Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๑๐. ปทุมพุทฺธวํสวณฺณนา

    10. Padumabuddhavaṃsavaṇṇanā

    อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต อปรภาเค วสฺสสตสหสฺสายุกา มนุสฺสา อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา ทสวสฺสายุกา หุตฺวา ปุน อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อสเงฺขฺยยฺยายุกา หุตฺวา ปุน ปริหายมานา วสฺสสตสหสฺสายุกา อเหสุํฯ ตถา ปทุโม นาม สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิฯ โสปิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา จมฺปกนคเร อสมสฺส นาม รโญฺญ กุเล รูปาทีหิ อสมาย อสมาย นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ โส ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน จมฺปกุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ ชาเต ปน กุมาเร อากาสโต สกลชมฺพุทีเป สมุทฺทปริยเนฺต ปทุมวสฺสํ นิปติฯ เตนสฺส นามคฺคหณทิวเส นามํ คณฺหนฺตา เนมิตฺตกา จ ญาตกา จ ‘‘มหาปทุมกุมาโร’’เตฺวว นามมกํสุฯ โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ นนฺทุตฺตร-วสุตฺตร-ยสุตฺตรานามกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ อุตฺตราเทวิปฺปมุขานิ เตตฺติํส อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ

    Anomadassissa pana bhagavato aparabhāge vassasatasahassāyukā manussā anukkamena parihāyitvā dasavassāyukā hutvā puna anukkamena vaḍḍhitvā asaṅkhyeyyāyukā hutvā puna parihāyamānā vassasatasahassāyukā ahesuṃ. Tathā padumo nāma satthā loke uppajji. Sopi pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā campakanagare asamassa nāma rañño kule rūpādīhi asamāya asamāya nāma aggamahesiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ aggahesi. So dasannaṃ māsānaṃ accayena campakuyyāne mātukucchito nikkhami. Jāte pana kumāre ākāsato sakalajambudīpe samuddapariyante padumavassaṃ nipati. Tenassa nāmaggahaṇadivase nāmaṃ gaṇhantā nemittakā ca ñātakā ca ‘‘mahāpadumakumāro’’tveva nāmamakaṃsu. So dasavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Nanduttara-vasuttara-yasuttarānāmakā tayo pāsādā ahesuṃ. Uttarādevippamukhāni tettiṃsa itthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.

    อถ มหาสโตฺต อุตฺตราย นาม มหาเทวิยา รมฺมกุมาเร นาม อุปฺปเนฺน จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา อาชญฺญรเถน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิฯ ตํ ปพฺพชนฺตํ เอกา ปุริสโกฎิ อนุปพฺพชิฯ โส เตหิ ปริวุโต อฎฺฐ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย ธญฺญวตีนคเร สุธญฺญเสฎฺฐิสฺส ธีตาย ธญฺญวติยา นาม ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา มหาสาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย ติตฺถกาชีวเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา มหาโสณโพธิํ อุปสงฺกมิตฺวา อฎฺฐตฺติํสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรกํ ปญฺญเปตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐาย มารพลํ วิธมิตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติโสฺส วิชฺชา สจฺฉิกตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน อายาจนํ อธิวาเสตฺวา ธมฺมเทสนาย ภาชนภูเต ปุคฺคเล อุปปริกฺขโนฺต อตฺตนา สห ปพฺพชิเต โกฎิสเงฺข ภิกฺขู ทิสฺวา ตงฺขเณเยว อนิลปเถน คนฺตฺวา ธญฺญวตีนครสมีเป ธนญฺชยุยฺยาเน โอตริตฺวา เตหิ ปริวุโต เตสํ มเชฺฌ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา โกฎิสตานํ อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha mahāsatto uttarāya nāma mahādeviyā rammakumāre nāma uppanne cattāri nimittāni disvā ājaññarathena mahābhinikkhamanaṃ nikkhami. Taṃ pabbajantaṃ ekā purisakoṭi anupabbaji. So tehi parivuto aṭṭha māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya dhaññavatīnagare sudhaññaseṭṭhissa dhītāya dhaññavatiyā nāma dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā mahāsālavane divāvihāraṃ vītināmetvā sāyanhasamaye titthakājīvakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā mahāsoṇabodhiṃ upasaṅkamitvā aṭṭhattiṃsahatthavitthataṃ tiṇasantharakaṃ paññapetvā pallaṅkaṃ ābhujitvā caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhāya mārabalaṃ vidhamitvā tīsu yāmesu tisso vijjā sacchikatvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti (dha. pa. 153-154) udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ bodhisamīpeyeva vītināmetvā brahmuno āyācanaṃ adhivāsetvā dhammadesanāya bhājanabhūte puggale upaparikkhanto attanā saha pabbajite koṭisaṅkhe bhikkhū disvā taṅkhaṇeyeva anilapathena gantvā dhaññavatīnagarasamīpe dhanañjayuyyāne otaritvā tehi parivuto tesaṃ majjhe dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā koṭisatānaṃ abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘อโนมทสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;

    ‘‘Anomadassissa aparena, sambuddho dvipaduttamo;

    ปทุโม นาม นาเมน, อสโม อปฺปฎิปุคฺคโลฯ

    Padumo nāma nāmena, asamo appaṭipuggalo.

    .

    2.

    ‘‘ตสฺสาปิ อสมํ สีลํ, สมาธิปิ อนนฺตโก;

    ‘‘Tassāpi asamaṃ sīlaṃ, samādhipi anantako;

    อสเงฺขฺยยฺยํ ญาณวรํ, วิมุตฺติปิ อนูปมาฯ

    Asaṅkhyeyyaṃ ñāṇavaraṃ, vimuttipi anūpamā.

    .

    3.

    ‘‘ตสฺสาปิ อตุลเตชสฺส, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน;

    ‘‘Tassāpi atulatejassa, dhammacakkappavattane;

    อภิสมยา ตโย อาสุํ, มหาตมปวาหนา’’ติฯ

    Abhisamayā tayo āsuṃ, mahātamapavāhanā’’ti.

    ตตฺถ อสมํ สีลนฺติ อเญฺญสํ สีเลน อสทิสํ, อุตฺตมํ เสฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ สมาธิปิ อนนฺตโกติ สมาธิปิ อปฺปเมโยฺย, ตสฺส อนนฺตภาโว โลกวิวรณยมกปาฎิหาริยาทีสุ ทฎฺฐโพฺพฯ ญาณวรนฺติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, อสาธารณญาณานิ วาฯ วิมุตฺติปีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติปิ ภควโตฯ อนูปมาติ อุปมาวิรหิตาฯ อตุลเตชสฺสาติ อตุลญาณเตชสฺสฯ ‘‘อตุลญาณเตชา’’ติปิ ปาโฐฯ ตสฺส ‘‘ตโย อภิสมยา’’ติ อิมินา อุตฺตรปเทน สมฺพโนฺธ ทฎฺฐโพฺพฯ มหาตมปวาหนาติ มหาโมหวินาสกา, โมหนฺธการวิทฺธํสกาติ อโตฺถฯ

    Tattha asamaṃ sīlanti aññesaṃ sīlena asadisaṃ, uttamaṃ seṭṭhanti attho. Samādhipi anantakoti samādhipi appameyyo, tassa anantabhāvo lokavivaraṇayamakapāṭihāriyādīsu daṭṭhabbo. Ñāṇavaranti sabbaññutaññāṇaṃ, asādhāraṇañāṇāni vā. Vimuttipīti arahattaphalavimuttipi bhagavato. Anūpamāti upamāvirahitā. Atulatejassāti atulañāṇatejassa. ‘‘Atulañāṇatejā’’tipi pāṭho. Tassa ‘‘tayo abhisamayā’’ti iminā uttarapadena sambandho daṭṭhabbo. Mahātamapavāhanāti mahāmohavināsakā, mohandhakāraviddhaṃsakāti attho.

    อถาปเรน สมเยน ปทุโม ภควา อตฺตโน กนิฎฺฐภาตรํ สาลกุมารญฺจ อุปสาลกุมารญฺจ ญาติสมาคเม สปริวาเร ปพฺพาเชตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสโนฺต นวุติ โกฎิโย ธมฺมามตํ ปาเยสิฯ ยทา ปน รมฺมเตฺถรสฺส ธมฺมํ เทเสสิ, ตทา อสีติโกฎีนํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athāparena samayena padumo bhagavā attano kaniṭṭhabhātaraṃ sālakumārañca upasālakumārañca ñātisamāgame saparivāre pabbājetvā tesaṃ dhammaṃ desento navuti koṭiyo dhammāmataṃ pāyesi. Yadā pana rammattherassa dhammaṃ desesi, tadā asītikoṭīnaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    4.

    ‘‘ปฐมาภิสมเย พุโทฺธ, โกฎิสตมโพธยิ;

    ‘‘Paṭhamābhisamaye buddho, koṭisatamabodhayi;

    ทุติยาภิสมเย ธีโร, นวุติโกฎิมโพธยิฯ

    Dutiyābhisamaye dhīro, navutikoṭimabodhayi.

    .

    5.

    ‘‘ยทา จ ปทุโม พุโทฺธ, โอวที สกมตฺรชํ;

    ‘‘Yadā ca padumo buddho, ovadī sakamatrajaṃ;

    ตทา อสีติโกฎีนํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Tadā asītikoṭīnaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.

    ยทา ปน สุภาวิตโตฺต นาม ราชา ปทุมสฺส พุทฺธสฺส พุทฺธปทุมวทนสฺส สนฺติเก โกฎิสตสหสฺสปริวาโร เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิโต, ตสฺมิํ สนฺนิปาเต ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปน ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ

    Yadā pana subhāvitatto nāma rājā padumassa buddhassa buddhapadumavadanassa santike koṭisatasahassaparivāro ehibhikkhupabbajjāya pabbajito, tasmiṃ sannipāte bhagavā pātimokkhaṃ uddisi, so pana paṭhamo sannipāto ahosi.

    อถาปเรน สมเยน มหาปทุโม มุนิวสโภ อุสภสมคตี อุสภวตีนครํ อุปนิสฺสาย วสฺสํ อุปคญฺฉิฯ นครวาสิโน มนุสฺสา ภควนฺตํ ทสฺสนกามา อุปสงฺกมิํสุฯ เตสํ ภควา ธมฺมํ เทเสสิฯ ตตฺถ จ พหโว มนุสฺสา ปสนฺนจิตฺตา ปพฺพชิํสุฯ ตโต ทสพโล เตหิ จ อเญฺญหิ จ ตีหิ ภิกฺขุสตสหเสฺสหิ สทฺธิํ วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสิฯ โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เย ปน ตตฺถ น ปพฺพชิํสุ, เต กถินานิสํสํ สุตฺวา ปาฎิปเท ปญฺจสุ มาเสสุ ปญฺจานิสํสทายกํ กถินจีวรมทํสุฯ ตโต ตํ ภิกฺขู ธมฺมเสนาปติํ อคฺคสาวกํ วิสาลมติํ สาลเตฺถรํ กถินตฺถารตฺถํ ยาจิตฺวา กถินจีวรํ ตสฺสาทํสุฯ เถรสฺส กถินจีวเร กยิรมาเน ภิกฺขู สิพฺพเน สหายกา อเหสุํฯ ปทุโม ปน สมฺมาสมฺพุโทฺธ สูจิจฺฉิเทฺท สุตฺตานิ อาวุนิตฺวา อทาสิฯ นิฎฺฐิเต ปน จีวเร ภควา ตีหิ ภิกฺขุสตสหเสฺสหิ จาริกํ ปกฺกามิฯ

    Athāparena samayena mahāpadumo munivasabho usabhasamagatī usabhavatīnagaraṃ upanissāya vassaṃ upagañchi. Nagaravāsino manussā bhagavantaṃ dassanakāmā upasaṅkamiṃsu. Tesaṃ bhagavā dhammaṃ desesi. Tattha ca bahavo manussā pasannacittā pabbajiṃsu. Tato dasabalo tehi ca aññehi ca tīhi bhikkhusatasahassehi saddhiṃ visuddhipavāraṇaṃ pavāresi. So dutiyo sannipāto ahosi. Ye pana tattha na pabbajiṃsu, te kathinānisaṃsaṃ sutvā pāṭipade pañcasu māsesu pañcānisaṃsadāyakaṃ kathinacīvaramadaṃsu. Tato taṃ bhikkhū dhammasenāpatiṃ aggasāvakaṃ visālamatiṃ sālattheraṃ kathinatthāratthaṃ yācitvā kathinacīvaraṃ tassādaṃsu. Therassa kathinacīvare kayiramāne bhikkhū sibbane sahāyakā ahesuṃ. Padumo pana sammāsambuddho sūcicchidde suttāni āvunitvā adāsi. Niṭṭhite pana cīvare bhagavā tīhi bhikkhusatasahassehi cārikaṃ pakkāmi.

    อถาปเรน สมเยน สีหวิกฺกนฺตคามี ปุริสสีโห วิย พุทฺธสีโห โคสิงฺคสาลวนสทิเส ปรมสุรภิกุสุมผลภารวินมิตสาขาวิฎเป วิมลกมลกุวลยสมลงฺกเต สิสิรมธุรวาริวาเหน ปริปูริเต รุรุ-จมร-สีห-พฺยคฺฆ-อช-หย-ควย-มหิํสาทิ วิวิธมิคคณวิจริเต สุรภิกุสุมคนฺธาวพทฺธหทยาหิ ภมรมธุกรยุวตีหิ อนุภูตปฺปจาราหิ สมนฺตโต คุมฺพคุมฺพายมาเน ผลรสปมุทิตหทยาหิ กากลิสทิสมธุรวิรุตาหิ โกกิลวธูหิ อุปคียมาเน ปรมรมณีเย วิวิเตฺต วิชเน โยคานุกูเล ปวเน วสฺสาวาสมุปคญฺฉิฯ ตสฺมิํ วิหรนฺตํ สปริวารกํ ทสพลํ ตถาคตํ ธมฺมราชํ พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา มนุสฺสา ตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา ปสีทิตฺวา เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิํสุฯ ตทา ทฺวีหิ ภิกฺขุสตสหเสฺสหิ ปริวุโต ปวาเรสิฯ โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athāparena samayena sīhavikkantagāmī purisasīho viya buddhasīho gosiṅgasālavanasadise paramasurabhikusumaphalabhāravinamitasākhāviṭape vimalakamalakuvalayasamalaṅkate sisiramadhuravārivāhena paripūrite ruru-camara-sīha-byaggha-aja-haya-gavaya-mahiṃsādi vividhamigagaṇavicarite surabhikusumagandhāvabaddhahadayāhi bhamaramadhukarayuvatīhi anubhūtappacārāhi samantato gumbagumbāyamāne phalarasapamuditahadayāhi kākalisadisamadhuravirutāhi kokilavadhūhi upagīyamāne paramaramaṇīye vivitte vijane yogānukūle pavane vassāvāsamupagañchi. Tasmiṃ viharantaṃ saparivārakaṃ dasabalaṃ tathāgataṃ dhammarājaṃ buddhasiriyā virocamānaṃ disvā manussā tassa dhammaṃ sutvā pasīditvā ehibhikkhupabbajjāya pabbajiṃsu. Tadā dvīhi bhikkhusatasahassehi parivuto pavāresi. So tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    6.

    ‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ปทุมสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, padumassa mahesino;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโมฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo.

    .

    7.

    ‘‘กถินตฺถารสมเย, อุปฺปเนฺน กถินจีวเร;

    ‘‘Kathinatthārasamaye, uppanne kathinacīvare;

    ธมฺมเสนาปติตฺถาย, ภิกฺขู สิพฺพิํสุ จีวรํฯ

    Dhammasenāpatitthāya, bhikkhū sibbiṃsu cīvaraṃ.

    .

    8.

    ‘‘ตทา เต วิมลา ภิกฺขู, ฉฬภิญฺญา มหิทฺธิกา;

    ‘‘Tadā te vimalā bhikkhū, chaḷabhiññā mahiddhikā;

    ตีณิ สตสหสฺสานิ, สมิํสุ อปราชิตาฯ

    Tīṇi satasahassāni, samiṃsu aparājitā.

    .

    9.

    ‘‘ปุนาปรํ โส นราสโภ, ปวเน วาสํ อุปาคมิ;

    ‘‘Punāparaṃ so narāsabho, pavane vāsaṃ upāgami;

    ตทา สมาคโม อาสิ, ทฺวินฺนํ สตสหสฺสิน’’นฺติฯ

    Tadā samāgamo āsi, dvinnaṃ satasahassina’’nti.

    ตตฺถ กถินตฺถารสมเยติ กถินจีวรตฺถรณสมเยฯ ธมฺมเสนาปติตฺถายาติ ธมฺมเสนาปติสาลเตฺถรตฺถํฯ อปราชิตาติ น ปราชิตา, วิภตฺติโลโป ทฎฺฐโพฺพฯ โสติ โส มหาปทุโมฯ ปวเนติ มหาวเนฯ วาสนฺติ วสฺสาวาสํฯ อุปาคมีติ อุปาคโตฯ ทฺวินฺนํ สตสหสฺสินนฺติ ทฺวินฺนํ สตสหสฺสานํฯ ‘‘ตทา อาสิ สมาคโม’’ติปิ ปาโฐ ยทิ อตฺถิ สุนฺทโร ภเวยฺยฯ

    Tattha kathinatthārasamayeti kathinacīvarattharaṇasamaye. Dhammasenāpatitthāyāti dhammasenāpatisālattheratthaṃ. Aparājitāti na parājitā, vibhattilopo daṭṭhabbo. Soti so mahāpadumo. Pavaneti mahāvane. Vāsanti vassāvāsaṃ. Upāgamīti upāgato. Dvinnaṃ satasahassinanti dvinnaṃ satasahassānaṃ. ‘‘Tadā āsi samāgamo’’tipi pāṭho yadi atthi sundaro bhaveyya.

    ตทา ตถาคเต ตสฺมิํ วนสเณฺฑ วสเนฺต อมฺหากํ โพธิสโตฺต สีโห หุตฺวา สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต หุตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สญฺชาตปีติโสมนโสฺส ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ อวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปยิรุปาสมาโน อฎฺฐาสิฯ อถ สตฺถา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย นรสีโห สีหํ โอโลเกตฺวา – ‘‘ภิกฺขุสเงฺฆปิสฺส จิตฺตปฺปสาโท โหตูติ สโงฺฆ อาคจฺฉตู’’ติ จิเนฺตสิฯ อเนกโกฎิภิกฺขู ตาวเทว อาคญฺฉิํสุฯ สีโห สเงฺฆปิ จิตฺตํ ปสาเทสิฯ อถ สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tadā tathāgate tasmiṃ vanasaṇḍe vasante amhākaṃ bodhisatto sīho hutvā sattāhaṃ nirodhasamāpattiṃ samāpajjitvā nisinnaṃ disvā pasannacitto hutvā padakkhiṇaṃ katvā sañjātapītisomanasso tikkhattuṃ sīhanādaṃ naditvā sattāhaṃ buddhārammaṇaṃ pītiṃ avijahitvā pītisukheneva gocarāya apakkamitvā jīvitapariccāgaṃ katvā payirupāsamāno aṭṭhāsi. Atha satthā tassa sattāhassa accayena nirodhasamāpattito vuṭṭhāya narasīho sīhaṃ oloketvā – ‘‘bhikkhusaṅghepissa cittappasādo hotūti saṅgho āgacchatū’’ti cintesi. Anekakoṭibhikkhū tāvadeva āgañchiṃsu. Sīho saṅghepi cittaṃ pasādesi. Atha satthā tassa cittaṃ oloketvā – ‘‘anāgate gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๐.

    10.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, สีโห อาสิํ มิคาธิภู;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, sīho āsiṃ migādhibhū;

    ปวิเวกมนุพฺรูหนฺตํ, ปวเน อทฺทสํ ชินํฯ

    Pavivekamanubrūhantaṃ, pavane addasaṃ jinaṃ.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘วนฺทิตฺวา สิรสา ปาเท, กตฺวาน ตํ ปทกฺขิณํ;

    ‘‘Vanditvā sirasā pāde, katvāna taṃ padakkhiṇaṃ;

    ติกฺขตฺตุํ อภินาทิตฺวา, สตฺตาหํ ชินมุปฎฺฐหํฯ

    Tikkhattuṃ abhināditvā, sattāhaṃ jinamupaṭṭhahaṃ.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘สตฺตาหํ วรสมาปตฺติยา, วุฎฺฐหิตฺวา ตถาคโต;

    ‘‘Sattāhaṃ varasamāpattiyā, vuṭṭhahitvā tathāgato;

    มนสา จินฺตยิตฺวาน, โกฎิภิกฺขู สมานยิฯ

    Manasā cintayitvāna, koṭibhikkhū samānayi.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ตทาปิ โส มหาวีโร, เตสํ มเชฺฌ วิยากริ;

    ‘‘Tadāpi so mahāvīro, tesaṃ majjhe viyākari;

    อปริเมยฺยิโต กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Aparimeyyito kappe, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    ‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.

    ๑๕.

    15.

    ‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;

    ‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;

    อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ

    Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.

    ตตฺถ ปวิเวกมนุพฺรูหนฺตนฺติ นิโรธสมาปตฺติํ สมาปนฺนนฺติ อโตฺถฯ ปทกฺขิณนฺติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวาฯ อภินาทิตฺวาติ ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวาฯ อุปฎฺฐหนฺติ อุปฎฺฐหิํฯ อยเมว วา ปาโฐฯ วรสมาปตฺติยาติ นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐหิตฺวาฯ มนสา จินฺตยิตฺวานาติ ‘‘สเพฺพปิ ภิกฺขู อิธ อาคจฺฉนฺตู’’ติ มนสาว จิเนฺตตฺวาฯ สมานยีติ สมาหริฯ

    Tattha pavivekamanubrūhantanti nirodhasamāpattiṃ samāpannanti attho. Padakkhiṇanti tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā. Abhināditvāti tikkhattuṃ sīhanādaṃ naditvā. Upaṭṭhahanti upaṭṭhahiṃ. Ayameva vā pāṭho. Varasamāpattiyāti nirodhasamāpattito vuṭṭhahitvā. Manasā cintayitvānāti ‘‘sabbepi bhikkhū idha āgacchantū’’ti manasāva cintetvā. Samānayīti samāhari.

    ตสฺส ปน ปทุมสฺส ภควโต จมฺปกํ นาม นครํ อโหสิฯ อสโม นาม ราชา ปิตา อโหสิ, มาตาปิ ตสฺส อสมา นาม, สาโล จ อุปสาโล จ เทฺว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฎฺฐาโก, ราธา จ สุราธา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุโกฺข โพธิ, อฎฺฐปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ สรีรํ, อายุ วสฺสสตสหสฺสํ อโหสิ, รูปาทีหิ คุเณหิ อนุตฺตรา อุตฺตรา นามสฺส อคฺคมเหสี, รมฺมกุมาโร นามสฺส อติรโมฺม ตนโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana padumassa bhagavato campakaṃ nāma nagaraṃ ahosi. Asamo nāma rājā pitā ahosi, mātāpi tassa asamā nāma, sālo ca upasālo ca dve aggasāvakā, varuṇo nāmupaṭṭhāko, rādhā ca surādhā ca dve aggasāvikā, mahāsoṇarukkho bodhi, aṭṭhapaṇṇāsahatthubbedhaṃ sarīraṃ, āyu vassasatasahassaṃ ahosi, rūpādīhi guṇehi anuttarā uttarā nāmassa aggamahesī, rammakumāro nāmassa atirammo tanayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    ๑๖.

    16.

    ‘‘จมฺปกํ นาม นครํ, อสโม นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Campakaṃ nāma nagaraṃ, asamo nāma khattiyo;

    อสมา นาม ชนิกา, ปทุมสฺส มเหสิโนฯ

    Asamā nāma janikā, padumassa mahesino.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘สาโล จ อุปสาโล จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Sālo ca upasālo ca, ahesuṃ aggasāvakā;

    วรุโณ นามุปฎฺฐาโก, ปทุมสฺส มเหสิโนฯ

    Varuṇo nāmupaṭṭhāko, padumassa mahesino.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘ราธา เจว สุราธา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Rādhā ceva surādhā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, มหาโสโณติ วุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, mahāsoṇoti vuccati.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘อฎฺฐปณฺณาสรตนํ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

    ‘‘Aṭṭhapaṇṇāsaratanaṃ, accuggato mahāmuni;

    ปภา นิทฺธาวตี ตสฺส, อสมา สพฺพโต ทิสาฯ

    Pabhā niddhāvatī tassa, asamā sabbato disā.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘จนฺทปฺปภา สูริยปฺปภา, รตนคฺคิมณิปฺปภา;

    ‘‘Candappabhā sūriyappabhā, ratanaggimaṇippabhā;

    สพฺพาปิ ตา หตา โหนฺติ, ปตฺวา ชินปภุตฺตมํฯ

    Sabbāpi tā hatā honti, patvā jinapabhuttamaṃ.

    ๒๖.

    26.

    ‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ , อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

    ‘‘Vassasatasahassāni , āyu vijjati tāvade;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ๒๗.

    27.

    ‘‘ปริปกฺกมานเส สเตฺต, โพธยิตฺวา อเสสโต;

    ‘‘Paripakkamānase satte, bodhayitvā asesato;

    เสสเก อนุสาสิตฺวา, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ

    Sesake anusāsitvā, nibbuto so sasāvako.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, วทฺธปตฺตํว ปาทโป;

    ‘‘Uragova tacaṃ jiṇṇaṃ, vaddhapattaṃva pādapo;

    ชหิตฺวา สพฺพสงฺขาเร, นิพฺพุโต โส ยถา สิขี’’ติฯ

    Jahitvā sabbasaṅkhāre, nibbuto so yathā sikhī’’ti.

    ตตฺถ รตนคฺคิมณิปฺปภาติ รตนปฺปภา จ อคฺคิปฺปภา จ มณิปฺปภา จฯ หตาติ อภิภูตาฯ ชินปภุตฺตมนฺติ ชินสฺส สรีรปฺปภํ อุตฺตมํ ปตฺวา หตาติ อโตฺถฯ ปริปกฺกมานเสติ ปริปกฺกินฺทฺริเย เวเนยฺยสเตฺตฯ วทฺธปตฺตนฺติ ปุราณปตฺตํฯ ปาทโป วาติ ปาทโป วิยฯ สพฺพสงฺขาเรติ สเพฺพปิ อชฺฌตฺติกพาหิเร สงฺขาเรฯ ‘‘หิตฺวา สพฺพสงฺขาร’’นฺติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ ยถา สิขีติ อคฺคิ วิย นิรุปาทาโน นิพฺพุติํ สุคโต คโตติฯ เสสเมตฺถ คาถาสุ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha ratanaggimaṇippabhāti ratanappabhā ca aggippabhā ca maṇippabhā ca. Hatāti abhibhūtā. Jinapabhuttamanti jinassa sarīrappabhaṃ uttamaṃ patvā hatāti attho. Paripakkamānaseti paripakkindriye veneyyasatte. Vaddhapattanti purāṇapattaṃ. Pādapo vāti pādapo viya. Sabbasaṅkhāreti sabbepi ajjhattikabāhire saṅkhāre. ‘‘Hitvā sabbasaṅkhāra’’ntipi pāṭho, soyevattho. Yathā sikhīti aggi viya nirupādāno nibbutiṃ sugato gatoti. Sesamettha gāthāsu heṭṭhā vuttanayattā uttānamevāti.

    ปทุมพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Padumabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต อฎฺฐโม พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito aṭṭhamo buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๐. ปทุมพุทฺธวํโส • 10. Padumabuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact