Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๘. ปทีโปปมสุตฺตํ

    8. Padīpopamasuttaṃ

    ๙๘๔. ‘‘อานาปานสฺสติสมาธิ , ภิกฺขเว, ภาวิโต พหุลีกโต มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ กถํ ภาวิโต จ, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ กถํ พหุลีกโต มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส?

    984. ‘‘Ānāpānassatisamādhi , bhikkhave, bhāvito bahulīkato mahapphalo hoti mahānisaṃso. Kathaṃ bhāvito ca, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi kathaṃ bahulīkato mahapphalo hoti mahānisaṃso?

    ‘‘อิธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส สโตว อสฺสสติ, สโตว ปสฺสสติฯ ทีฆํ วา อสฺสสโนฺต ‘ทีฆํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ…เป.… ‘ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ, ‘ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติฯ เอวํ ภาวิโต โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ เอวํ พหุลีกโต มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ

    ‘‘Idha , bhikkhave, bhikkhu araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So satova assasati, satova passasati. Dīghaṃ vā assasanto ‘dīghaṃ assasāmī’ti pajānāti…pe… ‘paṭinissaggānupassī assasissāmī’ti sikkhati, ‘paṭinissaggānupassī passasissāmī’ti sikkhati. Evaṃ bhāvito kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi evaṃ bahulīkato mahapphalo hoti mahānisaṃso.

    ‘‘อหมฺปิ สุทํ, ภิกฺขเว, ปุเพฺพว สโมฺพธา อนภิสมฺพุโทฺธ โพธิสโตฺตว สมาโน อิมินา วิหาเรน พหุลํ วิหรามิฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิมินา วิหาเรน พหุลํ วิหรโต เนว กาโย กิลมติ น จกฺขูนิ; อนุปาทาย จ เม อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิฯ

    ‘‘Ahampi sudaṃ, bhikkhave, pubbeva sambodhā anabhisambuddho bodhisattova samāno iminā vihārena bahulaṃ viharāmi. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, iminā vihārena bahulaṃ viharato neva kāyo kilamati na cakkhūni; anupādāya ca me āsavehi cittaṃ vimucci.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘เนว เม กาโย กิลเมยฺย น จกฺขูนิ, อนุปาทาย จ เม อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุเจฺจยฺยา’ติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘neva me kāyo kilameyya na cakkhūni, anupādāya ca me āsavehi cittaṃ vimucceyyā’ti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘เย เม เคหสิตา สรสงฺกปฺปา เต ปหีเยยฺยุ’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘ye me gehasitā sarasaṅkappā te pahīyeyyu’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘อปฺปฎิกูเล ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘appaṭikūle paṭikūlasaññī vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘ปฎิกูเล อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha , bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘paṭikūle appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘ปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูเล จ ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘paṭikūle ca appaṭikūle ca paṭikūlasaññī vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘ปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘paṭikūle ca appaṭikūle ca appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘อปฺปฎิกูลญฺจ ปฎิกูลญฺจ ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน’ติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘appaṭikūlañca paṭikūlañca tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhako vihareyyaṃ sato sampajāno’ti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหเรยฺยํ สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทยฺยํ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘pītiyā ca virāgā upekkhako ca vihareyyaṃ sato ca sampajāno, sukhañca kāyena paṭisaṃvedeyyaṃ, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – upekkhako satimā sukhavihārīti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา อนโนฺต อากาโสติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ananto ākāsoti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม อนนฺตํ วิญฺญาณนฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma anantaṃ viññāṇanti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม นตฺถิ กิญฺจีติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma natthi kiñcīti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha , bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจปิ อากเงฺขยฺย – ‘สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, อยเมว อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิ กาตโพฺพฯ

    ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, bhikkhu cepi ākaṅkheyya – ‘sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja vihareyya’nti, ayameva ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasi kātabbo.

    ‘‘เอวํ ภาวิเต โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิมฺหิ เอวํ พหุลีกเต, สุขํ เจ เวทนํ เวทยติ, สา ‘อนิจฺจา’ติ ปชานาติ, ‘อนโชฺฌสิตา’ติ ปชานาติ, ‘อนภินนฺทิตา’ติ ปชานาติ; ทุกฺขํ เจ เวทนํ เวทยติ, ‘สา อนิจฺจา’ติ ปชานาติ, ‘อนโชฺฌสิตา’ติ ปชานาติ, ‘อนภินนฺทิตา’ติ ปชานาติ; อทุกฺขมสุขํ เจ เวทนํ เวทยติ, ‘สา อนิจฺจา’ติ ปชานาติ, ‘อนโชฺฌสิตา’ติ ปชานาติ, ‘อนภินนฺทิตา’ติ ปชานาติ’’ฯ

    ‘‘Evaṃ bhāvite kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhimhi evaṃ bahulīkate, sukhaṃ ce vedanaṃ vedayati, sā ‘aniccā’ti pajānāti, ‘anajjhositā’ti pajānāti, ‘anabhinanditā’ti pajānāti; dukkhaṃ ce vedanaṃ vedayati, ‘sā aniccā’ti pajānāti, ‘anajjhositā’ti pajānāti, ‘anabhinanditā’ti pajānāti; adukkhamasukhaṃ ce vedanaṃ vedayati, ‘sā aniccā’ti pajānāti, ‘anajjhositā’ti pajānāti, ‘anabhinanditā’ti pajānāti’’.

    ‘‘สุขํ 1 เจ เวทนํ เวทยติ, วิสํยุโตฺต นํ เวทยติ; ทุกฺขํ เจ เวทนํ เวทยติ, วิสํยุโตฺต นํ เวทยติ; อทุกฺขมสุขํ เจ เวทนํ เวทยติ, วิสํยุโตฺต นํ เวทยติฯ โส กายปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยมาโน ‘กายปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ, ชีวิตปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยมาโน ‘ชีวิตปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ, ‘กายสฺส เภทา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา อิเธว สพฺพเวทยิตานิ อนภินนฺทิตานิ สีตีภวิสฺสนฺตี’ติ ปชานาติ’’ฯ

    ‘‘Sukhaṃ 2 ce vedanaṃ vedayati, visaṃyutto naṃ vedayati; dukkhaṃ ce vedanaṃ vedayati, visaṃyutto naṃ vedayati; adukkhamasukhaṃ ce vedanaṃ vedayati, visaṃyutto naṃ vedayati. So kāyapariyantikaṃ vedanaṃ vedayamāno ‘kāyapariyantikaṃ vedanaṃ vedayāmī’ti pajānāti, jīvitapariyantikaṃ vedanaṃ vedayamāno ‘jīvitapariyantikaṃ vedanaṃ vedayāmī’ti pajānāti, ‘kāyassa bhedā uddhaṃ jīvitapariyādānā idheva sabbavedayitāni anabhinanditāni sītībhavissantī’ti pajānāti’’.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เตลญฺจ ปฎิจฺจ, วฎฺฎิญฺจ ปฎิจฺจ เตลปฺปทีโป ฌาเยยฺย, ตเสฺสว เตลสฺส จ วฎฺฎิยา จ ปริยาทานา อนาหาโร นิพฺพาเยยฺย; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กายปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยมาโน ‘กายปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ, ชีวิตปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยมาโน ‘ชีวิตปริยนฺติกํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ, ‘กายสฺส เภทา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา อิเธว สพฺพเวทยิตานิ อนภินนฺทิตานิ สีตีภวิสฺสนฺตี’ติ ปชานาตี’’ติฯ อฎฺฐมํฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, telañca paṭicca, vaṭṭiñca paṭicca telappadīpo jhāyeyya, tasseva telassa ca vaṭṭiyā ca pariyādānā anāhāro nibbāyeyya; evameva kho, bhikkhave, bhikkhu kāyapariyantikaṃ vedanaṃ vedayamāno ‘kāyapariyantikaṃ vedanaṃ vedayāmī’ti pajānāti, jīvitapariyantikaṃ vedanaṃ vedayamāno ‘jīvitapariyantikaṃ vedanaṃ vedayāmī’ti pajānāti, ‘kāyassa bhedā uddhaṃ jīvitapariyādānā idheva sabbavedayitāni anabhinanditāni sītībhavissantī’ti pajānātī’’ti. Aṭṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. โส สุขํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.) ม. นิ. ๓.๓๖๔ อฎฺฐกถาฎีกา โอโลเกตพฺพา
    2. so sukhaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.) ma. ni. 3.364 aṭṭhakathāṭīkā oloketabbā



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ปทีโปปมสุตฺตวณฺณนา • 8. Padīpopamasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. ปทีโปปมสุตฺตวณฺณนา • 8. Padīpopamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact