Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๒. ปทุมวโคฺค
2. Padumavaggo
[๒๖๑] ๑. ปทุมชาตกวณฺณนา
[261] 1. Padumajātakavaṇṇanā
ยถา เกสา จ มสฺสู จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อานนฺทโพธิมฺหิ มาลาปูชการเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ กาลิงฺคโพธิชาตเก อาวิภวิสฺสติฯ โส ปน อานนฺทเตฺถเรน โรปิตตฺตา ‘‘อานนฺทโพธี’’ติ ชาโตฯ เถเรน หิ เชตวนทฺวารโกฎฺฐเก โพธิสฺส โรปิตภาโว สกลชมฺพุทีเป ปตฺถริฯ อเถกเจฺจ ชนปทวาสิโน ภิกฺขู ‘‘อานนฺทโพธิมฺหิ มาลาปูชํ กริสฺสามา’’ติ เชตวนํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส สาวตฺถิํ ปวิสิตฺวา อุปฺปลวีถิํ คนฺตฺวา มาลํ อลภิตฺวา อาคนฺตฺวา อานนฺทเตฺถรสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘อาวุโส, มยํ ‘โพธิมฺหิ มาลาปูชํ กริสฺสามา’ติ อุปฺปลวีถิํ คนฺตฺวา เอกมาลมฺปิ น ลภิมฺหา’’ติฯ เถโร ‘‘อหํ โว, อาวุโส, อาหริสฺสามี’’ติ อุปฺปลวีถิํ คนฺตฺวา พหู นีลุปฺปลกลาเป อุกฺขิปาเปตฺวา อาคมฺม เตสํ ทาเปสิ, เต ตานิ คเหตฺวา โพธิสฺส ปูชํ กริํสุฯ ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เถรสฺส คุณกถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ชานปทา ภิกฺขู อปฺปปุญฺญา อุปฺปลวีถิํ คนฺตฺวา มาลํ น ลภิํสุ, เถโร ปน คนฺตฺวาว อาหราเปสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว วตฺตุเฉกา กถากุสลา มาลํ ลภนฺติ, ปุเพฺพปิ ลภิํสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yathākesā ca massū cāti idaṃ satthā jetavane viharanto ānandabodhimhi mālāpūjakārake bhikkhū ārabbha kathesi. Vatthu kāliṅgabodhijātake āvibhavissati. So pana ānandattherena ropitattā ‘‘ānandabodhī’’ti jāto. Therena hi jetavanadvārakoṭṭhake bodhissa ropitabhāvo sakalajambudīpe patthari. Athekacce janapadavāsino bhikkhū ‘‘ānandabodhimhi mālāpūjaṃ karissāmā’’ti jetavanaṃ āgantvā satthāraṃ vanditvā punadivase sāvatthiṃ pavisitvā uppalavīthiṃ gantvā mālaṃ alabhitvā āgantvā ānandattherassa ārocesuṃ – ‘‘āvuso, mayaṃ ‘bodhimhi mālāpūjaṃ karissāmā’ti uppalavīthiṃ gantvā ekamālampi na labhimhā’’ti. Thero ‘‘ahaṃ vo, āvuso, āharissāmī’’ti uppalavīthiṃ gantvā bahū nīluppalakalāpe ukkhipāpetvā āgamma tesaṃ dāpesi, te tāni gahetvā bodhissa pūjaṃ kariṃsu. Taṃ pavattiṃ sutvā dhammasabhāyaṃ bhikkhū therassa guṇakathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, jānapadā bhikkhū appapuññā uppalavīthiṃ gantvā mālaṃ na labhiṃsu, thero pana gantvāva āharāpesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva vattuchekā kathākusalā mālaṃ labhanti, pubbepi labhiṃsuyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เสฎฺฐิปุโตฺต อโหสิฯ อโนฺตนคเร จ เอกสฺมิํ สเร ปทุมานิ ปุปฺผนฺติฯ เอโก ฉินฺนนาโส ปุริโส ตํ สรํ รกฺขติฯ อเถกทิวสํ พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุเฎฺฐ มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา อุสฺสวํ กีฬิตุกามา ตโย เสฎฺฐิปุตฺตา ‘‘นาสจฺฉินฺนสฺส อภูเตน วณฺณํ วตฺวา มาลํ ยาจิสฺสามา’’ติ ตสฺส ปทุมานิ ภญฺชนกาเล สรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto seṭṭhiputto ahosi. Antonagare ca ekasmiṃ sare padumāni pupphanti. Eko chinnanāso puriso taṃ saraṃ rakkhati. Athekadivasaṃ bārāṇasiyaṃ ussave ghuṭṭhe mālaṃ piḷandhitvā ussavaṃ kīḷitukāmā tayo seṭṭhiputtā ‘‘nāsacchinnassa abhūtena vaṇṇaṃ vatvā mālaṃ yācissāmā’’ti tassa padumāni bhañjanakāle sarassa santikaṃ gantvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu.
เตสุ เอโก ตํ อามเนฺตตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Tesu eko taṃ āmantetvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๓๑.
31.
‘‘ยถา เกสา จ มสฺสู จ, ฉินฺนํ ฉินฺนํ วิรูหติ;
‘‘Yathā kesā ca massū ca, chinnaṃ chinnaṃ virūhati;
เอวํ รุหตุ เต นาสา, ปทุมํ เทหิ ยาจิโต’’ติฯ
Evaṃ ruhatu te nāsā, padumaṃ dehi yācito’’ti.
โส ตสฺส กุชฺฌิตฺวา ปทุมํ น อทาสิฯ
So tassa kujjhitvā padumaṃ na adāsi.
อถสฺส ทุติโย ทุติยํ คาถมาห –
Athassa dutiyo dutiyaṃ gāthamāha –
๓๒.
32.
‘‘ยถา สารทิกํ พีชํ, เขเตฺต วุตฺตํ วิรูหติ;
‘‘Yathā sāradikaṃ bījaṃ, khette vuttaṃ virūhati;
เอวํ รุหตุ เต นาสา, ปทุมํ เทหิ ยาจิโต’’ติฯ
Evaṃ ruhatu te nāsā, padumaṃ dehi yācito’’ti.
ตตฺถ สารทิกนฺติ สรทสมเย คเหตฺวา นิกฺขิตฺตํ สารสมฺปนฺนํ พีชํฯ โส ตสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา ปทุมํ น อทาสิฯ
Tattha sāradikanti saradasamaye gahetvā nikkhittaṃ sārasampannaṃ bījaṃ. So tassapi kujjhitvā padumaṃ na adāsi.
อถสฺส ตติโย ตติยํ คาถมาห –
Athassa tatiyo tatiyaṃ gāthamāha –
๓๓.
33.
‘‘อุโภปิ ปลปเนฺตเต, อปิ ปทฺมานิ ทสฺสติ;
‘‘Ubhopi palapantete, api padmāni dassati;
วชฺชุํ วา เต น วา วชฺชุํ, นตฺถิ นาสาย รูหนา;
Vajjuṃ vā te na vā vajjuṃ, natthi nāsāya rūhanā;
เทหิ สมฺม ปทุมานิ, อหํ ยาจามิ ยาจิโต’’ติฯ
Dehi samma padumāni, ahaṃ yācāmi yācito’’ti.
ตตฺถ อุโภปิ ปลปเนฺตเตติ เอเต เทฺวปิ มุสา วทนฺติฯ อปิ ปทฺมานีติ ‘‘อปิ นาม โน ปทุมานิ ทสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอวํ วทนฺติฯ วชฺชุํ วา เต น วา วชฺชุนฺติ ‘‘ตว นาสา รุหตู’’ติ เอวํ วเทยฺยุํ วา น วา วเทยฺยุํ, เอเตสํ วจนํ อปฺปมาณํ, สพฺพตฺถาปิ นตฺถิ นาสาย รุหนา, อหํ ปน เต นาสํ ปฎิจฺจ น กิญฺจิ วทามิ, เกวลํ ยาจามิ, ตสฺส เม เทหิ, สมฺม, ปทุมานิ ยาจิโตติฯ
Tattha ubhopi palapanteteti ete dvepi musā vadanti. Api padmānīti ‘‘api nāma no padumāni dassatī’’ti cintetvā evaṃ vadanti. Vajjuṃ vāte na vā vajjunti ‘‘tava nāsā ruhatū’’ti evaṃ vadeyyuṃ vā na vā vadeyyuṃ, etesaṃ vacanaṃ appamāṇaṃ, sabbatthāpi natthi nāsāya ruhanā, ahaṃ pana te nāsaṃ paṭicca na kiñci vadāmi, kevalaṃ yācāmi, tassa me dehi, samma, padumāni yācitoti.
ตํ สุตฺวา ปทุมสรโคปโก ‘‘อิเมหิ ทฺวีหิ มุสาวาโท กถิโต, ตุเมฺหหิ สภาโว กถิโต, ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกานิ ปทุมานี’’ติ มหนฺตํ ปทุมกลาปํ อาทาย ตสฺส ทตฺวา อตฺตโน ปทุมสรเมว คโตฯ
Taṃ sutvā padumasaragopako ‘‘imehi dvīhi musāvādo kathito, tumhehi sabhāvo kathito, tumhākaṃ anucchavikāni padumānī’’ti mahantaṃ padumakalāpaṃ ādāya tassa datvā attano padumasarameva gato.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปทุมลาภี เสฎฺฐิปุโตฺต อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā padumalābhī seṭṭhiputto ahameva ahosi’’nti.
ปทุมชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Padumajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๖๑. ปทุมชาตกํ • 261. Padumajātakaṃ