Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา

    7. Pādukavaggavaṇṇanā

    ๖๔๗. สตฺตมวเคฺค ปฎิจฺฉโนฺน หุตฺวาติ โส กิร รตฺติภาเค อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมฺพํ อภิรุหิตฺวา สาขาย สาขํ อมฺพํ โอโลเกโนฺต วิจริฯ ตสฺส ตถา กโรนฺตเสฺสว รตฺติ วิภายิฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘สเจ อิทานิ โอตริตฺวา คมิสฺสามิ, ทิสฺวา มํ โจโรติ คเหสฺสนฺติ, รตฺติภาเค คมิสฺสามี’’ติฯ อเถกํ วิฎปํ อภิรุหิตฺวา นิลีโน อจฺฉิฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ โส รุกฺขโต โอตรโนฺต เอกํ โอลมฺพินิสาขํ คเหตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตเร ปติฎฺฐาสิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อนฺตรา รุกฺขโต ปติโต’’ติฯ ปาฬิยา อตฺถํ น ชานนฺตีติ อตฺตโน คหณสฺส อตฺถํ น ชานนฺติฯ

    647. Sattamavagge paṭicchanno hutvāti so kira rattibhāge uyyānaṃ gantvā ambaṃ abhiruhitvā sākhāya sākhaṃ ambaṃ olokento vicari. Tassa tathā karontasseva ratti vibhāyi. So cintesi ‘‘sace idāni otaritvā gamissāmi, disvā maṃ coroti gahessanti, rattibhāge gamissāmī’’ti. Athekaṃ viṭapaṃ abhiruhitvā nilīno acchi. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. So rukkhato otaranto ekaṃ olambinisākhaṃ gahetvā tesaṃ ubhinnampi antare patiṭṭhāsi. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘tesaṃ dvinnampi antarā rukkhato patito’’ti. Pāḷiyā atthaṃ na jānantīti attano gahaṇassa atthaṃ na jānanti.

    ชาตกปาฬิยํ (ชา. ๑.๔.๓๓) ปน อยํ คาถา –

    Jātakapāḷiyaṃ (jā. 1.4.33) pana ayaṃ gāthā –

    ‘‘สพฺพมิทํ จริมํ กตํ, อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร;

    ‘‘Sabbamidaṃ carimaṃ kataṃ, ubho dhammaṃ na passare;

    อุโภ ปกติยา จุตา, โย จายํ มเนฺตชฺฌาเปติ;

    Ubho pakatiyā cutā, yo cāyaṃ mantejjhāpeti;

    โย จ มนฺตํ อธียตี’’ติฯ –

    Yo ca mantaṃ adhīyatī’’ti. –

    เอวมาคตาฯ ตสฺสายมโตฺถ (ชา. อฎฺฐ. ๓.๔.๓๓) – สพฺพมิทํ จริมํ กตนฺติ ยํ อเมฺหหิ ตีหิ ชเนหิ กตํ, สพฺพมิทํ กิจฺจํ ลามกํ นิมฺมริยาทํ อธมฺมิกํฯ เอวํ อตฺตโน โจรภาวํ เตสญฺจ มเนฺตสุ อคารวํ ครหิตฺวา ปุน อิตเร เทฺวเยว ครหโนฺต ‘‘อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุโภติ อิเม เทฺวปิ ชนา ครุการารหํ โปราณกธมฺมํ น ปสฺสนฺติ, ตโตว ธมฺมปกติโต จุตาฯ ธโมฺม หิ ปฐมุปฺปตฺติวเสน ปกติ นามฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Evamāgatā. Tassāyamattho (jā. aṭṭha. 3.4.33) – sabbamidaṃ carimaṃ katanti yaṃ amhehi tīhi janehi kataṃ, sabbamidaṃ kiccaṃ lāmakaṃ nimmariyādaṃ adhammikaṃ. Evaṃ attano corabhāvaṃ tesañca mantesu agāravaṃ garahitvā puna itare dveyeva garahanto ‘‘ubho dhammaṃ na passare’’tiādimāha. Tattha ubhoti ime dvepi janā garukārārahaṃ porāṇakadhammaṃ na passanti, tatova dhammapakatito cutā. Dhammo hi paṭhamuppattivasena pakati nāma. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ธโมฺม หเว ปาตุรโหสิ ปุเพฺพ,

    ‘‘Dhammo have pāturahosi pubbe,

    ปจฺฉา อธโมฺม อุทปาทิ โลเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑๑.๒๘);

    Pacchā adhammo udapādi loke’’ti. (jā. 1.11.28);

    โย จายนฺติ โย จ อยํ นีเจ นิสีทิตฺวา มเนฺต อชฺฌาเปติ, โย จ อุเจฺจ นิสีทิตฺวา อธียตีติฯ

    Yo cāyanti yo ca ayaṃ nīce nisīditvā mante ajjhāpeti, yo ca ucce nisīditvā adhīyatīti.

    สาลีนนฺติ อยํ คาถาปิ –

    Sālīnanti ayaṃ gāthāpi –

    ‘‘สาลีนํ โอทนํ ภุเญฺช, สุจิํ มํสูปเสจนํ;

    ‘‘Sālīnaṃ odanaṃ bhuñje, suciṃ maṃsūpasecanaṃ;

    ตสฺมา เอตํ น เสวามิ, ธมฺมํ อิสีหิ เสวิต’’นฺติฯ (ชา. ๑.๔.๓๔) –

    Tasmā etaṃ na sevāmi, dhammaṃ isīhi sevita’’nti. (jā. 1.4.34) –

    เอวํ ชาตเก อาคตาฯ ตตฺถ สุจินฺติ ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํฯ มํสูปเสจนนฺติ นานปฺปการาย มํสวิกติยา สิตฺตํ ภุเญฺช, ภุญฺชามีติ อโตฺถฯ เสสํ ปากฎเมวฯ

    Evaṃ jātake āgatā. Tattha sucinti paṇḍaraṃ parisuddhaṃ. Maṃsūpasecananti nānappakārāya maṃsavikatiyā sittaṃ bhuñje, bhuñjāmīti attho. Sesaṃ pākaṭameva.

    ธิรตฺถูติ ธิ อตฺถุ, นินฺทา ภวตูติ อโตฺถ, ครหาม ตํ มยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ลทฺธลาโภติ ธนลาภํ ยสลาภญฺจ สนฺธาย วทติฯ วินิปาตนเหตุนาติ วินิปาตนสฺส เหตุภาเวนฯ วุตฺติ นาม โหตีติ ยถาวุโตฺต ทุวิโธปิ ลาโภ อปายสํวตฺตนิกตาย สมฺปราเย วินิปาตนเหตุภาเวน ปวตฺตนโต สมฺปติ อธมฺมจรเณน ปวตฺตนโต จ วุตฺติ นาม โหตีติ อโตฺถฯ เอวรูปา ยา วุตฺตีติ เอวรูปา ธนลาภยสลาภสงฺขาตา ยา วุตฺติฯ อธมฺมจรเณน วาติ วา-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ ตฺวนฺติ อุปโยคเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํ, ตํ อิเจฺจว วา ปาโฐฯ อสฺมาติ ปาสาณาธิวจนเมตํฯ

    Dhiratthūti dhi atthu, nindā bhavatūti attho, garahāma taṃ mayanti vuttaṃ hoti. Laddhalābhoti dhanalābhaṃ yasalābhañca sandhāya vadati. Vinipātanahetunāti vinipātanassa hetubhāvena. Vutti nāma hotīti yathāvutto duvidhopi lābho apāyasaṃvattanikatāya samparāye vinipātanahetubhāvena pavattanato sampati adhammacaraṇena pavattanato ca vutti nāma hotīti attho. Evarūpā yā vuttīti evarūpā dhanalābhayasalābhasaṅkhātā yā vutti. Adhammacaraṇena vāti -saddo sampiṇḍanattho. Tvanti upayogatthe paccattavacanaṃ, taṃ icceva vā pāṭho. Asmāti pāsāṇādhivacanametaṃ.

    ปาทุกวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pādukavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.

    เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Sesaṃ uttānameva.

    เสขิยกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ

    Sekhiyakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.

    อธิกรณสมเถสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฎฺฐกถายํ อาคตฎฺฐาเนเยว ทสฺสยิสฺสามฯ

    Adhikaraṇasamathesu yaṃ vattabbaṃ, taṃ aṭṭhakathāyaṃ āgataṭṭhāneyeva dassayissāma.

    อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย สารตฺถทีปนิยํ

    Iti samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya sāratthadīpaniyaṃ

    ภิกฺขุวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhikkhuvibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.

    มหาวิภโงฺค นิฎฺฐิโตฯ

    Mahāvibhaṅgo niṭṭhito.

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๗. ปาทุกวโคฺค • 7. Pādukavaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา • 7. Pādukavaggavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา • 7. Pādukavaggavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๗. ปาทุกวคฺควณฺณนา • 7. Pādukavaggavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗. ปาทุกวคฺค-อตฺถโยชนา • 7. Pādukavagga-atthayojanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact