Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๑๒. ปทุมุตฺตรพุทฺธวํสวณฺณนา

    12. Padumuttarabuddhavaṃsavaṇṇanā

    นารทพุทฺธสฺส สาสนํ นวุติวสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติตฺวา อนฺตรธายิฯ โส จ กโปฺป วินสฺสิตฺถฯ ตโต ปรํ กปฺปานํ อสเงฺขฺยยฺยํ พุทฺธา โลเก น อุปฺปชฺชิํสุฯ พุทฺธสุโญฺญ วิคตพุทฺธาโลโก อโหสิฯ ตโต กเปฺปสุ จ อสเงฺขฺยเยฺยสุ วีติวเตฺตสุ อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก เอกสฺมิํ กเปฺป เอโก วิชิตมาโร โอหิตภาโร เมรุสาโร อสํสาโร สตฺตสาโร สพฺพโลกุตฺตโร ปทุมุตฺตโร นาม พุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ โสปิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา หํสวตีนคเร สพฺพชนานนฺทกรสฺสานนฺทสฺส นาม รโญฺญ อคฺคมเหสิยา อุทิโตทิตกุเล ชาตาย สุชาตาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ สา เทวตาหิ กตารกฺขา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน หํสวตุยฺยาเน ปทุมุตฺตรกุมารํ วิชายิฯ ปฎิสนฺธิยญฺจสฺส ชาติยญฺจ เหฎฺฐา วุตฺตปฺปการานิ ปาฎิหาริยานิ อเหสุํฯ

    Nāradabuddhassa sāsanaṃ navutivassasahassāni pavattitvā antaradhāyi. So ca kappo vinassittha. Tato paraṃ kappānaṃ asaṅkhyeyyaṃ buddhā loke na uppajjiṃsu. Buddhasuñño vigatabuddhāloko ahosi. Tato kappesu ca asaṅkhyeyyesu vītivattesu ito kappasatasahassamatthake ekasmiṃ kappe eko vijitamāro ohitabhāro merusāro asaṃsāro sattasāro sabbalokuttaro padumuttaro nāma buddho loke udapādi. Sopi pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā haṃsavatīnagare sabbajanānandakarassānandassa nāma rañño aggamahesiyā uditoditakule jātāya sujātāya deviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ aggahesi. Sā devatāhi katārakkhā dasannaṃ māsānaṃ accayena haṃsavatuyyāne padumuttarakumāraṃ vijāyi. Paṭisandhiyañcassa jātiyañca heṭṭhā vuttappakārāni pāṭihāriyāni ahesuṃ.

    ตสฺส กิร ชาติยํ ปทุมวสฺสํ วสฺสิฯ เตนสฺส นามคฺคหณทิวเส ญาตกา ‘‘ปทุมุตฺตรกุมาโร’’เตฺวว นามํ อกํสุฯ โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ นรวาหน-ยสวาหน-วสวตฺตินามกา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย จสฺส ปาสาทา อเหสุํฯ วสุทตฺตาเทวิปฺปมุขานํ อิตฺถีนํ สตสหสฺสานิ วีสติสหสฺสานิ จ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ โส วสุทตฺตาย เทวิยา ปุเตฺต สพฺพคุณานุตฺตเร อุตฺตรกุมาเร นาม อุปฺปเนฺน จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา – ‘‘มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ ตสฺส จินฺติตมเตฺตว วสวตฺตินามโก ปาสาโท กุมฺภการจกฺกํ วิย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เทววิมานมิว ปุณฺณจโนฺท วิย จ คคนตเลน คนฺตฺวา โพธิรุกฺขํ มเชฺฌกโรโนฺต โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนาย อาคตปาสาโท วิย ภูมิยํ โอตริฯ

    Tassa kira jātiyaṃ padumavassaṃ vassi. Tenassa nāmaggahaṇadivase ñātakā ‘‘padumuttarakumāro’’tveva nāmaṃ akaṃsu. So dasavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Naravāhana-yasavāhana-vasavattināmakā tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavikā tayo cassa pāsādā ahesuṃ. Vasudattādevippamukhānaṃ itthīnaṃ satasahassāni vīsatisahassāni ca paccupaṭṭhitāni ahesuṃ. So vasudattāya deviyā putte sabbaguṇānuttare uttarakumāre nāma uppanne cattāri nimittāni disvā – ‘‘mahābhinikkhamanaṃ nikkhamissāmī’’ti cintesi. Tassa cintitamatteva vasavattināmako pāsādo kumbhakāracakkaṃ viya ākāsaṃ abbhuggantvā devavimānamiva puṇṇacando viya ca gaganatalena gantvā bodhirukkhaṃ majjhekaronto sobhitabuddhavaṃsavaṇṇanāya āgatapāsādo viya bhūmiyaṃ otari.

    มหาปุริโส กิร ตโต ปาสาทโต โอตริตฺวา อรหตฺตทฺธชภูตานิ กาสายานิ วตฺถานิ เทวทตฺติยานิ ปารุปิตฺวา ตเตฺถว ปพฺพชิฯ ปาสาโท ปนาคนฺตฺวา สกฎฺฐาเนเยว อฎฺฐาสิฯ มหาสเตฺตน สหคตาย ปริสาย ฐเปตฺวา อิตฺถิโย สเพฺพ ปพฺพชิํสุฯ มหาปุริโส เตหิ สห สตฺตาหํ ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย อุเชฺชนินิคเม รุจานนฺทเสฎฺฐิธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย สุมิตฺตาชีวเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา สลลโพธิํ อุปคนฺตฺวา ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฎฺฐตฺติํสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐาย สมารํ มารพลํ วิธมิตฺวา ปฐเม ยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา ทุติเย ยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ตติเย ยาเม ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต วุฎฺฐาย ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปญฺญาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุญาณํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อริยมเคฺคน สกลพุทฺธคุเณ ปฎิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺธาจิณฺณํ ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนสิฯ ตทา กิร ทสสหสฺสจกฺกวาฬพฺภนฺตรํ สกลมฺปิ อลงฺกโรนฺตํ วิย ปทุมวสฺสํ วสฺสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Mahāpuriso kira tato pāsādato otaritvā arahattaddhajabhūtāni kāsāyāni vatthāni devadattiyāni pārupitvā tattheva pabbaji. Pāsādo panāgantvā sakaṭṭhāneyeva aṭṭhāsi. Mahāsattena sahagatāya parisāya ṭhapetvā itthiyo sabbe pabbajiṃsu. Mahāpuriso tehi saha sattāhaṃ padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya ujjeninigame rucānandaseṭṭhidhītāya dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā sālavane divāvihāraṃ katvā sāyanhasamaye sumittājīvakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā salalabodhiṃ upagantvā taṃ padakkhiṇaṃ katvā aṭṭhattiṃsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhāya samāraṃ mārabalaṃ vidhamitvā paṭhame yāme pubbenivāsaṃ anussaritvā dutiye yāme dibbacakkhuṃ visodhetvā tatiye yāme paccayākāraṃ sammasitvā ānāpānacatutthajjhānato vuṭṭhāya pañcasu khandhesu abhinivisitvā udayabbayavasena samapaññāsa lakkhaṇāni disvā yāva gotrabhuñāṇaṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā ariyamaggena sakalabuddhaguṇe paṭivijjhitvā sabbabuddhāciṇṇaṃ ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānesi. Tadā kira dasasahassacakkavāḷabbhantaraṃ sakalampi alaṅkarontaṃ viya padumavassaṃ vassi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘นารทสฺส อปเรน, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;

    ‘‘Nāradassa aparena, sambuddho dvipaduttamo;

    ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อโกฺขโภ สาครูปโมฯ

    Padumuttaro nāma jino, akkhobho sāgarūpamo.

    .

    2.

    ‘‘มณฺฑกโปฺป วา โส อาสิ, ยมฺหิ พุโทฺธ อชายถ;

    ‘‘Maṇḍakappo vā so āsi, yamhi buddho ajāyatha;

    อุสฺสนฺนกุสลา ชนตา, ตมฺหิ กเปฺป อชายถา’’ติฯ

    Ussannakusalā janatā, tamhi kappe ajāyathā’’ti.

    ตตฺถ สาครูปโมติ สาครสทิสคมฺภีรภาโวฯ มณฺฑกโปฺป วา โส อาสีติ เอตฺถ ยสฺมิํ กเปฺป เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, อยํ มณฺฑกโปฺป นามฯ ทุวิโธ หิ กโปฺป สุญฺญกโปฺป อสุญฺญกโปฺป จาติฯ ตตฺถ สุญฺญกเปฺป พุทฺธปเจฺจกพุทฺธจกฺกวตฺติโน น อุปฺปชฺชนฺติฯ ตสฺมา คุณวนฺตปุคฺคลสุญฺญตฺตา ‘‘สุญฺญกโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ

    Tattha sāgarūpamoti sāgarasadisagambhīrabhāvo. Maṇḍakappo vā so āsīti ettha yasmiṃ kappe dve sammāsambuddhā uppajjanti, ayaṃ maṇḍakappo nāma. Duvidho hi kappo suññakappo asuññakappo cāti. Tattha suññakappe buddhapaccekabuddhacakkavattino na uppajjanti. Tasmā guṇavantapuggalasuññattā ‘‘suññakappo’’ti vuccati.

    อสุญฺญกโปฺป ปญฺจวิโธ – สารกโปฺป มณฺฑกโปฺป วรกโปฺป สารมณฺฑกโปฺป ภทฺทกโปฺปติฯ ตตฺถ คุณสารรหิเต กเปฺป คุณสารุปฺปาทกสฺส คุณสารชนนสฺส เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาเวน ‘‘สารกโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺมิํ ปน กเปฺป เทฺว โลกนายกา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ‘‘มณฺฑกโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺมิํ กเปฺป ตโย พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, เตสุ ปฐโม ทุติยํ พฺยากโรติ, ทุติโย ตติยนฺติ, ตตฺถ มนุสฺสา ปมุทิตหทยา อตฺตนา ปตฺถิตปณิธานวเสน วรยนฺติฯ ตสฺมา ‘‘วรกโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ ยตฺถ ปน กเปฺป จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ปุริมกปฺปโต วิสิฎฺฐตรตฺตา สารตรตฺตา ‘‘สารมณฺฑกโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺมิํ กเปฺป ปญฺจ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ‘‘ภทฺทกโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ โส ปน อติทุลฺลโภฯ ตสฺมิํ ปน กเปฺป เยภุเยฺยน สตฺตา กลฺยาณสุขพหุลา โหนฺติฯ เยภุเยฺยน ติเหตุกา กิเลสกฺขยํ กโรนฺติ, ทุเหตุกา สุคติคามิโน โหนฺติ, อเหตุกา เหตุํ ปฎิลภนฺติฯ ตสฺมา โส กโปฺป ‘‘ภทฺทกโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อสุญฺญกโปฺป ปญฺจวิโธ’’ติอาทิฯ วุตฺตเญฺหตํ โปราเณหิ –

    Asuññakappo pañcavidho – sārakappo maṇḍakappo varakappo sāramaṇḍakappo bhaddakappoti. Tattha guṇasārarahite kappe guṇasāruppādakassa guṇasārajananassa ekassa sammāsambuddhassa pātubhāvena ‘‘sārakappo’’ti vuccati. Yasmiṃ pana kappe dve lokanāyakā uppajjanti, so ‘‘maṇḍakappo’’ti vuccati. Yasmiṃ kappe tayo buddhā uppajjanti, tesu paṭhamo dutiyaṃ byākaroti, dutiyo tatiyanti, tattha manussā pamuditahadayā attanā patthitapaṇidhānavasena varayanti. Tasmā ‘‘varakappo’’ti vuccati. Yattha pana kappe cattāro buddhā uppajjanti, so purimakappato visiṭṭhatarattā sāratarattā ‘‘sāramaṇḍakappo’’ti vuccati. Yasmiṃ kappe pañca buddhā uppajjanti, so ‘‘bhaddakappo’’ti vuccati. So pana atidullabho. Tasmiṃ pana kappe yebhuyyena sattā kalyāṇasukhabahulā honti. Yebhuyyena tihetukā kilesakkhayaṃ karonti, duhetukā sugatigāmino honti, ahetukā hetuṃ paṭilabhanti. Tasmā so kappo ‘‘bhaddakappo’’ti vuccati. Tena vuttaṃ – ‘‘asuññakappo pañcavidho’’tiādi. Vuttañhetaṃ porāṇehi –

    ‘‘เอโก พุโทฺธ สารกเปฺป, มณฺฑกเปฺป ชินา ทุเว;

    ‘‘Eko buddho sārakappe, maṇḍakappe jinā duve;

    วรกเปฺป ตโย พุทฺธา, สารมเณฺฑ จตุโร พุทฺธา;

    Varakappe tayo buddhā, sāramaṇḍe caturo buddhā;

    ปญฺจ พุทฺธา ภทฺทกเปฺป, ตโต นตฺถาธิกา ชินา’’ติฯ

    Pañca buddhā bhaddakappe, tato natthādhikā jinā’’ti.

    ยสฺมิํ ปน กเปฺป ปทุมุตฺตรทสพโล อุปฺปชฺชิ, โส สารกโปฺปปิ สมาโน คุณสมฺปตฺติยา มณฺฑกปฺปสทิสตฺตา ‘‘มณฺฑกโปฺป’’ติ วุโตฺตฯ โอปมฺมเตฺถ วา-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ อุสฺสนฺนกุสลาติ อุปจิตปุญฺญาฯ ชนตาติ ชนสมูโหฯ

    Yasmiṃ pana kappe padumuttaradasabalo uppajji, so sārakappopi samāno guṇasampattiyā maṇḍakappasadisattā ‘‘maṇḍakappo’’ti vutto. Opammatthe -saddo daṭṭhabbo. Ussannakusalāti upacitapuññā. Janatāti janasamūho.

    ปทุมุตฺตโร ปน ปริสุตฺตโร ภควา สตฺตาหํ โพธิปลฺลเงฺก วีตินาเมตฺวา – ‘‘ปถวิยํ ปาทํ นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ ทกฺขิณํ ปาทํ อภินีหริฯ อถ ปถวิํ ภินฺทิตฺวา วิมลโกมลเกสรกณฺณิกานิ ชลชามลาวิกลวิปุลปลาสานิ ถลชานิ ชลชานิ อุฎฺฐหิํสุฯ เตสํ กิร ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ เกสรานิ ติํสหตฺถานิ กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา เอเกกสฺส นวฆฎปฺปมาณา เรณโว อเหสุํฯ สตฺถา ปน อุเพฺพธโต อฎฺฐปณฺณาสหโตฺถ อโหสิฯ ตสฺส อุภินฺนํ พาหานมนฺตรํ อฎฺฐารสหตฺถํ นลาฎํ ปญฺจหตฺถํ หตฺถปาทา เอกาทสหตฺถา อเหสุํฯ ตสฺส เอกาทสหเตฺถน ปาเทน ทฺวาทสหตฺถาย กณฺณิกาย อกฺกนฺตมตฺตาย นวฆฎปฺปมาณา เรณโว อุฎฺฐหิตฺวา อฎฺฐปณฺณาสหตฺถํ สรีรปฺปเทสํ อุคฺคนฺตฺวา มโนสิลาจุณฺณวิจุณฺณิตํ วิย กตฺวา ปโจฺจตฺถรนฺติฯ ตทุปาทาย สตฺถา ปทุมุตฺตโรเตฺวว โลเก ปญฺญายิตฺถาติ สํยุตฺตภาณกา วทนฺติฯ

    Padumuttaro pana parisuttaro bhagavā sattāhaṃ bodhipallaṅke vītināmetvā – ‘‘pathaviyaṃ pādaṃ nikkhipissāmī’’ti dakkhiṇaṃ pādaṃ abhinīhari. Atha pathaviṃ bhinditvā vimalakomalakesarakaṇṇikāni jalajāmalāvikalavipulapalāsāni thalajāni jalajāni uṭṭhahiṃsu. Tesaṃ kira dhurapattāni navutihatthāni kesarāni tiṃsahatthāni kaṇṇikā dvādasahatthā ekekassa navaghaṭappamāṇā reṇavo ahesuṃ. Satthā pana ubbedhato aṭṭhapaṇṇāsahattho ahosi. Tassa ubhinnaṃ bāhānamantaraṃ aṭṭhārasahatthaṃ nalāṭaṃ pañcahatthaṃ hatthapādā ekādasahatthā ahesuṃ. Tassa ekādasahatthena pādena dvādasahatthāya kaṇṇikāya akkantamattāya navaghaṭappamāṇā reṇavo uṭṭhahitvā aṭṭhapaṇṇāsahatthaṃ sarīrappadesaṃ uggantvā manosilācuṇṇavicuṇṇitaṃ viya katvā paccottharanti. Tadupādāya satthā padumuttarotveva loke paññāyitthāti saṃyuttabhāṇakā vadanti.

    อถ สพฺพโลกุตฺตโร ปทุมุตฺตโร ภควา พฺรหฺมายาจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ธมฺมเทสนาย ภาชนภูเต สเตฺต โอโลเกโนฺต มิถิลนคเร เทวลํ สุชาตญฺจาติ เทฺว ราชปุเตฺต อุปนิสฺสยสมฺปเนฺน ทิสฺวา ตงฺขณเญฺญว อนิลปเถน คนฺตฺวา มิถิลุยฺยาเน โอตริตฺวา อุยฺยานปาเลน เทฺวปิ ราชกุมาเร ปโกฺกสาเปสิฯ เตปิ จ ‘‘อมฺหากํ ปิตุจฺฉาปุโตฺต ปทุมุตฺตรกุมาโร ปพฺพชิตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ ปาปุณิตฺวา อมฺหากํ นครํ สมฺปโตฺต, หนฺท นํ มยํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’’ติ สปริวารา ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสุฯ ตทา ทสพโล เตหิ ปริวุโต ตาราคณปริวุโต ปุณฺณจโนฺท วิย วิโรจมาโน ตตฺถ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิ, ตทา โกฎิสตสหสฺสานํ ปฐโม ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha sabbalokuttaro padumuttaro bhagavā brahmāyācanaṃ sampaṭicchitvā dhammadesanāya bhājanabhūte satte olokento mithilanagare devalaṃ sujātañcāti dve rājaputte upanissayasampanne disvā taṅkhaṇaññeva anilapathena gantvā mithiluyyāne otaritvā uyyānapālena dvepi rājakumāre pakkosāpesi. Tepi ca ‘‘amhākaṃ pitucchāputto padumuttarakumāro pabbajitvā sammāsambodhiṃ pāpuṇitvā amhākaṃ nagaraṃ sampatto, handa naṃ mayaṃ dassanāya upasaṅkamissāmā’’ti saparivārā padumuttaraṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā parivāretvā nisīdiṃsu. Tadā dasabalo tehi parivuto tārāgaṇaparivuto puṇṇacando viya virocamāno tattha dhammacakkaṃ pavattesi, tadā koṭisatasahassānaṃ paṭhamo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    3.

    ‘‘ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, ปฐเม ธมฺมเทสเน;

    ‘‘Padumuttarassa bhagavato, paṭhame dhammadesane;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, dhammābhisamayo ahū’’ti.

    อถาปเรน สมเยน สรทตาปสสมาคเม มหาชนํ นิรยสนฺตาเปน สนฺตาเปตฺวา ธมฺมํ เทเสโนฺต สตฺตติํสสตสหสฺสสเงฺข สตฺตกาเย ธมฺมามตํ ปาเยสิ, โส ทุติโย ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athāparena samayena saradatāpasasamāgame mahājanaṃ nirayasantāpena santāpetvā dhammaṃ desento sattatiṃsasatasahassasaṅkhe sattakāye dhammāmataṃ pāyesi, so dutiyo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    4.

    ‘‘ตโต ปรมฺปิ วสฺสเนฺต, ตปฺปยเนฺต จ ปาณิโน;

    ‘‘Tato parampi vassante, tappayante ca pāṇino;

    สตฺตตฺติํสสตสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Sattattiṃsasatasahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahū’’ti.

    ยทา ปน อานนฺทมหาราชา วีสติยา ปุริสสหเสฺสหิ วีสติยา อมเจฺจหิ จ สทฺธิํ ปทุมุตฺตรสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก มิถิลนคเร ปาตุรโหสิฯ ปทุมุตฺตโร จ ภควา เต สเพฺพ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา เตหิ ปริวุโต คนฺตฺวา ปิตุสงฺคหํ กุรุมาโน หํสวติยา ราชธานิยา วสติฯ ตตฺถ โส อมฺหากํ ภควา วิย กปิลปุเร คคนตเล รตนจงฺกเม จงฺกมโนฺต พุทฺธวํสํ กเถสิ, ตทา ปญฺญาสสตสหสฺสานํ ตติโย ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana ānandamahārājā vīsatiyā purisasahassehi vīsatiyā amaccehi ca saddhiṃ padumuttarassa sammāsambuddhassa santike mithilanagare pāturahosi. Padumuttaro ca bhagavā te sabbe ehibhikkhupabbajjāya pabbājetvā tehi parivuto gantvā pitusaṅgahaṃ kurumāno haṃsavatiyā rājadhāniyā vasati. Tattha so amhākaṃ bhagavā viya kapilapure gaganatale ratanacaṅkame caṅkamanto buddhavaṃsaṃ kathesi, tadā paññāsasatasahassānaṃ tatiyo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    5.

    ‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, อานนฺทํ อุปสงฺกมิ;

    ‘‘Yamhi kāle mahāvīro, ānandaṃ upasaṅkami;

    ปิตุสนฺติกํ อุปคนฺตฺวา, อาหนี อมตทุนฺทุภิํฯ

    Pitusantikaṃ upagantvā, āhanī amatadundubhiṃ.

    .

    6.

    ‘‘อาหเต อมตเภริมฺหิ, วสฺสเนฺต ธมฺมวุฎฺฐิยา;

    ‘‘Āhate amatabherimhi, vassante dhammavuṭṭhiyā;

    ปญฺญาสสตสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Paññāsasatasahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.

    ตตฺถ อานนฺทํ อุปสงฺกมีติ ปิตรํ อานนฺทราชานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อาหนีติ อภิหนิฯ อาหเตติ อาหตายฯ อมตเภริมฺหีติ อมตเภริยา, ลิงฺควิปลฺลาโส ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อาเสวิเต’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส อาเสวิตายาติ อโตฺถฯ วสฺสเนฺต ธมฺมวุฎฺฐิยาติ ธมฺมวสฺสํ วสฺสเนฺตติ อโตฺถฯ อิทานิ อภิสมยกรณูปายํ ทเสฺสโนฺต –

    Tattha ānandaṃ upasaṅkamīti pitaraṃ ānandarājānaṃ sandhāya vuttaṃ. Āhanīti abhihani. Āhateti āhatāya. Amatabherimhīti amatabheriyā, liṅgavipallāso daṭṭhabbo. ‘‘Āsevite’’tipi pāṭho, tassa āsevitāyāti attho. Vassante dhammavuṭṭhiyāti dhammavassaṃ vassanteti attho. Idāni abhisamayakaraṇūpāyaṃ dassento –

    .

    7.

    ‘‘โอวาทโก วิญฺญาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Ovādako viññāpako, tārako sabbapāṇinaṃ;

    เทสนากุสโล พุโทฺธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุ’’นฺติฯ – อาห;

    Desanākusalo buddho, tāresi janataṃ bahu’’nti. – āha;

    ตตฺถ โอวาทโกติ สรณสีลธุตงฺคสมาทานคุณานิสํสวณฺณนาย โอวทตีติ โอวาทโกฯ วิญฺญาปโกติ จตุสจฺจํ วิญฺญาเปตีติ วิญฺญาปโก, โพธโกฯ ตารโกติ จตุโรฆตารโกฯ

    Tattha ovādakoti saraṇasīladhutaṅgasamādānaguṇānisaṃsavaṇṇanāya ovadatīti ovādako. Viññāpakoti catusaccaṃ viññāpetīti viññāpako, bodhako. Tārakoti caturoghatārako.

    ยทา ปน สตฺถา มิถิลนคเร มิถิลุยฺยาเน โกฎิสตสหสฺสภิกฺขุคณมเชฺฌ มาฆปุณฺณมาย ปุณฺณจนฺทสทิสวทโน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana satthā mithilanagare mithiluyyāne koṭisatasahassabhikkhugaṇamajjhe māghapuṇṇamāya puṇṇacandasadisavadano pātimokkhaṃ uddisi, so paṭhamo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    8.

    ‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ปทุมุตฺตรสฺส สตฺถุโน;

    ‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, padumuttarassa satthuno;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโม’’ติฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo’’ti.

    ยทา ปน ภควา เวภารปพฺพตกูเฎ วสฺสาวาสํ วสิตฺวา ปพฺพตสนฺทสฺสนตฺถํ อาคตสฺส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา นวุติโกฎิสหสฺสานิ เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชตฺวา เตหิ ปริวุโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana bhagavā vebhārapabbatakūṭe vassāvāsaṃ vasitvā pabbatasandassanatthaṃ āgatassa mahājanassa dhammaṃ desetvā navutikoṭisahassāni ehibhikkhubhāvena pabbājetvā tehi parivuto pātimokkhaṃ uddisi, so dutiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    9.

    ‘‘ยทา พุโทฺธ อสมสโม, วสิ เวภารปพฺพเต;

    ‘‘Yadā buddho asamasamo, vasi vebhārapabbate;

    นวุติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโม’’ติฯ

    Navutikoṭisahassānaṃ, dutiyo āsi samāgamo’’ti.

    ปุน ภควติ คุณวติ ติโลกนาเถ มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺขํ กุรุมาเน ชนปทจาริกํ จรมาเน อสีติโกฎิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Puna bhagavati guṇavati tilokanāthe mahājanassa bandhanamokkhaṃ kurumāne janapadacārikaṃ caramāne asītikoṭisahassānaṃ bhikkhūnaṃ sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    ๑๐.

    10.

    ‘‘ปุน จาริกํ ปกฺกเนฺต, คามนิคมรฎฺฐโต;

    ‘‘Puna cārikaṃ pakkante, gāmanigamaraṭṭhato;

    อสีติโกฎิสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติฯ

    Asītikoṭisahassānaṃ, tatiyo āsi samāgamo’’ti.

    ตตฺถ คามนิคมรฎฺฐโตติ คามนิคมรเฎฺฐหิฯ อยเมว วา ปาโฐ, ตสฺส คามนิคมรเฎฺฐหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตานนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha gāmanigamaraṭṭhatoti gāmanigamaraṭṭhehi. Ayameva vā pāṭho, tassa gāmanigamaraṭṭhehi nikkhamitvā pabbajitānanti attho.

    ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต อเนกธนโกฎิโก ชฎิโล นาม มหารฎฺฐิโก หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สจีวรํ วรทานมทาสิฯ โสปิ ตํ ภตฺตานุโมทนาวสาเน ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tadā amhākaṃ bodhisatto anekadhanakoṭiko jaṭilo nāma mahāraṭṭhiko hutvā buddhappamukhassa saṅghassa sacīvaraṃ varadānamadāsi. Sopi taṃ bhattānumodanāvasāne ‘‘anāgate kappasatasahassamatthake gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๑.

    11.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฎิโล นาม รฎฺฐิโก;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, jaṭilo nāma raṭṭhiko;

    สมฺพุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ, สภตฺตํ ทุสฺสมทาสหํฯ

    Sambuddhappamukhaṃ saṅghaṃ, sabhattaṃ dussamadāsahaṃ.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, สงฺฆมเชฺฌ นิสีทิย;

    ‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, saṅghamajjhe nisīdiya;

    สตสหเสฺส อิโต กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Satasahasse ito kappe, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    ‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐหิํ;

    ‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, uttariṃ vatamadhiṭṭhahiṃ;

    อกาสิํ อุคฺคทฬฺหํ ธิติํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ

    Akāsiṃ uggadaḷhaṃ dhitiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.

    ตตฺถ สมฺพุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆนฺติ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส, สามิอเตฺถ อุปโยควจนํฯ สภตฺตํ ทุสฺสมทาสหนฺติ สจีวรํ ภตฺตํ อทาสิํ อหนฺติ อโตฺถฯ อุคฺคทฬหนฺติ อติทฬฺหํฯ ธิตินฺติ วีริยํ อกาสินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha sambuddhappamukhaṃ saṅghanti buddhappamukhassa saṅghassa, sāmiatthe upayogavacanaṃ. Sabhattaṃ dussamadāsahanti sacīvaraṃ bhattaṃ adāsiṃ ahanti attho. Uggadaḷahanti atidaḷhaṃ. Dhitinti vīriyaṃ akāsinti attho.

    ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํฯ สเพฺพ เทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณมคมํสุฯ เตน วุตฺตํ –

    Padumuttarassa pana bhagavato kāle titthiyā nāma nāhesuṃ. Sabbe devamanussā buddhameva saraṇamagamaṃsu. Tena vuttaṃ –

    ๑๕.

    15.

    ‘‘พฺยาหตา ติตฺถิยา สเพฺพ, วิมนา ทุมฺมนา ตทา;

    ‘‘Byāhatā titthiyā sabbe, vimanā dummanā tadā;

    น เตสํ เกจิ ปริจรนฺติ, รฎฺฐโต นิจฺฉุภนฺติ เตฯ

    Na tesaṃ keci paricaranti, raṭṭhato nicchubhanti te.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘สเพฺพ ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, อุปคญฺฉุํ พุทฺธสนฺติเก;

    ‘‘Sabbe tattha samāgantvā, upagañchuṃ buddhasantike;

    ตุวํ นาโถ มหาวีร, สรณํ โหหิ จกฺขุมฯ

    Tuvaṃ nātho mahāvīra, saraṇaṃ hohi cakkhuma.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Anukampako kāruṇiko, hitesī sabbapāṇinaṃ;

    สมฺปเตฺต ติตฺถิเย สเพฺพ, ปญฺจสีเล ปติฎฺฐหิฯ

    Sampatte titthiye sabbe, pañcasīle patiṭṭhahi.

    ๑๘.

    18.

    ‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุญฺญกํ ติตฺถิเยหิ ตํ;

    ‘‘Evaṃ nirākulaṃ āsi, suññakaṃ titthiyehi taṃ;

    วิจิตฺตํ อรหเนฺตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิหี’’ติฯ

    Vicittaṃ arahantehi, vasībhūtehi tādihī’’ti.

    ตตฺถ พฺยาหตาติ วิหตมานทปฺปาฯ ติตฺถิยาติ เอตฺถ ติตฺถํ เวทิตพฺพํ, ติตฺถกโร เวทิตโพฺพ, ติตฺถิยา เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ สสฺสตาทิทิฎฺฐิวเสน ตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, ลทฺธิฯ ตสฺสา ลทฺธิยา อุปฺปาทโก ติตฺถกโร, ติเตฺถ ภวา ติตฺถิยาติฯ ปทุมุตฺตรสฺส กิร ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาเหสุํฯ เย ปน สนฺติ, เตปิ อีทิสา อเหสุนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘พฺยาหตา ติตฺถิยา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ วิมนาติ วิรูปมานสาฯ ทุมฺมนาติ ตเสฺสว เววจนํฯ น เตสํ เกจิ ปริจรนฺตีติ เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ เกจิปิ ปุริสา ปริกมฺมํ น กโรนฺติ, น ภิกฺขํ เทนฺติ, น สกฺกโรนฺติ, น ครุํ กโรนฺติ, น มาเนนฺติ, น ปูเชนฺติ, น อาสนา วุฎฺฐหนฺติ, น อญฺชลิกมฺมํ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ รฎฺฐโตติ สกลรฎฺฐโตปิฯ นิจฺฉุภนฺตีติ นีหรนฺติ, อุสฺสาเทนฺติ เตสํ นิวาสํ น เทนฺตีติ อโตฺถฯ เตติ ติตฺถิยาฯ

    Tattha byāhatāti vihatamānadappā. Titthiyāti ettha titthaṃ veditabbaṃ, titthakaro veditabbo, titthiyā veditabbā. Tattha sassatādidiṭṭhivasena taranti etthāti titthaṃ, laddhi. Tassā laddhiyā uppādako titthakaro, titthe bhavā titthiyāti. Padumuttarassa kira bhagavato kāle titthiyā nāhesuṃ. Ye pana santi, tepi īdisā ahesunti dassanatthaṃ ‘‘byāhatā titthiyā’’tiādi vuttanti veditabbaṃ. Vimanāti virūpamānasā. Dummanāti tasseva vevacanaṃ. Na tesaṃ keci paricarantīti tesaṃ aññatitthiyānaṃ kecipi purisā parikammaṃ na karonti, na bhikkhaṃ denti, na sakkaronti, na garuṃ karonti, na mānenti, na pūjenti, na āsanā vuṭṭhahanti, na añjalikammaṃ karontīti attho. Raṭṭhatoti sakalaraṭṭhatopi. Nicchubhantīti nīharanti, ussādenti tesaṃ nivāsaṃ na dentīti attho. Teti titthiyā.

    อุปคญฺฉุํ พุทฺธสนฺติเกติ เอวํ เตหิ รฎฺฐวาสีหิ มนุเสฺสหิ อุสฺสาทิยมานา สเพฺพปิ อญฺญติตฺถิยา สมาคนฺตฺวา ปทุมุตฺตรทสพลเมว สรณมคมํสุฯ ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ สตฺถา นาโถ คติ ปรายนํ สรณ’’นฺติ เอวํ วตฺวา สรณมคมํสูติ อโตฺถฯ อนุกมฺปตีติ อนุกมฺปโกฯ กรุณาย จรตีติ การุณิโกสมฺปเตฺตติ สมาคเต สรณมุปคเต ติตฺถิเยฯ ปญฺจสีเล ปติฎฺฐหีติ ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปสีติ อโตฺถฯ นิรากุลนฺติ อนากุลํ, อเญฺญหิ ลทฺธิเกหิ อสมฺมิสฺสนฺติ อโตฺถฯ สุญฺญกนฺติ สุญฺญํ ริตฺตํ เตหิ ติตฺถิเยหิฯ นฺติ ตํ ภควโต สาสนนฺติ วจนเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ วิจิตฺตนฺติ วิจิตฺตวิจิตฺตํฯ วสีภูเตหีติ วสีภาวปฺปเตฺตหิฯ

    Upagañchuṃ buddhasantiketi evaṃ tehi raṭṭhavāsīhi manussehi ussādiyamānā sabbepi aññatitthiyā samāgantvā padumuttaradasabalameva saraṇamagamaṃsu. ‘‘Tvaṃ amhākaṃ satthā nātho gati parāyanaṃ saraṇa’’nti evaṃ vatvā saraṇamagamaṃsūti attho. Anukampatīti anukampako. Karuṇāya caratīti kāruṇiko. Sampatteti samāgate saraṇamupagate titthiye. Pañcasīle patiṭṭhahīti pañcasu sīlesu patiṭṭhāpesīti attho. Nirākulanti anākulaṃ, aññehi laddhikehi asammissanti attho. Suññakanti suññaṃ rittaṃ tehi titthiyehi. Tanti taṃ bhagavato sāsananti vacanaseso daṭṭhabbo. Vicittanti vicittavicittaṃ. Vasībhūtehīti vasībhāvappattehi.

    ตสฺส ปน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต หํสวตี นาม นครํ อโหสิฯ ปิตา ปนสฺส อานโนฺท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม เทวี, เทวโล จ สุชาโต จ เทฺว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฎฺฐาโก, อมิตา จ อสมา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, สลลรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐปณฺณาสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา จสฺส สมนฺตา ทฺวาทส โยชนานิ คณฺหิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุ อโหสิ, วสุทตฺตา นาม อคฺคมเหสี, อุตฺตโร นาม ปุโตฺต อโหสิฯ ปทุมุตฺตโร ปน ภควา ปรมาภิราเม นนฺทาราเม กิร ปรินิพฺพุโตฯ ธาตุโย ปนสฺส น วิกิริํสุฯ สกลชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา สมาคมฺม ทฺวาทสโยชนุเพฺพธํ สตฺตรตนมยํ เจติยมกํสุฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana padumuttarassa bhagavato haṃsavatī nāma nagaraṃ ahosi. Pitā panassa ānando nāma khattiyo, mātā sujātā nāma devī, devalo ca sujāto ca dve aggasāvakā, sumano nāmupaṭṭhāko, amitā ca asamā ca dve aggasāvikā, salalarukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhapaṇṇāsahatthubbedhaṃ ahosi, sarīrappabhā cassa samantā dvādasa yojanāni gaṇhi, vassasatasahassaṃ āyu ahosi, vasudattā nāma aggamahesī, uttaro nāma putto ahosi. Padumuttaro pana bhagavā paramābhirāme nandārāme kira parinibbuto. Dhātuyo panassa na vikiriṃsu. Sakalajambudīpavāsino manussā samāgamma dvādasayojanubbedhaṃ sattaratanamayaṃ cetiyamakaṃsu. Tena vuttaṃ –

    ๑๙.

    19.

    ‘‘นครํ หํสวตี นาม, อานโนฺท นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Nagaraṃ haṃsavatī nāma, ānando nāma khattiyo;

    สุชาตา นาม ชนิกา, ปทุมุตฺตรสฺส สตฺถุโนฯ

    Sujātā nāma janikā, padumuttarassa satthuno.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘เทวโล จ สุชาโต จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Devalo ca sujāto ca, ahesuṃ aggasāvakā;

    สุมโน นามุปฎฺฐาโก, ปทุมุตฺตรสฺส มเหสิโนฯ

    Sumano nāmupaṭṭhāko, padumuttarassa mahesino.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘อมิตา จ อสมา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Amitā ca asamā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, สลโลติ ปวุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, salaloti pavuccati.

    ๒๗.

    27.

    ‘‘อฎฺฐปณฺณาสรตนํ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

    ‘‘Aṭṭhapaṇṇāsaratanaṃ, accuggato mahāmuni;

    กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, ทฺวตฺติํสวรลกฺขโณฯ

    Kañcanagghiyasaṅkāso, dvattiṃsavaralakkhaṇo.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘กุฎฺฎา กวาฎา ภิตฺตี จ, รุกฺขา นคสิลุจฺจยา;

    ‘‘Kuṭṭā kavāṭā bhittī ca, rukkhā nagasiluccayā;

    น ตสฺสาวรณํ อตฺถิ, สมนฺตา ทฺวาทสโยชเนฯ

    Na tassāvaraṇaṃ atthi, samantā dvādasayojane.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

    ‘‘Vassasatasahassāni, āyu vijjati tāvade;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ๓๐.

    30.

    ‘‘สนฺตาเรตฺวา พหุชนํ, ฉินฺทิตฺวา สพฺพสํสยํ;

    ‘‘Santāretvā bahujanaṃ, chinditvā sabbasaṃsayaṃ;

    ชลิตฺวา อคฺคิกฺขโนฺธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก’’ติฯ

    Jalitvā aggikkhandhova, nibbuto so sasāvako’’ti.

    ตตฺถ นคสิลุจฺจยาติ นคสงฺขาตา สิลุจฺจยาฯ อาวรณนฺติ ปฎิจฺฉาทนํ ติโรกรณํฯ ทฺวาทสโยชเนติ สมนฺตโต ทฺวาทสโยชเน ฐาเน ภควโต สรีรปฺปภา ผริตฺวา รตฺตินฺทิวํ ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ ปากฎเมวาติฯ

    Tattha nagasiluccayāti nagasaṅkhātā siluccayā. Āvaraṇanti paṭicchādanaṃ tirokaraṇaṃ. Dvādasayojaneti samantato dvādasayojane ṭhāne bhagavato sarīrappabhā pharitvā rattindivaṃ tiṭṭhatīti attho. Sesagāthāsu sabbattha pākaṭamevāti.

    อิโต ปฎฺฐาย ปารมิปูรณาทิปุนปฺปุนาคตมตฺถํ สงฺขิปิตฺวา วิเสสตฺถเมว วตฺวา คมิสฺสามฯ ยทิ ปน วุตฺตเมว ปุนปฺปุนํ วกฺขาม, กทา อนฺตํ คมิสฺสติ อยํ สํวณฺณนาติฯ

    Ito paṭṭhāya pāramipūraṇādipunappunāgatamatthaṃ saṅkhipitvā visesatthameva vatvā gamissāma. Yadi pana vuttameva punappunaṃ vakkhāma, kadā antaṃ gamissati ayaṃ saṃvaṇṇanāti.

    ปทุมุตฺตรพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Padumuttarabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต ทสโม พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito dasamo buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๒. ปทุมุตฺตรพุทฺธวํโส • 12. Padumuttarabuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact