Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. ปทีโปปมสุตฺตวณฺณนา
8. Padīpopamasuttavaṇṇanā
๙๘๔. อฎฺฐเม เนว กาโยปิ กิลมติ น จกฺขูนีติ อเญฺญสุ หิ กมฺมฎฺฐาเนสุ กมฺมํ กโรนฺตสฺส กาโยปิ กิลมติ, จกฺขูนิปิ วิหญฺญนฺติฯ ธาตุกมฺมฎฺฐานสฺมิญฺหิ กมฺมํ กโรนฺตสฺส กาโย กิลมติ, ยเนฺต ปกฺขิปิตฺวา ปีฬนาการปฺปโตฺต วิย โหติฯ กสิณกมฺมฎฺฐาเน กมฺมํ กโรนฺตสฺส จกฺขูนิ ผนฺทนฺติ กิลมนฺติ, นิกฺขมิตฺวา ปตนาการปฺปตฺตานิ วิย โหนฺติฯ อิมสฺมิํ ปน กมฺมฎฺฐาเน กมฺมํ กโรนฺตสฺส เนว กาโย กิลมติ, น อกฺขีนิ วิหญฺญนฺติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ
984. Aṭṭhame neva kāyopi kilamati na cakkhūnīti aññesu hi kammaṭṭhānesu kammaṃ karontassa kāyopi kilamati, cakkhūnipi vihaññanti. Dhātukammaṭṭhānasmiñhi kammaṃ karontassa kāyo kilamati, yante pakkhipitvā pīḷanākārappatto viya hoti. Kasiṇakammaṭṭhāne kammaṃ karontassa cakkhūni phandanti kilamanti, nikkhamitvā patanākārappattāni viya honti. Imasmiṃ pana kammaṭṭhāne kammaṃ karontassa neva kāyo kilamati, na akkhīni vihaññanti. Tasmā evamāha.
สพฺพโส รูปสญฺญานนฺติอาทิ กสฺมา วุตฺตํ, กิํ อานาปาเน กสิณุคฺฆาฎนํ ลพฺภตีติ? ติปิฎกจูฬาภยเตฺถโร ปนาห – ‘‘ยสฺมา อานาปานนิมิตฺตํ ตารกรูปมุตฺตาวลิกาทิสทิสํ หุตฺวา ปญฺญายติ, ตสฺมา ตตฺถ กสิณุคฺฆาฎนํ ลพฺภตี’’ติฯ ติปิฎกจูฬนาคเตฺถโร ‘‘น ลพฺภเตวา’’ติ อาหฯ อลพฺภเนฺต อยํ อริยิทฺธิอาทิโก ปเภโท กสฺมา คหิโตติ? อานิสํสทสฺสนตฺถํฯ อริยํ วา หิ อิทฺธิํ จตฺตาริ วา รูปาวจรชฺฌานานิ จตโสฺส วา อรูปสมาปตฺติโย นิโรธสมาปตฺติํ วา ปตฺถยมาเนน ภิกฺขุนา อยํ อานาปานสฺสติสมาธิ สาธุกํ มนสิกาตโพฺพฯ ยถา หิ นคเร ลเทฺธ ยํ จตูสุ ทิสาสุ อุฎฺฐานกภณฺฑํ, ตํ จตูหิ ทฺวาเรหิ นครเมว ปวิสตีติ, ชนปโท ลโทฺธ จ โหติฯ นครเสฺสว เหโส อานิสํโสฯ เอวํ อานาปานสฺสติสมาธิภาวนาย อานิสํโส เอส อริยิทฺธิอาทิโก ปเภโท, สพฺพากาเรน ภาวิเต อานาปานสฺสติสมาธิสฺมิํ สพฺพเมตํ โยคิโน นิปฺผชฺชตีติ อานิสํสทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ สุขเญฺจติ เอตฺถ โสติ กสฺมา น วุตฺตํ? ยสฺมา ภิกฺขูติ อิมสฺมิํ วาเร นาคตํฯ
Sabbasorūpasaññānantiādi kasmā vuttaṃ, kiṃ ānāpāne kasiṇugghāṭanaṃ labbhatīti? Tipiṭakacūḷābhayatthero panāha – ‘‘yasmā ānāpānanimittaṃ tārakarūpamuttāvalikādisadisaṃ hutvā paññāyati, tasmā tattha kasiṇugghāṭanaṃ labbhatī’’ti. Tipiṭakacūḷanāgatthero ‘‘na labbhatevā’’ti āha. Alabbhante ayaṃ ariyiddhiādiko pabhedo kasmā gahitoti? Ānisaṃsadassanatthaṃ. Ariyaṃ vā hi iddhiṃ cattāri vā rūpāvacarajjhānāni catasso vā arūpasamāpattiyo nirodhasamāpattiṃ vā patthayamānena bhikkhunā ayaṃ ānāpānassatisamādhi sādhukaṃ manasikātabbo. Yathā hi nagare laddhe yaṃ catūsu disāsu uṭṭhānakabhaṇḍaṃ, taṃ catūhi dvārehi nagarameva pavisatīti, janapado laddho ca hoti. Nagarasseva heso ānisaṃso. Evaṃ ānāpānassatisamādhibhāvanāya ānisaṃso esa ariyiddhiādiko pabhedo, sabbākārena bhāvite ānāpānassatisamādhismiṃ sabbametaṃ yogino nipphajjatīti ānisaṃsadassanatthaṃ vuttaṃ. Sukhañceti ettha soti kasmā na vuttaṃ? Yasmā bhikkhūti imasmiṃ vāre nāgataṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๘. ปทีโปปมสุตฺตํ • 8. Padīpopamasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. ปทีโปปมสุตฺตวณฺณนา • 8. Padīpopamasuttavaṇṇanā