Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ปทภาชนียวณฺณนา
Padabhājanīyavaṇṇanā
๑๗๒. พฺยญฺชเน อาทรํ อกตฺวาติ ชานิตฺวา สญฺชานิตฺวาติอาทินา พฺยญฺชนานุรูปํ อวุตฺตตฺตา วุตฺตํฯ ปาโณติ ชานโนฺตติ อิทํ มนุโสฺสติ อชานิตฺวาปิ เกวลํ สตฺตสญฺญาย เอว ปาราชิกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ วธกเจตนาวเสน เจเตตฺวาติ ‘‘อิมํ มาเรมี’’ติ วธกเจตนาย จิเนฺตตฺวาฯ ปกเปฺปตฺวาติ ‘‘วธามิ น’’นฺติ เอวํ จิเตฺตน ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ อภิวิตริตฺวาติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา, เตนาห ‘‘นิราสงฺกจิตฺตํ เปเสตฺวา’’ติฯ สิขาปฺปโตฺต อโตฺถติ สญฺจิจฺจาติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺตสฺสปิ วีติกฺกมภูตสฺส อปรกาลกิริยายุตฺตทสฺสเนน โกฎิปฺปโตฺต อโตฺถฯ ชาติอุณฺณา นาม ตทหุชาตเอฬกสฺส โลมํฯ เอวํ วณฺณปฺปฎิภาคนฺติ เอวํ วณฺณสณฺฐานํฯ ตโต วา อุทฺธนฺติ ทุติยสตฺตาหาทีสุ อพฺพุทาทิภาวปฺปตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปริหีนเวคสฺส สนฺตานสฺส ปจฺจโย โหตีติ สหการีปจฺจโย โหติ, น ชนโกฯ กมฺมเมว หิ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชมานานํ กมฺมชรูปานํ ชนกปจฺจโย, ตญฺจ ปวตฺติยํ ปุเพฺพ อุปฺปชฺชิตฺวา ฐิตํ อนุปหตํ จตุสนฺตติรูปํ สหการีปจฺจยํ ลภิตฺวาว กาตุํ สโกฺกติ, น อญฺญถา, เยน เกนจิ วิโรธิปจฺจเยน นิรุทฺธจกฺขาทิปฺปสาทานํ ปุคฺคลานํ วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ จกฺขาทิกํ ชเนตุํ น สโกฺกตีติ สิทฺธเมว โหติฯ
172.Byañjane ādaraṃ akatvāti jānitvā sañjānitvātiādinā byañjanānurūpaṃ avuttattā vuttaṃ. Pāṇoti jānantoti idaṃ manussoti ajānitvāpi kevalaṃ sattasaññāya eva pārājikabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ. Vadhakacetanāvasena cetetvāti ‘‘imaṃ māremī’’ti vadhakacetanāya cintetvā. Pakappetvāti ‘‘vadhāmi na’’nti evaṃ cittena paricchinditvā. Abhivitaritvāti sanniṭṭhānaṃ katvā, tenāha ‘‘nirāsaṅkacittaṃ pesetvā’’ti. Sikhāppatto atthoti sañciccāti pubbakālakiriyāvasena vuttassapi vītikkamabhūtassa aparakālakiriyāyuttadassanena koṭippatto attho. Jātiuṇṇā nāma tadahujātaeḷakassa lomaṃ. Evaṃ vaṇṇappaṭibhāganti evaṃ vaṇṇasaṇṭhānaṃ. Tato vā uddhanti dutiyasattāhādīsu abbudādibhāvappattaṃ sandhāya vuttaṃ. Parihīnavegassa santānassa paccayo hotīti sahakārīpaccayo hoti, na janako. Kammameva hi khaṇe khaṇe uppajjamānānaṃ kammajarūpānaṃ janakapaccayo, tañca pavattiyaṃ pubbe uppajjitvā ṭhitaṃ anupahataṃ catusantatirūpaṃ sahakārīpaccayaṃ labhitvāva kātuṃ sakkoti, na aññathā, yena kenaci virodhipaccayena niruddhacakkhādippasādānaṃ puggalānaṃ vijjamānampi kammaṃ cakkhādikaṃ janetuṃ na sakkotīti siddhameva hoti.
อติปาเตโนฺตติ อติปาเตโนฺต วินาเสโนฺตฯ วุตฺตปการเมวาติ ชีวิตินฺทฺริยาติปาตนวิธานํ วุตฺตปฺปการเมวฯ สรเสเนว ปตนสภาวสฺส สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา อตีว ปาตนํ สีฆปาตนํ อติปาโต, ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโตฯ อาถพฺพณิกาติ อถพฺพณเวทิโนฯ อถพฺพณนฺติ อถพฺพณเวทวิหิตํฯ มนฺตํ ปโยเชนฺตีติ อโลณโภชนทพฺพสยนสุสานคมนาทีหิ ปโยเคหิ มนฺตํ ปริวเตฺตนฺติ, เตน ยถิจฺฉิตปาณวธาทิผลํ อุปปชฺชติ, ตสฺมา ตํ กายวจีกเมฺมสุ ปวิฎฺฐํฯ อีตินฺติ ปีฬํฯ อุปทฺทวนฺติ ตโต อธิกตรํ ปีฬํฯ ปชฺชรกนฺติ วิสมชฺชรํฯ สูจิกนฺติ สูจีหิ วิย วิชฺฌมานํ สูลํฯ วิสูจิกนฺติ สสูลํ อามาติสารํฯ ปกฺขนฺทิยนฺติ รตฺตาติสารํฯ วิชฺชํ ปริวเตฺตตฺวาติ คนฺธารวิชฺชาทิกํ อตฺตโน วิชฺชํ กตูปจารํ มนฺตปฐนกฺกเมน ปริชปฺปิตฺวาฯ เตหีติ เตหิ วตฺถูหิฯ ปโยชนนฺติ ปวตฺตนํฯ อโห วตายนฺติ อยํ ตํ กุจฺฉิคตํฯ คพฺภนฺติ อิทํ กุจฺฉิคตํ คพฺภํฯ กุลุมฺพสฺสาติ คพฺภสฺส, กุลเสฺสว วา, กุฎุมฺพสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ ภาวนามยิทฺธิยาติ อธิฎฺฐานิทฺธิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตํ เตสํ อิจฺฉามตฺตนฺติ สุตฺตตฺถโต น สเมตีติ อธิปฺปาโยฯ อถพฺพณิทฺธิวเสเนว หิ สุเตฺต ‘‘อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต’’ติ วุตฺตํ, น ภาวนามยิทฺธิวเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Atipātentoti atipātento vināsento. Vuttapakāramevāti jīvitindriyātipātanavidhānaṃ vuttappakārameva. Saraseneva patanasabhāvassa saṇikaṃ patituṃ adatvā atīva pātanaṃ sīghapātanaṃ atipāto, pāṇassa atipāto pāṇātipāto. Āthabbaṇikāti athabbaṇavedino. Athabbaṇanti athabbaṇavedavihitaṃ. Mantaṃ payojentīti aloṇabhojanadabbasayanasusānagamanādīhi payogehi mantaṃ parivattenti, tena yathicchitapāṇavadhādiphalaṃ upapajjati, tasmā taṃ kāyavacīkammesu paviṭṭhaṃ. Ītinti pīḷaṃ. Upaddavanti tato adhikataraṃ pīḷaṃ. Pajjarakanti visamajjaraṃ. Sūcikanti sūcīhi viya vijjhamānaṃ sūlaṃ. Visūcikanti sasūlaṃ āmātisāraṃ. Pakkhandiyanti rattātisāraṃ. Vijjaṃ parivattetvāti gandhāravijjādikaṃ attano vijjaṃ katūpacāraṃ mantapaṭhanakkamena parijappitvā. Tehīti tehi vatthūhi. Payojananti pavattanaṃ. Aho vatāyanti ayaṃ taṃ kucchigataṃ. Gabbhanti idaṃ kucchigataṃ gabbhaṃ. Kulumbassāti gabbhassa, kulasseva vā, kuṭumbassāti vuttaṃ hoti. Bhāvanāmayiddhiyāti adhiṭṭhāniddhiṃ sandhāya vuttaṃ. Taṃ tesaṃ icchāmattanti suttatthato na sametīti adhippāyo. Athabbaṇiddhivaseneva hi sutte ‘‘iddhimā cetovasippatto’’ti vuttaṃ, na bhāvanāmayiddhivasenāti daṭṭhabbaṃ.
อิตรถาติ ปริเยเสยฺยาติ ปทสฺส คเวสนมตฺตเมว ยถารุตวเสน อโตฺถ สิยา, ตทา ปริยิฎฺฐมเตฺตน ปริเยสิตฺวา สตฺถาทีนํ ลทฺธมเตฺตนาติ อโตฺถฯ สสนฺติ หิํสนฺติ เอเตนาติ สตฺถนฺติ วโธปกรณสฺส ปาสาณรชฺชุอาทิโน สพฺพสฺสาปิ นามนฺติ อาห ลคุฬาติอาทิฯ ลคุฬนฺติ มุคฺครเสฺสตํ อธิวจนํฯ สตฺถสงฺคโหติ มาติกายํ สตฺถหารกนฺติ เอตฺถ วุตฺตสตฺถสงฺคโหฯ ปรโต วุตฺตนยตฺตาติ ปรโต นิคมนวเสน วุตฺตสฺส ทุติยปทสฺส ปทภาชเน วุตฺตนยตฺตาฯ จิตฺตสทฺทสฺส อตฺถทีปนตฺถํ วุโตฺตติ จิตฺต-สทฺทสฺส วิจิตฺตาทิอเนกตฺถวิสยตฺตา อิตเรหิ นิวเตฺตตฺวา วิญฺญาณตฺถํ นิยเมตุํ วุโตฺตฯ
Itarathāti pariyeseyyāti padassa gavesanamattameva yathārutavasena attho siyā, tadā pariyiṭṭhamattena pariyesitvā satthādīnaṃ laddhamattenāti attho. Sasanti hiṃsanti etenāti satthanti vadhopakaraṇassa pāsāṇarajjuādino sabbassāpi nāmanti āha laguḷātiādi. Laguḷanti muggarassetaṃ adhivacanaṃ. Satthasaṅgahoti mātikāyaṃ satthahārakanti ettha vuttasatthasaṅgaho. Parato vuttanayattāti parato nigamanavasena vuttassa dutiyapadassa padabhājane vuttanayattā. Cittasaddassa atthadīpanatthaṃ vuttoti citta-saddassa vicittādianekatthavisayattā itarehi nivattetvā viññāṇatthaṃ niyametuṃ vutto.
๑๗๔. กมฺมุนา พชฺฌตีติ ปาณาติปาตกมฺมุนา พชฺฌติ, ตํ กมฺมมสฺส สิทฺธนฺติ อโตฺถฯ อุภยถาปีติ อุทฺทิสกานุทฺทิสกวเสนฯ ปจฺฉา วา เตน โรเคนาติ เอเตน อนาคตมฺปิ ชีวิตินฺทฺริยํ อารพฺภ ปาณาติปาตสฺส ปวตฺติํ ทเสฺสติฯ เอวญฺจ ‘‘ยทา สโกฺกติ, ตทา ตํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ อาณตฺติยา จิเรน สมิทฺธิยมฺปิ อาณตฺติกฺขเณเยว ปาณาติปาโตฯ โอปาตขณนาทิถาวรปโยเคสุ ปโยคกรณโต ปจฺฉา คหิตปฎิสนฺธิกสฺสาปิ สตฺตสฺส มรเณ ปาณาติปาโต จ อนาคตารมฺมโณ อุปปโนฺน โหติฯ ยํ ปน สิกฺขาปทวิภเงฺค ‘‘ปญฺจ สิกฺขาปทานิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาเยวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปาณาติปาตาทิโต วิรติํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปาณาติปาตาทินฺติ คเหตพฺพํฯ อญฺญจิเตฺตนาติ อมาเรตุกามตาจิเตฺตนฯ ทุติยปฺปหาเรน มรตีติ ปฐมปฺปหารํ วินา ทุติเยเนว มรตีติ อโตฺถฯ ปฐมปฺปหาเรเนวาติ ปฐมปฺปหารสมุฎฺฐาปกเจตนากฺขเณเยวาติ อโตฺถฯ กิญฺจาปิ ปฐมปฺปหาโร สยเมว น สโกฺกติ มาเรตุํ, ทุติยํ ปน ลภิตฺวา สโกฺกโนฺต ชีวิตวินาสเหตุ โหติ, ตสฺมา ปฐมปฺปหารํ วินา มรณสฺส อสิทฺธตฺตา ‘‘ปโยโค เตน จ มรณ’’นฺติ อิมินา สํสนฺทนโต ปฐมปฺปหาเรเนว กมฺมพโทฺธ ยุโตฺต, น ทุติเยน ตสฺส อญฺญจิเตฺตน ทินฺนตฺตาฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ อเญฺญน ปุคฺคเลน ทุติยปฺปหารทานาทีสุ วิยฯ ยทิ ปน ทุติยปฺปหารทายกสฺสาปิ ปุคฺคลสฺส วธกเจตนา อตฺถิ, ตสฺสาปิ อตฺตโน ปโยเคนาปิ มตตฺตา ปโยคกฺขเณ ปาณาติปาโตติ เวทิตพฺพํฯ
174.Kammunābajjhatīti pāṇātipātakammunā bajjhati, taṃ kammamassa siddhanti attho. Ubhayathāpīti uddisakānuddisakavasena. Pacchā vā tena rogenāti etena anāgatampi jīvitindriyaṃ ārabbha pāṇātipātassa pavattiṃ dasseti. Evañca ‘‘yadā sakkoti, tadā taṃ jīvitā voropehī’’ti āṇattiyā cirena samiddhiyampi āṇattikkhaṇeyeva pāṇātipāto. Opātakhaṇanādithāvarapayogesu payogakaraṇato pacchā gahitapaṭisandhikassāpi sattassa maraṇe pāṇātipāto ca anāgatārammaṇo upapanno hoti. Yaṃ pana sikkhāpadavibhaṅge ‘‘pañca sikkhāpadāni paccuppannārammaṇāyevā’’ti vuttaṃ, taṃ pāṇātipātādito viratiṃ sandhāya vuttaṃ, na pāṇātipātādinti gahetabbaṃ. Aññacittenāti amāretukāmatācittena. Dutiyappahārena maratīti paṭhamappahāraṃ vinā dutiyeneva maratīti attho. Paṭhamappahārenevāti paṭhamappahārasamuṭṭhāpakacetanākkhaṇeyevāti attho. Kiñcāpi paṭhamappahāro sayameva na sakkoti māretuṃ, dutiyaṃ pana labhitvā sakkonto jīvitavināsahetu hoti, tasmā paṭhamappahāraṃ vinā maraṇassa asiddhattā ‘‘payogo tena ca maraṇa’’nti iminā saṃsandanato paṭhamappahāreneva kammabaddho yutto, na dutiyena tassa aññacittena dinnattā. Yathā cettha, evaṃ aññena puggalena dutiyappahāradānādīsu viya. Yadi pana dutiyappahāradāyakassāpi puggalassa vadhakacetanā atthi, tassāpi attano payogenāpi matattā payogakkhaṇe pāṇātipātoti veditabbaṃ.
กมฺมาปตฺติพฺยตฺติภาวตฺถนฺติ อานนฺตริยาทิกมฺมวิภาคสฺส ปาราชิกาทิอาปตฺติวิภาคสฺส จ ปากฎภาวตฺถํฯ ‘‘เอฬกํ มาเรมี’’ติ วิปรีตคฺคหเณปิ ‘‘อิม’’นฺติ ยถานิปนฺนเสฺสว ปรมตฺถโต คหิตตฺตา ยถาวตฺถุกํ กมฺมพโทฺธ โหติเยวาติ อาห อิมํ วตฺถุนฺติอาทิฯ ฆาตโก จ โหตีติ ปาณาติปาตกเมฺมน พโทฺธติ อโตฺถฯ มาตาทิคุณมหเนฺต อารพฺภ ปวตฺตวธกเจตนาย มหาสาวชฺชตาย วุตฺตํ ‘‘อิธ ปน เจตนา ทารุณา โหตี’’ติฯ
Kammāpattibyattibhāvatthanti ānantariyādikammavibhāgassa pārājikādiāpattivibhāgassa ca pākaṭabhāvatthaṃ. ‘‘Eḷakaṃ māremī’’ti viparītaggahaṇepi ‘‘ima’’nti yathānipannasseva paramatthato gahitattā yathāvatthukaṃ kammabaddho hotiyevāti āha imaṃ vatthuntiādi. Ghātako ca hotīti pāṇātipātakammena baddhoti attho. Mātādiguṇamahante ārabbha pavattavadhakacetanāya mahāsāvajjatāya vuttaṃ ‘‘idha pana cetanā dāruṇā hotī’’ti.
โลหิตกนฺติ โลหิตมกฺขิตํฯ กมฺมํ กโรเนฺตติ ยุทฺธกมฺมํ กโรเนฺตฯ ยถาธิปฺปายํ คเตติ โยธํ วิชฺฌิตฺวา ปิตริ วิเทฺธ, โยธํ ปน อวิชฺฌิตฺวา เกวลํ ปิตริ วิเทฺธปิ วิสเงฺกโต นตฺถิเยว ปิตริปิ วธกจิตฺตสฺส อตฺถิตาย, เกวลํ โยเธ วิเทฺธปิ เอเสว นโยฯ อานนฺตริยํ ปน นตฺถีติ ปิตุวิสยํ ปาณาติปาตกมฺมํ นตฺถีติ อโตฺถฯ
Lohitakanti lohitamakkhitaṃ. Kammaṃ karonteti yuddhakammaṃ karonte. Yathādhippāyaṃ gateti yodhaṃ vijjhitvā pitari viddhe, yodhaṃ pana avijjhitvā kevalaṃ pitari viddhepi visaṅketo natthiyeva pitaripi vadhakacittassa atthitāya, kevalaṃ yodhe viddhepi eseva nayo. Ānantariyaṃ pana natthīti pituvisayaṃ pāṇātipātakammaṃ natthīti attho.
เอวํ วิชฺฌาติ เอวํ ปาเทหิ ภูมิยํ ฐตฺวา เอวํ ธนุํ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวาติอาทินา วิชฺฌนปฺปการสิกฺขาปนมุเขน อาณาเปตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปหราติ ทฬฺหํ อสิํ คเหตฺวา เอวํ ปหรฯ เอวํ ฆาเตหีติ เอวํ กมฺมการณํ กตฺวา มาเรหิฯ ตตฺตกา อุภินฺนํ ปาณาติปาตาติ อนุทฺทิสิตฺวา เยสํ เกสญฺจิ มารณตฺถาย อุโภหิ ปโยคสฺส กตตฺตา วุตฺตํฯ สเจ หิ อาณาปโก ‘‘เอวํ วิเทฺธ อสุโก เอวํ มรตี’’ติ สญฺญาย ‘‘เอวํ วิชฺฌา’’ติ อาณาเปติ, นิยมิตเสฺสว มรเณ อาณาปกสฺส กมฺมพโทฺธติ วทนฺติฯ สเจ อาณโตฺต ‘‘อสุก’’นฺติ นิยเมตฺวา อุทฺทิสฺส สรํ ขิปติ, อาณาปโก อนิยเมตฺวา อาณาเปติ, อาณาปกสฺส เยสํ เกสญฺจิ มรเณปิ กมฺมพโทฺธ, อาณตฺตสฺส ปน นิยมิตมรเณเยวาติ เวทิตพฺพํฯ มเชฺฌติ หตฺถิโน ปิฎฺฐิโน มเชฺฌฯ เอเตนาติ อธิฎฺฐหิตฺวา อาณาเปตีติอาทิปาฬิวจเนนฯ ตตฺถาติ อาณตฺติกปโยเคฯ
Evaṃ vijjhāti evaṃ pādehi bhūmiyaṃ ṭhatvā evaṃ dhanuṃ gahetvā ākaḍḍhitvātiādinā vijjhanappakārasikkhāpanamukhena āṇāpetīti attho. Evaṃ paharāti daḷhaṃ asiṃ gahetvā evaṃ pahara. Evaṃ ghātehīti evaṃ kammakāraṇaṃ katvā mārehi. Tattakā ubhinnaṃ pāṇātipātāti anuddisitvā yesaṃ kesañci māraṇatthāya ubhohi payogassa katattā vuttaṃ. Sace hi āṇāpako ‘‘evaṃ viddhe asuko evaṃ maratī’’ti saññāya ‘‘evaṃ vijjhā’’ti āṇāpeti, niyamitasseva maraṇe āṇāpakassa kammabaddhoti vadanti. Sace āṇatto ‘‘asuka’’nti niyametvā uddissa saraṃ khipati, āṇāpako aniyametvā āṇāpeti, āṇāpakassa yesaṃ kesañci maraṇepi kammabaddho, āṇattassa pana niyamitamaraṇeyevāti veditabbaṃ. Majjheti hatthino piṭṭhino majjhe. Etenāti adhiṭṭhahitvā āṇāpetītiādipāḷivacanena. Tatthāti āṇattikapayoge.
กิญฺจาปิ กิริยาวิเสโส อฎฺฐกถาสุ อนาคโต, ปาฬิยํ ปน ‘‘เอวํ วิชฺฌ, เอวํ ปหร, เอวํ ฆาเตหี’’ติ (ปารา. ๑๗๔) กิริยาวิเสสสฺส ปรามฎฺฐตฺตา อาจริยปรมฺปรา อาคตํ กิริยาวิเสสมฺปิ ปาฬิสํสนฺทนโต คเหตฺวา ทเสฺสโนฺต อปโร นโยติอาทิมาหฯ วิชฺฌนนฺติ อุสุสตฺติอาทีหิ วิชฺฌนํฯ เฉทนนฺติ อสิอาทีหิ หตฺถปาทาทิเจฺฉทนํฯ เภทนนฺติ มุคฺคราทีหิ สีสาทิเภทนํ ทฺวิธากรณํฯ สงฺขมุณฺฑกนฺติ สีสกฎาเห จมฺมํ สห เกเสหิ อุปฺปาเฎตฺวา ถูลสกฺขราหิ สีสกฎาหํ ฆํสิตฺวา สงฺขวณฺณกรณวเสน สงฺขมุณฺฑกมฺมกรณํฯ เอวมาทีติ อาทิ-สเทฺทน พิฬงฺคถาลิกาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อุเร ปหริตฺวา ปิฎฺฐิยํ ปหริตฺวา คีวายํ ปหริตฺวาติอาทินา สรีราวยวปฺปเทเสสุ ปหรณวิชฺฌนาทินิยโมปิ กิริยาวิเสเสเยว สงฺคยฺหติ อฎฺฐกถาสุ สงฺขมุณฺฑกาทิสรีรปฺปเทสวิสยายปิ ฆาตนาย ตตฺถ ปเวสิตตฺตา, ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ปาราชิกกณฺฑ ๒.๑๗๔ ปโยคกถาวณฺณนา) ปุรโต ปหริตฺวา มาเรหีติอาทิกสฺส อฎฺฐกถาปาฐสฺส ‘‘ปุริมปสฺสาทีนมฺปิ วตฺถุสภาคโต วตฺถุคฺคหเณเนว คหณนฺติ อาห ปุรโต ปหริตฺวาติอาที’’ติ เอวมธิปฺปายกถนํ, ตํ สงฺขมุณฺฑกาทิกสฺส สรีรปฺปเทเส กมฺมการณากรณสฺส อฎฺฐกถาย กิริยาวิเสสวิสเย วุตฺตตฺตา น ยุชฺชติฯ ยถาณตฺตํ มุญฺจิตฺวา ปุคฺคลนฺตรมารณเมว หิ วตฺถุวิสํวาโท, น ปหริตุํ อาณตฺตํ สรีรปฺปเทสวิสํวาทนํ, เตนาห ‘‘วตฺถุํ วิสํ วาเทตฺวา…เป.… ตโต อญฺญํ มาเรติฯ ปุรโต ปหริตฺวา มาเรหีติ วา…เป.… นตฺถิ กมฺมพโทฺธ’’ติ, อิทํ ปน ยถาณตฺตวตฺถุสฺมิมฺปิ กิริยาวิเสสวิสเงฺกเตน กมฺมพทฺธาภาวํ ทเสฺสตุํ วุตฺตนฺติ ปญฺญายติฯ เตน ‘‘วตฺถุํ อวิสํวาเทตฺวา มาเรนฺตี’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ‘‘ยถาณตฺติยา’’ติ กิริยาวิเสสนิยโมปิ ทสฺสิโต, อิตรถา ยถาณตฺติยาติ วจนสฺส นิรตฺถกตาปตฺติโตฯ วตฺถุนิเทฺทเส จ ‘‘วตฺถูติ มาเรตโพฺพ สโตฺต’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๔) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น ปน ‘‘ยถาณตฺตสฺส ปหริตพฺพสรีรปฺปเทโสปี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ปุรโต ปหรณาทิปิ กิริยาวิเสเส เอว สงฺคยฺหตีติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ วตฺถุวิเสเสนาติ มาตุอาทิมตสตฺตวิเสเสนฯ กมฺมวิเสโสติ อานนฺตริยาทิกมฺมวิเสโสฯ อาปตฺติวิเสโสติ ปาราชิกาทิอาปตฺติวิเสโสฯ
Kiñcāpi kiriyāviseso aṭṭhakathāsu anāgato, pāḷiyaṃ pana ‘‘evaṃ vijjha, evaṃ pahara, evaṃ ghātehī’’ti (pārā. 174) kiriyāvisesassa parāmaṭṭhattā ācariyaparamparā āgataṃ kiriyāvisesampi pāḷisaṃsandanato gahetvā dassento aparo nayotiādimāha. Vijjhananti ususattiādīhi vijjhanaṃ. Chedananti asiādīhi hatthapādādicchedanaṃ. Bhedananti muggarādīhi sīsādibhedanaṃ dvidhākaraṇaṃ. Saṅkhamuṇḍakanti sīsakaṭāhe cammaṃ saha kesehi uppāṭetvā thūlasakkharāhi sīsakaṭāhaṃ ghaṃsitvā saṅkhavaṇṇakaraṇavasena saṅkhamuṇḍakammakaraṇaṃ. Evamādīti ādi-saddena biḷaṅgathālikādiṃ saṅgaṇhāti. Ure paharitvā piṭṭhiyaṃ paharitvā gīvāyaṃ paharitvātiādinā sarīrāvayavappadesesu paharaṇavijjhanādiniyamopi kiriyāviseseyeva saṅgayhati aṭṭhakathāsu saṅkhamuṇḍakādisarīrappadesavisayāyapi ghātanāya tattha pavesitattā, yaṃ pana sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. pārājikakaṇḍa 2.174 payogakathāvaṇṇanā) purato paharitvā mārehītiādikassa aṭṭhakathāpāṭhassa ‘‘purimapassādīnampi vatthusabhāgato vatthuggahaṇeneva gahaṇanti āha purato paharitvātiādī’’ti evamadhippāyakathanaṃ, taṃ saṅkhamuṇḍakādikassa sarīrappadese kammakāraṇākaraṇassa aṭṭhakathāya kiriyāvisesavisaye vuttattā na yujjati. Yathāṇattaṃ muñcitvā puggalantaramāraṇameva hi vatthuvisaṃvādo, na paharituṃ āṇattaṃ sarīrappadesavisaṃvādanaṃ, tenāha ‘‘vatthuṃ visaṃ vādetvā…pe… tato aññaṃ māreti. Purato paharitvā mārehīti vā…pe… natthi kammabaddho’’ti, idaṃ pana yathāṇattavatthusmimpi kiriyāvisesavisaṅketena kammabaddhābhāvaṃ dassetuṃ vuttanti paññāyati. Tena ‘‘vatthuṃ avisaṃvādetvā mārentī’’ti ettakameva avatvā ‘‘yathāṇattiyā’’ti kiriyāvisesaniyamopi dassito, itarathā yathāṇattiyāti vacanassa niratthakatāpattito. Vatthuniddese ca ‘‘vatthūti māretabbo satto’’ti (pārā. aṭṭha. 2.174) ettakameva vuttaṃ, na pana ‘‘yathāṇattassa paharitabbasarīrappadesopī’’ti vuttaṃ. Tasmā purato paharaṇādipi kiriyāvisese eva saṅgayhatīti amhākaṃ khanti, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Vatthuvisesenāti mātuādimatasattavisesena. Kammavisesoti ānantariyādikammaviseso. Āpattivisesoti pārājikādiāpattiviseso.
ยทา กทาจิ ปุพฺพเณฺหติ อาณตฺตทิวสโต อญฺญสฺสปิ ยสฺส กสฺสจิ ทิวสสฺส ปุพฺพเณฺหฯ เอตํ คาเม ฐิตนฺติ คาโม ปุคฺคลนิยมนตฺถํ วุโตฺต, น โอกาสนิยมนตฺถํ, ตสฺมา ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ มาเรติ, นตฺถิ วิสเงฺกโต’’ติ วุตฺตํ, เอเตน กาโลกาสอาวุธอิอยาปถกิริยาวิเสสานํ นิยมิจฺฉาย อสติ เยน เกนจิ ปกาเรน มรณเมว อิจฺฉนฺตสฺส อาณาปกสฺส มุขารุฬฺหวเสน วุตฺตสฺส เทสกาลาทินิยมสฺส วิสเงฺกเตปิ กมฺมพโทฺธเยวาติ ญาปิตํ โหติฯ โย ปน จิเตฺตน ยตฺถ กตฺถจิ ยทา กทาจิ เยน เกนจิ ปกาเรน มรณเมว อิจฺฉโนฺตปิ กาลาทิวิสเงฺกเตน อกุสลโต โจทนโต วา มุจฺจิตุกาโม เลเสน กาลาทินิยมํ กโรติ, ตสฺส มนุสฺสวิคฺคหปาราชิกโต ปริยาเยน อมุจฺจนโต กาลาทิวิสเงฺกเตปิ กมฺมพโทฺธวาติ คเหตฺวา วิจารณโต คเหตพฺพํ, เกจิ ปเนตํ น อิจฺฉนฺติ, วีมํสิตพฺพํฯ ตุเณฺฑนาติ อคฺคโกฎิยาฯ ถรุนาติ ขคฺคมุฎฺฐินาฯ เอตํ คจฺฉนฺตนฺติ คมเนน ปุคฺคโลว นิยมิโต, น อิริยาปโถ, เตนาห ‘‘นตฺถิ วิสเงฺกต’’นฺติฯ
Yadā kadāci pubbaṇheti āṇattadivasato aññassapi yassa kassaci divasassa pubbaṇhe. Etaṃ gāme ṭhitanti gāmo puggalaniyamanatthaṃ vutto, na okāsaniyamanatthaṃ, tasmā ‘‘yattha katthaci māreti, natthi visaṅketo’’ti vuttaṃ, etena kālokāsaāvudhaiayāpathakiriyāvisesānaṃ niyamicchāya asati yena kenaci pakārena maraṇameva icchantassa āṇāpakassa mukhāruḷhavasena vuttassa desakālādiniyamassa visaṅketepi kammabaddhoyevāti ñāpitaṃ hoti. Yo pana cittena yattha katthaci yadā kadāci yena kenaci pakārena maraṇameva icchantopi kālādivisaṅketena akusalato codanato vā muccitukāmo lesena kālādiniyamaṃ karoti, tassa manussaviggahapārājikato pariyāyena amuccanato kālādivisaṅketepi kammabaddhovāti gahetvā vicāraṇato gahetabbaṃ, keci panetaṃ na icchanti, vīmaṃsitabbaṃ. Tuṇḍenāti aggakoṭiyā. Tharunāti khaggamuṭṭhinā. Etaṃ gacchantanti gamanena puggalova niyamito, na iriyāpatho, tenāha ‘‘natthi visaṅketa’’nti.
‘‘ทีฆํ มาเรหี’’ติ วุเตฺตปิ ทีฆสณฺฐานานํ พหุภาวโต ‘‘อิตฺถนฺนามํ เอวรูปญฺจ ทีฆ’’นฺติ อเญฺญสํ อสาธารณลกฺขเณน อนิทฺทิฎฺฐตฺตา ‘‘อนิยเมตฺวา อาณาเปตี’’ติ วุตฺตํ, เตเนวาห ‘‘ยํ กิญฺจิ ตาทิสํ มาเรมี’’ติฯ เอตฺถ จ จิเตฺตน พหูสุ ทีฆสณฺฐาเนสุ เอกํ นิยเมตฺวา วุเตฺตปิ วาจาย อนิยมิตตฺตา อญฺญสฺมิํ ตาทิเส มาริเต นตฺถิ วิสเงฺกโตติ วทนฺติฯ อตฺตานํ มุญฺจิตฺวา ปรปาณิมฺหิ ปาณสญฺญิตาลกฺขณสฺส องฺคสฺส อภาวโต เนวตฺถิ ปาณาติปาโตติ อาห ‘‘อาณาปโก มุจฺจตี’’ติฯ อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ‘‘อสุกฎฺฐาเน นิสินฺน’’นฺติ โอกาสนิยเม ตสฺมิํ ปเทเส นิสินฺนสฺส ยสฺส กสฺสจิ ชีวิตินฺทฺริยํ อารพฺภ วธกจิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘เนว วธโก มุจฺจติ น อาณาปโก’’ติฯ โอกาสญฺหิ นิยเมตฺวา นิทฺทิสโนฺต ตสฺมิํ โอกาเส นิสินฺนํ มาเรตุกาโม โหติ, สยํ ปน ตทา ตตฺถ นตฺถิ, ตสฺมา โอกาเสน สห ตตฺถ นิสินฺนเสฺสว ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ โหติ, น อตฺตโนติ คเหตพฺพํฯ สเจ ปน สยํ ตเตฺถว นิสีทิตฺวา อตฺตโน นิสินฺนฎฺฐานเมว นิยเมตฺวา ‘‘มาเรหี’’ติ วุเตฺตปิ อโญฺญ ตตฺถ นิสิโนฺน มาริยติ, ตสฺสาปิ อตฺตโนปิ ชีวิตํ อารพฺภ วธกเจตนา ปวตฺตติ, ปรสฺมิํ ตตฺถ มาริเต อาณาปกสฺส กมฺมพโทฺธติ คเหตพฺพํฯ เอวรูเป ฐาเน จิตฺตปฺปวตฺตินิยโม พุทฺธวิสโย, น อเญฺญสํ วิสโยติ อาห ‘‘ตสฺมา เอตฺถ น อนาทริยํ กาตพฺพ’’นฺติฯ
‘‘Dīghaṃ mārehī’’ti vuttepi dīghasaṇṭhānānaṃ bahubhāvato ‘‘itthannāmaṃ evarūpañca dīgha’’nti aññesaṃ asādhāraṇalakkhaṇena aniddiṭṭhattā ‘‘aniyametvā āṇāpetī’’ti vuttaṃ, tenevāha ‘‘yaṃ kiñci tādisaṃ māremī’’ti. Ettha ca cittena bahūsu dīghasaṇṭhānesu ekaṃ niyametvā vuttepi vācāya aniyamitattā aññasmiṃ tādise mārite natthi visaṅketoti vadanti. Attānaṃ muñcitvā parapāṇimhi pāṇasaññitālakkhaṇassa aṅgassa abhāvato nevatthi pāṇātipātoti āha ‘‘āṇāpako muccatī’’ti. Attānaṃ uddissa ‘‘asukaṭṭhāne nisinna’’nti okāsaniyame tasmiṃ padese nisinnassa yassa kassaci jīvitindriyaṃ ārabbha vadhakacittaṃ uppajjatīti vuttaṃ ‘‘neva vadhako muccati na āṇāpako’’ti. Okāsañhi niyametvā niddisanto tasmiṃ okāse nisinnaṃ māretukāmo hoti, sayaṃ pana tadā tattha natthi, tasmā okāsena saha tattha nisinnasseva jīvitindriyaṃ ārammaṇaṃ hoti, na attanoti gahetabbaṃ. Sace pana sayaṃ tattheva nisīditvā attano nisinnaṭṭhānameva niyametvā ‘‘mārehī’’ti vuttepi añño tattha nisinno māriyati, tassāpi attanopi jīvitaṃ ārabbha vadhakacetanā pavattati, parasmiṃ tattha mārite āṇāpakassa kammabaddhoti gahetabbaṃ. Evarūpe ṭhāne cittappavattiniyamo buddhavisayo, na aññesaṃ visayoti āha ‘‘tasmā ettha na anādariyaṃ kātabba’’nti.
เอวํ อาณาเปนฺตสฺส อาจริยสฺส ตาว ทุกฺกฎนฺติ สเจ อาณตฺติโก ยถาธิปฺปายํ น คจฺฉติ, อาจริยสฺส อาณตฺติกฺขเณ ทุกฺกฎํฯ สเจ ปน โส ยถาธิปฺปายํ คจฺฉติ, ยํ ปรโต ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ, อาณตฺติกฺขเณ ตเทว โหติฯ อถ โส อวสฺสํ ฆาเตติ, ยํ ปรโต ‘‘อาปตฺติ สเพฺพสํ ปาราชิกสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๗๔) วุตฺตํ, ตโต อิมสฺส อาณตฺติกฺขเณเยว ปาราชิกํ โหติ, น ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยานีติ คเหตพฺพํฯ เตสมฺปิ ทุกฺกฎนฺติ พุทฺธรกฺขิตาทีนมฺปิ อาโรจนปจฺจยา ทุกฺกฎํ, อิทญฺจ ยถาณตฺติวเสน สงฺฆรกฺขิตสฺส ชีวิตา โวโรปเน อสติ ยุชฺชติ, โวโรปเน สติ เตสมฺปิ อาโรจนกฺขเณเยว ปาราชิกํฯ ปฎิคฺคหิตมเตฺตติ อิทํ อวสฺสํ ปฎิคฺคหณสภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํ, น ปฎิคฺคหิตกฺขเณเยว ถุลฺลจฺจยนฺติ ทสฺสนตฺถํฯ สเจ หิ โส อวสฺสํ ปฎิคฺคเหสฺสติ, กมฺมํ ปน น นิปฺผาเทสฺสติ, ตทา อาจริยสฺส อาณตฺติกฺขเณเยว ถุลฺลจฺจยํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Evaṃāṇāpentassa ācariyassa tāva dukkaṭanti sace āṇattiko yathādhippāyaṃ na gacchati, ācariyassa āṇattikkhaṇe dukkaṭaṃ. Sace pana so yathādhippāyaṃ gacchati, yaṃ parato thullaccayaṃ vuttaṃ, āṇattikkhaṇe tadeva hoti. Atha so avassaṃ ghāteti, yaṃ parato ‘‘āpatti sabbesaṃ pārājikassā’’ti (pārā. 174) vuttaṃ, tato imassa āṇattikkhaṇeyeva pārājikaṃ hoti, na dukkaṭathullaccayānīti gahetabbaṃ. Tesampi dukkaṭanti buddharakkhitādīnampi ārocanapaccayā dukkaṭaṃ, idañca yathāṇattivasena saṅgharakkhitassa jīvitā voropane asati yujjati, voropane sati tesampi ārocanakkhaṇeyeva pārājikaṃ. Paṭiggahitamatteti idaṃ avassaṃ paṭiggahaṇasabhāvadīpanatthaṃ vuttaṃ, na paṭiggahitakkhaṇeyeva thullaccayanti dassanatthaṃ. Sace hi so avassaṃ paṭiggahessati, kammaṃ pana na nipphādessati, tadā ācariyassa āṇattikkhaṇeyeva thullaccayaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ.
มูลฎฺฐเสฺสว ทุกฺกฎนฺติ อิทํ มหาอฎฺฐกถายํ อาคตนยทสฺสนมตฺตํ, น ปเนตํ อตฺตนา อธิเปฺปตํ, เตนาห เอวํ สเนฺตติอาทิ, เอวํ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยน อเตฺถ สตีติ อโตฺถฯ ปฎิคฺคหเณ อาปตฺติเยว น สิยาติ วธกสฺส ‘‘สาธุ สุฎฺฐู’’ติ มรณปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎาปตฺติ เนว สิยา, เอวํ อโนฬาริกวิสเยปิ ตาว ทุกฺกฎํ, กิมงฺคํ ปน มรณปฎิคฺคหเณติ ทสฺสนตฺถํ สญฺจริตฺตปฎิคฺคหณาทิ นิทสฺสิตํฯ ‘‘อโห วต อิตฺถนฺนาโม หโต อสฺสา’’ติ เอวํ มรณาภินนฺทนทสฺสนตฺถํ สญฺจริตฺตปฎิคฺคหณาทิภินนฺทเน ทุกฺกเฎ สติ ปเคว ‘‘อหํ ตํ มาเรสฺสามี’’ติ มรณปฎิคฺคหเณติ อธิปฺปาโยฯ ปฎิคฺคณฺหนฺตเสฺสเวตํ ทุกฺกฎนฺติ อวธารเณน สงฺฆรกฺขิตสฺส ปฎิคฺคหณปจฺจยา มูลฎฺฐสฺส นเตฺถว อาปตฺตีติ ทเสฺสติ, วิสเงฺกตตฺตา ปฐมํ อาณตฺตทุกฺกฎเมวสฺส โหติฯ เกจิ ปน ‘‘มูลฎฺฐสฺสาปิ ทุกฺกฎเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ เอเกน ปโยเคน ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ อสมฺภวาฯ ปุริมนเยติ สมนนฺตราตีเต อวิสกฺกิยทูตนิเทฺทเสฯ เอตนฺติ ทุกฺกฎํฯ โอกาสาภาเวนาติ มูลฎฺฐสฺส ถุลฺลจฺจยสฺส วุจฺจมานตฺตา ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎํ น วุตฺตํ โอกาสาภาเวน, น ปน อาปตฺติอภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ
Mūlaṭṭhasseva dukkaṭanti idaṃ mahāaṭṭhakathāyaṃ āgatanayadassanamattaṃ, na panetaṃ attanā adhippetaṃ, tenāha evaṃ santetiādi, evaṃ mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttanayena atthe satīti attho. Paṭiggahaṇe āpattiyeva na siyāti vadhakassa ‘‘sādhu suṭṭhū’’ti maraṇapaṭiggahaṇe dukkaṭāpatti neva siyā, evaṃ anoḷārikavisayepi tāva dukkaṭaṃ, kimaṅgaṃ pana maraṇapaṭiggahaṇeti dassanatthaṃ sañcarittapaṭiggahaṇādi nidassitaṃ. ‘‘Aho vata itthannāmo hato assā’’ti evaṃ maraṇābhinandanadassanatthaṃ sañcarittapaṭiggahaṇādibhinandane dukkaṭe sati pageva ‘‘ahaṃ taṃ māressāmī’’ti maraṇapaṭiggahaṇeti adhippāyo. Paṭiggaṇhantassevetaṃ dukkaṭanti avadhāraṇena saṅgharakkhitassa paṭiggahaṇapaccayā mūlaṭṭhassa nattheva āpattīti dasseti, visaṅketattā paṭhamaṃ āṇattadukkaṭamevassa hoti. Keci pana ‘‘mūlaṭṭhassāpi dukkaṭamevā’’ti vadanti, taṃ na yuttaṃ ekena payogena dvinnaṃ dukkaṭānaṃ asambhavā. Purimanayeti samanantarātīte avisakkiyadūtaniddese. Etanti dukkaṭaṃ. Okāsābhāvenāti mūlaṭṭhassa thullaccayassa vuccamānattā paṭiggaṇhantassa dukkaṭaṃ na vuttaṃ okāsābhāvena, na pana āpattiabhāvatoti adhippāyo.
๑๗๕. สยํ สงฺฆเตฺถรตฺตา ‘‘อุปฎฺฐานกาเล’’ติ วุตฺตํฯ วาจาย วาจาย ทุกฺกฎนฺติ ‘‘โย โกจิ มม วจนํ สุตฺวา อิมํ มาเรตู’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน อวตฺวา เกวลํ มรณาภินนฺทนวเสเนว วุตฺตตฺตา โจราปิ นาม ตํ น หนนฺตีติอาทิวาจายปิ ทุกฺกฎเมว วุตฺตํฯ ทฺวินฺนํ อุทฺทิสฺสาติ เทฺว อุทฺทิสฺส, ทฺวินฺนํ วา มรณํ อุทฺทิสฺสฯ อุโภ อุทฺทิสฺส มรณํ สํวเณฺณนฺตสฺส ปโยคสมุฎฺฐาปิกาย เจตนาย เอกเตฺตปิ ‘‘เทฺว ปาณาติปาตา’’ติ วตฺตพฺพตาสงฺขาตํ พลวภาวํ อาปชฺชิตฺวา ปฎิสนฺธิปวตฺตีสุ มหาวิปากตฺตา ‘‘อกุสลราสี’’ติ วุตฺตํ, พหู อุทฺทิสฺส มรณสํวณฺณเนปิ เอเสว นโยฯ ตตฺตกา ปาณาติปาตาติ ยตฺตกา สํวณฺณนํ สุตฺวา มริสฺสนฺติ, ตตฺตกานมฺปิ วตฺตมานํ อนาคตญฺจ ชีวิตินฺทฺริยํ สพฺพํ อาลมฺพิตฺวาว เจตนาย ปวตฺตนโต ตตฺตกา ปาณาติปาตา โหนฺติ, ตตฺตกาหิ เจตนาหิ ทาตพฺพํ ปวตฺติวิปากํ เอกาว สา เจตนา ทาตุํ สโกฺกตีติ อโตฺถ, ปฎิสนฺธิวิปากํ ปน สยญฺจ ปุพฺพาปรเจตนา จ เอเกกเมว ทาตุํ สโกฺกตีติ คเหตพฺพํฯ
175. Sayaṃ saṅghattherattā ‘‘upaṭṭhānakāle’’ti vuttaṃ. Vācāya vācāya dukkaṭanti ‘‘yo koci mama vacanaṃ sutvā imaṃ māretū’’ti iminā adhippāyena avatvā kevalaṃ maraṇābhinandanavaseneva vuttattā corāpi nāma taṃ na hanantītiādivācāyapi dukkaṭameva vuttaṃ. Dvinnaṃ uddissāti dve uddissa, dvinnaṃ vā maraṇaṃ uddissa. Ubho uddissa maraṇaṃ saṃvaṇṇentassa payogasamuṭṭhāpikāya cetanāya ekattepi ‘‘dve pāṇātipātā’’ti vattabbatāsaṅkhātaṃ balavabhāvaṃ āpajjitvā paṭisandhipavattīsu mahāvipākattā ‘‘akusalarāsī’’ti vuttaṃ, bahū uddissa maraṇasaṃvaṇṇanepi eseva nayo. Tattakā pāṇātipātāti yattakā saṃvaṇṇanaṃ sutvā marissanti, tattakānampi vattamānaṃ anāgatañca jīvitindriyaṃ sabbaṃ ālambitvāva cetanāya pavattanato tattakā pāṇātipātā honti, tattakāhi cetanāhi dātabbaṃ pavattivipākaṃ ekāva sā cetanā dātuṃ sakkotīti attho, paṭisandhivipākaṃ pana sayañca pubbāparacetanā ca ekekameva dātuṃ sakkotīti gahetabbaṃ.
๑๗๖. เยสํ หตฺถโตติ เยสํ ญาตกปวาริตาทีนํ หตฺถโต, อิทญฺจ ภิกฺขุโน รูปิยมูลสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, อตฺตโนว ธนเญฺจ, สยเมว มูลํ คเหตฺวา มุญฺจติ, มูลํ ปน อคฺคเหตฺวาปิ โปตฺถกสฺส โปตฺถกสามิโน สนฺตกตฺตาปาทนเมเวตฺถ ปมาณนฺติ คเหตพฺพํฯ เลขาทสฺสนโกตูหลกาติ สุนฺทรกฺขรํ ทิสฺวา วา ‘‘กีทิสํ นุ โข โปตฺถก’’นฺติ วา โอโลเกตุกามาฯ
176.Yesaṃ hatthatoti yesaṃ ñātakapavāritādīnaṃ hatthato, idañca bhikkhuno rūpiyamūlassa abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ, attanova dhanañce, sayameva mūlaṃ gahetvā muñcati, mūlaṃ pana aggahetvāpi potthakassa potthakasāmino santakattāpādanamevettha pamāṇanti gahetabbaṃ. Lekhādassanakotūhalakāti sundarakkharaṃ disvā vā ‘‘kīdisaṃ nu kho potthaka’’nti vā oloketukāmā.
ปาณาติปาตสฺส ปโยคตฺตาติ สรีรโต ปาณวิโยชนสฺส นิฎฺฐาปกปโยคตฺตาฯ โอปาตขณนตฺถํ ปน กุทาลาทิอตฺถาย อโยพีชสมุฎฺฐาปนตฺถํ อกปฺปิยปถวิํ วา กุทาลทณฺฑาทีนํ อตฺถาย ภูตคามํ วิโกเปนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวฯ ปาณาติปาตปโยคตฺตาภาวา อทินฺนาทานปุพฺพปยโอเค วิย ทุติยปริเยสนาทีสุปิ เอตฺถ ทุกฺกฎฎฺฐาเน ทุกฺกฎํ, มุสาวาทาทิปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติยเมวาติ คเหตพฺพํฯ ปมาเณติ อตฺตนา สลฺลกฺขิเต ปมาเณฯ ตเจฺฉตฺวาติ อุนฺนตปฺปเทสํ ตเจฺฉตฺวาฯ ปํสุปจฺฉินฺติ สพฺพนฺติมํ ปํสุปจฺฉิํฯ เอตฺตกํ อลนฺติ นิฎฺฐาเปตุกามตาย สพฺพนฺติมปยโอคสาธิกา เจตนา สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา, มหาอฎฺฐกถายํ ‘‘เอกสฺมิํ ทิวเส อวูปสเนฺตเนว ปโยเคน ขณิตฺวา นิฎฺฐาเปนฺตํ สนฺธาย สพฺพนฺติมา สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา วุตฺตา, อิตราสุ ปน อฎฺฐกถาสุ ‘‘อิมสฺมิํ ปติตฺวา มรนฺตู’’ติ อธิปฺปาเยน เอกสฺมิํ ทิวเส กิญฺจิ ขณิตฺวา อปรสฺมิมฺปิ ทิวเส ตโต กิญฺจิ กิญฺจิ ขณิตฺวา นิฎฺฐาเปนฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอวํ อฎฺฐกถานํ อญฺญมญฺญวิโรโธ ญาตโพฺพฯ อตฺตโน ธมฺมตายาติ อชานิตฺวา, ปกฺขลิตฺวา วาฯ อรหนฺตาปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ อเญฺญหิ ปาติยมานานํ อมริตุกามานมฺปิ อรหนฺตานํ มรณํ สมฺภวตีติ วุตฺตํฯ ปุริมนเยติ ‘‘มริตุกามา อิธ มริสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตนเยฯ วิสเงฺกโตติ มริตุกามานํ มาเรตุกามานญฺจ อุทฺทิสฺส ขตตฺตา อมริตุกามานํ มรเณ กมฺมพโทฺธ นตฺถีติ อโตฺถฯ
Pāṇātipātassa payogattāti sarīrato pāṇaviyojanassa niṭṭhāpakapayogattā. Opātakhaṇanatthaṃ pana kudālādiatthāya ayobījasamuṭṭhāpanatthaṃ akappiyapathaviṃ vā kudāladaṇḍādīnaṃ atthāya bhūtagāmaṃ vikopentassa pācittiyameva. Pāṇātipātapayogattābhāvā adinnādānapubbapayaoge viya dutiyapariyesanādīsupi ettha dukkaṭaṭṭhāne dukkaṭaṃ, musāvādādipācittiyaṭṭhāne pācittiyamevāti gahetabbaṃ. Pamāṇeti attanā sallakkhite pamāṇe. Tacchetvāti unnatappadesaṃ tacchetvā. Paṃsupacchinti sabbantimaṃ paṃsupacchiṃ. Ettakaṃ alanti niṭṭhāpetukāmatāya sabbantimapayaogasādhikā cetanā sanniṭṭhāpakacetanā, mahāaṭṭhakathāyaṃ ‘‘ekasmiṃ divase avūpasanteneva payogena khaṇitvā niṭṭhāpentaṃ sandhāya sabbantimā sanniṭṭhāpakacetanā vuttā, itarāsu pana aṭṭhakathāsu ‘‘imasmiṃ patitvā marantū’’ti adhippāyena ekasmiṃ divase kiñci khaṇitvā aparasmimpi divase tato kiñci kiñci khaṇitvā niṭṭhāpentaṃ sandhāya vuttanti evaṃ aṭṭhakathānaṃ aññamaññavirodho ñātabbo. Attano dhammatāyāti ajānitvā, pakkhalitvā vā. Arahantāpi saṅgahaṃ gacchantīti aññehi pātiyamānānaṃ amaritukāmānampi arahantānaṃ maraṇaṃ sambhavatīti vuttaṃ. Purimanayeti ‘‘maritukāmā idha marissantī’’ti vuttanaye. Visaṅketoti maritukāmānaṃ māretukāmānañca uddissa khatattā amaritukāmānaṃ maraṇe kammabaddho natthīti attho.
ตตฺถ ปติตํ พหิ นีหริตฺวาติ อิทํ ตตฺถ ปตนปจฺจยา มรณสฺส ปวตฺตตฺตา วุตฺตํฯ อาวาเฎ ปติตฺวา โถกํ จิรายิตฺวา คจฺฉนฺตํ คเหตฺวา มาริเต ตตฺถ ปติตโรเคน ปีฬิตสฺส คจฺฉโต ปกฺขลิตฺวา ปาสาณาทีสุ ปตเนนาปิ มรเณปิ โอปาตขณโก น มุจฺจตีติ เวทิตพฺพํฯ อมริตุกามา วาติ อธิปฺปายสฺส สมฺภวโต โอปปาติเก อุตฺตริตุํ อสกฺกุณิตฺวา มเตปิ ปาราชิกํ วุตฺตํฯ ‘‘นิพฺพตฺติตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ปตนํ น ทิสฺสตีติ เจ? ตตฺถสฺส นิพฺพตฺติเยว ปตนนฺติ นตฺถิ วิโรโธฯ ยสฺมา มาตุยา ปติตฺวา ปริวตฺติตลิงฺคาย มตาย โส มาตุฆาตโก โหติ, น เกวลํ มนุสฺสปุริสฆาตโก, ตสฺมา ปติตเสฺสว วเสน อาปตฺตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปตนรูปํ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, อิทํ ปน อการณํ ‘‘ลิเงฺค ปริวเตฺตปิ เอกสนฺตานตฺตสฺส อวิคตตฺตาฯ มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา อปิ ปริวตฺตลิงฺคํ ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส กมฺมํ อานนฺตริย’’นฺติ หิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ เยน ปน สภาเวน สตฺตา ชายนฺติ, เตเนว มรนฺติ, โสว เตสํ รูปนฺตรคฺคหเณปิ สภาโวติ ‘‘มรณรูปเมว ปมาณํ, ตสฺมา ปาจิตฺติย’’นฺติ วุโตฺตฯ ปจฺฉิโม วาโท ปมาณํ, เอวํ สเนฺต ปาฬิยํ ‘‘ยโกฺข วา เปโต วา ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห วา ตสฺมิํ ปตติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปติเต ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ เจ? นายํ โทโสฯ ‘‘ยโกฺข วา เปโต วา’’ติ หิ ปฐมํ สกรูปํ ทเสฺสตฺวา รูปนฺตรํ คเหตฺวาปิ ฐิเตเยว ยกฺขเปเต ทเสฺสตุํ ‘‘ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห วา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ติรจฺฉานคตวิคฺคโห มนุสฺสวิคฺคโห วา ยโกฺข วา เปโต วาติ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพาฯ เกจิ ปน ‘‘มนุสฺสวิคฺคเหน ฐิตติรจฺฉานคตานํ อาเวณิกํ กตฺวา ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ วิย ทิสฺสตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ติรจฺฉาโน วา มนุสฺสวิคฺคโหติ วตฺตพฺพโต, อฎฺฐกถาสุ จ อิมสฺส วิเสสสฺส อวุตฺตตฺตาฯ ยกฺขเปตรูเปน มเตปิ เอเสว นโยติ อิมินา มรณรูปเสฺสว ปมาณตฺตา ถุลฺลจฺจยํ อติทิสติฯ
Tatthapatitaṃ bahi nīharitvāti idaṃ tattha patanapaccayā maraṇassa pavattattā vuttaṃ. Āvāṭe patitvā thokaṃ cirāyitvā gacchantaṃ gahetvā mārite tattha patitarogena pīḷitassa gacchato pakkhalitvā pāsāṇādīsu patanenāpi maraṇepi opātakhaṇako na muccatīti veditabbaṃ. Amaritukāmā vāti adhippāyassa sambhavato opapātike uttarituṃ asakkuṇitvā matepi pārājikaṃ vuttaṃ. ‘‘Nibbattitvā’’ti vuttattā patanaṃ na dissatīti ce? Tatthassa nibbattiyeva patananti natthi virodho. Yasmā mātuyā patitvā parivattitaliṅgāya matāya so mātughātako hoti, na kevalaṃ manussapurisaghātako, tasmā patitasseva vasena āpattīti adhippāyena ‘‘patanarūpaṃ pamāṇa’’nti vuttaṃ, idaṃ pana akāraṇaṃ ‘‘liṅge parivattepi ekasantānattassa avigatattā. Manussabhūtaṃ mātaraṃ vā pitaraṃ vā api parivattaliṅgaṃ jīvitā voropentassa kammaṃ ānantariya’’nti hi aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Yena pana sabhāvena sattā jāyanti, teneva maranti, sova tesaṃ rūpantaraggahaṇepi sabhāvoti ‘‘maraṇarūpameva pamāṇaṃ, tasmā pācittiya’’nti vutto. Pacchimo vādo pamāṇaṃ, evaṃ sante pāḷiyaṃ ‘‘yakkho vā peto vā tiracchānagatamanussaviggaho vā tasmiṃ patati, āpatti dukkaṭassa. Patite dukkhā vedanā uppajjati, āpatti dukkaṭassa. Marati, āpatti thullaccayassā’’ti kasmā vuttanti ce? Nāyaṃ doso. ‘‘Yakkho vā peto vā’’ti hi paṭhamaṃ sakarūpaṃ dassetvā rūpantaraṃ gahetvāpi ṭhiteyeva yakkhapete dassetuṃ ‘‘tiracchānagatamanussaviggaho vā’’ti vuttaṃ. Tasmā tiracchānagataviggaho manussaviggaho vā yakkho vā peto vāti evamettha yojanā kātabbā. Keci pana ‘‘manussaviggahena ṭhitatiracchānagatānaṃ āveṇikaṃ katvā thullaccayaṃ vuttaṃ viya dissatī’’ti vadanti, taṃ na yuttaṃ tiracchāno vā manussaviggahoti vattabbato, aṭṭhakathāsu ca imassa visesassa avuttattā. Yakkhapetarūpena matepi eseva nayoti iminā maraṇarūpasseva pamāṇattā thullaccayaṃ atidisati.
มุธาติ อมูเลนฯ โส นิโทฺทโสติ เตน ตตฺถ กตปโยคสฺส อภาวโต, ยทิ ปน โสปิ ตตฺถ กิญฺจิ กโรติ, น มุจฺจติ เอวาติ ทเสฺสโนฺต เอวํ ปติตาติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอวนฺติ เอวํ มยา กเตติ อโตฺถ ฯ น นสฺสิสฺสนฺตีติ อทสฺสนํ น คมิสฺสนฺติ, น ปลายิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ สุอุทฺธรา วา ภวิสฺสนฺตีติ อิทํ คมฺภีรสฺส โอปาตสฺส ปูรเณ ปโยชนทสฺสนํฯ อุตฺตาเน กเต โอปาเต สีฆํ อเมฺหหิ คเหตฺวา มาเรตุํ สุอุทฺธรา ภวิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ วิปฺปฎิสาเร อุปฺปเนฺนติ มูลฎฺฐํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยทิ ปน ปจฺฉิโมปิ ลภิตฺวา ตตฺถ วุตฺตปฺปการํ กิญฺจิ กตฺวา ปุน วิปฺปฎิสาเร อุปฺปเนฺน เอวํ กโรติ, ตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ ชาตปถวี ชาตาติ อีทิเส ปุน อเญฺญน โอปาเต ขเต ตทา มุจฺจตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ชาตปถวีสทิสํ กตฺวา ปุน สุฎฺฐุ โกเฎฺฎตฺวา ทฬฺหตรํ ปูริเตปิ มุจฺจติเยวาติ คเหตพฺพํฯ
Mudhāti amūlena. So niddosoti tena tattha katapayogassa abhāvato, yadi pana sopi tattha kiñci karoti, na muccati evāti dassento evaṃ patitātiādimāha. Tattha evanti evaṃ mayā kateti attho . Na nassissantīti adassanaṃ na gamissanti, na palāyissantīti adhippāyo. Suuddharā vā bhavissantīti idaṃ gambhīrassa opātassa pūraṇe payojanadassanaṃ. Uttāne kate opāte sīghaṃ amhehi gahetvā māretuṃ suuddharā bhavissantīti adhippāyo. Vippaṭisāre uppanneti mūlaṭṭhaṃ sandhāya vuttaṃ. Yadi pana pacchimopi labhitvā tattha vuttappakāraṃ kiñci katvā puna vippaṭisāre uppanne evaṃ karoti, tassāpi eseva nayo. Jātapathavī jātāti īdise puna aññena opāte khate tadā muccatīti dassanatthaṃ vuttaṃ, jātapathavīsadisaṃ katvā puna suṭṭhu koṭṭetvā daḷhataraṃ pūritepi muccatiyevāti gahetabbaṃ.
ถทฺธตรนฺติ ถิรกรณตฺถํ อปราปราย ปาสยฎฺฐิยา สทฺธิํ พนฺธิตฺวา วา ตเมว วา สิถิลภูตปาสํ ถทฺธตรํ พนฺธิตฺวา ฐเปติฯ ขาณุกนฺติ ปาสยฎฺฐิพนฺธนขาณุกํฯ ตตฺถชาตกยฎฺฐิํ ฉินฺทิตฺวา มุจฺจตีติ อิทํ อรเญฺญ ยถาฐิตเมว ทณฺฑํ มูเล อจฺฉินฺทิตฺวา ปาสพนฺธนโยคฺคํ กตฺวา ฐปิตตฺตา ตตฺถ อโญฺญปิ โกจิ ปาสํ พเนฺธยฺย, มูลโฎฺฐ น มุจฺจติ, ตํ ปน มูเลปิ ฉินฺทิตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา มุจฺจตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ รชฺชุเกติ วาเกหิ เอกวารํ วฎฺฎิตรชฺชุเกฯ สยํ วฎฺฎิตนฺติ ตนุกวฎฺฎิตํ ทิคุณติคุณตาปาทเนน อตฺตนา วฎฺฎิตํฯ อุพฺพเฎฺฎตฺวาติ ปากติกํ กตฺวาฯ โคเปโนฺตปีติ หีรํ หีรํ กตฺวา โคเปโนฺตปิฯ
Thaddhataranti thirakaraṇatthaṃ aparāparāya pāsayaṭṭhiyā saddhiṃ bandhitvā vā tameva vā sithilabhūtapāsaṃ thaddhataraṃ bandhitvā ṭhapeti. Khāṇukanti pāsayaṭṭhibandhanakhāṇukaṃ. Tatthajātakayaṭṭhiṃ chinditvā muccatīti idaṃ araññe yathāṭhitameva daṇḍaṃ mūle acchinditvā pāsabandhanayoggaṃ katvā ṭhapitattā tattha aññopi koci pāsaṃ bandheyya, mūlaṭṭho na muccati, taṃ pana mūlepi chinditvā khaṇḍākhaṇḍaṃ katvā muccatīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Rajjuketi vākehi ekavāraṃ vaṭṭitarajjuke. Sayaṃ vaṭṭitanti tanukavaṭṭitaṃ diguṇatiguṇatāpādanena attanā vaṭṭitaṃ. Ubbaṭṭetvāti pākatikaṃ katvā. Gopentopīti hīraṃ hīraṃ katvā gopentopi.
๑๗๗. อาลมฺพนรุโกฺข วาติ ตตฺถชาตกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตทตฺถเมว กตฺวาติ มารณตฺถเมว อโยพีชสมุฎฺฐาปนาทินา วาสิอาทิํ สตฺถํ กาเรตฺวาฯ ปากติกนฺติ อเญฺญหิ กตํ ปกติสตฺถเมว ลภิตฺวา มูลเฎฺฐน ฐปิตํ โหตีติ อโตฺถฯ มุจฺจตีติ มูลโฎฺฐ มุจฺจติฯ วิสมณฺฑลนฺติ มญฺจปีฐาทีสุ อาลิตฺตํ วิสมณฺฑลํฯ
177.Ālambanarukkho vāti tatthajātakaṃ sandhāya vuttaṃ. Tadatthameva katvāti māraṇatthameva ayobījasamuṭṭhāpanādinā vāsiādiṃ satthaṃ kāretvā. Pākatikanti aññehi kataṃ pakatisatthameva labhitvā mūlaṭṭhena ṭhapitaṃ hotīti attho. Muccatīti mūlaṭṭho muccati. Visamaṇḍalanti mañcapīṭhādīsu ālittaṃ visamaṇḍalaṃ.
วตฺวา อสิํ อุปนิกฺขิปตีติ เอตฺถ มุเขน อวตฺวา มนสาว จิเนฺตตฺวา อุปนิกฺขิปเนปิ เอเสว นโยฯ ปุริมนเยนาติ เยสํ หตฺถโต มูลํ คหิตนฺติอาทินาฯ วิสภาคโรโค นาม กุฎฺฐาทิวิรูปภาวโต, คณฺฑปีฬกาทิ วา ชีวิตปฺปวตฺติยา ปจฺจนีกตฺตาฯ
Vatvā asiṃ upanikkhipatīti ettha mukhena avatvā manasāva cintetvā upanikkhipanepi eseva nayo. Purimanayenāti yesaṃ hatthato mūlaṃ gahitantiādinā. Visabhāgarogo nāma kuṭṭhādivirūpabhāvato, gaṇḍapīḷakādi vā jīvitappavattiyā paccanīkattā.
๑๗๘. มนาปิเยปิ เอเสว นโยติ เอเตน มนาปิยํ รูปํ อุปสํหรตีติ เอตฺถ ยํ วา มนาปรูปํ, ตสฺส สมีเป ฐเปติ, อตฺตนา วา มนาปิเยน รูเปน สมนฺนาคโต ติฎฺฐตีติอาทิ โยเชตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ อลงฺกริตฺวา อุปสํหรตีติ ‘‘อลาภเกน สุสฺสิตฺวา มรตู’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน อุปสํหรติ, เตเนว ‘‘สเจ อุตฺตสิตฺวา มรติ, วิสเงฺกโต’’ติ วุตฺตํฯ อลาภเกน สุสฺสิตฺวา มรตีติ เอตฺถ ปาราชิโกติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ มหากจฺฉุ นาม วลฺลิผลวิเสโส, ยสฺส มชฺชารปาทเสฺสว สณฺฐานํ ทุกฺขสมฺผสฺสานิ สุขุมโลมานิ จ โหนฺติฯ หํสปุปฺผนฺติ หํสาทีนํ ปกฺขโลมํ สนฺธาย วทนฺติฯ อตฺตโน ธมฺมตาย มรติ, อนาปตฺตีติ ปาราชิกํ สนฺธาย วุตฺตํ ทุกฺกฎา น มุจฺจนโตฯ
178.Manāpiyepi eseva nayoti etena manāpiyaṃ rūpaṃ upasaṃharatīti ettha yaṃ vā manāparūpaṃ, tassa samīpe ṭhapeti, attanā vā manāpiyena rūpena samannāgato tiṭṭhatītiādi yojetabbanti dasseti. Alaṅkaritvā upasaṃharatīti ‘‘alābhakena sussitvā maratū’’ti iminā adhippāyena upasaṃharati, teneva ‘‘sace uttasitvā marati, visaṅketo’’ti vuttaṃ. Alābhakena sussitvā maratīti ettha pārājikoti pāṭhaseso daṭṭhabbo. Mahākacchu nāma valliphalaviseso, yassa majjārapādasseva saṇṭhānaṃ dukkhasamphassāni sukhumalomāni ca honti. Haṃsapupphanti haṃsādīnaṃ pakkhalomaṃ sandhāya vadanti. Attano dhammatāya marati, anāpattīti pārājikaṃ sandhāya vuttaṃ dukkaṭā na muccanato.
๑๗๙. อสญฺจิจฺจาติ อิทํ มรณสํวตฺตนิกอุปกฺกมสฺส อสลฺลกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห อิมินา อุปกฺกเมนาติอาทิฯ อชานนฺตสฺสาติ อิทํ ปน มรณสํวตฺตนิกวิสาทิอุปกฺกมกรณสฺส อชานนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห อิมินา อยํ มริสฺสตีติอาทิฯ น มรณาธิปฺปายสฺสาติ อิทํ ทุกฺขุปฺปาทกํ อุปกฺกมนฺติ ชานนฺตสฺสาปิ มรณาธิปฺปายสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห มรณํ อนิจฺฉนฺตสฺสาติอาทิฯ อนุปฺปพนฺธาภาวาติ โทมนสฺสวีถีนํ นิรนฺตรปฺปวตฺติอภาวาฯ
179. Asañciccāti idaṃ maraṇasaṃvattanikaupakkamassa asallakkhaṇaṃ sandhāya vuttanti āha iminā upakkamenātiādi. Ajānantassāti idaṃ pana maraṇasaṃvattanikavisādiupakkamakaraṇassa ajānanaṃ sandhāya vuttanti āha iminā ayaṃ marissatītiādi. Na maraṇādhippāyassāti idaṃ dukkhuppādakaṃ upakkamanti jānantassāpi maraṇādhippāyassa abhāvaṃ sandhāya vuttanti āha maraṇaṃ anicchantassātiādi. Anuppabandhābhāvāti domanassavīthīnaṃ nirantarappavattiabhāvā.
ปทภาชนียวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ
Padabhājanīyavaṇṇanānayo niṭṭhito.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
ทูตกถาวณฺณนา • Dūtakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā