Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา

    4. Padasodhammasikkhāpadavaṇṇanā

    ๔๔. จตุตฺถสิกฺขาปเท – อปฺปติสฺสาติ อปฺปติสฺสวาฯ อุปาสกาติ วุเตฺต วจนมฺปิ น โสตุกามา; อนาทราติ อโตฺถฯ อปฺปติสฺสยา วา อนีจวุตฺติโนติ อโตฺถฯ อสภาควุตฺติกาติ วิสภาคชีวิกา, ยถา ภิกฺขูสุ วตฺติตพฺพํ; เอวํ อปฺปวตฺตวุตฺติโนติ อโตฺถฯ

    44. Catutthasikkhāpade – appatissāti appatissavā. Upāsakāti vutte vacanampi na sotukāmā; anādarāti attho. Appatissayā vā anīcavuttinoti attho. Asabhāgavuttikāti visabhāgajīvikā, yathā bhikkhūsu vattitabbaṃ; evaṃ appavattavuttinoti attho.

    ๔๕. ปทโส ธมฺมํ วาเจยฺยาติ เอกโต ปทํ ปทํ ธมฺมํ วาเจยฺย; โกฎฺฐาสํ โกฎฺฐาสํ วาเจยฺยาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปน ตํ โกฎฺฐาสนามกํ ปทํ จตุพฺพิธํ โหติ, ตสฺมา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปทํ อนุปทํ อนฺวกฺขรํ อนุพฺยญฺชน’’นฺติ ปทภาชนํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปทนฺติ เอโก คาถาปาโท อธิเปฺปโตฯ อนุปทนฺติ ทุติยปาโทฯ อนฺวกฺขรนฺติ เอเกกมกฺขรํฯ อนุพฺยญฺชนนฺติ ปุริมพฺยญฺชเนน สทิสํ ปจฺฉาพฺยญฺชนํฯ ยํ กิญฺจิ วา เอกมกฺขรํ อนฺวกฺขรํ, อกฺขรสมูโห อนุพฺยญฺชนํ, อกฺขรานุพฺยญฺชนสมูโห ปทํฯ ปฐมปทํ ปทเมว, ทุติยํ อนุปทนฺติ เอวเมตฺถ นานากรณํ เวทิตพฺพํฯ

    45.Padaso dhammaṃ vāceyyāti ekato padaṃ padaṃ dhammaṃ vāceyya; koṭṭhāsaṃ koṭṭhāsaṃ vāceyyāti attho. Yasmā pana taṃ koṭṭhāsanāmakaṃ padaṃ catubbidhaṃ hoti, tasmā taṃ dassetuṃ ‘‘padaṃ anupadaṃ anvakkharaṃ anubyañjana’’nti padabhājanaṃ vuttaṃ. Tattha padanti eko gāthāpādo adhippeto. Anupadanti dutiyapādo. Anvakkharanti ekekamakkharaṃ. Anubyañjananti purimabyañjanena sadisaṃ pacchābyañjanaṃ. Yaṃ kiñci vā ekamakkharaṃ anvakkharaṃ, akkharasamūho anubyañjanaṃ, akkharānubyañjanasamūho padaṃ. Paṭhamapadaṃ padameva, dutiyaṃ anupadanti evamettha nānākaraṇaṃ veditabbaṃ.

    อิทานิ ปทํ นาม เอกโต ปฎฺฐเปตฺวา เอกโต โอสาเปนฺตีติ คาถาพนฺธํ ธมฺมํ วาเจโนฺต ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ เอกเมกํ ปทํ สามเณเรน สทฺธิํ เอกโต อารภิตฺวา เอกโตเยว นิฎฺฐาเปติฯ เอวํ วาเจนฺตสฺส ปทคณนาย ปาจิตฺติยา เวทิตพฺพาฯ อนุปทํ นาม ปาเฎกฺกํ ปฎฺฐเปตฺวา เอกโต โอสาเปนฺตีติ เถเรน ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ วุเตฺต สามเณโร ตํ ปทํ อปาปุณิตฺวา ‘‘มโนเสฎฺฐา มโนมยา’’ติ ทุติยปทํ เอกโต ภณติ, อิเม ปาเฎกฺกํ ปฎฺฐเปตฺวา เอกโต โอสาเปนฺติ นามฯ เอวํ วาเจนฺตสฺสาปิ อนุปทคณนาย ปาจิตฺติยาฯ อนฺวกฺขรํ นาม รูปํ อนิจฺจนฺติ วุจฺจมาโน ‘‘รู’’ติ โอปาเตตีติ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ ภณ สามเณรา’’ติ วุจฺจมาโน รูการมตฺตเมว เอกโต วตฺวา ติฎฺฐติฯ เอวํ วาเจนฺตสฺสาปิ อนฺวกฺขรคณนาย ปาจิตฺติยาฯ คาถาพเนฺธปิ จ เอส นโย ลพฺภติเยวฯ อนุพฺยญฺชนํ นาม รูปํ อนิจฺจนฺติ วุจฺจมาโน เวทนา อนิจฺจาติ สทฺทํ นิจฺฉาเรตีติ ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา’’ติ อิมํ สุตฺตํ วาจยมาโน เถเรน ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ วุจฺจมาโน สามเณโร สีฆปญฺญตาย ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ อิมํ อนิจฺจปทํ เถรสฺส ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ เอเตน อนิจฺจปเทน สทฺธิํ เอกโต ภณโนฺต วาจํ นิจฺฉาเรติฯ เอวํ วาเจนฺตสฺสาปิ อนุพฺยญฺชนคณนาย ปาจิตฺติยาฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขโป – อิเมสุ ปทาทีสุ ยํ ยํ เอกโต ภณติ เตน เตน อาปตฺติํ อาปชฺชตีติฯ

    Idāni padaṃ nāma ekato paṭṭhapetvā ekato osāpentīti gāthābandhaṃ dhammaṃ vācento ‘‘manopubbaṅgamā dhammā’’ti ekamekaṃ padaṃ sāmaṇerena saddhiṃ ekato ārabhitvā ekatoyeva niṭṭhāpeti. Evaṃ vācentassa padagaṇanāya pācittiyā veditabbā. Anupadaṃ nāma pāṭekkaṃ paṭṭhapetvā ekato osāpentīti therena ‘‘manopubbaṅgamā dhammā’’ti vutte sāmaṇero taṃ padaṃ apāpuṇitvā ‘‘manoseṭṭhā manomayā’’ti dutiyapadaṃ ekato bhaṇati, ime pāṭekkaṃ paṭṭhapetvā ekato osāpenti nāma. Evaṃ vācentassāpi anupadagaṇanāya pācittiyā. Anvakkharaṃ nāma rūpaṃ aniccantivuccamāno ‘‘rū’’ti opātetīti ‘‘rūpaṃ aniccanti bhaṇa sāmaṇerā’’ti vuccamāno rūkāramattameva ekato vatvā tiṭṭhati. Evaṃ vācentassāpi anvakkharagaṇanāya pācittiyā. Gāthābandhepi ca esa nayo labbhatiyeva. Anubyañjanaṃ nāma rūpaṃ aniccanti vuccamāno vedanā aniccāti saddaṃ nicchāretīti ‘‘rūpaṃ, bhikkhave, aniccaṃ, vedanā aniccā’’ti imaṃ suttaṃ vācayamāno therena ‘‘rūpaṃ anicca’’nti vuccamāno sāmaṇero sīghapaññatāya ‘‘vedanā aniccā’’ti imaṃ aniccapadaṃ therassa ‘‘rūpaṃ anicca’’nti etena aniccapadena saddhiṃ ekato bhaṇanto vācaṃ nicchāreti. Evaṃ vācentassāpi anubyañjanagaṇanāya pācittiyā. Ayaṃ panettha saṅkhepo – imesu padādīsu yaṃ yaṃ ekato bhaṇati tena tena āpattiṃ āpajjatīti.

    พุทฺธภาสิโตติ สกลํ วินยปิฎกํ อภิธมฺมปิฎกํ ธมฺมปทํ จริยาปิฎกํ อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ สุตฺตนิปาโต วิมานวตฺถุ เปตวตฺถุ พฺรหฺมชาลาทีนิ จ สุตฺตานิฯ สาวกภาสิโตติ จตุปริสปริยาปเนฺนหิ สาวเกหิ ภาสิโต อนงฺคณสมฺมาทิฎฺฐิอนุมานสุตฺตจุฬเวทลฺลมหาเวทลฺลาทิโกฯ อิสิภาสิโตติ พาหิรปริพฺพาชเกหิ ภาสิโต สกโล ปริพฺพาชกวโคฺค, พาวริยสฺส อเนฺตวาสิกานํ โสฬสนฺนํ พฺราหฺมณานํ ปุจฺฉาติ เอวมาทิฯ เทวตาภาสิโตติ เทวตาหิ ภาสิโต; โส เทวตาสํยุตฺตเทวปุตฺตสํยุตฺตมารสํยุตฺตพฺรหฺมสํยุตฺตสกฺกสํยุตฺตาทิวเสน เวทิตโพฺพฯ

    Buddhabhāsitoti sakalaṃ vinayapiṭakaṃ abhidhammapiṭakaṃ dhammapadaṃ cariyāpiṭakaṃ udānaṃ itivuttakaṃ jātakaṃ suttanipāto vimānavatthu petavatthu brahmajālādīni ca suttāni. Sāvakabhāsitoti catuparisapariyāpannehi sāvakehi bhāsito anaṅgaṇasammādiṭṭhianumānasuttacuḷavedallamahāvedallādiko. Isibhāsitoti bāhiraparibbājakehi bhāsito sakalo paribbājakavaggo, bāvariyassa antevāsikānaṃ soḷasannaṃ brāhmaṇānaṃ pucchāti evamādi. Devatābhāsitoti devatāhi bhāsito; so devatāsaṃyuttadevaputtasaṃyuttamārasaṃyuttabrahmasaṃyuttasakkasaṃyuttādivasena veditabbo.

    อตฺถูปสญฺหิโตติ อฎฺฐกถานิสฺสิโตฯ ธมฺมูปสญฺหิโตติ ปาฬินิสฺสิโต; อุภเยนาปิ วิวฎฺฎูปนิสฺสิตเมว วทติฯ กิญฺจาปิ วิวฎฺฎูปนิสฺสิตํ วทติ, ติโสฺส สงฺคีติโย อารุฬฺหธมฺมํเยว ปน ปทโส วาเจนฺตสฺส อาปตฺติ ฯ วิวฎฺฎูปนิสฺสิเตปิ นานาภาสาวเสน คาถาสิโลกพนฺธาทีหิ อภิสงฺขเต อนาปตฺติฯ ติโสฺส สงฺคีติโย อนารุเฬฺหปิ กุลุมฺพสุตฺตํ ราโชวาทสุตฺตํ ติกฺขินฺทฺริยํ จตุปริวฎฺฎํ นโนฺทปนนฺทนฺติ อีทิเส อาปตฺติเยวฯ อปลาลทมนมฺปิ วุตฺตํ, มหาปจฺจริยมฺปน ปฎิสิทฺธํฯ เมณฺฑกมิลินฺทปเญฺหสุ เถรสฺส สกปฎิภาเน อนาปตฺติ, ยํ รโญฺญ สญฺญาปนตฺถํ อาหริตฺวา วุตฺตํ, ตตฺถ อาปตฺติฯ วณฺณปิฎกองฺคุลิมาลปิฎกรฎฺฐปาลคอชตอาฬวกคชฺชิตคุฬฺหมคฺคคุฬฺหเวสฺสนฺตรคุฬฺหวินยเวทลฺลปิฎกานิ ปน อพุทฺธวจนานิเยวาติ วุตฺตํฯ สีลูปเทโส นาม ธมฺมเสนาปตินา วุโตฺตติ วทนฺติ, ตสฺมิํ อาปตฺติเยวฯ อญฺญานิปิ มคฺคกถาอารมฺมณกถาพุทฺธิกทณฺฑก ญาณวตฺถุอสุภกถาทีนิ อตฺถิ, เตสุ สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมา วิภตฺตา, ธุตงฺคปเญฺห ปฎิปทา วิภตฺตา; ตสฺมา เตสุ อาปตฺตีติ วุตฺตํฯ มหาปจฺจริยาทีสุ ปน สงฺคีติํ อนารุเฬฺหสุ ราโชวาทติกฺขินฺทฺริยจตุปริวฎฺฎนโนฺทปนนฺทกุลุมฺพสุเตฺตสุเยว อาปตฺตีติ วตฺวา อวเสเสสุ ยํ พุทฺธวจนโต อาหริตฺวา วุตฺตํ, ตเทว อาปตฺติวตฺถุ โหติ, น อิตรนฺติ อยมโตฺถ ปริคฺคหิโตฯ

    Atthūpasañhitoti aṭṭhakathānissito. Dhammūpasañhitoti pāḷinissito; ubhayenāpi vivaṭṭūpanissitameva vadati. Kiñcāpi vivaṭṭūpanissitaṃ vadati, tisso saṅgītiyo āruḷhadhammaṃyeva pana padaso vācentassa āpatti . Vivaṭṭūpanissitepi nānābhāsāvasena gāthāsilokabandhādīhi abhisaṅkhate anāpatti. Tisso saṅgītiyo anāruḷhepi kulumbasuttaṃ rājovādasuttaṃ tikkhindriyaṃ catuparivaṭṭaṃ nandopanandanti īdise āpattiyeva. Apalāladamanampi vuttaṃ, mahāpaccariyampana paṭisiddhaṃ. Meṇḍakamilindapañhesu therassa sakapaṭibhāne anāpatti, yaṃ rañño saññāpanatthaṃ āharitvā vuttaṃ, tattha āpatti. Vaṇṇapiṭakaaṅgulimālapiṭakaraṭṭhapālagaajataāḷavakagajjitaguḷhamaggaguḷhavessantaraguḷhavinayavedallapiṭakāni pana abuddhavacanāniyevāti vuttaṃ. Sīlūpadeso nāma dhammasenāpatinā vuttoti vadanti, tasmiṃ āpattiyeva. Aññānipi maggakathāārammaṇakathābuddhikadaṇḍaka ñāṇavatthuasubhakathādīni atthi, tesu sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā vibhattā, dhutaṅgapañhe paṭipadā vibhattā; tasmā tesu āpattīti vuttaṃ. Mahāpaccariyādīsu pana saṅgītiṃ anāruḷhesu rājovādatikkhindriyacatuparivaṭṭanandopanandakulumbasuttesuyeva āpattīti vatvā avasesesu yaṃ buddhavacanato āharitvā vuttaṃ, tadeva āpattivatthu hoti, na itaranti ayamattho pariggahito.

    ๔๘. เอกโต อุทฺทิสาเปโนฺตติ อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ เอกโต อุเทฺทสํ คณฺหโนฺตปิ เอกโต วทติ อนาปตฺตีติ อโตฺถฯ

    48.Ekato uddisāpentoti anupasampannena saddhiṃ ekato uddesaṃ gaṇhantopi ekato vadati anāpattīti attho.

    ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – อุปสมฺปโนฺน จ อนุปสมฺปโนฺน จ นิสีทิตฺวา อุทฺทิสาเปนฺติฯ อาจริโย นิสินฺนานํ ภณามีติ เตหิ สทฺธิํ เอกโต วทติ, อาจริยสฺส อาปตฺติฯ อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺติฯ เทฺวปิ ฐิตา คณฺหนฺติ, เอเสว นโยฯ ทหรภิกฺขุ นิสิโนฺน, สามเณโร ฐิโต, นิสินฺนสฺส ภณามีติ ภณโต อนาปตฺติฯ สเจ ทหโร ติฎฺฐติ, อิตโร นิสีทติ, ฐิตสฺส ภณามีติ ภณโตปิ อนาปตฺติฯ สเจ พหูนํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร เอโก สามเณโร นิสิโนฺน โหติ, ตสฺมิํ นิสิเนฺน ปทโส ธมฺมํ วาเจนฺตสฺส อาจริยสฺส อจิตฺตกาปตฺติฯ สเจ สามเณโร อุปจารํ มุญฺจิตฺวา ฐิโต วา นิสิโนฺน วา โหติ, เยสํ วาเจติ, เตสุ อปริยาปนฺนตฺตา เอเกน ทิสาภาเคน ปลายนกคนฺถํ นาม คณฺหาตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตสฺมา อนาปตฺติฯ เอกโต สชฺฌายํ กโรโนฺตปิ อนุปสมฺปเนฺนน สทฺธิํ อุปสมฺปโนฺน เอกโต สชฺฌายํ กโรโนฺต เตน สทฺธิํเยว ภณติ, อนาปตฺติฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก อุเทฺทสํ คณฺหนฺตสฺสปิ เตน สทฺธิํ เอกโต ภณนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อยมฺปิ หิ เอกโต สชฺฌายํ กโรติเจฺจว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ

    Tatrāyaṃ vinicchayo – upasampanno ca anupasampanno ca nisīditvā uddisāpenti. Ācariyo nisinnānaṃ bhaṇāmīti tehi saddhiṃ ekato vadati, ācariyassa āpatti. Anupasampannena saddhiṃ gaṇhantassa anāpatti. Dvepi ṭhitā gaṇhanti, eseva nayo. Daharabhikkhu nisinno, sāmaṇero ṭhito, nisinnassa bhaṇāmīti bhaṇato anāpatti. Sace daharo tiṭṭhati, itaro nisīdati, ṭhitassa bhaṇāmīti bhaṇatopi anāpatti. Sace bahūnaṃ bhikkhūnaṃ antare eko sāmaṇero nisinno hoti, tasmiṃ nisinne padaso dhammaṃ vācentassa ācariyassa acittakāpatti. Sace sāmaṇero upacāraṃ muñcitvā ṭhito vā nisinno vā hoti, yesaṃ vāceti, tesu apariyāpannattā ekena disābhāgena palāyanakaganthaṃ nāma gaṇhātīti saṅkhyaṃ gacchati, tasmā anāpatti. Ekato sajjhāyaṃ karontopi anupasampannena saddhiṃ upasampanno ekato sajjhāyaṃ karonto tena saddhiṃyeva bhaṇati, anāpatti. Anupasampannassa santike uddesaṃ gaṇhantassapi tena saddhiṃ ekato bhaṇantassa anāpatti. Ayampi hi ekato sajjhāyaṃ karoticceva saṅkhyaṃ gacchati.

    เยภุเยฺยน ปคุณํ คนฺถํ ภณนฺตํ โอปาเตตีติ สเจ เอกคาถาย เอโก ปาโท น อาคจฺฉติ, เสสํ อาคจฺฉติ, อยํ เยภุเยฺยน ปคุณคโนฺถ นามฯ เอเตน นเยน สุเตฺตปิ เวทิตโพฺพฯ ตํ โอปาเตนฺตสฺส เอวํ ภณาหีติ เอกโตปิ ภณนฺตสฺส อนาปตฺติฯ โอสาเรนฺตํ โอปาเตตีติ สุตฺตํ อุจฺจาเรนฺตํ ปริสมเชฺฌ ปริสงฺกมานํ เอวํ วเทหีติ เตน สทฺธิํ เอกโตปิ วทนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ยํ ปน มหาปจฺจริยาทีสุ ‘‘มยา สทฺธิํ มา วทา’’ติ วุโตฺต ยทิ วทติ, ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ มหาอฎฺฐกถายํ นตฺถิ, นตฺถิภาโวเยว จสฺส ยุโตฺตฯ กสฺมา? กิริยสมุฎฺฐานตฺตาฯ อิตรถา หิ กิริยากิริยํ ภเวยฺยฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    Yebhuyyena paguṇaṃ ganthaṃ bhaṇantaṃ opātetīti sace ekagāthāya eko pādo na āgacchati, sesaṃ āgacchati, ayaṃ yebhuyyena paguṇagantho nāma. Etena nayena suttepi veditabbo. Taṃ opātentassa evaṃ bhaṇāhīti ekatopi bhaṇantassa anāpatti. Osārentaṃ opātetīti suttaṃ uccārentaṃ parisamajjhe parisaṅkamānaṃ evaṃ vadehīti tena saddhiṃ ekatopi vadantassa anāpatti. Yaṃ pana mahāpaccariyādīsu ‘‘mayā saddhiṃ mā vadā’’ti vutto yadi vadati, ‘‘anāpattī’’ti vuttaṃ, taṃ mahāaṭṭhakathāyaṃ natthi, natthibhāvoyeva cassa yutto. Kasmā? Kiriyasamuṭṭhānattā. Itarathā hi kiriyākiriyaṃ bhaveyya. Sesaṃ uttānatthameva.

    ปทโสธมฺมสมุฎฺฐานํ – วาจโต จ วาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Padasodhammasamuṭṭhānaṃ – vācato ca vācācittato ca samuṭṭhāti, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    ปทโสธมฺมสิกฺขาปทํ จตุตฺถํฯ

    Padasodhammasikkhāpadaṃ catutthaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. มุสาวาทวโคฺค • 1. Musāvādavaggo

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Padasodhammasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Padasodhammasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Padasodhammasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔. ปทโสธมฺมสิกฺขาปทํ • 4. Padasodhammasikkhāpadaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact