Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā |
(๓) ปาจิตฺติยวณฺณนา
(3) Pācittiyavaṇṇanā
๔๗๖. ปญฺจ ปาจิตฺติยานีติ ปญฺจ เภสชฺชานิ ปฎิคฺคเหตฺวา นานาภาชเนสุ วา เอกภาชเน วา อมิเสฺสตฺวา ฐปิตานิ โหนฺติ, สตฺตาหาติกฺกเม โส ภิกฺขุ ปญฺจ ปาจิตฺติยานิ สพฺพานิ นานาวตฺถุกานิ เอกกฺขเณ อาปชฺชติ, ‘‘อิมํ ปฐมํ อาปโนฺน, อิมํ ปจฺฉา’’ติ น วตฺตโพฺพฯ
476.Pañca pācittiyānīti pañca bhesajjāni paṭiggahetvā nānābhājanesu vā ekabhājane vā amissetvā ṭhapitāni honti, sattāhātikkame so bhikkhu pañca pācittiyāni sabbāni nānāvatthukāni ekakkhaṇe āpajjati, ‘‘imaṃ paṭhamaṃ āpanno, imaṃ pacchā’’ti na vattabbo.
นว ปาจิตฺติยานีติ โย ภิกฺขุ นว ปณีตโภชนานิ วิญฺญาเปตฺวา เตหิ สทฺธิํ เอกโต เอกํ กพฬํ โอมทฺทิตฺวา มุเข ปกฺขิปิตฺวา ปรคฬํ อติกฺกาเมติ, อยํ นว ปาจิตฺติยานิ สพฺพานิ นานาวตฺถุกานิ เอกกฺขเณ อาปชฺชติ ‘‘อิมํ ปฐมํ อาปโนฺน, อิมํ ปจฺฉา’’ติ น วตฺตโพฺพฯ เอกวาจาย เทเสยฺยาติ ‘‘อหํ, ภเนฺต, ปญฺจ เภสชฺชานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ อติกฺกาเมตฺวา ปญฺจ อาปตฺติโย อาปโนฺน, ตา ตุมฺหมูเล ปฎิเทเสมี’’ติ เอวํ เอกวาจาย เทเสยฺย, เทสิตาว โหนฺติ, ทฺวีหิ ตีหิ วาจาหิ กิจฺจํ นาม นตฺถิฯ ทุติยวิสฺสชฺชเนปิ ‘‘อหํ, ภเนฺต, นว ปณีตโภชนานิ วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชิตฺวา นว อาปตฺติโย อาปโนฺน, ตา ตุมฺหมูเล ปฎิเทเสมี’’ติ วตฺตพฺพํฯ
Nava pācittiyānīti yo bhikkhu nava paṇītabhojanāni viññāpetvā tehi saddhiṃ ekato ekaṃ kabaḷaṃ omadditvā mukhe pakkhipitvā paragaḷaṃ atikkāmeti, ayaṃ nava pācittiyāni sabbāni nānāvatthukāni ekakkhaṇe āpajjati ‘‘imaṃ paṭhamaṃ āpanno, imaṃ pacchā’’ti na vattabbo. Ekavācāya deseyyāti ‘‘ahaṃ, bhante, pañca bhesajjāni paṭiggahetvā sattāhaṃ atikkāmetvā pañca āpattiyo āpanno, tā tumhamūle paṭidesemī’’ti evaṃ ekavācāya deseyya, desitāva honti, dvīhi tīhi vācāhi kiccaṃ nāma natthi. Dutiyavissajjanepi ‘‘ahaṃ, bhante, nava paṇītabhojanāni viññāpetvā bhuñjitvā nava āpattiyo āpanno, tā tumhamūle paṭidesemī’’ti vattabbaṃ.
วตฺถุํ กิเตฺตตฺวา เทเสยฺยาติ ‘‘อหํ, ภเนฺต, ปญฺจ เภสชฺชานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ อติกฺกาเมสิํ, ยถาวตฺถุกํ ตํ ตุมฺหมูเล ปฎิเทเสมี’’ติ เอวํ วตฺถุํ กิเตฺตตฺวา เทเสยฺย, เทสิตาว โหนฺติ อาปตฺติโย, อาปตฺติยา นามคฺคหเณน กิจฺจํ นตฺถิฯ ทุติยวิสฺสชฺชเนปิ ‘‘อหํ, ภเนฺต, นว ปณีตโภชนานิ วิญฺญาเปตฺวา ภุโตฺต, ยถาวตฺถุกํ ตํ ตุมฺหมูเล ปฎิเทเสมี’’ติ วตฺตพฺพํฯ
Vatthuṃ kittetvā deseyyāti ‘‘ahaṃ, bhante, pañca bhesajjāni paṭiggahetvā sattāhaṃ atikkāmesiṃ, yathāvatthukaṃ taṃ tumhamūle paṭidesemī’’ti evaṃ vatthuṃ kittetvā deseyya, desitāva honti āpattiyo, āpattiyā nāmaggahaṇena kiccaṃ natthi. Dutiyavissajjanepi ‘‘ahaṃ, bhante, nava paṇītabhojanāni viññāpetvā bhutto, yathāvatthukaṃ taṃ tumhamūle paṭidesemī’’ti vattabbaṃ.
ยาวตติยเก ติโสฺสติ อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาย ปาราชิกํ เภทกานุวตฺตกานํ โกกาลิกาทีนํ สงฺฆาทิเสสํ, ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสเคฺค จณฺฑกาฬิกาย จ ภิกฺขุนิยา ปาจิตฺติยนฺติ อิมา ยาวตติยกา ติโสฺส อาปตฺติโยฯ ฉ โวหารปจฺจยาติ ปยุตฺตวาจาปจฺจยา ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชตีติ อโตฺถฯ กถํ? อาชีวเหตุ อาชีวการณา ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา โย เต วิหาเร วสติ โส อรหาติ วทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ ปณีตโภชนานิ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุนี ปณีตโภชนานิ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติฯ
Yāvatatiyake tissoti ukkhittānuvattikāya pārājikaṃ bhedakānuvattakānaṃ kokālikādīnaṃ saṅghādisesaṃ, pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissagge caṇḍakāḷikāya ca bhikkhuniyā pācittiyanti imā yāvatatiyakā tisso āpattiyo. Cha vohārapaccayāti payuttavācāpaccayā cha āpattiyo āpajjatīti attho. Kathaṃ? Ājīvahetu ājīvakāraṇā pāpiccho icchāpakato asantaṃ abhūtaṃ uttarimanussadhammaṃ ullapati, āpatti pārājikassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā sañcarittaṃ samāpajjati, āpatti saṅghādisesassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā yo te vihāre vasati so arahāti vadati, āpatti thullaccayassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhu paṇītabhojanāni attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pācittiyassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhunī paṇītabhojanāni attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā sūpaṃ vā odanaṃ vā agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti dukkaṭassāti.
ขาทนฺตสฺส ติโสฺสติ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจยํ, อวเสเสสุ อกปฺปิยมํเสสุ ทุกฺกฎํ, ภิกฺขุนิยา ลสุเณ ปาจิตฺติยํฯ ปญฺจ โภชนปจฺจยาติ อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺส ปุริสสฺส หตฺถโต โภชนํ คเหตฺวา ตเตฺถว มนุสฺสมํสํ ลสุณํ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา คหิตปณีตโภชนานิ อวเสสญฺจ อกปฺปิยมํสํ ปกฺขิปิตฺวา โวมิสฺสกํ โอมทฺทิตฺวา อโชฺฌหรมานา สงฺฆาทิเสสํ, ถุลฺลจฺจยํ, ปาจิตฺติยํ, ปาฎิเทสนียํ, ทุกฺกฎนฺติ อิมา ปญฺจ อาปตฺติโย โภชนปจฺจยา อาปชฺชติฯ
Khādantassa tissoti manussamaṃse thullaccayaṃ, avasesesu akappiyamaṃsesu dukkaṭaṃ, bhikkhuniyā lasuṇe pācittiyaṃ. Pañca bhojanapaccayāti avassutā avassutassa purisassa hatthato bhojanaṃ gahetvā tattheva manussamaṃsaṃ lasuṇaṃ attano atthāya viññāpetvā gahitapaṇītabhojanāni avasesañca akappiyamaṃsaṃ pakkhipitvā vomissakaṃ omadditvā ajjhoharamānā saṅghādisesaṃ, thullaccayaṃ, pācittiyaṃ, pāṭidesanīyaṃ, dukkaṭanti imā pañca āpattiyo bhojanapaccayā āpajjati.
ปญฺจ ฐานานีติ ‘‘อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาย ภิกฺขุนิยา ยาวตติยํ สมนุภาสนาย อปฺปฎินิสฺสชฺชนฺติยา ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยํ, กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติ ปาราชิกสฺส, สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนาทีสุ สงฺฆาทิเสโส, ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสเคฺค ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวํ สพฺพา ยาวตติยกา ปญฺจ ฐานานิ คจฺฉนฺติฯ ปญฺจนฺนเญฺจว อาปตฺตีติ อาปตฺติ นาม ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ โหติ, ตตฺถ ทฺวินฺนํ นิปฺปริยาเยน อาปตฺติเยว, สิกฺขามานสามเณริสามเณรานํ ปน อกปฺปิยตฺตา น วฎฺฎติฯ อิมินา ปริยาเยน เตสํ อาปตฺติ น เทสาเปตพฺพา, ทณฺฑกมฺมํ ปน เตสํ กาตพฺพํฯ ปญฺจนฺนํ อธิกรเณน จาติ อธิกรณญฺจ ปญฺจนฺนเมวาติ อโตฺถฯ เอเตสํเยว หิ ปญฺจนฺนํ ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย วินิจฺฉยโวหาโร อธิกรณนฺติ วุจฺจติ, คิหีนํ ปน อฑฺฑกมฺมํ นาม โหติฯ
Pañca ṭhānānīti ‘‘ukkhittānuvattikāya bhikkhuniyā yāvatatiyaṃ samanubhāsanāya appaṭinissajjantiyā ñattiyā dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayaṃ, kammavācāpariyosāne āpatti pārājikassa, saṅghabhedāya parakkamanādīsu saṅghādiseso, pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissagge pācittiya’’nti evaṃ sabbā yāvatatiyakā pañca ṭhānāni gacchanti. Pañcannañceva āpattīti āpatti nāma pañcannaṃ sahadhammikānaṃ hoti, tattha dvinnaṃ nippariyāyena āpattiyeva, sikkhāmānasāmaṇerisāmaṇerānaṃ pana akappiyattā na vaṭṭati. Iminā pariyāyena tesaṃ āpatti na desāpetabbā, daṇḍakammaṃ pana tesaṃ kātabbaṃ. Pañcannaṃ adhikaraṇena cāti adhikaraṇañca pañcannamevāti attho. Etesaṃyeva hi pañcannaṃ pattacīvarādīnaṃ atthāya vinicchayavohāro adhikaraṇanti vuccati, gihīnaṃ pana aḍḍakammaṃ nāma hoti.
ปญฺจนฺนํ วินิจฺฉโย โหตีติ ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํเยว วินิจฺฉโย นาม โหติฯ ปญฺจนฺนํ วูปสเมน จาติ เอเตสํเยว ปญฺจนฺนํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตํ วูปสนฺตํ นาม โหตีติ อโตฺถฯ ปญฺจนฺนเญฺจว อนาปตฺตีติ เอเตสํเยว ปญฺจนฺนํ อนาปตฺติ นาม โหตีติ อโตฺถฯ ตีหิ ฐาเนหิ โสภตีติ สงฺฆาทีหิ ตีหิ การเณหิ โสภติฯ กตวีติกฺกโม หิ ปุคฺคโล สปฺปฎิกมฺมํ อาปตฺติํ สงฺฆมเชฺฌ คณมเชฺฌ ปุคฺคลสนฺติเก วา ปฎิกริตฺวา อพฺภุณฺหสีโล ปากติโก โหติ, ตสฺมา ตีหิ ฐาเนหิ โสภตีติ วุจฺจติฯ
Pañcannaṃ vinicchayo hotīti pañcannaṃ sahadhammikānaṃyeva vinicchayo nāma hoti. Pañcannaṃ vūpasamena cāti etesaṃyeva pañcannaṃ adhikaraṇaṃ vinicchitaṃ vūpasantaṃ nāma hotīti attho. Pañcannañceva anāpattīti etesaṃyeva pañcannaṃ anāpatti nāma hotīti attho. Tīhi ṭhānehi sobhatīti saṅghādīhi tīhi kāraṇehi sobhati. Katavītikkamo hi puggalo sappaṭikammaṃ āpattiṃ saṅghamajjhe gaṇamajjhe puggalasantike vā paṭikaritvā abbhuṇhasīlo pākatiko hoti, tasmā tīhi ṭhānehi sobhatīti vuccati.
เทฺว กายิกา รตฺตินฺติ ภิกฺขุนี รตฺตนฺธกาเร ปุริสสฺส หตฺถปาเส ฐานนิสชฺชสยนานิ กปฺปยมานา ปาจิตฺติยํ, หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ฐานาทีนิ กปฺปยมานา ทุกฺกฎนฺติ เทฺว กายทฺวารสมฺภวา อาปตฺติโย รตฺติํ อาปชฺชติฯ เทฺว กายิกา ทิวาติ เอเตเนว อุปาเยน ทิวา ปฎิจฺฉเนฺน โอกาเส เทฺว อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ นิชฺฌายนฺตสฺส เอกา อาปตฺตีติ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, สารเตฺตน มาตุคามสฺส องฺคชาตํ อุปนิชฺฌายิตพฺพํ ฯ โย อุปนิชฺฌาเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๖๖) นิชฺฌายนฺตสฺส อยเมกา อาปตฺติฯ เอกา ปิณฺฑปาตปจฺจยาติ ‘‘น จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขาทายิกาย มุขํ โอโลเกตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๓๖๖) เอตฺถ ทุกฺกฎาปตฺติ, อนฺตมโส ยาคุํ วา พฺยญฺชนํ วา เทนฺตสฺส สามเณรสฺสาปิ หิ มุขํ อุโลฺลกยโต ทุกฺกฎเมวฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘เอกา ปิณฺฑปาตปจฺจยาติ ภิกฺขุนิปริปาจิตํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํฯ
Dve kāyikā rattinti bhikkhunī rattandhakāre purisassa hatthapāse ṭhānanisajjasayanāni kappayamānā pācittiyaṃ, hatthapāsaṃ vijahitvā ṭhānādīni kappayamānā dukkaṭanti dve kāyadvārasambhavā āpattiyo rattiṃ āpajjati. Dve kāyikā divāti eteneva upāyena divā paṭicchanne okāse dve āpattiyo āpajjati. Nijjhāyantassa ekā āpattīti ‘‘na ca, bhikkhave, sārattena mātugāmassa aṅgajātaṃ upanijjhāyitabbaṃ . Yo upanijjhāyeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (pārā. 266) nijjhāyantassa ayamekā āpatti. Ekā piṇḍapātapaccayāti ‘‘na ca, bhikkhave, bhikkhādāyikāya mukhaṃ oloketabba’’nti (cūḷava. 366) ettha dukkaṭāpatti, antamaso yāguṃ vā byañjanaṃ vā dentassa sāmaṇerassāpi hi mukhaṃ ullokayato dukkaṭameva. Kurundiyaṃ pana ‘‘ekā piṇḍapātapaccayāti bhikkhuniparipācitaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjantassa pācittiya’’nti vuttaṃ.
อฎฺฐานิสํเส สมฺปสฺสนฺติ โกสมฺพกกฺขนฺธเก วุตฺตานิสํเสฯ อุกฺขิตฺตกา ตโย วุตฺตาติ อาปตฺติยา อทสฺสเน อปฺปฎิกเมฺม ปาปิกาย จ ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสเคฺคติฯ เตจตฺตาลีส สมฺมาวตฺตนาติ เตสํเยว อุกฺขิตฺตกานํ เอตฺตเกสุ วเตฺตสุ วตฺตนาฯ
Aṭṭhānisaṃse sampassanti kosambakakkhandhake vuttānisaṃse. Ukkhittakā tayo vuttāti āpattiyā adassane appaṭikamme pāpikāya ca diṭṭhiyā appaṭinissaggeti. Tecattālīsa sammāvattanāti tesaṃyeva ukkhittakānaṃ ettakesu vattesu vattanā.
ปญฺจฐาเน มุสาวาโทติ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยทุกฺกฎสงฺขาเต ปญฺจฎฺฐาเน มุสาวาโท คจฺฉติฯ จุทฺทส ปรมนฺติ วุจฺจตีติ ทสาหปรมาทินเยน เหฎฺฐา วุตฺตํฯ ทฺวาทส ปาฎิเทสนียาติ ภิกฺขูนํ จตฺตาริ ภิกฺขุนีนํ อฎฺฐฯ จตุนฺนํ เทสนาย จาติ จตุนฺนํ อจฺจยเทสนายาติ อโตฺถฯ กตมา ปน สาติ? เทวทเตฺตน ปโยชิตานํ อภิมารานํ อจฺจยเทสนา, อนุรุทฺธเตฺถรสฺส อุปฎฺฐายิกาย อจฺจยเทสนา, วฑฺฒสฺส ลิจฺฉวิโน อจฺจยเทสนา, วาสภคามิยเตฺถรสฺส อุเกฺขปนียกมฺมํ กตฺวา อาคตานํ ภิกฺขูนํ อจฺจยเทสนาติ อยํ จตุนฺนํ อจฺจยเทสนา นามฯ
Pañcaṭhāne musāvādoti pārājikasaṅghādisesathullaccayapācittiyadukkaṭasaṅkhāte pañcaṭṭhāne musāvādo gacchati. Cuddasa paramanti vuccatīti dasāhaparamādinayena heṭṭhā vuttaṃ. Dvādasa pāṭidesanīyāti bhikkhūnaṃ cattāri bhikkhunīnaṃ aṭṭha. Catunnaṃ desanāya cāti catunnaṃ accayadesanāyāti attho. Katamā pana sāti? Devadattena payojitānaṃ abhimārānaṃ accayadesanā, anuruddhattherassa upaṭṭhāyikāya accayadesanā, vaḍḍhassa licchavino accayadesanā, vāsabhagāmiyattherassa ukkhepanīyakammaṃ katvā āgatānaṃ bhikkhūnaṃ accayadesanāti ayaṃ catunnaṃ accayadesanā nāma.
อฎฺฐงฺคิโก มุสาวาโทติ ‘‘ปุเพฺพวสฺส โหติ มุสา ภณิสฺส’’นฺติ อาทิํ กตฺวา ‘‘วินิธาย สญฺญ’’นฺติ ปริโยสาเนหิ (ปาจิ. ๔-๕; ปริ. ๔๕๙) อฎฺฐหิ อเงฺคหิ อฎฺฐงฺคิโกฯ อุโปสถงฺคานิปิ ปาณํ น หเนติอาทินา นเยน วุตฺตาเนวฯ อฎฺฐ ทูเตยฺยงฺคานีติ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา จ โหติ สาเวตา จา’’ติอาทินา (จูฬว. ๓๔๗) นเยน สงฺฆเภทเก วุตฺตานิฯ อฎฺฐ ติตฺถิยวตฺตานิ มหาขนฺธเก วุตฺตานิฯ
Aṭṭhaṅgiko musāvādoti ‘‘pubbevassa hoti musā bhaṇissa’’nti ādiṃ katvā ‘‘vinidhāya sañña’’nti pariyosānehi (pāci. 4-5; pari. 459) aṭṭhahi aṅgehi aṭṭhaṅgiko. Uposathaṅgānipi pāṇaṃ na hanetiādinā nayena vuttāneva. Aṭṭha dūteyyaṅgānīti ‘‘idha, bhikkhave, bhikkhu sotā ca hoti sāvetā cā’’tiādinā (cūḷava. 347) nayena saṅghabhedake vuttāni. Aṭṭha titthiyavattāni mahākhandhake vuttāni.
อฎฺฐวาจิกา อุปสมฺปทาติ ภิกฺขุนีนํ อุปสมฺปทํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อฎฺฐนฺนํ ปจฺจุฎฺฐาตพฺพนฺติ ภตฺตเคฺค อฎฺฐนฺนํ ภิกฺขุนีนํ อิตราหิ ปจฺจุฎฺฐาย อาสนํ ทาตพฺพํ ฯ ภิกฺขุโนวาทโก อฎฺฐหีติ อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมนฺนิตโพฺพฯ
Aṭṭhavācikā upasampadāti bhikkhunīnaṃ upasampadaṃ sandhāya vuttaṃ. Aṭṭhannaṃ paccuṭṭhātabbanti bhattagge aṭṭhannaṃ bhikkhunīnaṃ itarāhi paccuṭṭhāya āsanaṃ dātabbaṃ . Bhikkhunovādako aṭṭhahīti aṭṭhahaṅgehi samannāgato bhikkhu bhikkhunovādako sammannitabbo.
เอกสฺส เฉชฺชนฺติ คาถาย นวสุ ชเนสุ โย สลากํ คาเหตฺวา สงฺฆํ ภินฺทติ, ตเสฺสว เฉชฺชํ โหติ, เทวทโตฺต วิย ปาราชิกํ อาปชฺชติฯ เภทกานุวตฺตกานํ จตุนฺนํ ถุลฺลจฺจยํ โกกาลิกาทีนํ วิย, ธมฺมวาทีนํ จตุนฺนํ อนาปตฺติฯ อิมา ปน อาปตฺติโย จ อนาปตฺติโย จ สเพฺพสํ เอกวตฺถุกา สงฺฆเภทวตฺถุกา เอวฯ
Ekassa chejjanti gāthāya navasu janesu yo salākaṃ gāhetvā saṅghaṃ bhindati, tasseva chejjaṃ hoti, devadatto viya pārājikaṃ āpajjati. Bhedakānuvattakānaṃ catunnaṃ thullaccayaṃ kokālikādīnaṃ viya, dhammavādīnaṃ catunnaṃ anāpatti. Imā pana āpattiyo ca anāpattiyo ca sabbesaṃ ekavatthukā saṅghabhedavatthukā eva.
นว อาฆาตวตฺถูนีติ คาถาย นวหีติ นวหิ ภิกฺขูหิ สโงฺฆ ภิชฺชติฯ ญตฺติยา กรณา นวาติ ญตฺติยา กาตพฺพานิ กมฺมานิ นวาติ อโตฺถฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ
Nava āghātavatthūnīti gāthāya navahīti navahi bhikkhūhi saṅgho bhijjati. Ñattiyā karaṇā navāti ñattiyā kātabbāni kammāni navāti attho. Sesaṃ uttānameva.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / ๓. ปาจิตฺติยํ • 3. Pācittiyaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปาจิตฺติยวณฺณนา • Pācittiyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาจิตฺติยวณฺณนา • Pācittiyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาจิตฺติยวณฺณนา • Pācittiyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / (๓) ปาจิตฺติยวณฺณนา • (3) Pācittiyavaṇṇanā