Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๑๒. ปาจิตฺติยนิเทฺทสวณฺณนา

    12. Pācittiyaniddesavaṇṇanā

    ๑๒๑. มุสา …เป.… หรเณติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมวจนํ, ตสฺส ‘‘ปาจิตฺติ วุตฺตา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ มุสาวาเทติ นิปาเตน สทฺธิํ ตปฺปุริโสฯ ปุเพฺพปิ ชานิตฺวา วจนกฺขเณปิ ชานนฺตสฺส มุสาภณนนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ภณนญฺจ นาม อิธ อภูตสฺส วา ภูตตํ, ภูตสฺส วา อภูตตํ กตฺวา กาเยน วา วาจาย วา วิญฺญาปนปฺปโยโคฯ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสาจารวิปตฺติโย อมูลิกาย โจเทนฺตสฺส ยถากฺกมํ สงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยทุกฺกฎานิฯ อนุปธาเรตฺวา สหสา ภณนฺตสฺส, ‘‘อญฺญํ ภณิสฺสามี’’ติ อญฺญํ ภณนฺตสฺส ยสฺส ภณติ, โส น สุณาติ, ตสฺส จ อนาปตฺติฯ

    121.Musā…pe… haraṇeti nimittatthe bhummavacanaṃ, tassa ‘‘pācitti vuttā’’ti iminā sambandho. Evaṃ sabbattha. Musāvādeti nipātena saddhiṃ tappuriso. Pubbepi jānitvā vacanakkhaṇepi jānantassa musābhaṇananimittanti attho. Bhaṇanañca nāma idha abhūtassa vā bhūtataṃ, bhūtassa vā abhūtataṃ katvā kāyena vā vācāya vā viññāpanappayogo. Pārājikasaṅghādisesācāravipattiyo amūlikāya codentassa yathākkamaṃ saṅghādisesapācittiyadukkaṭāni. Anupadhāretvā sahasā bhaṇantassa, ‘‘aññaṃ bhaṇissāmī’’ti aññaṃ bhaṇantassa yassa bhaṇati, so na suṇāti, tassa ca anāpatti.

    โอมสติ อมนาปตาย กเณฺณสุ วิชฺฌติ วิย เอเตน, โอมสติ วาติ โอมโส, โส จายํ วาโทจ, ตสฺมิํฯ ทีโฆ ปน คาถาพนฺธวเสนฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ หีนุกฺกเฎฺฐสุ จ ชาตินามโคตฺตวยกมฺมสิปฺปอาพาธลิงฺคกิเลสอาปตฺติอโกฺกสสงฺขาเตสุ ทสสุ ภูเตน วา อภูเตน วา ‘‘ขตฺติโยสิ, จณฺฑาโลสี’’ติอาทินา กาเยน วา วาจาย วา อนญฺญาปเทเสน ภิกฺขุโน ขุํเสตุกามตาย อโกฺกสวจเนติ อโตฺถฯ ‘‘สนฺติ อิเธกเจฺจ จณฺฑาลา’’ติอาทินา อญฺญาปเทเสน วา ‘‘โจโรสิ, วิการีสิ, มาตุฆาตโกสี’’ติอาทีหิ ปาฬิมุตฺตปเทหิ วา ภิกฺขุสฺส, ยถา วา ตถา วา อนุปสมฺปนฺนํ, ปรมฺมุขา ปน สพฺพมฺปิ อโกฺกสนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ เกวลํ ทวกมฺยตาย วทโต ปน สพฺพตฺถ ทุพฺภาสิตํฯ

    Omasati amanāpatāya kaṇṇesu vijjhati viya etena, omasati vāti omaso, so cāyaṃ vādoca, tasmiṃ. Dīgho pana gāthābandhavasena. Evaṃ sabbattha. Hīnukkaṭṭhesu ca jātināmagottavayakammasippaābādhaliṅgakilesaāpattiakkosasaṅkhātesu dasasu bhūtena vā abhūtena vā ‘‘khattiyosi, caṇḍālosī’’tiādinā kāyena vā vācāya vā anaññāpadesena bhikkhuno khuṃsetukāmatāya akkosavacaneti attho. ‘‘Santi idhekacce caṇḍālā’’tiādinā aññāpadesena vā ‘‘corosi, vikārīsi, mātughātakosī’’tiādīhi pāḷimuttapadehi vā bhikkhussa, yathā vā tathā vā anupasampannaṃ, parammukhā pana sabbampi akkosantassa dukkaṭaṃ. Kevalaṃ davakamyatāya vadato pana sabbattha dubbhāsitaṃ.

    เปสุญฺญหรเณติ ปิสุณสฺส ภาโว เปสุญฺญํฯ อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา ปรสฺส ปเรสุ เภทาธิปฺปาเยน วา ชาติอาทีหิ โอมสนฺตสฺส ภิกฺขุโน วจนํ สุตฺวา ภิกฺขุสฺส ตสฺส เปสุญฺญสฺส หรเณฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส หรเณ ทุกฺกฎํฯ ปทํ ปทํ ปทโส, วิจฺฉายํ โส, โกฎฺฐาเสน โกฎฺฐาเสนาติ อโตฺถฯ สงฺคีติตฺตยารุโฬฺห ติปิฎกธโมฺม, อนารุโฬฺห จ ราโชวาทาทิโก ธโมฺม นาม, เตน สห ปทโสติ นิปาตสฺส ตติยาตปฺปุริโสฯ ปทโสธเมฺมติ เอกกฺขราทินา โกฎฺฐาเสน โกฎฺฐาเสน อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ ยถาวุตฺตธมฺมภณเนติ อโตฺถฯ ปทโสธมฺมภณนญฺหิ ปทโสธมฺม-สเทฺทน อุปจาเรน วุตฺตํฯ อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ เอกโต อุเทฺทสคฺคหเณ สชฺฌายกรเณ, ตํสนฺติเก อุเทฺทสคฺคหณาทิเก จ เตน สทฺธิํ เอกโต เยภุเยฺยน ปคุณํ คนฺถํ ภณนฺตสฺส โอสาเรนฺตสฺส ขลิตฎฺฐาเน ‘‘เอวํ ภณาหี’’ติ เอกโต ภณนฺตสฺสปิ อนาปตฺติฯ

    Pesuññaharaṇeti pisuṇassa bhāvo pesuññaṃ. Attano piyakamyatāya vā parassa paresu bhedādhippāyena vā jātiādīhi omasantassa bhikkhuno vacanaṃ sutvā bhikkhussa tassa pesuññassa haraṇe. Anupasampannassa haraṇe dukkaṭaṃ. Padaṃ padaṃ padaso, vicchāyaṃ so, koṭṭhāsena koṭṭhāsenāti attho. Saṅgītittayāruḷho tipiṭakadhammo, anāruḷho ca rājovādādiko dhammo nāma, tena saha padasoti nipātassa tatiyātappuriso. Padasodhammeti ekakkharādinā koṭṭhāsena koṭṭhāsena anupasampannena saddhiṃ yathāvuttadhammabhaṇaneti attho. Padasodhammabhaṇanañhi padasodhamma-saddena upacārena vuttaṃ. Anupasampannena saddhiṃ ekato uddesaggahaṇe sajjhāyakaraṇe, taṃsantike uddesaggahaṇādike ca tena saddhiṃ ekato yebhuyyena paguṇaṃ ganthaṃ bhaṇantassa osārentassa khalitaṭṭhāne ‘‘evaṃ bhaṇāhī’’ti ekato bhaṇantassapi anāpatti.

    อนฺตมโส วตฺถาทินา เยน เกนจิ สพฺพจฺฉนฺนํ ฉทนํ อนาหจฺจ ทิยฑฺฒหตฺถุเพฺพเธนาปิ สพฺพปริจฺฉินฺนํ เยภุเยฺยนฉนฺนํ เยภุเยฺยนปริจฺฉินฺนญฺจ เสนาสนํ อคารนฺติ อธิเปฺปตํฯ ตตฺรโฎฺฐ ปน ภิกฺขุํ ฐเปตฺวา อนฺตมโส ปาราชิกวตฺถุภูโต ติรจฺฉานคโตปิ อนฺตมโส ตทหุชาตา อิตฺถีปิ อุปจารโต อคาร-สเทฺทน วุจฺจติฯ สห อคาเรนาติ สาคาโร, ภิกฺขุฯ อุปจาเรเนว จ ปน อนุปสมฺปเนฺนน, มาตุคาเมน จ สห เสยฺยกปฺปนํ สาคารภาโว นามาติ คเหตพฺพํฯ สงฺฆสมฺมตํ เสนาสนปญฺญาปกาทิเภทํ อุปสมฺปนฺนํ อยสกามา หุตฺวา ภิกฺขูหิ เยน จ อุชฺฌาเปนฺติ อวชานาเปนฺติ อวญฺญาย โอโลกาเปนฺติ, ลามกโต วา จินฺตาเปนฺติ, ตํ วจนํ อุชฺฌาปนกํฯ เยน ขียนฺติ สพฺพตฺถ ตสฺส อวณฺณํ ปกาเสนฺติ, ตํ ขียนํ

    Antamaso vatthādinā yena kenaci sabbacchannaṃ chadanaṃ anāhacca diyaḍḍhahatthubbedhenāpi sabbaparicchinnaṃ yebhuyyenachannaṃ yebhuyyenaparicchinnañca senāsanaṃ agāranti adhippetaṃ. Tatraṭṭho pana bhikkhuṃ ṭhapetvā antamaso pārājikavatthubhūto tiracchānagatopi antamaso tadahujātā itthīpi upacārato agāra-saddena vuccati. Saha agārenāti sāgāro, bhikkhu. Upacāreneva ca pana anupasampannena, mātugāmena ca saha seyyakappanaṃ sāgārabhāvo nāmāti gahetabbaṃ. Saṅghasammataṃ senāsanapaññāpakādibhedaṃ upasampannaṃ ayasakāmā hutvā bhikkhūhi yena ca ujjhāpenti avajānāpenti avaññāya olokāpenti, lāmakato vā cintāpenti, taṃ vacanaṃ ujjhāpanakaṃ. Yena khīyanti sabbattha tassa avaṇṇaṃ pakāsenti, taṃ khīyanaṃ.

    ๑๒๒. ตลนฺติ หตฺถตลมธิเปฺปตํฯ ตคฺคหเณน ปน กาโยว ตลํฯ สตฺตีติ กายปฺปฎิพทฺธา สตฺติ อาวุธวิเสโส, อุปลกฺขณตฺตา ปน สพฺพมฺปิ กายปฺปฎิพทฺธํ สตฺติฯ ตลญฺจ สตฺติ จ ตลสตฺติฯ อิธ ปน โกเปน ภิกฺขุสฺส ตลสตฺติอุคฺคิรณํ ตลสตฺติฯ สเจ ปน วิรโทฺธ ปหารํ เทติ, น ปหริตุกามตาย ทินฺนตฺตา ทุกฺกฎํ, ปหริตุกามตาย ปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปเนฺน ทุกฺกฎํ, โมกฺขาธิปฺปายสฺส อนาปตฺติฯ

    122.Talanti hatthatalamadhippetaṃ. Taggahaṇena pana kāyova talaṃ. Sattīti kāyappaṭibaddhā satti āvudhaviseso, upalakkhaṇattā pana sabbampi kāyappaṭibaddhaṃ satti. Talañca satti ca talasatti. Idha pana kopena bhikkhussa talasattiuggiraṇaṃ talasatti. Sace pana viraddho pahāraṃ deti, na paharitukāmatāya dinnattā dukkaṭaṃ, paharitukāmatāya pācittiyaṃ, anupasampanne dukkaṭaṃ, mokkhādhippāyassa anāpatti.

    ปญฺญเตฺตน วทโต อุปสมฺปนฺนสฺส วา เตน วุจฺจมานธมฺมสฺส วา อนาทรกรณํ อนาทโรฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส เตน วุจฺจมานสฺส วา อุปสมฺปเนฺนน, ปเรน วา อปญฺญเตฺตน วา วุจฺจมานสฺส อนาทเร ทุกฺกฎํฯ

    Paññattena vadato upasampannassa vā tena vuccamānadhammassa vā anādarakaraṇaṃ anādaro. Anupasampannassa tena vuccamānassa vā upasampannena, parena vā apaññattena vā vuccamānassa anādare dukkaṭaṃ.

    ‘‘อูนวโสฺส ตฺวํ มเญฺญ’’ติอาทินา ภิกฺขุโน กุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทนํ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุกฺกฎํฯ

    ‘‘Ūnavasso tvaṃ maññe’’tiādinā bhikkhuno kukkuccassa uppādanaṃ anupasampannassa dukkaṭaṃ.

    อนาปุจฺฉา คามปฺปเวสเนติ ปกติวจเนน ปุจฺฉิตุมนุรูปํ อโนฺตอุปจารสีมาย ทสฺสนูปจาเร ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘วิกาเล คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉามี’’ติ อนาปุจฺฉิตฺวา วิกาเล คามปฺปเวสเนฯ ทีโฆ ปน สนฺธิวเสนฯ อาปทาสุ อนาปตฺติฯ

    Anāpucchā gāmappavesaneti pakativacanena pucchitumanurūpaṃ antoupacārasīmāya dassanūpacāre bhikkhuṃ disvā ‘‘vikāle gāmappavesanaṃ āpucchāmī’’ti anāpucchitvā vikāle gāmappavesane. Dīgho pana sandhivasena. Āpadāsu anāpatti.

    ปรมฺปรโภชเนติ ปโร จ ปโร จ ปรมฺปรา ม-กาโร สนฺธิวเสน, ตสฺมา ปรมฺปรา อุปฺปตฺตวิสยอปาทานวจนํ, ปรโต ปรโต ลทฺธา ภุญฺชเนติ อโตฺถฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ปญฺจหิ โภชเนหิ นามํ คเหตฺวา นิมนฺติตสฺส เยน เยน ปฐมํ นิมนฺติโต, ตสฺส ตสฺส โภชนโต อุปฺปฎิปาฎิยา, ‘‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ วา ‘‘วิกเปฺปมี’’ติ วา อาทินา สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา อวิกเปฺปตฺวา วา อญฺญโต อญฺญโต ปญฺจโภชนาทีนิ ลทฺธา ภุญฺชมาเนติฯ คิลานจีวรทานจีวรการสมเย อนาปตฺติฯ

    Paramparabhojaneti paro ca paro ca paramparā ma-kāro sandhivasena, tasmā paramparā uppattavisayaapādānavacanaṃ, parato parato laddhā bhuñjaneti attho. Ayamettha adhippāyo – pañcahi bhojanehi nāmaṃ gahetvā nimantitassa yena yena paṭhamaṃ nimantito, tassa tassa bhojanato uppaṭipāṭiyā, ‘‘mayhaṃ bhattapaccāsaṃ tuyhaṃ dammī’’ti vā ‘‘vikappemī’’ti vā ādinā sammukhā vā parammukhā vā avikappetvā vā aññato aññato pañcabhojanādīni laddhā bhuñjamāneti. Gilānacīvaradānacīvarakārasamaye anāpatti.

    ๑๒๓. เสยฺยํ เสนาสนานิ วา อนุทฺธริตฺวา คมเนติ สมฺพโนฺธฯ วา-สโทฺท สมุจฺจเยฯ ตตฺถ ‘‘ภิสิ จิมิลิกา อุตฺตรตฺถรณํ ภูมตฺถรณํ ตฎฺฎิกา จมฺมกฺขโณฺฑ นิสีทนํ ปจฺจตฺถรณํ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโร’’ติ (ปาจิ. ๑๑๖) วุตฺตาสุ ทสสุ เสยฺยาสุ เอกมฺปิ อตฺตโน วสฺสคฺคเน คเหตฺวา สงฺฆิเก สพฺพปฺปฎิจฺฉเนฺน คุเตฺต เสนาสเน สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ยถา ฐปิตํ อุปจิกาทีหิ น ขชฺชติ, ตถา ฐปนวเสน อนุทฺธริตฺวา ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส ปริเกฺขปํ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ อติกฺกมิตฺวา คมเน จ, ตถา มญฺจปีฐติสิโกจฺฉสงฺขาตานิ เสนาสนานิ วสฺสกาเล อโชฺฌกาเส สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา อนุปสมฺปเนฺนน อนุทฺธริตฺวา ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกมิตฺวา คมเน จาติ อโตฺถฯ ยถาวุตฺตโต ปน อญฺญตฺถ ทุกฺกฎํฯ

    123. Seyyaṃ senāsanāni vā anuddharitvā gamaneti sambandho. -saddo samuccaye. Tattha ‘‘bhisi cimilikā uttarattharaṇaṃ bhūmattharaṇaṃ taṭṭikā cammakkhaṇḍo nisīdanaṃ paccattharaṇaṃ tiṇasanthāro paṇṇasanthāro’’ti (pāci. 116) vuttāsu dasasu seyyāsu ekampi attano vassaggane gahetvā saṅghike sabbappaṭicchanne gutte senāsane santharitvā vā santharāpetvā vā yathā ṭhapitaṃ upacikādīhi na khajjati, tathā ṭhapanavasena anuddharitvā parikkhittassa ārāmassa parikkhepaṃ, aparikkhittassa upacāraṃ atikkamitvā gamane ca, tathā mañcapīṭhatisikocchasaṅkhātāni senāsanāni vassakāle ajjhokāse santharitvā vā santharāpetvā vā anupasampannena anuddharitvā thāmamajjhimassa purisassa leḍḍupātaṃ atikkamitvā gamane cāti attho. Yathāvuttato pana aññattha dukkaṭaṃ.

    อิตฺถิยา อทฺธานคมเนติ ‘‘คจฺฉาม ภคินิ, คจฺฉาม อยฺยา’’ติ อญฺญมญฺญํ สํวิทหิตฺวา ‘‘อชฺช วา เสฺว วา’’ติอาทินา นิยมิตกาลวิสเงฺกตํ อกตฺวาปิ ทฺวารวิสเงฺกตํ มคฺควิสเงฺกตํ กตฺวาปิ อิตฺถิยา สทฺธิํ อทฺธานมคฺคคมเนติ อโตฺถฯ

    Itthiyā addhānagamaneti ‘‘gacchāma bhagini, gacchāma ayyā’’ti aññamaññaṃ saṃvidahitvā ‘‘ajja vā sve vā’’tiādinā niyamitakālavisaṅketaṃ akatvāpi dvāravisaṅketaṃ maggavisaṅketaṃ katvāpi itthiyā saddhiṃ addhānamaggagamaneti attho.

    เอเกกาย นิสีทเนติ เอเกน เอกาติ เอเกกา, ตสฺสา นิสชฺชายาติ อโตฺถฯ เอเกน สห เอกิสฺสา นิสชฺชํ วินา เอกาย สห เอกสฺส นิสชฺชํ นาม นตฺถีติ เอกาย สห เอกสฺส นิสชฺชายํ สติ นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน ปาจิตฺติยนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘เอกาเยกนิสีทเน’’ติ วา ปาโฐฯ

    Ekekāya nisīdaneti ekena ekāti ekekā, tassā nisajjāyāti attho. Ekena saha ekissā nisajjaṃ vinā ekāya saha ekassa nisajjaṃ nāma natthīti ekāya saha ekassa nisajjāyaṃ sati nisinnassa bhikkhuno pācittiyanti adhippāyo. ‘‘Ekāyekanisīdane’’ti vā pāṭho.

    ๑๒๔. รูปาทีนํ อุปสํหาเรน, ภยานกกถากถเนน วา อุปสมฺปนฺนสฺส ภิํสาปเนฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทุกฺกฎํฯ

    124. Rūpādīnaṃ upasaṃhārena, bhayānakakathākathanena vā upasampannassa bhiṃsāpane. Anupasampannassa dukkaṭaṃ.

    อาโกฎเน อุปสมฺปนฺนสฺส อนฺตมโส อุปฺปลปเตฺตนาปิ ปหารทาเนฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส อนฺตมโส ติรจฺฉานคตสฺสปิ ทุกฺกฎํฯ โมกฺขาธิปฺปายสฺส อนาปตฺติฯ

    Ākoṭane upasampannassa antamaso uppalapattenāpi pahāradāne. Anupasampannassa antamaso tiracchānagatassapi dukkaṭaṃ. Mokkhādhippāyassa anāpatti.

    สงฺฆมเชฺฌ วินยธเรน อนุยุญฺชิยมานสฺส ปุจฺฉิตโต อญฺญสฺส วาโท อเญฺญน อญฺญํ ปฎิจรณํ อญฺญวาโทฯ ตเถว ปุจฺฉิยมานสฺส อกเถตุกามตาย วิเหสนํ ตุณฺหีภาโว วิเหสาฯ อญฺญวาทกสฺส วิเหสกสฺส จ ญตฺติทุติยกเมฺมน อญฺญวาทกวิเหสกกเมฺม กเต ปุน อญฺญวาเท วิเหสาย ปาจิตฺติยํฯ อนาโรปิเต ปน กเมฺม ทุกฺกฎํฯ กิญฺจิ วีติกฺกมํ ทิสฺวา ‘‘อาวุโส, อิทํ นาม ตยา กต’’นฺติ วุเตฺต ตํ น กเถตุกาโม ตุณฺหีภูโต สงฺฆํ วิเหเสตีติ วิเหสโกฯ อนาจารํ อาจริตฺวา สงฺฆมเชฺฌ อาปตฺติยา, วตฺถุนา วา อนุยุญฺชิยมาเน ตํ อกเถตุกาโม ‘‘โก อาปโนฺน, กิสฺมิํ อาปโนฺน’’ติอาทินา นเยน อเญฺญหิ วจเนหิ ตํ วจนํ ปฎิจฺฉาเทโนฺต โย อญฺญํ วทติ, อยํ อญฺญวาทโก นามฯ

    Saṅghamajjhe vinayadharena anuyuñjiyamānassa pucchitato aññassa vādo aññena aññaṃ paṭicaraṇaṃ aññavādo. Tatheva pucchiyamānassa akathetukāmatāya vihesanaṃ tuṇhībhāvo vihesā. Aññavādakassa vihesakassa ca ñattidutiyakammena aññavādakavihesakakamme kate puna aññavāde vihesāya pācittiyaṃ. Anāropite pana kamme dukkaṭaṃ. Kiñci vītikkamaṃ disvā ‘‘āvuso, idaṃ nāma tayā kata’’nti vutte taṃ na kathetukāmo tuṇhībhūto saṅghaṃ vihesetīti vihesako. Anācāraṃ ācaritvā saṅghamajjhe āpattiyā, vatthunā vā anuyuñjiyamāne taṃ akathetukāmo ‘‘ko āpanno, kismiṃ āpanno’’tiādinā nayena aññehi vacanehi taṃ vacanaṃ paṭicchādento yo aññaṃ vadati, ayaṃ aññavādako nāma.

    ทุฎฺฐุลฺลํ นาม ปาราชิกสงฺฆาทิเสสา, อิธ ปน สงฺฆาทิเสโสวฯ ปกาโส จ ฉาโท จ ปกาสฉาโท, ทุฎฺฐุลฺลสฺส ปกาสฉาโทติ ตปฺปุริโสฯ อภิณฺหาปตฺติกสฺส ภิกฺขุโน อายติํ สํวรตฺถาย อาปตฺติปริยนฺตํ กุลปริยนฺตญฺจ กตฺวา วา อกตฺวา วา ติกฺขตฺตุํ อปโลเกตฺวา กาตพฺพํฯ ภิกฺขุสมฺมุติํ ฐเปตฺวา อนุปสมฺปนฺนสฺส ‘‘อยํ อสุจิํ โมเจตฺวา สงฺฆาทิเสสํ อาปโนฺน’’ติอาทินา นเยน วตฺถุนา สทฺธิํ อาปตฺติํ ฆเฎตฺวา ตสฺส ทุฎฺฐุลฺลสฺส ปกาสเน อาโรจเน จ, ตเสฺสว เยน เกนจิ อุปาเยน ญตฺวา ฉาทเน จ, อทุฎฺฐุลฺลาโรจเน ฉาทเน จ, อนุปสมฺปนฺนสฺส ปน ปุริมปญฺจมสิกฺขาปเท อิตรา ทุฎฺฐุเลฺลปิ ทุกฺกฎํฯ

    Duṭṭhullaṃ nāma pārājikasaṅghādisesā, idha pana saṅghādisesova. Pakāso ca chādo ca pakāsachādo, duṭṭhullassa pakāsachādoti tappuriso. Abhiṇhāpattikassa bhikkhuno āyatiṃ saṃvaratthāya āpattipariyantaṃ kulapariyantañca katvā vā akatvā vā tikkhattuṃ apaloketvā kātabbaṃ. Bhikkhusammutiṃ ṭhapetvā anupasampannassa ‘‘ayaṃ asuciṃ mocetvā saṅghādisesaṃ āpanno’’tiādinā nayena vatthunā saddhiṃ āpattiṃ ghaṭetvā tassa duṭṭhullassa pakāsane ārocane ca, tasseva yena kenaci upāyena ñatvā chādane ca, aduṭṭhullārocane chādane ca, anupasampannassa pana purimapañcamasikkhāpade itarā duṭṭhullepi dukkaṭaṃ.

    หาโสทเกติ เอตฺถ หาเส อุทเกติ ปทวิภาโค เวทิตโพฺพฯ เยน เกนจิ สรีราวยเวน หสาธิปฺปายสฺส อุปกจฺฉกาทีสุ หาเส ผุสเนฯ หาสนิมิตฺตญฺหิ ผุสนํ หาโสฯ อนุปสมฺปเนฺน ทุกฺกฎํฯ อุทเก หาเสติ อุปริโคปฺผเก อุทเก หสาธิปฺปายสฺส อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชเนน กีฬายฯ กีฬา หิ อิธ หาโสติ วุโตฺตฯ นาวาย กีฬโต, หตฺถาทินา กฎฺฐาทินา วา อุทกํ หนโต อนฺตมโส ภาชนคตกญฺชิกาทีนิปิ ขิปนกีฬาย กีฬโต ทุกฺกฎํฯ อหสาธิปฺปายสฺส อนาปตฺติฯ

    Hāsodaketi ettha hāse udaketi padavibhāgo veditabbo. Yena kenaci sarīrāvayavena hasādhippāyassa upakacchakādīsu hāse phusane. Hāsanimittañhi phusanaṃ hāso. Anupasampanne dukkaṭaṃ. Udake hāseti uparigopphake udake hasādhippāyassa ummujjananimujjanena kīḷāya. Kīḷā hi idha hāsoti vutto. Nāvāya kīḷato, hatthādinā kaṭṭhādinā vā udakaṃ hanato antamaso bhājanagatakañjikādīnipi khipanakīḷāya kīḷato dukkaṭaṃ. Ahasādhippāyassa anāpatti.

    นิจฺฉุภเน วิหาราติ สงฺฆิกวิหารโต ภิกฺขุโน นิกฺกฑฺฒนนิกฺกฑฺฒาปเนฯ เอตฺถ จ เอกปฺปโยเค เอกา, นานาปโยเค ทฺวารคณนาย อาปตฺติโยฯ ปุคฺคลิกนิกฺกฑฺฒเน, ตสฺส ปริกฺขารนิกฺกฑฺฒเน, อนุปสมฺปนฺนสฺส ปน ตสฺส ปริกฺขารสฺส วา นิกฺกฑฺฒเน ทุกฺกฎํฯ น สมฺมาวตฺตนฺตานํ อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกานํ วา นิกฺกฑฺฒเน, อตฺตโน วิสฺสาสิกสฺส วิหารา นิกฺกฑฺฒเน, ภณฺฑนการกสฺส ปน สกลสงฺฆารามโต นิกฺกฑฺฒเน อนาปตฺติฯ

    Nicchubhane vihārāti saṅghikavihārato bhikkhuno nikkaḍḍhananikkaḍḍhāpane. Ettha ca ekappayoge ekā, nānāpayoge dvāragaṇanāya āpattiyo. Puggalikanikkaḍḍhane, tassa parikkhāranikkaḍḍhane, anupasampannassa pana tassa parikkhārassa vā nikkaḍḍhane dukkaṭaṃ. Na sammāvattantānaṃ antevāsikasaddhivihārikānaṃ vā nikkaḍḍhane, attano vissāsikassa vihārā nikkaḍḍhane, bhaṇḍanakārakassa pana sakalasaṅghārāmato nikkaḍḍhane anāpatti.

    อนุปขชฺช สยเนติ ‘‘วุโฑฺฒ, คิลาโน, สเงฺฆน ทิโนฺน’’ติ ชานิตฺวา มญฺจปีฐานํ วา ตสฺส ภิกฺขุโน ปวิสนฺตสฺส วา นิกฺขมนฺตสฺส วา อุปจารํ อนุปขชฺช อนุปวิสิตฺวา สงฺฆิเก วิหาเร ‘‘ยสฺส สมฺพาโธ ภวิสฺสติ, โส ปกฺกมิสฺสตี’’ติ อธิปฺปาเยน นิสีทนนิสชฺชนวเสน สยเนฯ ปุคฺคลิเก ทุกฺกฎํฯ

    Anupakhajja sayaneti ‘‘vuḍḍho, gilāno, saṅghena dinno’’ti jānitvā mañcapīṭhānaṃ vā tassa bhikkhuno pavisantassa vā nikkhamantassa vā upacāraṃ anupakhajja anupavisitvā saṅghike vihāre ‘‘yassa sambādho bhavissati, so pakkamissatī’’ti adhippāyena nisīdananisajjanavasena sayane. Puggalike dukkaṭaṃ.

    เอตฺถ จ ปาจิตฺตีติ อุทฺทิสิตฺวา กานิจิ ปสิทฺธานิ ทสฺสิตานิฯ อวุตฺตานิ ปน ตาทิสานิ อิมินาว สามญฺญวจเนน สงฺคเหตฺวา เวทิตพฺพานิฯ กถํ? อเจลกาทิอญฺญติตฺถิยานํ ยสฺส กสฺสจิ อามิสสฺส สหตฺถา ทาเน จ, สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตมจฺฉมํสขีรทธิสงฺขาตานํ ปณีตโภชนานํ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชเน, ราคปริยุฎฺฐิตอิตฺถิปุริสสฺส โยเคฺค กุเล อนุปวิสิตฺวา นิสชฺชนกปฺปเน, ปญฺจนฺนํ โภชนานํ อญฺญตเรน นิมนฺติโต ตสฺมิํ ภุเตฺต วา อภุเตฺต วา สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉิตฺวา ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ วา ยสฺมิํ กุเล นิมนฺติโต, ตโต คิลานจีวรทานการสมยํ ฐเปตฺวา อญฺญสฺมิํ อญฺญกุลปฺปเวสเน, ฐเปตฺวา เอกทิวสํ อญฺญสฺมิํ ทิเน อาวสถปิณฺฑสฺส อคิลาเนน หุตฺวา ภุญฺชเน, รตฺติปริเจฺฉทํ วา เภสชฺชปริเจฺฉทํ วา กตฺวา ปวาริตโต อุตฺตริ อญฺญตฺร ปุน ปวารณาย อญฺญตฺร นิจฺจปฺปวารณาย วิญฺญาปเน, อญฺญตฺร ตถารูปปจฺจยา คามโต นิกฺขนฺตเสนาทสฺสนาย คมเน, ปจฺจเยนปิ คนฺตฺวา ติรตฺตโต อุตฺตริ เสนาย วาเส, ตสฺส จ วสนฺตสฺส ยุทฺธฎฺฐานพลคณฎฺฐานเสนานิเวสอนีกทสฺสนตฺถํ คมเน, ปิฎฺฐาทีหิ กตมชฺชสงฺขาตสุราย, ปุปฺผาทีหิ กตอาสวสงฺขาตเมรยสฺส จ ปาเน, ปทีปุชฺชลปตฺตปจนาทิการณํ วินา วิสิพฺพิตุกามตาย อคิลานสฺส อคฺคิโน ชาลนชาลาปเน, กปฺปพินฺทุํ อนาทาย นวจีวรปริโภเค, สามํ จีวรํ วิกเปฺปตฺวา อปจฺจุทฺธาย ปริโภเค, ภิกฺขุสนฺตกปตฺตาทิโน อนฺตมโส หสาธิปฺปาเยนปิ อปนิธาเน อปนิธาปเน, สญฺจิจฺจ ติรจฺฉานคตสฺส ชีวิตโวโรปเน, สญฺจิจฺจ ยถาธมฺมํ นิหตาธิกรณสฺส ปุนกมฺมาย อุโกฺกฎเน, สญฺจิจฺจ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานคมเน, ภิกฺขูหิ สิกฺขาปเทหิ วุจฺจมานสฺส อญฺญํ อวิจาเรตฺวา ‘‘น ตตฺถ สิกฺขิสฺสามี’’ติ ภณเน, สิกฺขาปทวิวณฺณเน, อิเมสํ ‘‘สุตฺวา โอรมิสฺสามี’’ติ อธิปฺปายํ วินา วิวาทาปนฺนานํ อุปสฺสุติฎฺฐาเน, ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมาปชฺชเน, สเงฺฆ วินิจฺฉเย วตฺตมาเน ฉนฺทํ อทตฺวา ปกฺกมเน, สมเคฺคน สเงฺฆน จีวรํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมาปชฺชเน, อญฺญตฺร อชฺฌารามา อชฺฌาวสถา วา รตนสฺส วา รตนสมฺมตสฺส วา อุคฺคณฺหนอุคฺคหาปเน ปาจิตฺติยนฺติฯ

    Ettha ca pācittīti uddisitvā kānici pasiddhāni dassitāni. Avuttāni pana tādisāni imināva sāmaññavacanena saṅgahetvā veditabbāni. Kathaṃ? Acelakādiaññatitthiyānaṃ yassa kassaci āmisassa sahatthā dāne ca, sappinavanītatelamadhuphāṇitamacchamaṃsakhīradadhisaṅkhātānaṃ paṇītabhojanānaṃ attano atthāya viññāpetvā bhuñjane, rāgapariyuṭṭhitaitthipurisassa yogge kule anupavisitvā nisajjanakappane, pañcannaṃ bhojanānaṃ aññatarena nimantito tasmiṃ bhutte vā abhutte vā santaṃ bhikkhuṃ anāpucchitvā purebhattaṃ pacchābhattaṃ vā yasmiṃ kule nimantito, tato gilānacīvaradānakārasamayaṃ ṭhapetvā aññasmiṃ aññakulappavesane, ṭhapetvā ekadivasaṃ aññasmiṃ dine āvasathapiṇḍassa agilānena hutvā bhuñjane, rattiparicchedaṃ vā bhesajjaparicchedaṃ vā katvā pavāritato uttari aññatra puna pavāraṇāya aññatra niccappavāraṇāya viññāpane, aññatra tathārūpapaccayā gāmato nikkhantasenādassanāya gamane, paccayenapi gantvā tirattato uttari senāya vāse, tassa ca vasantassa yuddhaṭṭhānabalagaṇaṭṭhānasenānivesaanīkadassanatthaṃ gamane, piṭṭhādīhi katamajjasaṅkhātasurāya, pupphādīhi kataāsavasaṅkhātamerayassa ca pāne, padīpujjalapattapacanādikāraṇaṃ vinā visibbitukāmatāya agilānassa aggino jālanajālāpane, kappabinduṃ anādāya navacīvaraparibhoge, sāmaṃ cīvaraṃ vikappetvā apaccuddhāya paribhoge, bhikkhusantakapattādino antamaso hasādhippāyenapi apanidhāne apanidhāpane, sañcicca tiracchānagatassa jīvitavoropane, sañcicca yathādhammaṃ nihatādhikaraṇassa punakammāya ukkoṭane, sañcicca theyyasatthena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānagamane, bhikkhūhi sikkhāpadehi vuccamānassa aññaṃ avicāretvā ‘‘na tattha sikkhissāmī’’ti bhaṇane, sikkhāpadavivaṇṇane, imesaṃ ‘‘sutvā oramissāmī’’ti adhippāyaṃ vinā vivādāpannānaṃ upassutiṭṭhāne, dhammikānaṃ kammānaṃ chandaṃ datvā pacchā khīyanadhammāpajjane, saṅghe vinicchaye vattamāne chandaṃ adatvā pakkamane, samaggena saṅghena cīvaraṃ datvā pacchā khīyanadhammāpajjane, aññatra ajjhārāmā ajjhāvasathā vā ratanassa vā ratanasammatassa vā uggaṇhanauggahāpane pācittiyanti.

    ปาจิตฺติยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pācittiyaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact