฺฐพฺพายตนํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิญฺญาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิญฺญาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ ปญฺหาวาเร ปน สหชาตํ, ปุเรชาตํ, ปจฺฉาชาตํ, อาหารํ, อินฺทฺริยนฺติปิ นิกฺขิปิตฺวา สหชาเต ตาว ‘‘เอโก ขโนฺธ ติณฺณํ ขนฺธานํ จิตฺตสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา นเยน นิเทฺทโส กโตฯ ปุเรชาเต ปุเรชาตานํ จกฺขาทีนํ วเสน นิเทฺทโส กโตฯ ปจฺฉาชาเต ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปจฺจยวเสน นิเทฺทโส กโตฯ อาหารินฺทฺริเยสุ ปน ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโยฯ รูปชีวิตินฺทฺริยํ กฎตฺตารูปานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ นิเทฺทโส กโตติฯ
Paccuppannalakkhaṇena atthibhāvena tādisasseva dhammassa upatthambhakaṭṭhena upakārako dhammo atthipaccayo. Tassa arūpakkhandhamahābhūtanāmarūpacittacetasikamahābhūtāyatanavatthuvasena sattadhā mātikā nikkhittā. Yathāha – cattāro khandhā arūpino aññamaññaṃ atthipaccayena paccayo; cattāro mahābhūtā aññamaññaṃ, okkantikkhaṇe nāmarūpaṃ aññamaññaṃ, cittacetasikā dhammā cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ mahābhūtā upādārūpānaṃ, cakkhāyatanaṃ cakkhuviññāṇadhātuyā…pe… kāyāyatanaṃ…pe… rūpāyatanaṃ…pe… phoṭṭhabbāyatanaṃ kāyaviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ atthipaccayena paccayo. Rūpāyatanaṃ…pe… phoṭṭhabbāyatanaṃ manodhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ atthipaccayena paccayo. Yaṃ rūpaṃ nissāya manodhātu ca manoviññāṇadhātu ca vattanti, taṃ rūpaṃ manodhātuyā ca manoviññāṇadhātuyā ca taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ atthipaccayena paccayoti. Pañhāvāre pana sahajātaṃ, purejātaṃ, pacchājātaṃ, āhāraṃ, indriyantipi nikkhipitvā sahajāte tāva ‘‘eko khandho tiṇṇaṃ khandhānaṃ cittasamuṭṭhānānañca rūpānaṃ atthipaccayena paccayo’’tiādinā nayena niddeso kato. Purejāte purejātānaṃ cakkhādīnaṃ vasena niddeso kato. Pacchājāte purejātassa imassa kāyassa pacchājātānaṃ cittacetasikānaṃ paccayavasena niddeso kato. Āhārindriyesu pana ‘‘kabaḷīkāro āhāro imassa kāyassa atthipaccayena paccayo. Rūpajīvitindriyaṃ kaṭattārūpānaṃ atthipaccayena paccayo’’ti evaṃ niddeso katoti.
อตฺตโน อนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานานํ อรูปธมฺมานํ ปวตฺติโอกาสสฺส ทาเนน อุปการกา สมนนฺตรนิรุทฺธา อรูปธมฺมา นตฺถิปจฺจโยฯ ยถาห – สมนนฺตรนิรุทฺธา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปฎุปฺปนฺนานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ นตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Attano anantaraṃ uppajjamānānaṃ arūpadhammānaṃ pavattiokāsassa dānena upakārakā samanantaraniruddhā arūpadhammā natthipaccayo. Yathāha – samanantaraniruddhā cittacetasikā dhammā paṭuppannānaṃ cittacetasikānaṃ dhammānaṃ natthipaccayena paccayoti.
เต เอว วิคตภาเวน อุปการกตฺตา วิคตปจฺจโยฯ ยถาห – สมนนฺตรวิคตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปฎุปฺปนฺนานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ วิคตปจฺจเยน ปจฺจโยติฯ
Te eva vigatabhāvena upakārakattā vigatapaccayo. Yathāha – samanantaravigatā cittacetasikā dhammā paṭuppannānaṃ cittacetasikānaṃ dhammānaṃ vigatapaccayena paccayoti.
อตฺถิปจฺจยธมฺมา เอว อวิคตภาเวน อุปการกตฺตา อวิคตปจฺจโยติ เวทิตพฺพาฯ เทสนาวิลาเสน ปน ตถา วิเนตพฺพเวเนยฺยวเสน วา อยํ ทุโก วุโตฺต; สเหตุกทุกํ วตฺวาปิ เหตุสมฺปยุตฺตทุโก วิยาติฯ
Atthipaccayadhammā eva avigatabhāvena upakārakattā avigatapaccayoti veditabbā. Desanāvilāsena pana tathā vinetabbaveneyyavasena vā ayaṃ duko vutto; sahetukadukaṃ vatvāpi hetusampayuttaduko viyāti.
อิเมสุ ปน จตุวีสติยา ปจฺจเยสุ อสโมฺมหตฺถํ –
Imesu pana catuvīsatiyā paccayesu asammohatthaṃ –
ธมฺมโต กาลโต เจว, นานปฺปการเภทโต;
Dhammato kālato ceva, nānappakārabhedato;
ปจฺจยุปฺปนฺนโต เจว, วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Paccayuppannato ceva, viññātabbo vinicchayo.
ตตฺถ ธมฺมโตติ – อิเมสุ หิ ปจฺจเยสุ เหตุปจฺจโย ตาว นามรูปธเมฺมสุ นามธเมฺมกเทโสฯ อารมฺมณปจฺจโย สทฺธิํ ปญฺญตฺติยา จ อภาเวน สเพฺพปิ นามรูปธมฺมาฯ อธิปติปจฺจเย สหชาตาธิปติ นามธเมฺมกเทโส, ตถา กมฺมฌานมคฺคปจฺจยาฯ อารมฺมณาธิปติ สเพฺพปิ ครุกาตพฺพา อารมฺมณธมฺมาฯ อนนฺตรสมนนฺตรปจฺฉาชาตอาเสวนวิปากสมฺปยุตฺตนตฺถิวิคตปจฺจยา นามธมฺมาวฯ นิพฺพานสฺส อสงฺคหิตตฺตา นามธเมฺมกเทโสติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ปุเรชาตปจฺจโย รูเปกเทโสฯ เสสา ยถาลาภวเสน นามรูปธมฺมาติ เอวํ ตาเวตฺถ ธมฺมโต วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Tattha dhammatoti – imesu hi paccayesu hetupaccayo tāva nāmarūpadhammesu nāmadhammekadeso. Ārammaṇapaccayo saddhiṃ paññattiyā ca abhāvena sabbepi nāmarūpadhammā. Adhipatipaccaye sahajātādhipati nāmadhammekadeso, tathā kammajhānamaggapaccayā. Ārammaṇādhipati sabbepi garukātabbā ārammaṇadhammā. Anantarasamanantarapacchājātaāsevanavipākasampayuttanatthivigatapaccayā nāmadhammāva. Nibbānassa asaṅgahitattā nāmadhammekadesotipi vattuṃ vaṭṭati. Purejātapaccayo rūpekadeso. Sesā yathālābhavasena nāmarūpadhammāti evaṃ tāvettha dhammato viññātabbo vinicchayo.
กาลโตติ –
Kālatoti –
ปจฺจุปฺปนฺนาว โหเนฺตตฺถ, ปจฺจยา ทส ปญฺจ จ;
Paccuppannāva hontettha, paccayā dasa pañca ca;
อตีตา เอว ปเญฺจโก, เต กาเล เทฺวปิ นิสฺสิโต;
Atītā eva pañceko, te kāle dvepi nissito;
ตโย ติกาลิกา เจว, วิมุตฺตา จาปิ กาลโตติฯ
Tayo tikālikā ceva, vimuttā cāpi kālatoti.
เอเตสุ หิ เหตุปจฺจโย สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยปุเรชาตปจฺฉาชาตวิปากอาหารอินฺทฺริยฌานมคฺคสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจโยติ อิเม ปนฺนรส ปจฺจยา ปจฺจุปฺปนฺนธมฺมาว โหนฺติฯ อนนฺตรปจฺจโย สมนนฺตรอาเสวนนตฺถิวิคตปจฺจโยติ อิเม ปญฺจ อตีตาเยว โหนฺติฯ เอโก ปน กมฺมปจฺจโย, โส ปจฺจุปฺปนฺนาตีเต เทฺวปิ กาเล นิสฺสิโต โหติฯ เสสา อารมฺมณปจฺจโย อธิปติปจฺจโย อุปนิสฺสยปจฺจโยติ อิเม ตโย ปจฺจยา เตกาลิกาปิ โหนฺติ, ปญฺญตฺติยา สทฺธิํ นิพฺพานสฺส สงฺคหิตตฺตา กาลวิมุตฺตาปีติฯ เอวเมตฺถ กาลโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Etesu hi hetupaccayo sahajātaaññamaññanissayapurejātapacchājātavipākaāhāraindriyajhānamaggasampayuttavippayuttaatthiavigatapaccayoti ime pannarasa paccayā paccuppannadhammāva honti. Anantarapaccayo samanantaraāsevananatthivigatapaccayoti ime pañca atītāyeva honti. Eko pana kammapaccayo, so paccuppannātīte dvepi kāle nissito hoti. Sesā ārammaṇapaccayo adhipatipaccayo upanissayapaccayoti ime tayo paccayā tekālikāpi honti, paññattiyā saddhiṃ nibbānassa saṅgahitattā kālavimuttāpīti. Evamettha kālatopi viññātabbo vinicchayo.
นานปฺปการเภทโต ปจฺจยุปฺปนฺนโตติ อิเมสํ ปน ทฺวินฺนํ ปทานํ อโตฺถ นิเทฺทสวาเร อาวิภวิสฺสตีติฯ
Nānappakārabhedato paccayuppannatoti imesaṃ pana dvinnaṃ padānaṃ attho niddesavāre āvibhavissatīti.
ปจฺจยุเทฺทสวณฺณนาฯ
Paccayuddesavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๑) ปจฺจยุเทฺทโส • (1) Paccayuddeso