Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. ปธานสุตฺตวณฺณนา
2. Padhānasuttavaṇṇanā
๒. ทุติเย อุภโตพฺยูฬฺหสงฺคามปฺปเวสนสทิสนฺติ ยุทฺธตฺถาย อุภโตราสิกตจตุรงฺคินิเสนามชฺฌปฺปเวสนสทิสํฯ ทานญฺจ ยุทฺธญฺจ สมานมาหูติ เอตฺถ กถํ ปนีทมุภยํ สมานํ? ชีวิตวินาสภีรุโก หิ ยุชฺฌิตุํ น สโกฺกติ, โภคกฺขยภีรุโก ทานํ ทาตุํ น สโกฺกติฯ ‘‘ชีวิตญฺจ รกฺขิสฺสามิ, ยุชฺฌิสฺสามี’’ติ หิ วทโนฺต น ยุชฺฌติ, ชีวิเต ปน อาลยํ วิสฺสเชฺชตฺวา ‘‘หตฺถปาทาทิเจฺฉโท วา โหตุ มรณํ วา, คณฺหิสฺสาเมตํ อิสฺสริย’’นฺติ อุสฺสหโนฺตว ยุชฺฌติ ฯ ‘‘โภเค จ รกฺขิสฺสามิ, ทานญฺจ ทสฺสามี’’ติ วทโนฺตปิ น ททาติ, โภเคสุ ปน อาลยํ ปิสฺสเชฺชตฺวา ‘‘มหาทานํ ทสฺสามี’’ติ อุสฺสหโนฺตว เทติฯ เอวํ ทานญฺจ ยุทฺธญฺจ สมํ โหติฯ กิญฺจ ภิโยฺย – อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺติ, ยถา จ ยุเทฺธ อปฺปกาปิ วีรปุริสา พหุเก ภีรุปุริเส ชินนฺติ, เอวํ สทฺธาทิสมฺปโนฺน อปฺปกมฺปิ ทานํ ททโนฺต พหุวิธํ โลภโทสอิสฺสามจฺฉริยทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทิเภทํ ตปฺปฎิปกฺขํ อภิภวติ, พหุญฺจ ทานวิปากํ อธิคจฺฉติฯ เอวมฺปิ ทานญฺจ ยุทฺธญฺจ สมานํฯ เตนาห ‘‘อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติฯ
2. Dutiye ubhatobyūḷhasaṅgāmappavesanasadisanti yuddhatthāya ubhatorāsikatacaturaṅginisenāmajjhappavesanasadisaṃ. Dānañca yuddhañca samānamāhūti ettha kathaṃ panīdamubhayaṃ samānaṃ? Jīvitavināsabhīruko hi yujjhituṃ na sakkoti, bhogakkhayabhīruko dānaṃ dātuṃ na sakkoti. ‘‘Jīvitañca rakkhissāmi, yujjhissāmī’’ti hi vadanto na yujjhati, jīvite pana ālayaṃ vissajjetvā ‘‘hatthapādādicchedo vā hotu maraṇaṃ vā, gaṇhissāmetaṃ issariya’’nti ussahantova yujjhati . ‘‘Bhoge ca rakkhissāmi, dānañca dassāmī’’ti vadantopi na dadāti, bhogesu pana ālayaṃ pissajjetvā ‘‘mahādānaṃ dassāmī’’ti ussahantova deti. Evaṃ dānañca yuddhañca samaṃ hoti. Kiñca bhiyyo – appāpi santā bahuke jinanti, yathā ca yuddhe appakāpi vīrapurisā bahuke bhīrupurise jinanti, evaṃ saddhādisampanno appakampi dānaṃ dadanto bahuvidhaṃ lobhadosaissāmacchariyadiṭṭhivicikicchādibhedaṃ tappaṭipakkhaṃ abhibhavati, bahuñca dānavipākaṃ adhigacchati. Evampi dānañca yuddhañca samānaṃ. Tenāha ‘‘appampi ce saddahāno dadāti, teneva so hoti sukhī paratthā’’ti.
อคารสฺส หิตํ กสิโครกฺขาทิ อคาริยํ, ตํ นตฺถิ เอตฺถาติ อนคาริยํ, ปพฺพชฺชาติ อาห ‘‘อคารสฺส…เป.… อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติฯ สพฺพูปธิปฎินิสฺสคฺคตฺถายาติ เอตฺถ จตฺตาโร อุปธี – กามุปธิ, ขนฺธุปธิ, กิเลสุปธิ, อภิสงฺขารุปธีติฯ กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๔) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส, ตทสฺสาทนิมิตฺตสฺส วา ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต อุปธียติ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนเตฺถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติฯ ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติฯ สเพฺพสํ อุปธีนํ ปฎินิสฺสโคฺค ปหานํ เอตฺถาติ สพฺพูปธิปฎินิสฺสคฺคํ, นิพฺพานํฯ เตนาห ‘‘สเพฺพสํ ขนฺธูปธิ…เป.… นิพฺพานสฺส อตฺถายา’’ติฯ
Agārassa hitaṃ kasigorakkhādi agāriyaṃ, taṃ natthi etthāti anagāriyaṃ, pabbajjāti āha ‘‘agārassa…pe… anagāriyaṃ pabbajja’’nti. Sabbūpadhipaṭinissaggatthāyāti ettha cattāro upadhī – kāmupadhi, khandhupadhi, kilesupadhi, abhisaṅkhārupadhīti. Kāmāpi hi ‘‘yaṃ pañca kāmaguṇe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ, ayaṃ kāmānaṃ assādo’’ti (a. ni. 9.34) evaṃ vuttassa sukhassa, tadassādanimittassa vā dukkhassa adhiṭṭhānabhāvato upadhīyati ettha sukhanti iminā vacanatthena ‘‘upadhī’’ti vuccanti. Khandhāpi khandhamūlakassa dukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, kilesāpi apāyadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, abhisaṅkhārāpi bhavadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato ‘‘upadhī’’ti vuccanti. Sabbesaṃ upadhīnaṃ paṭinissaggo pahānaṃ etthāti sabbūpadhipaṭinissaggaṃ, nibbānaṃ. Tenāha ‘‘sabbesaṃ khandhūpadhi…pe… nibbānassa atthāyā’’ti.
ปธานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Padhānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. ปธานสุตฺตํ • 2. Padhānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ปธานสุตฺตวณฺณนา • 2. Padhānasuttavaṇṇanā