Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ปทภาชนียวณฺณนา
Padabhājanīyavaṇṇanā
๙๒. ‘‘อภินวนิวิโฎฺฐ เอกกุฎิกาทิคาโม ยาว มนุสฺสา ปวิสิตฺวา วาสํ น กเปฺปนฺติ, ตาว คามสงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติ วทนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ คามปฺปเวสนาปุจฺฉาทิกิจฺจมฺปิ นตฺถิฯ ยกฺขปริคฺคหภูโตติ สอุปทฺทววเสน วุตฺตํ, ยกฺขนคราทิํ วา สงฺคณฺหาติฯ ยกฺขนครมฺปิ อาปณาทีสุ ทิสฺสมาเนสุ คามสงฺขฺยํ คจฺฉติ, อทิสฺสมาเนสุ น คจฺฉติ, ตสฺมา ยกฺขนครมฺปิ ปวิสเนฺตน อาปณาทีสุ ทิสฺสมาเนสุ สพฺพํ คามปฺปเวสนวตฺตํ กาตพฺพํ, อทิสฺสมาเนสุ น กาตพฺพนฺติ วทนฺติฯ ปุนปิ อาคนฺตุกามาติ อิมินา เตสํ ตตฺถ สาเปกฺขภาวํ ทเสฺสติฯ ยโต ปน นิรเปกฺขาว หุตฺวา ปกฺกมนฺติ, โส คามสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, ตสฺมา ตตฺถ คามปฺปเวสนาปุจฺฉาทิกิจฺจมฺปิ นตฺถิฯ
92. ‘‘Abhinavaniviṭṭho ekakuṭikādigāmo yāva manussā pavisitvā vāsaṃ na kappenti, tāva gāmasaṅkhyaṃ na gacchatī’’ti vadanti, tasmā tattha gāmappavesanāpucchādikiccampi natthi. Yakkhapariggahabhūtoti saupaddavavasena vuttaṃ, yakkhanagarādiṃ vā saṅgaṇhāti. Yakkhanagarampi āpaṇādīsu dissamānesu gāmasaṅkhyaṃ gacchati, adissamānesu na gacchati, tasmā yakkhanagarampi pavisantena āpaṇādīsu dissamānesu sabbaṃ gāmappavesanavattaṃ kātabbaṃ, adissamānesu na kātabbanti vadanti. Punapi āgantukāmāti iminā tesaṃ tattha sāpekkhabhāvaṃ dasseti. Yato pana nirapekkhāva hutvā pakkamanti, so gāmasaṅkhyaṃ na gacchati, tasmā tattha gāmappavesanāpucchādikiccampi natthi.
นนุ จ ‘‘คามา วา อรญฺญา วา’’ติ เอตฺตกเมว มาติกายํ วุตฺตํ, ตสฺมา คามลกฺขณํ ทเสฺสตฺวา อรญฺญเมว ทเสฺสตพฺพํ สิยา, คามูปจาโร นามาติอาทิ ปน กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘คามูปจาโรติอาทิ อรญฺญปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติฯ คามูปจาเร หิ ทสฺสิเต ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจ อวเสสํ อรญฺญํ นามาติ อรญฺญปริเจฺฉโท สกฺกา ทเสฺสตุํ, อิทญฺจ คามคามูปจาเร อสงฺกรโต ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ มาติกายํ ปน คามคฺคหเณเนว คามูปจาโรปิ สงฺคหิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ คามูปจาโร หิ โลเก คามสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ เอวญฺจ กตฺวา มาติกาย อนวเสสอวหรณฎฺฐานปริคฺคโห สิโทฺธ โหติฯ อินฺทขีเลติ อุมฺมาเรฯ อรญฺญสเงฺขปํ คจฺฉตีติ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) อภิธเมฺม วุตฺตตฺตาฯ เวมชฺฌเมว อินฺทขีโลติ วุจฺจตีติ อินฺทขีลฎฺฐานิยตฺตา อสติปิ อินฺทขีเล เวมชฺฌเมว ตถา วุจฺจติฯ ยตฺถ ปน ทฺวารพาหาปิ นตฺถิ, ตตฺถ อุโภสุ ปเสฺสสุ วติยา วา ปาการสฺส วา โกฎิเวมชฺฌเมว อินฺทขีลฎฺฐานิยตฺตา ‘‘อินฺทขีโล’’ติ คเหตพฺพํฯ อุฑฺฑาเปโนฺตติ ปลาเปโนฺตฯ ลุฐิตฺวาติ ปริวเตฺตตฺวาฯ
Nanu ca ‘‘gāmā vā araññā vā’’ti ettakameva mātikāyaṃ vuttaṃ, tasmā gāmalakkhaṇaṃ dassetvā araññameva dassetabbaṃ siyā, gāmūpacāro nāmātiādi pana kasmā vuttanti āha – ‘‘gāmūpacārotiādi araññaparicchedadassanatthaṃ vutta’’nti. Gāmūpacāre hi dassite ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañca avasesaṃ araññaṃ nāmāti araññaparicchedo sakkā dassetuṃ, idañca gāmagāmūpacāre asaṅkarato dassetuṃ vuttaṃ. Mātikāyaṃ pana gāmaggahaṇeneva gāmūpacāropi saṅgahitoti daṭṭhabbaṃ. Gāmūpacāro hi loke gāmasaṅkhyameva gacchati. Evañca katvā mātikāya anavasesaavaharaṇaṭṭhānapariggaho siddho hoti. Indakhīleti ummāre. Araññasaṅkhepaṃ gacchatīti ‘‘nikkhamitvā bahi indakhīlā sabbametaṃ arañña’’nti (vibha. 529) abhidhamme vuttattā. Vemajjhameva indakhīloti vuccatīti indakhīlaṭṭhāniyattā asatipi indakhīle vemajjhameva tathā vuccati. Yattha pana dvārabāhāpi natthi, tattha ubhosu passesu vatiyā vā pākārassa vā koṭivemajjhameva indakhīlaṭṭhāniyattā ‘‘indakhīlo’’ti gahetabbaṃ. Uḍḍāpentoti palāpento. Luṭhitvāti parivattetvā.
มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสาติ ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺสฯ อิมินา ปน วจเนน สุปฺปมุสลปาโตปิ พลทสฺสนวเสเนว กโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ มหาปจฺจริยญฺจ ฆรูปจาโร คาโมติ อธิปฺปาเยน ‘‘ฆรูปจาเร ฐิตสฺส เลฑฺฑุปาโต คามูปจาโร’’ติ วุตฺตํฯ ทฺวาเรติ นิพฺพโกสสฺส อุทกปตนฎฺฐานโต อพฺภนฺตรํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อโนฺตเคเหติ จ ปมุขสฺส อพฺภนฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ กตปริเกฺขโปติ อิมินาว ฆรสฺส สมนฺตโต ตตฺตโก ปริเจฺฉโท ฆรูปจาโร นามาติ วุตฺตํ โหติฯ ยสฺส ปน ฆรสฺส สมนฺตโต โครูปานํ ปเวสนนิวารณตฺถํ ปาการวติอาทีหิ ปริเกฺขโป กโต โหติ, ตตฺถ โสว ปริเกฺขโป ฆรูปจาโร, สุปฺปปาตาทิปริเจฺฉโท ปน อปริกฺขิตฺตฆรํ สนฺธาย วุโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํ ฯ อิทเมตฺถ ปมาณนฺติ วิกาลคามปฺปเวสนาทีสุ คามคามูปจารานํ อสงฺกรโต วินิจฺฉยสฺส เวทิตพฺพตฺตาฯ กุรุนฺทีอาทีสุ วุตฺตนเยน หิ ฆรูปจารสฺส คาโมติ อาปนฺนตฺตา ฆรฆรูปจารคามคามูปจารานํ สงฺกโร สิยาฯ เอวํ สพฺพตฺถาติ อิมินา อิโต ปุเพฺพปิ ปจฺฉิมเสฺสว วาทสฺส ปมาณภาวํ ทเสฺสติ ฯ เกจิ ปน ‘‘อิโต ปฎฺฐาย วกฺขมานวาทํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ
Majjhimassa purisassāti thāmamajjhimassa purisassa. Iminā pana vacanena suppamusalapātopi baladassanavaseneva katoti daṭṭhabbaṃ. Kurundaṭṭhakathāyaṃ mahāpaccariyañca gharūpacāro gāmoti adhippāyena ‘‘gharūpacāre ṭhitassa leḍḍupāto gāmūpacāro’’ti vuttaṃ. Dvāreti nibbakosassa udakapatanaṭṭhānato abbhantaraṃ sandhāya vuttaṃ. Antogeheti ca pamukhassa abbhantarameva sandhāya vuttaṃ. Kataparikkhepoti imināva gharassa samantato tattako paricchedo gharūpacāro nāmāti vuttaṃ hoti. Yassa pana gharassa samantato gorūpānaṃ pavesananivāraṇatthaṃ pākāravatiādīhi parikkhepo kato hoti, tattha sova parikkhepo gharūpacāro, suppapātādiparicchedo pana aparikkhittagharaṃ sandhāya vuttoti daṭṭhabbaṃ . Idamettha pamāṇanti vikālagāmappavesanādīsu gāmagāmūpacārānaṃ asaṅkarato vinicchayassa veditabbattā. Kurundīādīsu vuttanayena hi gharūpacārassa gāmoti āpannattā gharagharūpacāragāmagāmūpacārānaṃ saṅkaro siyā. Evaṃ sabbatthāti iminā ito pubbepi pacchimasseva vādassa pamāṇabhāvaṃ dasseti . Keci pana ‘‘ito paṭṭhāya vakkhamānavādaṃ sandhāya vutta’’nti vadanti, taṃ na gahetabbaṃ.
เสสมฺปีติ คามูปจารลกฺขณํ สนฺธาย วทติฯ ตตฺราติ ตสฺมิํ คามูปจารคฺคหเณฯ ตสฺส คามปริเจฺฉททสฺสนตฺถนฺติ ตสฺส อปริเจฺฉทสฺส คามสฺส คามปริเจฺฉทํ ทเสฺสตุนฺติ อโตฺถฯ ยทิ เอวํ ‘‘คาโม นามา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ กสฺมา น วุตฺตนฺติ? ‘‘คาโม นามาติ อิธ อวุตฺตมฺปิ อธิการวเสน ลพฺภติเยวา’’ติ วทนฺติฯ อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘คามูปจาโร นามาติ อิมินาว คามสฺส จ คามูปจารสฺส จ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ กถํ? ‘คามสฺส อุปจาโร คามูปจาโร’ติ เอวํ วิคฺคเห กริยมาเน ‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีเล ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’ติ อิมินา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส คามูปจารลกฺขณํ ทสฺสิตํ โหติ, ‘คามสงฺขาโต อุปจาโร คามูปจาโร’ติ เอวํ ปน คยฺหมาเน ‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’ติ อิมินา อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส คามปริเจฺฉโท ทสฺสิโตติ สกฺกา วิญฺญาตุ’’นฺติฯ ‘‘ฆรูปจาเร ฐิตสฺส มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต’’ติ อิมินา ปริกฺขิตฺตสฺสปิ คามสฺส สเจ เลฑฺฑุปาตโต ทูเร ปริเกฺขโป โหติ, เลฑฺฑุปาโตเยว คามปริเจฺฉโทติ คเหตพฺพนฺติ วทนฺติฯ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนวาติ ปริกฺขิตฺตคาเม วุตฺตนเยเนวฯ
Sesampīti gāmūpacāralakkhaṇaṃ sandhāya vadati. Tatrāti tasmiṃ gāmūpacāraggahaṇe. Tassa gāmaparicchedadassanatthanti tassa aparicchedassa gāmassa gāmaparicchedaṃ dassetunti attho. Yadi evaṃ ‘‘gāmo nāmā’’ti padaṃ uddharitvā ‘‘aparikkhittassa gāmassa gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti kasmā na vuttanti? ‘‘Gāmo nāmāti idha avuttampi adhikāravasena labbhatiyevā’’ti vadanti. Apare pana bhaṇanti ‘‘gāmūpacāro nāmāti imināva gāmassa ca gāmūpacārassa ca saṅgaho daṭṭhabbo. Kathaṃ? ‘Gāmassa upacāro gāmūpacāro’ti evaṃ viggahe kariyamāne ‘parikkhittassa gāmassa indakhīle ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’ti iminā parikkhittassa gāmassa gāmūpacāralakkhaṇaṃ dassitaṃ hoti, ‘gāmasaṅkhāto upacāro gāmūpacāro’ti evaṃ pana gayhamāne ‘aparikkhittassa gāmassa gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’ti iminā aparikkhittassa gāmassa gāmaparicchedo dassitoti sakkā viññātu’’nti. ‘‘Gharūpacāre ṭhitassa majjhimassa purisassa leḍḍupāto’’ti iminā parikkhittassapi gāmassa sace leḍḍupātato dūre parikkhepo hoti, leḍḍupātoyeva gāmaparicchedoti gahetabbanti vadanti. Pubbe vuttanayenevāti parikkhittagāme vuttanayeneva.
สงฺกรียตีติ มิสฺสียติฯ เอตฺถาติ ฆรฆรูปจารคามคามูปจาเรสุฯ ‘‘วิกาเล คามปฺปเวสเน ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๑๓) วุตฺตตฺตา คามคามูปจารานํ อสงฺกรตา อิจฺฉิตพฺพาติ อาห – ‘‘อสงฺกรโต เจตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ วิกาเล คามปฺปเวสนาทีสู’’ติฯ เอตฺถ จ ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริเกฺขปารหฎฺฐานํ อติกฺกมนฺตสฺส วิกาลคามปฺปเวสนาปตฺติ โหตี’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ปทภาชนิยํ ปน ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๕๑๓) วุตฺตตฺตาฯ อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ฆรูปจารโต ปฎฺฐาย ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาตสฺส คามูปจารสฺส โอกฺกมเน อาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ เตเนว วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทฎฺฐกถายํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๑๒) ‘‘อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร อทินฺนาทาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ มาติกาฎฺฐกถายมฺปิ (กงฺขา. อฎฺฐ. ทุติยปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘ยฺวายํ อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจาโร ทสฺสิโต, ตสฺส วเสน วิกาลคามปฺปเวสนาทีสุ อาปตฺติ ปริจฺฉินฺทิตพฺพา’’ติฯ ยทิ เอวํ ‘‘วิกาเล คามํ ปวิเสยฺยา’’ติ อิมินา วิรุชฺฌตีติ? น วิรุชฺฌติ คามูปจารสฺสปิ คามคฺคหเณน คหิตตฺตาฯ ตสฺมา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส วิกาลคามปฺปเวสนาปตฺติ โหตีติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ วิกาเล คามปฺปเวสนาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน ฆรฆรูปจาราทีสุ ฐิตานํ อุปฺปนฺนลาภภาชนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ
Saṅkarīyatīti missīyati. Etthāti gharagharūpacāragāmagāmūpacāresu. ‘‘Vikāle gāmappavesane parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantassa āpatti pācittiyassa, aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ okkamantassa āpatti pācittiyassā’’ti (pāci. 513) vuttattā gāmagāmūpacārānaṃ asaṅkaratā icchitabbāti āha – ‘‘asaṅkarato cettha vinicchayo veditabbo vikāle gāmappavesanādīsū’’ti. Ettha ca ‘‘parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ, aparikkhittassa parikkhepārahaṭṭhānaṃ atikkamantassa vikālagāmappavesanāpatti hotī’’ti keci vadanti, taṃ na gahetabbaṃ padabhājaniyaṃ pana ‘‘parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantassa āpatti pācittiyassa, aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ okkamantassa āpatti pācittiyassā’’ti (pāci. 513) vuttattā. Aparikkhittassa gāmassa gharūpacārato paṭṭhāya dutiyaleḍḍupātasaṅkhātassa gāmūpacārassa okkamane āpatti veditabbā. Teneva vikālagāmappavesanasikkhāpadaṭṭhakathāyaṃ (pāci. aṭṭha. 512) ‘‘aparikkhittassa gāmassa upacāro adinnādāne vuttanayeneva veditabbo’’ti vuttaṃ. Mātikāṭṭhakathāyampi (kaṅkhā. aṭṭha. dutiyapārājikavaṇṇanā) vuttaṃ ‘‘yvāyaṃ aparikkhittassa gāmassa upacāro dassito, tassa vasena vikālagāmappavesanādīsu āpatti paricchinditabbā’’ti. Yadi evaṃ ‘‘vikāle gāmaṃ paviseyyā’’ti iminā virujjhatīti? Na virujjhati gāmūpacārassapi gāmaggahaṇena gahitattā. Tasmā parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantassa, aparikkhittassa upacāraṃ okkamantassa vikālagāmappavesanāpatti hotīti niṭṭhamettha gantabbaṃ. Vikāle gāmappavesanādīsūti ādi-saddena gharagharūpacārādīsu ṭhitānaṃ uppannalābhabhājanādiṃ saṅgaṇhāti.
นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลาติ อินฺทขีลโต พหิ นิกฺขมิตฺวาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ วินยปริยาเยน ตาว ‘‘ฐเปตฺวา คามญฺจ คามูปจารญฺจ อวเสสํ อรญฺญ’’นฺติ (ปารา. ๙๒) อาคตํ, สุตฺตนฺตปริยาเยน อารญฺญิกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย ‘‘อารญฺญกํ นาม เสนาสนํ ปญฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อาคตํฯ วินยสุตฺตนฺตา อุโภปิ ปริยายเทสนา นาม, อภิธโมฺม ปน นิปฺปริยายเทสนาฯ นิปฺปริยายโต จ คามวินิมุตฺตํ ฐานํ อรญฺญเมว โหตีติ อภิธมฺมปริยาเยน อรญฺญํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา’’ติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตํฯ ‘‘อาจริยธนุ นาม ปกติหเตฺถน นววิทตฺถิปฺปมาณํ, ชิยาย ปน อาโรปิตาย จตุหตฺถปฺปมาณ’’นฺติ วทนฺติฯ เลโสกาสนิเสธนตฺถนฺติ ‘‘มยา เนว คาเม, น อรเญฺญ หฎํ, ฆเร วา ฆรูปจาเรสุ วา คามูปจาเรสุ วา อญฺญตรสฺมิ’’นฺติ วตฺตุํ มา ลภตูติ วุตฺตํ โหติฯ
Nikkhamitvā bahi indakhīlāti indakhīlato bahi nikkhamitvāti attho. Ettha ca vinayapariyāyena tāva ‘‘ṭhapetvā gāmañca gāmūpacārañca avasesaṃ arañña’’nti (pārā. 92) āgataṃ, suttantapariyāyena āraññikaṃ bhikkhuṃ sandhāya ‘‘āraññakaṃ nāma senāsanaṃ pañcadhanusatikaṃ pacchima’’nti (pārā. 654) āgataṃ. Vinayasuttantā ubhopi pariyāyadesanā nāma, abhidhammo pana nippariyāyadesanā. Nippariyāyato ca gāmavinimuttaṃ ṭhānaṃ araññameva hotīti abhidhammapariyāyena araññaṃ dassetuṃ ‘‘nikkhamitvā bahi indakhīlā’’ti (vibha. 529) vuttaṃ. ‘‘Ācariyadhanu nāma pakatihatthena navavidatthippamāṇaṃ, jiyāya pana āropitāya catuhatthappamāṇa’’nti vadanti. Lesokāsanisedhanatthanti ‘‘mayā neva gāme, na araññe haṭaṃ, ghare vā gharūpacāresu vā gāmūpacāresu vā aññatarasmi’’nti vattuṃ mā labhatūti vuttaṃ hoti.
กปฺปิยนฺติ อนุรูปวเสน วุตฺตํฯ อกปฺปิยมฺปิ ปน อปฺปฎิคฺคหิตเญฺจ, อทินฺนสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ ปริจฺจาคาทิมฺหิ อกเต ‘‘อิทํ มยฺหํ สนฺตก’’นฺติ อวิทิตมฺปิ ปรปริคฺคหิตเมว มาตาปิตูนํ อจฺจเยน มนฺทานํ อุตฺตานเสยฺยกานํ ทารกานํ สนฺตกมิวฯ
Kappiyanti anurūpavasena vuttaṃ. Akappiyampi pana appaṭiggahitañce, adinnasaṅkhyameva gacchati. Pariccāgādimhi akate ‘‘idaṃ mayhaṃ santaka’’nti aviditampi parapariggahitameva mātāpitūnaṃ accayena mandānaṃ uttānaseyyakānaṃ dārakānaṃ santakamiva.
ยสฺส วเสน ปุริโส เถโนติ วุจฺจติ, ตํ เถยฺยนฺติ อาห ‘‘อวหรณจิตฺตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ สงฺขา-สโทฺท ญาณโกฎฺฐาสปญฺญตฺติคณนาทีสุ ทิสฺสติฯ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฎิเสวตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๖๘) หิ ญาเณ ทิสฺสติฯ ‘‘ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔) โกฎฺฐาเสฯ ‘‘เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สงฺขา สมญฺญา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๑๓) ปญฺญตฺติยํฯ ‘‘น สุกรํ สงฺขาตุ’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๖; อป. เถร. ๑.๑๐.๒) คณนายํฯ ตตฺถ โกฎฺฐาสวจนํ สงฺขา-สทฺทํ สนฺธายาห ‘‘สงฺขาสงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอก’’นฺติฯ เตนาห ‘‘โกฎฺฐาสเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ ปปญฺจสงฺขาติ ตณฺหามานทิฎฺฐิสงฺขาตา ปปญฺจโกฎฺฐาสาฯ ‘‘เอโก จิตฺตโกฎฺฐาโสติ ยญฺจ ปุพฺพภาเค อวหริสฺสามีติ ปวตฺตํ จิตฺตํ, ยญฺจ คมนาทิสาธกํ ปรามสนาทิสาธกํ วา มเชฺฌ ปวตฺตํ, ยญฺจ ฐานาจาวนปฺปโยคสาธกํ, เตสุ อยเมเวโก ปจฺฉิโม จิตฺตโกฎฺฐาโส อิธาธิเปฺปโต’’ติ เกจิ วทนฺติฯ จูฬคณฺฐิปเท ปน ‘‘อูนมาสกมาสกอูนปญฺจมาสกปญฺจมาสกาวหรณจิเตฺตสุ เอโก จิตฺตโกฎฺฐาโส’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อเนกปฺปเภทตฺตา จิตฺตสฺส เอโก จิตฺตโกฎฺฐาโสติ วุตฺต’’นฺติ มหาคณฺฐิปเท มชฺฌิมคณฺฐิปเท จ วุตฺตํฯ อิทเมเวตฺถ สุนฺทรตรํ ‘‘เถยฺยจิตฺตสงฺขาโต เอโก จิตฺตโกฎฺฐาโส’’ติ วุตฺตตฺตาฯ เถยฺยสงฺขาเตนาติ เถยฺยจิตฺตโกฎฺฐาเสน กรณภูเตน, น วิสฺสาสตาวกาลิกาทิคาหวสปฺปวตฺตจิตฺตโกฎฺฐาเสนาติ วุตฺตํ โหติฯ
Yassa vasena puriso thenoti vuccati, taṃ theyyanti āha ‘‘avaharaṇacittassetaṃ adhivacana’’nti. Saṅkhā-saddo ñāṇakoṭṭhāsapaññattigaṇanādīsu dissati. ‘‘Saṅkhāyekaṃ paṭisevatī’’tiādīsu (ma. ni. 2.168) hi ñāṇe dissati. ‘‘Papañcasaññāsaṅkhā samudācarantī’’tiādīsu (ma. ni. 1.204) koṭṭhāse. ‘‘Tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ saṅkhā samaññā’’tiādīsu (dha. sa. 1313) paññattiyaṃ. ‘‘Na sukaraṃ saṅkhātu’’ntiādīsu (dha. pa. 196; apa. thera. 1.10.2) gaṇanāyaṃ. Tattha koṭṭhāsavacanaṃ saṅkhā-saddaṃ sandhāyāha ‘‘saṅkhāsaṅkhātanti atthato eka’’nti. Tenāha ‘‘koṭṭhāsassetaṃ adhivacana’’nti. Papañcasaṅkhāti taṇhāmānadiṭṭhisaṅkhātā papañcakoṭṭhāsā. ‘‘Eko cittakoṭṭhāsoti yañca pubbabhāge avaharissāmīti pavattaṃ cittaṃ, yañca gamanādisādhakaṃ parāmasanādisādhakaṃ vā majjhe pavattaṃ, yañca ṭhānācāvanappayogasādhakaṃ, tesu ayameveko pacchimo cittakoṭṭhāso idhādhippeto’’ti keci vadanti. Cūḷagaṇṭhipade pana ‘‘ūnamāsakamāsakaūnapañcamāsakapañcamāsakāvaharaṇacittesu eko cittakoṭṭhāso’’ti vuttaṃ. ‘‘Anekappabhedattā cittassa eko cittakoṭṭhāsoti vutta’’nti mahāgaṇṭhipade majjhimagaṇṭhipade ca vuttaṃ. Idamevettha sundarataraṃ ‘‘theyyacittasaṅkhāto eko cittakoṭṭhāso’’ti vuttattā. Theyyasaṅkhātenāti theyyacittakoṭṭhāsena karaṇabhūtena, na vissāsatāvakālikādigāhavasappavattacittakoṭṭhāsenāti vuttaṃ hoti.
อภิโยควเสนาติ อฑฺฑกรณวเสนฯ อภิยุญฺชตีติ โจเทติ, อฑฺฑํ กโรตีติ อโตฺถฯ ปริกปฺปิตฎฺฐานนฺติ โอกาสปริกปฺปนวเสน ปริกปฺปิตปฺปเทสํฯ สุงฺกฆาตนฺติ เอตฺถ ราชูนํ เทยฺยภาคสฺส เอตํ อธิวจนํ สุโงฺกติ, โส เอตฺถ หญฺญติ อทตฺวา คจฺฉเนฺตหีติ สุงฺกฆาโตฯ ‘‘เอตฺถ ปวิเฎฺฐหิ สุโงฺก ทาตโพฺพ’’ติ รุกฺขปพฺพตาทิสญฺญาเณน นิยมิตปฺปเทสเสฺสตํ อธิวจนํฯ
Abhiyogavasenāti aḍḍakaraṇavasena. Abhiyuñjatīti codeti, aḍḍaṃ karotīti attho. Parikappitaṭṭhānanti okāsaparikappanavasena parikappitappadesaṃ. Suṅkaghātanti ettha rājūnaṃ deyyabhāgassa etaṃ adhivacanaṃ suṅkoti, so ettha haññati adatvā gacchantehīti suṅkaghāto. ‘‘Ettha paviṭṭhehi suṅko dātabbo’’ti rukkhapabbatādisaññāṇena niyamitappadesassetaṃ adhivacanaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā