Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā

    ปจฺจยุเทฺทสวณฺณนา

    Paccayuddesavaṇṇanā

    ‘‘เก ปน เต นยา, กิญฺจ ตํ ปฎฺฐานํ นามา’’ติ นยิทํ ปุจฺฉิตพฺพํฯ กสฺมา? นิทานกถายํ ปฎฺฐานสมานเน อนุโลมาทีนํ นยานํ ปฎฺฐานสฺส จ ทสฺสิตตฺตาติ อิมมตฺถํ วิภาเวโนฺต ‘‘สมฺมาสมฺพุเทฺธน หิ…เป.… นามาติ หิ วุตฺต’’นฺติ ตตฺถ วุตฺตํ อฎฺฐกถาปาฬิํ อาหริฯ ตตฺถ คาถาตฺถํ อฎฺฐกถาธิปฺปายญฺจ ปรโต วณฺณยิสฺสามาติฯ

    ‘‘Ke pana te nayā, kiñca taṃ paṭṭhānaṃ nāmā’’ti nayidaṃ pucchitabbaṃ. Kasmā? Nidānakathāyaṃ paṭṭhānasamānane anulomādīnaṃ nayānaṃ paṭṭhānassa ca dassitattāti imamatthaṃ vibhāvento ‘‘sammāsambuddhena hi…pe… nāmāti hi vutta’’nti tattha vuttaṃ aṭṭhakathāpāḷiṃ āhari. Tattha gāthātthaṃ aṭṭhakathādhippāyañca parato vaṇṇayissāmāti.

    ปฎฺฐานนามโตฺถ ปน ติกปฎฺฐานาทีนํ ติกปฎฺฐานาทินามโตฺถ, อิมสฺส ปกรณสฺส จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานสโมธานตา เจตฺถ วตฺตพฺพาฯ เอวญฺหิ สเงฺขปโต ปฎฺฐาเน ญาเต วิตฺถาโร สุขวิเญฺญโยฺย โหตีติฯ ตตฺถ จ นามโตฺถ ปฐมํ วตฺตโพฺพติ ‘‘ตตฺถ เยสํ…เป.… นามโตฺถ ตาว เอวํ เวทิตโพฺพ’’ติ วตฺวา สพฺพสาธารณสฺส ปฎฺฐานนามเสฺสว ตาว อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เกนเฎฺฐน ปฎฺฐาน’’นฺติอาทิมาห ฯ ป-กาโร หีติ อุปสคฺคปทํ ทเสฺสติฯ โส ‘‘ปวิภเตฺตสุ ธเมฺมสุ, ยํ เสฎฺฐํ ตทุปาคมุนฺติอาทีสุ วิย นานปฺปการตฺถํ ทีเปติฯ นนุ ปกาเรหิ วิภตฺตา ปวิภตฺตาติ ป-อิติ อุปสโคฺค ปการตฺถเมว ทีเปติ, น นานปฺปการตฺถนฺติ? น, เตสํ ปการานํ นานาวิธภาวโตฯ อตฺถโต หิ อาปนฺนํ นานาวิธภาวํ ทเสฺสตุํ นานา-สโทฺท วุโตฺตติฯ ตตฺถ เอกสฺสปิ ธมฺมสฺส เหตุอาทีหิ อเนกปจฺจยภาวโต จ เอเกกสฺส ปจฺจยสฺส อเนกธมฺมภาวโต จ นานปฺปการปจฺจยตา เวทิตพฺพาฯ

    Paṭṭhānanāmattho pana tikapaṭṭhānādīnaṃ tikapaṭṭhānādināmattho, imassa pakaraṇassa catuvīsatisamantapaṭṭhānasamodhānatā cettha vattabbā. Evañhi saṅkhepato paṭṭhāne ñāte vitthāro sukhaviññeyyo hotīti. Tattha ca nāmattho paṭhamaṃ vattabboti ‘‘tattha yesaṃ…pe… nāmattho tāva evaṃ veditabbo’’ti vatvā sabbasādhāraṇassa paṭṭhānanāmasseva tāva atthaṃ dassento ‘‘kenaṭṭhena paṭṭhāna’’ntiādimāha . Pa-kāro hīti upasaggapadaṃ dasseti. So ‘‘pavibhattesu dhammesu, yaṃ seṭṭhaṃ tadupāgamuntiādīsu viya nānappakāratthaṃ dīpeti. Nanu pakārehi vibhattā pavibhattāti pa-iti upasaggo pakāratthameva dīpeti, na nānappakāratthanti? Na, tesaṃ pakārānaṃ nānāvidhabhāvato. Atthato hi āpannaṃ nānāvidhabhāvaṃ dassetuṃ nānā-saddo vuttoti. Tattha ekassapi dhammassa hetuādīhi anekapaccayabhāvato ca ekekassa paccayassa anekadhammabhāvato ca nānappakārapaccayatā veditabbā.

    เหตุปจฺจยาทิวเสน วิภตฺตตฺตาติ เอเตน ธมฺมสงฺคหาทีสุ วุตฺตโต กุสลาทิวิภาคโต สาติสยวิภาคตํ ปฎฺฐานนามลาภสฺส การณํ ทเสฺสติฯ โคฎฺฐาติ วชาฯ ปฎฺฐิตคาโวติ คตคาโวฯ อาคตฎฺฐานสฺมินฺติ มหาสีหนาทสุตฺตํ วทติฯ ปวตฺตคมนตฺตา เอตฺถาติ วจนเสโสฯ อถ วา คจฺฉติ เอตฺถาติ คมนํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส นิสฺสงฺควเสน ปวตฺตสฺส คมนตฺตา คมนเทสภาวโต เอเกกํ ปฎฺฐานํ นามาติ อโตฺถฯ ตตฺถ อเญฺญหิ คติมเนฺตหิ อติสยยุตฺตสฺส คติมโต คมนฎฺฐานภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺส มหาเวคสฺส ปุริสสฺส ปปาตฎฺฐานํ วิย ธมฺมสงฺคณีอาทีนํ สาสงฺคคมนฎฺฐานภาวํ อิมสฺส จ มหาปโถ วิย นิราสงฺคคมนฎฺฐานภาวํ ทเสฺสโนฺต อติสยยุตฺตคมนฎฺฐานภาโว ปฎฺฐานนามลาภสฺส การณนฺติ ทเสฺสติฯ

    Hetupaccayādivasena vibhattattāti etena dhammasaṅgahādīsu vuttato kusalādivibhāgato sātisayavibhāgataṃ paṭṭhānanāmalābhassa kāraṇaṃ dasseti. Goṭṭhāti vajā. Paṭṭhitagāvoti gatagāvo. Āgataṭṭhānasminti mahāsīhanādasuttaṃ vadati. Pavattagamanattā etthāti vacanaseso. Atha vā gacchati etthāti gamanaṃ, sabbaññutaññāṇassa nissaṅgavasena pavattassa gamanattā gamanadesabhāvato ekekaṃ paṭṭhānaṃ nāmāti attho. Tattha aññehi gatimantehi atisayayuttassa gatimato gamanaṭṭhānabhāvadassanatthaṃ ‘‘sabbaññutaññāṇassā’’ti vuttaṃ. Tassa mahāvegassa purisassa papātaṭṭhānaṃ viya dhammasaṅgaṇīādīnaṃ sāsaṅgagamanaṭṭhānabhāvaṃ imassa ca mahāpatho viya nirāsaṅgagamanaṭṭhānabhāvaṃ dassento atisayayuttagamanaṭṭhānabhāvo paṭṭhānanāmalābhassa kāraṇanti dasseti.

    ติกานนฺติ ติกวเสน วุตฺตธมฺมานํฯ สมนฺตาติ อนุโลมาทีหิ สพฺพากาเรหิปิ คตานิ จตุวีสติ โหนฺตีติ อโตฺถฯ เอตสฺมิํ อเตฺถ จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานานีติ ‘‘สมนฺตจตุวีสติปฎฺฐานานี’’ติ วตฺตเพฺพ สมนฺตสทฺทสฺส ปรโยคํ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อถ วา สมนฺตา ฉ ฉ หุตฺวาติ เอเตน อนุโลมาทิสพฺพโกฎฺฐาสโต ติกาทิฉฉภาวํ ทเสฺสติฯ เตน สมนฺตสโทฺท ติกาทิฉฉปฎฺฐานวิเสสนํ โหติ, น จตุวีสติวิเสสนํ, ตสฺมา สมนฺตโต ปฎฺฐานานิ ตานิ จตุวีสตีติ กตฺวา ‘‘จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานานี’’ติ วุตฺตํฯ สมนฺตโต วา ธมฺมานุโลมาทิติกาทิปฎิจฺจวาราทิปจฺจยานุโลมาทิเหตุมูลกาทิปฺปกาเรหิ ปวตฺตานิ ปฎฺฐานานิ สมนฺตปฎฺฐานานิ, อนูเนหิ นเยหิ ปวตฺตานีติ วุตฺตํ โหติฯ ตานิ ปน จตุวีสติ โหนฺติฯ เตเนวาห ‘‘อิเมสํ จตุวีสติยา ขุทฺทกปฎฺฐานสงฺขาตานํ สมนฺตปฎฺฐานานํ สโมธานวเสนา’’ติฯ

    Tikānanti tikavasena vuttadhammānaṃ. Samantāti anulomādīhi sabbākārehipi gatāni catuvīsati hontīti attho. Etasmiṃ atthe catuvīsatisamantapaṭṭhānānīti ‘‘samantacatuvīsatipaṭṭhānānī’’ti vattabbe samantasaddassa parayogaṃ katvā vuttanti daṭṭhabbaṃ. Atha vā samantā cha cha hutvāti etena anulomādisabbakoṭṭhāsato tikādichachabhāvaṃ dasseti. Tena samantasaddo tikādichachapaṭṭhānavisesanaṃ hoti, na catuvīsativisesanaṃ, tasmā samantato paṭṭhānāni tāni catuvīsatīti katvā ‘‘catuvīsatisamantapaṭṭhānānī’’ti vuttaṃ. Samantato vā dhammānulomāditikādipaṭiccavārādipaccayānulomādihetumūlakādippakārehi pavattāni paṭṭhānāni samantapaṭṭhānāni, anūnehi nayehi pavattānīti vuttaṃ hoti. Tāni pana catuvīsati honti. Tenevāha ‘‘imesaṃ catuvīsatiyā khuddakapaṭṭhānasaṅkhātānaṃ samantapaṭṭhānānaṃ samodhānavasenā’’ti.

    เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ อิมินา วจเนน เหตุโน อธิปติปจฺจยาทิภูตสฺส จ คหณํ สิยาติ ตํ นิวาเรโนฺต อาห ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติฯ เอเตนปิ โส เอว โทโส อาปชฺชตีติ ปุนาห ‘‘เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ เตน อิธ เหตุ-สเทฺทน ธมฺมคฺคหณํ น กตํ, อถ โข ธมฺมสตฺติวิเสโส คหิโตติ ทเสฺสติฯ ตสฺส หิ ปจฺจยสทฺทสฺส จ สมานาธิกรณตํ สนฺธาย ‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จา’’ติ, ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ จ วุตฺตํฯ เอวญฺจ กตฺวา ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺต…เป.… เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑) เตน เตน เหตุภาวาทิอุปกาเรน ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส อุปการตฺตํ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘โย หิ ธโมฺม ยํ ธมฺมํ อปฺปจฺจกฺขาย ติฎฺฐติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ปจฺจโย’’ติ ‘‘มูลเฎฺฐน อุปการโก ธโมฺม เหตุปจฺจโย’’ติเจฺจวมาทินา ธมฺมปฺปธานนิเทฺทเสน ธมฺมโต อญฺญา ธมฺมสตฺติ นาม นตฺถีติ ธเมฺมเหว ธมฺมสตฺติวิภาวนํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิธาปิ วา เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ ธเมฺมเนว ธมฺมสตฺติํ ทเสฺสติฯ น หิ เหตุปจฺจโยติอาทิโก อุเทฺทโส กุสลาทิอุเทฺทโส วิย ธมฺมปฺปธาโน, อถ โข ธมฺมานํ อุปการปฺปธาโนติฯ เอตีติ เอตสฺส อโตฺถ วตฺตตีติ, ตญฺจ อุปฺปตฺติฎฺฐิตีนํ สาธารณวจนํฯ เตเนวาห – ‘‘ติฎฺฐติ วา อุปฺปชฺชติ วา’’ติฯ โกจิ หิ ปจฺจโย ฐิติยา เอว โหติ ยถา ปจฺฉาชาตปจฺจโย, โกจิ อุปฺปตฺติยาเยว ยถา อนนฺตราทโย, โกจิ อุภยสฺส ยถา เหตุอาทโยติฯ

    Hetu ca so paccayo cāti iminā vacanena hetuno adhipatipaccayādibhūtassa ca gahaṇaṃ siyāti taṃ nivārento āha ‘‘hetu hutvā paccayo’’ti. Etenapi so eva doso āpajjatīti punāha ‘‘hetubhāvena paccayoti vuttaṃ hotī’’ti. Tena idha hetu-saddena dhammaggahaṇaṃ na kataṃ, atha kho dhammasattiviseso gahitoti dasseti. Tassa hi paccayasaddassa ca samānādhikaraṇataṃ sandhāya ‘‘hetu ca so paccayo cā’’ti, ‘‘hetu hutvā paccayo’’ti ca vuttaṃ. Evañca katvā parato pāḷiyaṃ ‘‘hetū hetusampayutta…pe… hetupaccayena paccayo’’tiādinā (paṭṭhā. 1.1.1) tena tena hetubhāvādiupakārena tassa tassa dhammassa upakārattaṃ vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘yo hi dhammo yaṃ dhammaṃ appaccakkhāya tiṭṭhati vā uppajjati vā, so tassa paccayo’’ti ‘‘mūlaṭṭhena upakārako dhammo hetupaccayo’’ticcevamādinā dhammappadhānaniddesena dhammato aññā dhammasatti nāma natthīti dhammeheva dhammasattivibhāvanaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Idhāpi vā hetu ca so paccayo cāti dhammeneva dhammasattiṃ dasseti. Na hi hetupaccayotiādiko uddeso kusalādiuddeso viya dhammappadhāno, atha kho dhammānaṃ upakārappadhānoti. Etīti etassa attho vattatīti, tañca uppattiṭṭhitīnaṃ sādhāraṇavacanaṃ. Tenevāha – ‘‘tiṭṭhati vā uppajjati vā’’ti. Koci hi paccayo ṭhitiyā eva hoti yathā pacchājātapaccayo, koci uppattiyāyeva yathā anantarādayo, koci ubhayassa yathā hetuādayoti.

    อุปการกลกฺขโณติ จ ธเมฺมน ธมฺมสตฺติอุปการํ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ หิโนติ ปติฎฺฐาติ เอตฺถาติ เหตุฯ อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สโทฺท มูล-สโทฺท วิย ปติฎฺฐโตฺถติ ทฎฺฐโพฺพติฯ หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อภิหรเนฺตน มูเลน วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ ปวตฺตติ วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ อาปชฺชตีติ เหตุฯ อาจริยานนฺติ เรวตเตฺถรํ วทติฯ

    Upakārakalakkhaṇoti ca dhammena dhammasattiupakāraṃ dassetīti daṭṭhabbaṃ. Hinoti patiṭṭhāti etthāti hetu. Anekatthattā dhātusaddānaṃ hi-saddo mūla-saddo viya patiṭṭhatthoti daṭṭhabboti. Hinoti vā etena kammanidānabhūtena uddhaṃ ojaṃ abhiharantena mūlena viya pādapo tappaccayaṃ phalaṃ gacchati pavattati vuḍḍhiṃ virūḷhiṃ āpajjatīti hetu. Ācariyānanti revatattheraṃ vadati.

    ‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติอาทีหิ (อ. นิ. ๑.๖๖-๖๗) กุสลภาวสฺส โยนิโสมนสิการปฎิพทฺธตา สิทฺธา โหตีติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการปฎิพโทฺธ กุสลภาโว’’ติฯ เอเตเนว อกุสลาพฺยากตภาวา กุสลภาโว วิย น เหตุปฎิพทฺธาติ ทสฺสิตํ โหติฯ ยํ ปเนเก มเญฺญยฺยุํ ‘‘อเหตุกเหตุสฺส อกุสลภาโว วิย สเหตุกเหตูนํ สภาวโตว กุสลาทิภาโว อเญฺญสํ ตํสมฺปยุตฺตานํ เหตุปฎิพโทฺธ’’ติ, ตสฺส อุตฺตรํ วตฺตุํ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิมาหฯ อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วา, ยทิ อโลโภ สภาวโต กุสโล, กุสลตฺตา อพฺยากโต น สิยาฯ อถ อพฺยากโต, ตํสภาวตฺตา กุสโล น สิยา อโลภสภาวสฺส อโทสตฺตาภาโว วิยฯ ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โส โหติ, ตสฺมา ยถา อุภยถา โหเนฺตสุ ผสฺสาทีสุ สมฺปยุเตฺตสุ เหตุปฎิพทฺธกุสลาทิภาวํ ปริเยสถ, น สภาวโต, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา อญฺญปฎิพทฺธา ปริเยสิตพฺพา, น สภาวโตติฯ ยํ วุตฺตํ ‘‘สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว’’ติ, ตํ น ยุชฺชติ, สา ปน ปริเยสิยมานา โยนิโสมนสิการาทิปฎิพทฺธา โหตีติ เหตูสุ วิย สมฺปยุเตฺตสุปิ โยนิโสมนสิการาทิปฎิพโทฺธ กุสลาทิภาโว, น เหตุปฎิพโทฺธติ สิทฺธํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    ‘‘Yoniso, bhikkhave, manasikaroto anuppannā ceva kusalā dhammā uppajjanti, uppannā ca kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’’tiādīhi (a. ni. 1.66-67) kusalabhāvassa yonisomanasikārapaṭibaddhatā siddhā hotīti āha ‘‘yonisomanasikārapaṭibaddho kusalabhāvo’’ti. Eteneva akusalābyākatabhāvā kusalabhāvo viya na hetupaṭibaddhāti dassitaṃ hoti. Yaṃ paneke maññeyyuṃ ‘‘ahetukahetussa akusalabhāvo viya sahetukahetūnaṃ sabhāvatova kusalādibhāvo aññesaṃ taṃsampayuttānaṃ hetupaṭibaddho’’ti, tassa uttaraṃ vattuṃ ‘‘yadi cā’’tiādimāha. Alobho kusalo vā siyā abyākato vā, yadi alobho sabhāvato kusalo, kusalattā abyākato na siyā. Atha abyākato, taṃsabhāvattā kusalo na siyā alobhasabhāvassa adosattābhāvo viya. Yasmā pana ubhayathāpi so hoti, tasmā yathā ubhayathā hontesu phassādīsu sampayuttesu hetupaṭibaddhakusalādibhāvaṃ pariyesatha, na sabhāvato, evaṃ hetūsupi kusalāditā aññapaṭibaddhā pariyesitabbā, na sabhāvatoti. Yaṃ vuttaṃ ‘‘sampayuttahetūsu sabhāvatova kusalādibhāvo’’ti, taṃ na yujjati, sā pana pariyesiyamānā yonisomanasikārādipaṭibaddhā hotīti hetūsu viya sampayuttesupi yonisomanasikārādipaṭibaddho kusalādibhāvo, na hetupaṭibaddhoti siddhaṃ hotīti adhippāyo.

    อารภิตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สเทฺทน อิมมตฺถํ ทเสฺสติ – รูปายตนาทิมเตฺต ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ เอกสฺมิํ อฎฺฐตฺวา ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ อนิยเมน สพฺพรูปายตน…เป.… ธมฺมายตนานญฺจ อารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา น โกจิ ธโมฺม น โหตีติฯ

    Ārabhitvāpīti ettha pi-saddena imamatthaṃ dasseti – rūpāyatanādimatte yasmiṃ kismiñci ekasmiṃ aṭṭhatvā ‘‘yaṃ yaṃ dhammaṃ ārabbhā’’ti aniyamena sabbarūpāyatana…pe… dhammāyatanānañca ārammaṇapaccayabhāvassa vuttattā na koci dhammo na hotīti.

    ‘‘ฉนฺทวโต กิํ นาม น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิเตฺต ฉนฺทาทโย ธุรภูตา เชฎฺฐกภูตา สยํ สมฺปยุตฺตธเมฺม สาธยมานา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ เตสํ วเส วตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโต, เตน เต อธิปติปจฺจยา โหนฺติฯ ครุกาตพฺพมฺปิ อารมฺมณํ ตนฺนินฺนโปณปพฺภารานํ ปจฺจเวกฺขณอสฺสาทมคฺคผลานํ อตฺตโน วเส วตฺตยมานํ วิย ปจฺจโย โหติ, ตสฺมายํ อตฺตาธีนานํ ปติภาเวน อุปการกตา อธิปติปจฺจยตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    ‘‘Chandavato kiṃ nāma na sijjhatī’’tiādikaṃ purimābhisaṅkhārūpanissayaṃ labhitvā uppajjamāne citte chandādayo dhurabhūtā jeṭṭhakabhūtā sayaṃ sampayuttadhamme sādhayamānā hutvā pavattanti, taṃsampayuttadhammā ca tesaṃ vase vattanti hīnādibhāvena tadanuvattanato, tena te adhipatipaccayā honti. Garukātabbampi ārammaṇaṃ tanninnapoṇapabbhārānaṃ paccavekkhaṇaassādamaggaphalānaṃ attano vase vattayamānaṃ viya paccayo hoti, tasmāyaṃ attādhīnānaṃ patibhāvena upakārakatā adhipatipaccayatāti daṭṭhabbā.

    มโนวิญฺญาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโมติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน สนฺตีรณานนฺตรํ โวฎฺฐพฺพนํ, จุติอนนฺตรา ปฎิสนฺธีติ ยสฺส ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา ยํ ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตสฺส ตทนนฺตรุปฺปาทนิยโม ตํตํสหการีปจฺจยวิสิฎฺฐสฺส ปุริมปุริมจิตฺตเสฺสว วเสน อิชฺฌตีติ ทเสฺสติฯ ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตาติ เอตฺถ ยถา รุกฺขสฺส เวเข ทิเนฺน ปุปฺผิตุํ สมตฺถเสฺสว ปุปฺผนํ น โหติ, อคทเวเข ปน อปนีเต ตายเยว สมตฺถตาย ปุปฺผนํ โหติ, เอวมิธาปิ ภาวนาพเลน วาริตตฺตา สมุฎฺฐาปนสมตฺถเสฺสว อสมุฎฺฐาปนํ, ตสฺมิญฺจ อปคเต ตายเยว สมตฺถตาย สมุฎฺฐาปนํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Manoviññāṇadhātūtiādi cittaniyamoti ettha ādi-saddena santīraṇānantaraṃ voṭṭhabbanaṃ, cutianantarā paṭisandhīti yassa yassa cittassa anantarā yaṃ yaṃ cittaṃ uppajjati, tassa tassa tadanantaruppādaniyamo taṃtaṃsahakārīpaccayavisiṭṭhassa purimapurimacittasseva vasena ijjhatīti dasseti. Bhāvanābalena pana vāritattāti ettha yathā rukkhassa vekhe dinne pupphituṃ samatthasseva pupphanaṃ na hoti, agadavekhe pana apanīte tāyayeva samatthatāya pupphanaṃ hoti, evamidhāpi bhāvanābalena vāritattā samuṭṭhāpanasamatthasseva asamuṭṭhāpanaṃ, tasmiñca apagate tāyayeva samatthatāya samuṭṭhāpanaṃ hotīti adhippāyo.

    พฺยญฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปเจฺจตพฺพํ, น อตฺถโตติ อุปจยสนฺตติอธิวจนนิรุตฺติปทานํ วิย สทฺทตฺถมตฺตโต นานากรณํ, น วจนียตฺถโตติ อธิปฺปาโยฯ เตเนว สทฺทตฺถวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุริมปจฺฉิมานํ นิโรธุปฺปาทนฺตราภาวโต นิรนฺตรุปฺปาทนสมตฺถตา อนนฺตรปจฺจยภาโวฯ รูปธมฺมานํ วิย สณฺฐานาภาวโต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหาวฎฺฐานาภาวโต จ ‘‘อิทมิโต เหฎฺฐา อุทฺธํ ติริย’’นฺติ วิภาคาภาวา อตฺตนา เอกตฺตมิว อุปเนตฺวา สุฎฺฐุ อนนฺตรภาเวน อุปฺปาทนสมตฺถตา สมนนฺตรปจฺจยตาฯ

    Byañjanamattatovettha nānākaraṇaṃ paccetabbaṃ, na atthatoti upacayasantatiadhivacananiruttipadānaṃ viya saddatthamattato nānākaraṇaṃ, na vacanīyatthatoti adhippāyo. Teneva saddatthavisesaṃ dassetuṃ ‘‘katha’’ntiādimāha. Tattha purimapacchimānaṃ nirodhuppādantarābhāvato nirantaruppādanasamatthatā anantarapaccayabhāvo. Rūpadhammānaṃ viya saṇṭhānābhāvato paccayapaccayuppannānaṃ sahāvaṭṭhānābhāvato ca ‘‘idamito heṭṭhā uddhaṃ tiriya’’nti vibhāgābhāvā attanā ekattamiva upanetvā suṭṭhu anantarabhāvena uppādanasamatthatā samanantarapaccayatā.

    อุปฺปาทนสมตฺถตาติ จ อพฺยาปารตฺตา ธมฺมานํ ยสฺมิํ ยทากาเร นิรุเทฺธ วตฺตมาเน วา สติ ตํตํวิเสสวนฺตา ธมฺมา โหนฺติ, ตสฺส โสว อากาโร วุจฺจตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ ธมฺมานํ ปวตฺติเมว จ อุปาทาย กาลโวหาโรติ นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนผลสมาปตฺตีนํ อสญฺญสตฺตา จวนฺตสฺส ปุริมจุติปจฺฉิมปฎิสนฺธีนญฺจ นิโรธุปฺปาทนิรนฺตรตาย กาลนฺตรตา นตฺถีติ ทฎฺฐพฺพาฯ น หิ เตสํ อนฺตรา อรูปธมฺมานํ ปวตฺติ อตฺถิ, ยํ อุปาทาย กาลนฺตรตา วุเจฺจยฺย, น จ รูปธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธมฺมปฺปวตฺติยา อนฺตรํ กโรติ อญฺญสนฺตานตฺตาฯ รูปารูปธมฺมสนฺตติโย หิ เทฺว อญฺญมญฺญํ วิสทิสสภาวตฺตา อญฺญมโญฺญปการภาเวน วตฺตมานาปิ วิสุํเยว โหนฺติฯ เอกสนฺตติยญฺจ ปุริมปจฺฉิมานํ มเชฺฌ วตฺตมานํ ตํสนฺตติปริยาปนฺนตาย อนฺตรการกํ โหติฯ ตาทิสญฺจ กญฺจิ เนวสญฺญานาสญฺญายตนผลสมาปตฺตีนํ มเชฺฌ นตฺถิ, น จ อภาโว อนฺตรการโก โหติ อภาวตฺตาเยว, ตสฺมา ชวนานนฺตรสฺส ชวนสฺส วิย, ภวงฺคานนฺตรสฺส ภวงฺคสฺส วิย จ นิรนฺตรตา สุฎฺฐุ จ อนนฺตรตา โหตีติ ตถา อุปฺปาทนสมตฺถตา เนวสญฺญานาสญฺญายตนจุตีนมฺปิ ทฎฺฐพฺพาฯ อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาโว เจตฺถ อนนฺตรปจฺจยาทีนํ ปากโฎติ อุปฺปาทนสมตฺถตาว วุตฺตาฯ ปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ปุพฺพนฺตาปรนฺตปริเจฺฉเทน คหิตานํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ อลภนฺตานํ ‘‘อตีโต ธโมฺม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฎฺฐา. ๒.๑๘.๕) อนนฺตราทิปจฺจยภาโว วุโตฺตติ น โส อุปฺปตฺติยํเยวาติ วิญฺญายติฯ น หิ กุสลาทิคฺคหณํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํ อปริเจฺฉทํ, ยโต อุปฺปตฺติมตฺตสมงฺคิโนเยว จ คหณํ สิยา, เตเนว จ อตีตตฺติเก ปฎิจฺจวาราทโย น สนฺตีติฯ

    Uppādanasamatthatāti ca abyāpārattā dhammānaṃ yasmiṃ yadākāre niruddhe vattamāne vā sati taṃtaṃvisesavantā dhammā honti, tassa sova ākāro vuccatīti daṭṭhabbo. Dhammānaṃ pavattimeva ca upādāya kālavohāroti nirodhā vuṭṭhahantassa nevasaññānāsaññāyatanaphalasamāpattīnaṃ asaññasattā cavantassa purimacutipacchimapaṭisandhīnañca nirodhuppādanirantaratāya kālantaratā natthīti daṭṭhabbā. Na hi tesaṃ antarā arūpadhammānaṃ pavatti atthi, yaṃ upādāya kālantaratā vucceyya, na ca rūpadhammappavatti arūpadhammappavattiyā antaraṃ karoti aññasantānattā. Rūpārūpadhammasantatiyo hi dve aññamaññaṃ visadisasabhāvattā aññamaññopakārabhāvena vattamānāpi visuṃyeva honti. Ekasantatiyañca purimapacchimānaṃ majjhe vattamānaṃ taṃsantatipariyāpannatāya antarakārakaṃ hoti. Tādisañca kañci nevasaññānāsaññāyatanaphalasamāpattīnaṃ majjhe natthi, na ca abhāvo antarakārako hoti abhāvattāyeva, tasmā javanānantarassa javanassa viya, bhavaṅgānantarassa bhavaṅgassa viya ca nirantaratā suṭṭhu ca anantaratā hotīti tathā uppādanasamatthatā nevasaññānāsaññāyatanacutīnampi daṭṭhabbā. Uppattiyā paccayabhāvo cettha anantarapaccayādīnaṃ pākaṭoti uppādanasamatthatāva vuttā. Paccuppannānaṃ pana dhammānaṃ pubbantāparantaparicchedena gahitānaṃ ‘‘uppajjatī’’ti vacanaṃ alabhantānaṃ ‘‘atīto dhammo paccuppannassa dhammassa anantarapaccayena paccayo’’tiādinā (paṭṭhā. 2.18.5) anantarādipaccayabhāvo vuttoti na so uppattiyaṃyevāti viññāyati. Na hi kusalādiggahaṇaṃ viya paccuppannaggahaṇaṃ aparicchedaṃ, yato uppattimattasamaṅginoyeva ca gahaṇaṃ siyā, teneva ca atītattike paṭiccavārādayo na santīti.

    อุปฺปชฺชมาโนว สหุปฺปาทภาเวนาติ เอตฺถาปิ อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน ปากเฎน ฐิติยาปิ ปจฺจยภาวํ นิทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํ, ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปน สหชาตภาเวน อุปการกตา สหชาตปจฺจยตาติฯ

    Uppajjamānovasahuppādabhāvenāti etthāpi uppattiyā paccayabhāvena pākaṭena ṭhitiyāpi paccayabhāvaṃ nidassetīti daṭṭhabbaṃ, paccayuppannānaṃ pana sahajātabhāvena upakārakatā sahajātapaccayatāti.

    อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการกตา อญฺญมญฺญปจฺจยตา, อุปการกตา จ อญฺญมญฺญตาวเสเนว ทฎฺฐพฺพา, น สหชาตาทิวเสนฯ สหชาตาทิปจฺจโย โหโนฺตเยว หิ โกจิ อญฺญมญฺญปจฺจโย น โหติ, น จ ปุเรชาตปจฺฉาชาตภาเวหิ อุปการกสฺส อุปการกา วตฺถุขนฺธา อญฺญมญฺญปจฺจยา โหนฺตีติฯ

    Attano upakārakassa upakārakatā aññamaññapaccayatā, upakārakatā ca aññamaññatāvaseneva daṭṭhabbā, na sahajātādivasena. Sahajātādipaccayo hontoyeva hi koci aññamaññapaccayo na hoti, na ca purejātapacchājātabhāvehi upakārakassa upakārakā vatthukhandhā aññamaññapaccayā hontīti.

    ตรุอาทีนํ ปถวี วิย อธิฎฺฐานากาเรน ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ, จกฺขาทโย จ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ อุปการกา จิตฺตกมฺมสฺส ปฎาทโย วิย นิสฺสยากาเรน ขนฺธาทโย ตํตํนิสฺสยานํ ขนฺธาทีนํฯ

    Taruādīnaṃ pathavī viya adhiṭṭhānākārena pathavīdhātu sesadhātūnaṃ, cakkhādayo ca cakkhuviññāṇādīnaṃ upakārakā cittakammassa paṭādayo viya nissayākārena khandhādayo taṃtaṃnissayānaṃ khandhādīnaṃ.

    ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโตติ ยํ กิญฺจิ การณํ นิสฺสโยติ วทติฯ ตตฺถ โย ภุโส, ตํ อุปนิสฺสโยติ นิทฺธาเรติฯ

    Tadadhīnavuttitāya attano phalena nissitoti yaṃ kiñci kāraṇaṃ nissayoti vadati. Tattha yo bhuso, taṃ upanissayoti niddhāreti.

    ปกโตติ เอตฺถ -กาโร อุปสโคฺค, โส อตฺตโน ผลสฺส อุปฺปาทเน สมตฺถภาเวน สุฎฺฐุกตตํ ทีเปติฯ ตถา จ กตํ อตฺตโน สนฺตาเน กตํ โหตีติ อาห ‘‘อตฺตโน สนฺตาเน’’ติฯ กรณญฺจ ทุวิธํ นิปฺผาทนํ อุปเสวนญฺจาติ ทเสฺสตุํ ‘‘นิปฺผาทิโต วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุปเสวิโต วาติ เอเตน กายอลฺลียาปนวเสน อุปโภคูปเสวนํ วิชานนาทิวเสน อารมฺมณูปเสวนญฺจ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตน อนาคตานมฺปิ จกฺขุสมฺปทาทีนํ อารมฺมณูปเสวเนน ยถาปฎิเสวิตานํ ปกตูปนิสฺสยตา วุตฺตา โหติฯ

    Pakatoti ettha pa-kāro upasaggo, so attano phalassa uppādane samatthabhāvena suṭṭhukatataṃ dīpeti. Tathā ca kataṃ attano santāne kataṃ hotīti āha ‘‘attano santāne’’ti. Karaṇañca duvidhaṃ nipphādanaṃ upasevanañcāti dassetuṃ ‘‘nipphādito vā’’tiādimāha. Tattha upasevito vāti etena kāyaallīyāpanavasena upabhogūpasevanaṃ vijānanādivasena ārammaṇūpasevanañca dassetīti daṭṭhabbaṃ. Tena anāgatānampi cakkhusampadādīnaṃ ārammaṇūpasevanena yathāpaṭisevitānaṃ pakatūpanissayatā vuttā hoti.

    ยถา ปจฺฉาชาเตน วินา สนฺตานาวิเจฺฉทเหตุภาวํ อคจฺฉนฺตานํ ธมฺมานํ เย ปจฺฉาชาตากาเรน อุปการกา, เตสํ สา วิปฺปยุตฺตาการาทีหิ วิสิฎฺฐา อุปการกตา ปจฺฉาชาตปจฺจยตา, ตถา นิสฺสยารมฺมณาการาทีหิ วิสิฎฺฐา ปุเรชาตภาเวน วินา อุปการกภาวํ อคจฺฉนฺตานํ วตฺถารมฺมณานํ ปุเรชาตากาเรน อุปการกตา ปุเรชาตปจฺจยตา, เอวํ สพฺพตฺถ ปจฺจยานํ ปจฺจยนฺตราการวิสิฎฺฐา อุปการกตา โยเชตพฺพาฯ

    Yathā pacchājātena vinā santānāvicchedahetubhāvaṃ agacchantānaṃ dhammānaṃ ye pacchājātākārena upakārakā, tesaṃ sā vippayuttākārādīhi visiṭṭhā upakārakatā pacchājātapaccayatā, tathā nissayārammaṇākārādīhi visiṭṭhā purejātabhāvena vinā upakārakabhāvaṃ agacchantānaṃ vatthārammaṇānaṃ purejātākārena upakārakatā purejātapaccayatā, evaṃ sabbattha paccayānaṃ paccayantarākāravisiṭṭhā upakārakatā yojetabbā.

    คิชฺฌโปตกสรีรานํ อาหาราสาเจตนา วิยาติ เอเตน มโนสเญฺจตนาหารวเสน ปวตฺตมาเนหิ อรูปธเมฺมหิ รูปกายสฺส อุปตฺถมฺภิตภาวํ ทเสฺสติฯ เตเนว ‘‘อาหาราสา วิยา’’ติ อวตฺวา เจตนาคหณํ กโรติฯ

    Gijjhapotakasarīrānaṃāhārāsācetanā viyāti etena manosañcetanāhāravasena pavattamānehi arūpadhammehi rūpakāyassa upatthambhitabhāvaṃ dasseti. Teneva ‘‘āhārāsā viyā’’ti avatvā cetanāgahaṇaṃ karoti.

    กุสลาทิภาเวน อตฺตนา สทิสสฺส ปโยเคน กรณียสฺส ปุนปฺปุนํ กรณํ ปวตฺตนํ อาเสวนโฎฺฐ, อตฺตสทิสสภาวตาปาทนํ วาสนํ วาฯ คนฺถาทีสุ ปุริมาปุริมาภิโยโค วิยาติ ปุริมา ปุริมา อาเสวนา วิยาติ อธิปฺปาโยฯ

    Kusalādibhāvena attanā sadisassa payogena karaṇīyassa punappunaṃ karaṇaṃ pavattanaṃ āsevanaṭṭho, attasadisasabhāvatāpādanaṃ vāsanaṃ vā. Ganthādīsu purimāpurimābhiyogo viyāti purimā purimā āsevanā viyāti adhippāyo.

    จิตฺตปฺปโยโค จิตฺตกิริยา, อายูหนนฺติ อโตฺถฯ ยถา หิ กายวจีปโยโค วิญฺญตฺติ, เอวํ จิตฺตปฺปโยโค เจตนาฯ สา ตาย อุปฺปนฺนกิริยตาวิสิเฎฺฐ สนฺตาเน เสสปจฺจยสมาคเม ปวตฺตมานานํ วิปากกฎตฺตารูปานมฺปิ เตเนว กิริยภาเวน อุปการิกา โหติฯ ตสฺส หิ กิริยภาวสฺส ปวตฺตตฺตา เตสํ ปวตฺติ, น อญฺญถาติฯ สหชาตานํ ปน เตน อุปการิกาติ กิํ วตฺตพฺพนฺติฯ

    Cittappayogo cittakiriyā, āyūhananti attho. Yathā hi kāyavacīpayogo viññatti, evaṃ cittappayogo cetanā. Sā tāya uppannakiriyatāvisiṭṭhe santāne sesapaccayasamāgame pavattamānānaṃ vipākakaṭattārūpānampi teneva kiriyabhāvena upakārikā hoti. Tassa hi kiriyabhāvassa pavattattā tesaṃ pavatti, na aññathāti. Sahajātānaṃ pana tena upakārikāti kiṃ vattabbanti.

    นิรุสฺสาหสนฺตภาเวนาติ เอเตน สอุสฺสาเหหิ วิปากธมฺมธเมฺมหิ กุสลากุสเลหิ สารมฺมณาทิภาเวน สทิสวิปากภาวํ ทเสฺสติฯ โส หิ วิปากานํ ปโยเคน อสาเธตพฺพตาย ปโยเคน อญฺญถา วา เสสปจฺจเยสุ สิเทฺธสุ กมฺมสฺส กฎตฺตาเยว สิทฺธิโต นิรุสฺสาโห สนฺตภาโว โหติ, น กิเลสวูปสมสนฺตภาโว, ตถาสนฺตสภาวโตเยว ภวงฺคาทโย ทุวิเญฺญยฺยาฯ ปญฺจทฺวาเรปิ หิ ชวนปฺปวตฺติยา รูปาทีนํ คหิตตา วิญฺญายติ, อภินิปาตสมฺปฎิจฺฉนสนฺตีรณมตฺตา ปน วิปากา ทุวิเญฺญยฺยาเยวฯ นิรุสฺสาหสนฺตภาวายาติ นิรุสฺสาหสนฺตภาวตฺถายฯ เอเตน ตปฺปจฺจยวตํ อวิปากานมฺปิ วิปากานุกุลํ ปวตฺติํ ทเสฺสติฯ

    Nirussāhasantabhāvenāti etena saussāhehi vipākadhammadhammehi kusalākusalehi sārammaṇādibhāvena sadisavipākabhāvaṃ dasseti. So hi vipākānaṃ payogena asādhetabbatāya payogena aññathā vā sesapaccayesu siddhesu kammassa kaṭattāyeva siddhito nirussāho santabhāvo hoti, na kilesavūpasamasantabhāvo, tathāsantasabhāvatoyeva bhavaṅgādayo duviññeyyā. Pañcadvārepi hi javanappavattiyā rūpādīnaṃ gahitatā viññāyati, abhinipātasampaṭicchanasantīraṇamattā pana vipākā duviññeyyāyeva. Nirussāhasantabhāvāyāti nirussāhasantabhāvatthāya. Etena tappaccayavataṃ avipākānampi vipākānukulaṃ pavattiṃ dasseti.

    สติปิ ชนกเตฺต อุปตฺถมฺภกตฺตํ อาหารานํ ปธานกิจฺจนฺติ อาห ‘‘รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกเตฺตนา’’ติฯ อุปตฺถมฺภกตฺตญฺหิ สติปิ ชนกเตฺต อรูปีนํ อาหารานํ อาหารชรูปสมุฎฺฐาปกรูปาหารสฺส จ โหติ, อสติปิ จตุสมุฎฺฐานิกรูปูปตฺถมฺภกรูปาหารสฺส, อสติ ปน อุปตฺถมฺภกเตฺต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปตฺถมฺภกตฺตํ ปธานํฯ ชนยมาโนปิ หิ อาหาโร อวิเจฺฉทวเสน อุปตฺถมฺภยมาโนเยว ชเนตีติ อุปตฺถมฺภนภาโว อาหารภาโวติฯ

    Satipi janakatte upatthambhakattaṃ āhārānaṃ padhānakiccanti āha ‘‘rūpārūpānaṃ upatthambhakattenā’’ti. Upatthambhakattañhi satipi janakatte arūpīnaṃ āhārānaṃ āhārajarūpasamuṭṭhāpakarūpāhārassa ca hoti, asatipi catusamuṭṭhānikarūpūpatthambhakarūpāhārassa, asati pana upatthambhakatte āhārānaṃ janakattaṃ natthīti upatthambhakattaṃ padhānaṃ. Janayamānopi hi āhāro avicchedavasena upatthambhayamānoyeva janetīti upatthambhanabhāvo āhārabhāvoti.

    อธิปติยเฎฺฐนาติ เอตฺถ น อธิปติปจฺจยธมฺมานํ วิย ปวตฺตินิวารเก อภิภวิตฺวา ปวตฺตเนน ครุภาโว อธิปติยโฎฺฐ, อถ โข ทสฺสนาทิกิเจฺจสุ จกฺขุวิญฺญาณาทีหิ ชีวเน ชีวเนฺตหิ สุขิตาทิภาเว สุขิตาทีหิ อธิโมกฺขปคฺคหุปฎฺฐานาวิเกฺขปชานเนสุ อนญฺญาตญฺญสฺสามีติ ปวตฺติยํ อาชานเน อญฺญาตาวีภาเว จ สทฺธาทิสหชาเตหีติ เอวํ ตํตํกิเจฺจสุ จกฺขาทิปจฺจเยหิ จกฺขาทีนํ อนุวตฺตนียตาฯ เตสุ เตสุ หิ กิเจฺจสุ จกฺขาทีนํ อิสฺสริยํ ตปฺปจฺจยานญฺจ ตทนุวตฺตเนน ตตฺถ ปวตฺตีติฯ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ ปน ยทิปิ ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา อตฺถิ, สา ปน น ปจฺจยภาวโตฯ ยถา หิ ชีวิตาหารา เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เต เตสํ อนุปาลกอุปตฺถมฺภกา อตฺถิ, อวิคตปจฺจยภูตา จ โหนฺติ, น เอวํ อิตฺถิปุริสภาวา ลิงฺคาทีนํ เกนจิ ปกาเรน อุปการกา โหนฺติ, เกวลํ ปน ยถาสเกเหว ปจฺจเยหิ ปวตฺตมานานํ ลิงฺคาทีนํ ยถา อิตฺถาทิคฺคหณสฺส ปจฺจยภาโว โหติ, ตโต อเญฺญนากาเรน ตํสหิตสนฺตาเน อปฺปวตฺติโต ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา อินฺทฺริยตา จ เตสํ วุจฺจติ, ตสฺมา น เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว วุโตฺตฯ จกฺขาทโย อรูปธมฺมานํเยวาติ เอตฺถ สุขทุกฺขินฺทฺริยานิปิ จกฺขาทิคฺคหเณน คหิตานีติ ทฎฺฐพฺพานิฯ

    Adhipatiyaṭṭhenāti ettha na adhipatipaccayadhammānaṃ viya pavattinivārake abhibhavitvā pavattanena garubhāvo adhipatiyaṭṭho, atha kho dassanādikiccesu cakkhuviññāṇādīhi jīvane jīvantehi sukhitādibhāve sukhitādīhi adhimokkhapaggahupaṭṭhānāvikkhepajānanesu anaññātaññassāmīti pavattiyaṃ ājānane aññātāvībhāve ca saddhādisahajātehīti evaṃ taṃtaṃkiccesu cakkhādipaccayehi cakkhādīnaṃ anuvattanīyatā. Tesu tesu hi kiccesu cakkhādīnaṃ issariyaṃ tappaccayānañca tadanuvattanena tattha pavattīti. Itthipurisindriyānaṃ pana yadipi liṅgādīhi anuvattanīyatā atthi, sā pana na paccayabhāvato. Yathā hi jīvitāhārā yesaṃ paccayā honti, te tesaṃ anupālakaupatthambhakā atthi, avigatapaccayabhūtā ca honti, na evaṃ itthipurisabhāvā liṅgādīnaṃ kenaci pakārena upakārakā honti, kevalaṃ pana yathāsakeheva paccayehi pavattamānānaṃ liṅgādīnaṃ yathā itthādiggahaṇassa paccayabhāvo hoti, tato aññenākārena taṃsahitasantāne appavattito liṅgādīhi anuvattanīyatā indriyatā ca tesaṃ vuccati, tasmā na tesaṃ indriyapaccayabhāvo vutto. Cakkhādayo arūpadhammānaṃyevāti ettha sukhadukkhindriyānipi cakkhādiggahaṇena gahitānīti daṭṭhabbāni.

    ลกฺขณารมฺมณูปนิชฺฌานภูตานํ วิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนาทิวเสน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ, จินฺตนํ วา วิตกฺกาทีนํเยว สาธารโณ พฺยาปาโร อุปนิชฺฌายนโฎฺฐฯ ฐเปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวยนฺติ สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยทฺวยํ ฐเปตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วตฺวา ‘‘สตฺตฌานงฺคานี’’ติ วจเนน อฌานงฺคานํ อุเปกฺขาจิเตฺตกคฺคตานํ นิวตฺตนํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยทิ เอวํ ‘‘สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอเตเนว สิเทฺธ ‘‘ฐเปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวย’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ? เวทนาเภเทสุ ปญฺจสุ สุขทุกฺขทฺวยสฺส เอกเนฺตน อฌานงฺคตฺตทสฺสนตฺถํ ฌานงฺคฎฺฐาเน นิทฺทิฎฺฐตฺตาฯ สติปิ วา ฌานงฺคโวหาเร เวทนาเภททฺวยสฺส เอกเนฺตน ฌานปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํฯ อุเปกฺขาจิเตฺตกคฺคตานํ ปน ยทิปิ ฌานปจฺจยตฺตาภาโว อตฺถิ, ฌานปจฺจยภาโว ปน น นตฺถีติ ‘‘สพฺพานิปิ สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอตฺถ คหณํ กตํฯ ตตฺถ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วจนํ สพฺพกุสลาทิเภทสงฺคณฺหนตฺถํ, น ปน สพฺพจิตฺตุปฺปาทคตสงฺคณฺหนตฺถนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Lakkhaṇārammaṇūpanijjhānabhūtānaṃ vitakkādīnaṃ vitakkanādivasena ārammaṇaṃ upagantvā nijjhānaṃ pekkhanaṃ, cintanaṃ vā vitakkādīnaṃyeva sādhāraṇo byāpāro upanijjhāyanaṭṭho. Ṭhapetvā sukhadukkhavedanādvayanti sukhindriyadukkhindriyadvayaṃ ṭhapetvāti adhippāyo. ‘‘Sabbānipī’’ti vatvā ‘‘sattajhānaṅgānī’’ti vacanena ajhānaṅgānaṃ upekkhācittekaggatānaṃ nivattanaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Yadi evaṃ ‘‘satta jhānaṅgānī’’ti eteneva siddhe ‘‘ṭhapetvā sukhadukkhavedanādvaya’’nti kasmā vuttaṃ? Vedanābhedesu pañcasu sukhadukkhadvayassa ekantena ajhānaṅgattadassanatthaṃ jhānaṅgaṭṭhāne niddiṭṭhattā. Satipi vā jhānaṅgavohāre vedanābhedadvayassa ekantena jhānapaccayattābhāvadassanatthaṃ. Upekkhācittekaggatānaṃ pana yadipi jhānapaccayattābhāvo atthi, jhānapaccayabhāvo pana na natthīti ‘‘sabbānipi satta jhānaṅgānī’’ti ettha gahaṇaṃ kataṃ. Tattha ‘‘sabbānipī’’ti vacanaṃ sabbakusalādibhedasaṅgaṇhanatthaṃ, na pana sabbacittuppādagatasaṅgaṇhanatthanti daṭṭhabbaṃ.

    ยโต ตโต วาติ สมฺมา วา มิจฺฉา วาติ อโตฺถฯ เอเต ปน เทฺวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา อเหตุกจิเตฺตสุ น ลพฺภนฺตีติ อิทํ อเหตุกจิเตฺตสุ น ลพฺภนฺติ, น สเหตุกจิเตฺตสูติ สเหตุกจิเตฺตสุ อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น อเหตุกจิเตฺตสุ ลาภาภาวทสฺสนตฺถนฺติฯ เอวํ อเตฺถ คยฺหมาเน อเหตุกจิเตฺตสุ กตฺถจิ กสฺสจิ ลาโภ น วาริโตติ เอตฺตกเมว วิญฺญาเยยฺย, น สวิตกฺกาเหตุกจิเตฺตสุ ฌานปจฺจยเสฺสว อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ กตนฺติฯ อเหตุกจิเตฺตสุ วา ลาภาภาวทสฺสนเตฺถ ปน อิมสฺมิํ วจเน สวิตกฺกาเหตุกจิเตฺตสุ ฌานปจฺจยสฺส ลาภาภาโว อาปชฺชติ, ตสฺมา เยน อลาเภน ธมฺมสงฺคณิยํ มโนธาตุอาทีนํ สงฺคหสุญฺญตวาเรสุ ฌานํ น อุทฺธฎํ , ตํ อลาภํ สนฺธาย เอส ฌานปจฺจยสฺสปิ อเหตุกจิเตฺตสุ อลาโภ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ ยถา หิ สเหตุเกสุ วิตกฺกาทีนํ สหชาเต สํกฑฺฒิตฺวา เอกตฺตคตภาวกรณํ อุปนิชฺฌายนพฺยาปาโร พลวา, น ตถา อเหตุกจิเตฺตสุ โหติฯ อิมสฺมิํ ปน ปกรเณ ทุพฺพลมฺปิ อุปนิชฺฌายนํ ยทิปิ กิญฺจิมตฺตมฺปิ อตฺถิ, เตน อุปการกตา โหตีติ สวิตกฺกาเหตุกจิเตฺตสุปิ ฌานปจฺจโย วุโตฺตว, ตสฺมา เย เอวํ ปฐนฺติ ‘‘น เอเต ปน เทฺวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ยถาสงฺขฺยํ ทฺวิปญฺจวิญฺญาณอเหตุกจิเตฺตสุ ลพฺภนฺตี’’ติ, เตสํ โส ปาโฐ สุนฺทรตโร, อิมสฺส ปกรณสฺสายํ อตฺถวณฺณนา, น ธมฺมสงฺคณิยาติฯ

    Yato tato vāti sammā vā micchā vāti attho. Ete pana dvepi jhānamaggapaccayā ahetukacittesu na labbhantīti idaṃ ahetukacittesu na labbhanti, na sahetukacittesūti sahetukacittesu alābhābhāvadassanatthaṃ vuttaṃ, na ahetukacittesu lābhābhāvadassanatthanti. Evaṃ atthe gayhamāne ahetukacittesu katthaci kassaci lābho na vāritoti ettakameva viññāyeyya, na savitakkāhetukacittesu jhānapaccayasseva alābhābhāvadassanatthaṃ katanti. Ahetukacittesu vā lābhābhāvadassanatthe pana imasmiṃ vacane savitakkāhetukacittesu jhānapaccayassa lābhābhāvo āpajjati, tasmā yena alābhena dhammasaṅgaṇiyaṃ manodhātuādīnaṃ saṅgahasuññatavāresu jhānaṃ na uddhaṭaṃ , taṃ alābhaṃ sandhāya esa jhānapaccayassapi ahetukacittesu alābho vuttoti veditabbo. Yathā hi sahetukesu vitakkādīnaṃ sahajāte saṃkaḍḍhitvā ekattagatabhāvakaraṇaṃ upanijjhāyanabyāpāro balavā, na tathā ahetukacittesu hoti. Imasmiṃ pana pakaraṇe dubbalampi upanijjhāyanaṃ yadipi kiñcimattampi atthi, tena upakārakatā hotīti savitakkāhetukacittesupi jhānapaccayo vuttova, tasmā ye evaṃ paṭhanti ‘‘na ete pana dvepi jhānamaggapaccayā yathāsaṅkhyaṃ dvipañcaviññāṇaahetukacittesu labbhantī’’ti, tesaṃ so pāṭho sundarataro, imassa pakaraṇassāyaṃ atthavaṇṇanā, na dhammasaṅgaṇiyāti.

    สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตตาย เอกีภาโวปคเมน วิย อุปการกตา สมฺปยุตฺตปจฺจยตา

    Samaṃ pakārehi yuttatāya ekībhāvopagamena viya upakārakatā sampayuttapaccayatā.

    ยุตฺตานมฺปิ สตํ วิปฺปยุตฺตภาเวน นานตฺตูปคเมน อุปการกตา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตาฯ น หิ วตฺถุสหชาตปจฺฉาชาตวเสน อยุตฺตานํ รูปาทีนํ อารมฺมณาทิภาเวน อุปการกานํ วิปฺปยุตฺตานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา อตฺถีติฯ รูปานํ ปน รูเปหิ สติปิ อวินิโพฺภเค วิปฺปโยโคเยว นตฺถีติ น เตสํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตาฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ (ธาตุ. ๓)ฯ

    Yuttānampi sataṃ vippayuttabhāvena nānattūpagamena upakārakatā vippayuttapaccayatā. Na hi vatthusahajātapacchājātavasena ayuttānaṃ rūpādīnaṃ ārammaṇādibhāvena upakārakānaṃ vippayuttānaṃ vippayuttapaccayatā atthīti. Rūpānaṃ pana rūpehi satipi avinibbhoge vippayogoyeva natthīti na tesaṃ vippayuttapaccayatā. Vuttañhi ‘‘catūhi sampayogo catūhi vippayogo’’ti (dhātu. 3).

    ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณนาติ ปจฺจุปฺปนฺนสภาเวนฯ เตน ‘‘อตฺถิ เม ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ (ปารา. ๓๘), ‘‘อเตฺถกโจฺจ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน’’ติ (ปุ. ป. มาติกา ๔.๒๔) จ เอวมาทีสุ วุตฺตํ นิพฺพตฺตอุปลพฺภมานตาลกฺขณํ อตฺถิภาวํ นิวาเรติฯ สติปิ ชนกเตฺต อุปตฺถมฺภกปฺปธานา อตฺถิภาเวน อุปการกตาติ อาห ‘‘อุปตฺถมฺภกเตฺตนา’’ติฯ อิทญฺจ อุปตฺถมฺภกตฺตํ วตฺถารมฺมณสหชาตาทีนํ สาธารณํ อตฺถิภาเวน อุปการกตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Paccuppannalakkhaṇenāti paccuppannasabhāvena. Tena ‘‘atthi me pāpakammaṃ kata’’nti (pārā. 38), ‘‘atthekacco puggalo attahitāya paṭipanno’’ti (pu. pa. mātikā 4.24) ca evamādīsu vuttaṃ nibbattaupalabbhamānatālakkhaṇaṃ atthibhāvaṃ nivāreti. Satipi janakatte upatthambhakappadhānā atthibhāvena upakārakatāti āha ‘‘upatthambhakattenā’’ti. Idañca upatthambhakattaṃ vatthārammaṇasahajātādīnaṃ sādhāraṇaṃ atthibhāvena upakārakattaṃ daṭṭhabbaṃ.

    อารมฺมเณ ผุสนาทิวเสน วตฺตมานานํ ผสฺสาทีนํ อเนเกสํ สหภาโว นตฺถีติ เอกสฺมิํ ผสฺสาทิสมุทาเย สติ ทุติโย น โหติ, อสติ ปน โหติ, เตน นตฺถิภาเวน อุปการกตา นตฺถิปจฺจยตาฯ สติปิ ปุริมตรจิตฺตานํ นตฺถิภาเว น ตานิ นตฺถิภาเวน อุปการกานิ, อนนฺตรเมว ปน อตฺตโน อตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ อลภมานานํ นตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ ททมานํ วิย อุปการกํ โหตีติ ‘‘ปวตฺติโอกาสทาเนน อุปการกตา’’ติ อาหฯ

    Ārammaṇe phusanādivasena vattamānānaṃ phassādīnaṃ anekesaṃ sahabhāvo natthīti ekasmiṃ phassādisamudāye sati dutiyo na hoti, asati pana hoti, tena natthibhāvena upakārakatā natthipaccayatā. Satipi purimataracittānaṃ natthibhāve na tāni natthibhāvena upakārakāni, anantarameva pana attano atthibhāvena pavattiokāsaṃ alabhamānānaṃ natthibhāvena pavattiokāsaṃ dadamānaṃ viya upakārakaṃ hotīti ‘‘pavattiokāsadānena upakārakatā’’ti āha.

    เอตฺถ จ อภาวมเตฺตน อุปการกตา โอกาสทานํ นตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน อปฺปวตฺตมานานํ สภาววิคเมน อุปการกตา วิคตปจฺจยตา, นตฺถิตา จ นิโรธานนฺตรสุญฺญตา, วิคตตา นิโรธปฺปตฺตตา, อยเมเตสํ วิเสโส, ตถา อตฺถิตาย สสภาวโต อุปการกตา อตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน นิโรธสฺส อปฺปตฺติยา อุปการกตา อวิคตปจฺจยตาติ ปจฺจยภาววิเสโส ธมฺมาวิเสเสปิ เวทิตโพฺพฯ ธมฺมานญฺหิ สตฺติวิเสสํ สพฺพํ ยาถาวโต อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ตถาคเตน จตุวีสติปจฺจยวิเสสา วุตฺตาติ ภควติ สทฺธาย ‘‘เอวํวิเสสา เอเต ธมฺมา’’ติ สุตมยญาณํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺตาภาวนามเยหิ ตทภิสมยาย โยโค กาตโพฺพฯ

    Ettha ca abhāvamattena upakārakatā okāsadānaṃ natthipaccayatā, sabhāvāvigamena appavattamānānaṃ sabhāvavigamena upakārakatā vigatapaccayatā, natthitā ca nirodhānantarasuññatā, vigatatā nirodhappattatā, ayametesaṃ viseso, tathā atthitāya sasabhāvato upakārakatā atthipaccayatā, sabhāvāvigamena nirodhassa appattiyā upakārakatā avigatapaccayatāti paccayabhāvaviseso dhammāvisesepi veditabbo. Dhammānañhi sattivisesaṃ sabbaṃ yāthāvato abhisambujjhitvā tathāgatena catuvīsatipaccayavisesā vuttāti bhagavati saddhāya ‘‘evaṃvisesā ete dhammā’’ti sutamayañāṇaṃ uppādetvā cintābhāvanāmayehi tadabhisamayāya yogo kātabbo.

    จตูสุ ขเนฺธสุ เอกสฺสปิ อสงฺคหิตตฺตาภาวโต นามธเมฺมกเทสตา อนนฺตราทีนํ นตฺถีติ ‘‘นามธมฺมาวา’’ติ วตฺวา น เกวลํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว ภชนฺตานํ จตุนฺนํเยว ขนฺธานํ นามตา, อถ โข นิพฺพานญฺจ นามเมวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิพฺพานสฺส อสงฺคหิตตฺตา’’ติอาทิมาหฯ ปุเรชาตปจฺจโย รูเปกเทโสติ เอตฺถ เอกเทสวจเนน รูปรูปโต อญฺญํ วเชฺชติ, รูปรูปํ ปน กุสลตฺติเก อนาคตมฺปิ ปุเรชาตปจฺจยภาเวน อญฺญตฺถ อาคตเมวฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘อนิทสฺสนอปฺปฎิโฆ ธโมฺม อนิทสฺสนอปฺปฎิฆสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย – อารมฺมณปุเรชาตํ, วตฺถุปุเรชาตํฯ อารมฺมณปุเรชาตํ วตฺถุํ อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ อาโปธาตุํ กพฬีการํ อาหารํ อนิจฺจโต…เป.… โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๒๒.๓๙)ฯ

    Catūsu khandhesu ekassapi asaṅgahitattābhāvato nāmadhammekadesatā anantarādīnaṃ natthīti ‘‘nāmadhammāvā’’ti vatvā na kevalaṃ paccayapaccayuppannabhāve bhajantānaṃ catunnaṃyeva khandhānaṃ nāmatā, atha kho nibbānañca nāmamevāti dassento ‘‘nibbānassa asaṅgahitattā’’tiādimāha. Purejātapaccayo rūpekadesoti ettha ekadesavacanena rūparūpato aññaṃ vajjeti, rūparūpaṃ pana kusalattike anāgatampi purejātapaccayabhāvena aññattha āgatameva. Vuttañhi ‘‘anidassanaappaṭigho dhammo anidassanaappaṭighassa dhammassa purejātapaccayena paccayo – ārammaṇapurejātaṃ, vatthupurejātaṃ. Ārammaṇapurejātaṃ vatthuṃ itthindriyaṃ purisindriyaṃ āpodhātuṃ kabaḷīkāraṃ āhāraṃ aniccato…pe… domanassaṃ uppajjatī’’ti (paṭṭhā. 2.22.39).

    ปจฺจยุเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paccayuddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact