Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๙. ปหาราทสุตฺตํ
9. Pahārādasuttaṃ
๑๙. เอกํ สมยํ ภควา เวรญฺชายํ วิ หรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเลฯ อถ โข ปหาราโท อสุริโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตํ โข ปหาราทํ อสุรินฺทํ ภควา เอตทโวจ –
19. Ekaṃ samayaṃ bhagavā verañjāyaṃ vi harati naḷerupucimandamūle. Atha kho pahārādo asurindo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitaṃ kho pahārādaṃ asurindaṃ bhagavā etadavoca –
‘‘อปิ 1 ปน, ปหาราท , อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺตี’’ติ? ‘‘อภิรมนฺติ, ภเนฺต, อสุรา มหาสมุเทฺท’’ติฯ ‘‘กติ ปน, ปหาราท, มหาสมุเทฺท อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา 2, เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺตี’’ติ? ‘‘อฎฺฐ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา, เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ กตเม อฎฺฐ? มหาสมุโทฺท, ภเนฺต, อนุปุพฺพนิโนฺน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร , น อายตเกเนว ปปาโตฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท อนุปุพฺพนิโนฺน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร, น อายตเกเนว ปปาโตฯ อยํ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท ปฐโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ
‘‘Api 3 pana, pahārāda , asurā mahāsamudde abhiramantī’’ti? ‘‘Abhiramanti, bhante, asurā mahāsamudde’’ti. ‘‘Kati pana, pahārāda, mahāsamudde acchariyā abbhutā dhammā 4, ye disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramantī’’ti? ‘‘Aṭṭha, bhante, mahāsamudde acchariyā abbhutā dhammā, ye disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti. Katame aṭṭha? Mahāsamuddo, bhante, anupubbaninno anupubbapoṇo anupubbapabbhāro , na āyatakeneva papāto. Yampi, bhante, mahāsamuddo anupubbaninno anupubbapoṇo anupubbapabbhāro, na āyatakeneva papāto. Ayaṃ, bhante, mahāsamudde paṭhamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti.
‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท ฐิตธโมฺม เวลํ นาติวตฺตติฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท ฐิตธโมฺม เวลํ นาติวตฺตติ; อยํ 5, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท ทุติโย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhante, mahāsamuddo ṭhitadhammo velaṃ nātivattati. Yampi, bhante, mahāsamuddo ṭhitadhammo velaṃ nātivattati; ayaṃ 6, bhante, mahāsamudde dutiyo acchariyo abbhuto dhammo yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti.
‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท น มเตน กุณเปน สํวสติ 7ฯ ยํ โหติ มหาสมุเทฺท มตํ กุณปํ, ตํ ขิปฺปเมว 8 ตีรํ วาเหติ, ถลํ อุสฺสาเรติฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท น มเตน กุณเปน สํวสติ, ยํ โหติ มหาสมุเทฺท มตํ กุณปํ, ตํ ขิปฺปเมว ตีรํ วาเหติ, ถลํ อุสฺสาเรติ; อยํ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท ตติโย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhante, mahāsamuddo na matena kuṇapena saṃvasati 9. Yaṃ hoti mahāsamudde mataṃ kuṇapaṃ, taṃ khippameva 10 tīraṃ vāheti, thalaṃ ussāreti. Yampi, bhante, mahāsamuddo na matena kuṇapena saṃvasati, yaṃ hoti mahāsamudde mataṃ kuṇapaṃ, taṃ khippameva tīraṃ vāheti, thalaṃ ussāreti; ayaṃ, bhante, mahāsamudde tatiyo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti.
‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, ยา กาจิ มหานทิโย, เสยฺยถิทํ – คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหี, ตา มหาสมุทฺทํ ปตฺวา 11 ชหนฺติ ปุริมานิ นามโคตฺตานิ, ‘มหาสมุโทฺท’ เตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, ยา กาจิ มหานทิโย, เสยฺยถิทํ – คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหี, ตา มหาสมุทฺทํ ปตฺวา ชหนฺติ ปุริมานิ นามโคตฺตานิ, ‘มหาสมุโทฺท’ เตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ; อยํ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท จตุโตฺถ อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhante, yā kāci mahānadiyo, seyyathidaṃ – gaṅgā yamunā aciravatī sarabhū mahī, tā mahāsamuddaṃ patvā 12 jahanti purimāni nāmagottāni, ‘mahāsamuddo’ tveva saṅkhaṃ gacchanti. Yampi, bhante, yā kāci mahānadiyo, seyyathidaṃ – gaṅgā yamunā aciravatī sarabhū mahī, tā mahāsamuddaṃ patvā jahanti purimāni nāmagottāni, ‘mahāsamuddo’ tveva saṅkhaṃ gacchanti; ayaṃ, bhante, mahāsamudde catuttho acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti.
‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, ยา จ 13 โลเก สวนฺติโย มหาสมุทฺทํ อเปฺปนฺติ ยา จ อนฺตลิกฺขา ธารา ปปตนฺติ, น เตน มหาสมุทฺทสฺส อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วา ปญฺญายติฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, ยา จ โลเก สวนฺติโย มหาสมุทฺทํ อเปฺปนฺติ ยา จ อนฺตลิกฺขา ธารา ปปตนฺติ, น เตน มหาสมุทฺทสฺส อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วา ปญฺญายติ; อยํ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท ปญฺจโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhante, yā ca 14 loke savantiyo mahāsamuddaṃ appenti yā ca antalikkhā dhārā papatanti, na tena mahāsamuddassa ūnattaṃ vā pūrattaṃ vā paññāyati. Yampi, bhante, yā ca loke savantiyo mahāsamuddaṃ appenti yā ca antalikkhā dhārā papatanti, na tena mahāsamuddassa ūnattaṃ vā pūrattaṃ vā paññāyati; ayaṃ, bhante, mahāsamudde pañcamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti.
‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท เอกรโส โลณรโสฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท เอกรโส โลณรโส; อยํ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท ฉโฎฺฐ อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhante, mahāsamuddo ekaraso loṇaraso. Yampi, bhante, mahāsamuddo ekaraso loṇaraso; ayaṃ, bhante, mahāsamudde chaṭṭho acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti.
‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท พหุรตโน 15 อเนกรตโนฯ ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ – มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโก มสารคลฺลํฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท พหุรตโน อเนกรตโน; ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ – มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโก มสารคลฺลํฯ อยํ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท สตฺตโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhante, mahāsamuddo bahuratano 16 anekaratano. Tatrimāni ratanāni, seyyathidaṃ – muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavāḷaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitako masāragallaṃ. Yampi, bhante, mahāsamuddo bahuratano anekaratano; tatrimāni ratanāni, seyyathidaṃ – muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavāḷaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitako masāragallaṃ. Ayaṃ, bhante, mahāsamudde sattamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti.
‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท มหตํ ภูตานํ อาวาโสฯ ตตฺริเม ภูตา – ติมิ ติมิงฺคโล ติมิรปิงฺคโล 17 อสุรา นาคา คนฺธพฺพาฯ สนฺติ มหาสมุเทฺท โยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, ทฺวิโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, ติโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, จตุโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, ปญฺจโยชนสติกาปิ อตฺตภาวาฯ ยมฺปิ, ภเนฺต, มหาสมุโทฺท มหตํ ภูตานํ อาวาโส; ตตฺริเม ภูตา – ติมิ ติมิงฺคโล ติมิรปิงฺคโล อสุรา นาคา คนฺธพฺพา; สนฺติ มหาสมุเทฺท โยชนสติกาปิ อตฺตภาวา…เป.… ทฺวิโยชน… ติโยชน… จตุโยชน… ปญฺจโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา; อยํ, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท อฎฺฐโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺติฯ อิเม โข, ภเนฺต , มหาสมุเทฺท อฎฺฐ อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา, เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺตีติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhante, mahāsamuddo mahataṃ bhūtānaṃ āvāso. Tatrime bhūtā – timi timiṅgalo timirapiṅgalo 18 asurā nāgā gandhabbā. Santi mahāsamudde yojanasatikāpi attabhāvā, dviyojanasatikāpi attabhāvā, tiyojanasatikāpi attabhāvā, catuyojanasatikāpi attabhāvā, pañcayojanasatikāpi attabhāvā. Yampi, bhante, mahāsamuddo mahataṃ bhūtānaṃ āvāso; tatrime bhūtā – timi timiṅgalo timirapiṅgalo asurā nāgā gandhabbā; santi mahāsamudde yojanasatikāpi attabhāvā…pe… dviyojana… tiyojana… catuyojana… pañcayojanasatikāpi attabhāvā; ayaṃ, bhante, mahāsamudde aṭṭhamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramanti. Ime kho, bhante , mahāsamudde aṭṭha acchariyā abbhutā dhammā, ye disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramantīti.
‘‘อปิ ปน, ภเนฺต, ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺตี’’ติ? ‘‘อภิรมนฺติ, ปหาราท, ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย’’ติฯ ‘‘กติ ปน, ภเนฺต, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา, เย ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺตี’’ติ? ‘‘อฎฺฐ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา, เย ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ กตเม อฎฺฐ? เสยฺยถาปิ, ปหาราท, มหาสมุโทฺท อนุปุพฺพนิโนฺน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร, น อายตเกเนว ปปาโต ; เอวเมวํ โข, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฎิปทา, น อายตเกเนว อญฺญาปฎิเวโธฯ ยมฺปิ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฎิปทา, น อายตเกเนว อญฺญาปฎิเวโธฯ อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ปฐโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ
‘‘Api pana, bhante, bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramantī’’ti? ‘‘Abhiramanti, pahārāda, bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye’’ti. ‘‘Kati pana, bhante, imasmiṃ dhammavinaye acchariyā abbhutā dhammā, ye disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramantī’’ti? ‘‘Aṭṭha, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye acchariyā abbhutā dhammā, ye disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti. Katame aṭṭha? Seyyathāpi, pahārāda, mahāsamuddo anupubbaninno anupubbapoṇo anupubbapabbhāro, na āyatakeneva papāto ; evamevaṃ kho, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye anupubbasikkhā anupubbakiriyā anupubbapaṭipadā, na āyatakeneva aññāpaṭivedho. Yampi, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye anupubbasikkhā anupubbakiriyā anupubbapaṭipadā, na āyatakeneva aññāpaṭivedho. Ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye paṭhamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti.
‘‘เสยฺยถาปิ, ปหาราท, มหาสมุโทฺท ฐิตธโมฺม เวลํ นาติวตฺตติ; เอวเมวํ โข, ปหาราท, ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺติฯ ยมฺปิ, ปหาราท, มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺติฯ อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ทุติโย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ
‘‘Seyyathāpi, pahārāda, mahāsamuddo ṭhitadhammo velaṃ nātivattati; evamevaṃ kho, pahārāda, yaṃ mayā sāvakānaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ taṃ mama sāvakā jīvitahetupi nātikkamanti. Yampi, pahārāda, mayā sāvakānaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ taṃ mama sāvakā jīvitahetupi nātikkamanti. Ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye dutiyo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti.
‘‘เสยฺยถาปิ, ปหาราท, มหาสมุโทฺท น มเตน กุณเปน สํวสติฯ ยํ โหติ มหาสมุเทฺท มตํ กุณปํ, ตํ ขิปฺปเมว ตีรํ วาเหติ ถลํ อุสฺสาเรติ; เอวเมวํ โข, ปหาราท, โย โส ปุคฺคโล ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม อสุจิสงฺกสฺสรสมาจาโร ปฎิจฺฉนฺนกมฺมโนฺต อสฺสมโณ สมณปฎิโญฺญ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญ อโนฺตปูติ อวสฺสุโต กสมฺพุชาโต, น เตน สโงฺฆ สํวสติ; ขิปฺปเมว นํ สนฺนิปติตฺวา อุกฺขิปติฯ
‘‘Seyyathāpi, pahārāda, mahāsamuddo na matena kuṇapena saṃvasati. Yaṃ hoti mahāsamudde mataṃ kuṇapaṃ, taṃ khippameva tīraṃ vāheti thalaṃ ussāreti; evamevaṃ kho, pahārāda, yo so puggalo dussīlo pāpadhammo asucisaṅkassarasamācāro paṭicchannakammanto assamaṇo samaṇapaṭiñño abrahmacārī brahmacāripaṭiñño antopūti avassuto kasambujāto, na tena saṅgho saṃvasati; khippameva naṃ sannipatitvā ukkhipati.
‘‘กิญฺจาปิ โส โหติ มเชฺฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺนิสิโนฺน, อถ โข โส อารกาว สงฺฆมฺหา สโงฺฆ จ เตนฯ ยมฺปิ, ปหาราท, โย โส ปุคฺคโล ทุสฺสีโล ปาปธโมฺม อสุจิสงฺกสฺสรสมาจาโร ปฎิจฺฉนฺนกมฺมโนฺต อสฺสมโณ สมณปฎิโญฺญ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญ อโนฺตปูติ อวสฺสุโต กสมฺพุชาโต, น เตน สโงฺฆ สํวสติ; ขิปฺปเมว นํ สนฺนิปติตฺวา อุกฺขิปติ; กิญฺจาปิ โส โหติ มเชฺฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สนฺนิสิโนฺน, อถ โข โส อารกาว สงฺฆมฺหา สโงฺฆ จ เตนฯ อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ตติโย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ
‘‘Kiñcāpi so hoti majjhe bhikkhusaṅghassa sannisinno, atha kho so ārakāva saṅghamhā saṅgho ca tena. Yampi, pahārāda, yo so puggalo dussīlo pāpadhammo asucisaṅkassarasamācāro paṭicchannakammanto assamaṇo samaṇapaṭiñño abrahmacārī brahmacāripaṭiñño antopūti avassuto kasambujāto, na tena saṅgho saṃvasati; khippameva naṃ sannipatitvā ukkhipati; kiñcāpi so hoti majjhe bhikkhusaṅghassa sannisinno, atha kho so ārakāva saṅghamhā saṅgho ca tena. Ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye tatiyo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti.
‘‘เสยฺยถาปิ, ปหาราท, ยา กาจิ มหานทิโย, เสยฺยถิทํ – คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหี, ตา มหาสมุทฺทํ ปตฺวา ชหนฺติ ปุริมานิ นามโคตฺตานิ, ‘มหาสมุโทฺท’ เตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ; เอวเมวํ โข, ปหาราท, จตฺตาโรเม วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา, เต ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา ชหนฺติ ปุริมานิ นามโคตฺตานิ, ‘สมณา สกฺยปุตฺติยา’ เตฺวว 19 สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ ยมฺปิ, ปหาราท, จตฺตาโรเม วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา, เต ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา ชหนฺติ ปุริมานิ นามโคตฺตานิ, ‘สมณา สกฺยปุตฺติยา’ เตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย จตุโตฺถ อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ
‘‘Seyyathāpi, pahārāda, yā kāci mahānadiyo, seyyathidaṃ – gaṅgā yamunā aciravatī sarabhū mahī, tā mahāsamuddaṃ patvā jahanti purimāni nāmagottāni, ‘mahāsamuddo’ tveva saṅkhaṃ gacchanti; evamevaṃ kho, pahārāda, cattārome vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā, suddā, te tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajitvā jahanti purimāni nāmagottāni, ‘samaṇā sakyaputtiyā’ tveva 20 saṅkhaṃ gacchanti. Yampi, pahārāda, cattārome vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā, suddā, te tathāgatappavedite dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajitvā jahanti purimāni nāmagottāni, ‘samaṇā sakyaputtiyā’ tveva saṅkhaṃ gacchanti. Ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye catuttho acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti.
‘‘เสยฺยถาปิ, ปหาราท, ยา จ โลเก สวนฺติโย มหาสมุทฺทํ อเปฺปนฺติ ยา จ อนฺตลิกฺขา ธารา ปปตนฺติ, น เตน มหาสมุทฺทสฺส อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วา ปญฺญายติ; เอวเมวํ โข, ปหาราท, พหู เจปิ ภิกฺขู อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายนฺติ, น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วา ปญฺญายติฯ ยมฺปิ, ปหาราท, พหู เจปิ ภิกฺขู อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายนฺติ, น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วา ปญฺญายติฯ อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ปญฺจโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ
‘‘Seyyathāpi, pahārāda, yā ca loke savantiyo mahāsamuddaṃ appenti yā ca antalikkhā dhārā papatanti, na tena mahāsamuddassa ūnattaṃ vā pūrattaṃ vā paññāyati; evamevaṃ kho, pahārāda, bahū cepi bhikkhū anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyanti, na tena nibbānadhātuyā ūnattaṃ vā pūrattaṃ vā paññāyati. Yampi, pahārāda, bahū cepi bhikkhū anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyanti, na tena nibbānadhātuyā ūnattaṃ vā pūrattaṃ vā paññāyati. Ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye pañcamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti.
‘‘เสยฺยถาปิ , ปหาราท, มหาสมุโทฺท เอกรโส โลณรโส; เอวเมวํ โข, ปหาราท, อยํ ธมฺมวินโย เอกรโส, วิมุตฺติรโสฯ ยมฺปิ ปหาราท , อยํ ธมฺมวินโย เอกรโส, วิมุตฺติรโส ; อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ฉโฎฺฐ อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ
‘‘Seyyathāpi , pahārāda, mahāsamuddo ekaraso loṇaraso; evamevaṃ kho, pahārāda, ayaṃ dhammavinayo ekaraso, vimuttiraso. Yampi pahārāda , ayaṃ dhammavinayo ekaraso, vimuttiraso ; ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye chaṭṭho acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti.
‘‘เสยฺยถาปิ, ปหาราท, มหาสมุโทฺท พหุรตโน อเนกรตโน; ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ – มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโก มสารคลฺลํ; เอวเมวํ โข, ปหาราท, อยํ ธมฺมวินโย พหุรตโน อเนกรตโนฯ ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ ยมฺปิ, ปหาราท, อยํ ธมฺมวินโย พหุรตโน อเนกรตโน; ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค; อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย สตฺตโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ
‘‘Seyyathāpi, pahārāda, mahāsamuddo bahuratano anekaratano; tatrimāni ratanāni, seyyathidaṃ – muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavāḷaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitako masāragallaṃ; evamevaṃ kho, pahārāda, ayaṃ dhammavinayo bahuratano anekaratano. Tatrimāni ratanāni, seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Yampi, pahārāda, ayaṃ dhammavinayo bahuratano anekaratano; tatrimāni ratanāni, seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo; ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye sattamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti.
‘‘เสยฺยถาปิ, ปหาราท, มหาสมุโทฺท มหตํ ภูตานํ อาวาโส; ตตฺริเม ภูตา – ติมิ ติมิงฺคโล ติมิรปิงฺคโล อสุรา นาคา คนฺธพฺพา; สนฺติ มหาสมุเทฺท โยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, ทฺวิโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, ติโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, จตุโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา, ปญฺจโยชนสติกาปิ อตฺตภาวา; เอวเมวํ โข, ปหาราท, อยํ ธมฺมวินโย มหตํ ภูตานํ อาวาโส; ตตฺริเม ภูตา – โสตาปโนฺน โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน, สกทาคามี สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน, อนาคามี อนาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน, อรหา อรหตฺตาย ปฎิปโนฺนฯ ยมฺปิ, ปหาราท, อยํ ธมฺมวินโย มหตํ ภูตานํ อาวาโส; ตตฺริเม ภูตา – โสตาปโนฺน โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน, สกทาคามี สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน, อนาคามี อนาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน, อรหา อรหตฺตาย ปฎิปโนฺน; อยํ, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อฎฺฐโม อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺม, ยํ ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺติฯ อิเม โข, ปหาราท, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อฎฺฐ อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา, เย ทิสฺวา ทิสฺวา ภิกฺขู อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อภิรมนฺตี’’ติฯ นวมํฯ
‘‘Seyyathāpi, pahārāda, mahāsamuddo mahataṃ bhūtānaṃ āvāso; tatrime bhūtā – timi timiṅgalo timirapiṅgalo asurā nāgā gandhabbā; santi mahāsamudde yojanasatikāpi attabhāvā, dviyojanasatikāpi attabhāvā, tiyojanasatikāpi attabhāvā, catuyojanasatikāpi attabhāvā, pañcayojanasatikāpi attabhāvā; evamevaṃ kho, pahārāda, ayaṃ dhammavinayo mahataṃ bhūtānaṃ āvāso; tatrime bhūtā – sotāpanno sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno, sakadāgāmī sakadāgāmiphalasacchikiriyāya paṭipanno, anāgāmī anāgāmiphalasacchikiriyāya paṭipanno, arahā arahattāya paṭipanno. Yampi, pahārāda, ayaṃ dhammavinayo mahataṃ bhūtānaṃ āvāso; tatrime bhūtā – sotāpanno sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno, sakadāgāmī sakadāgāmiphalasacchikiriyāya paṭipanno, anāgāmī anāgāmiphalasacchikiriyāya paṭipanno, arahā arahattāya paṭipanno; ayaṃ, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye aṭṭhamo acchariyo abbhuto dhammo, yaṃ disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramanti. Ime kho, pahārāda, imasmiṃ dhammavinaye aṭṭha acchariyā abbhutā dhammā, ye disvā disvā bhikkhū imasmiṃ dhammavinaye abhiramantī’’ti. Navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. ปหาราทสุตฺตวณฺณนา • 9. Pahārādasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. ปหาราทสุตฺตวณฺณนา • 9. Pahārādasuttavaṇṇanā