Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๙. ปหาราทสุตฺตวณฺณนา
9. Pahārādasuttavaṇṇanā
๑๙. นวเม (อุทา. อฎฺฐ. ๔๕; สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๔) อสุราติ เทวา วิย น สุรนฺติ น กีฬนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุราฯ สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฎิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย ฯ เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฎฺฐาภาเคฯ เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทีนิ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตา อภิรมนฺติฯ สา ตตฺถ เตสํ อภิรติฯ อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺตี’’ติฯ
19. Navame (udā. aṭṭha. 45; sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.384) asurāti devā viya na suranti na kīḷanti na virocantīti asurā. Surā nāma devā, tesaṃ paṭipakkhāti vā asurā, vepacittipahārādādayo . Tesaṃ bhavanaṃ sinerussa heṭṭhābhāge. Te tattha pavisantā nikkhamantā sinerupāde maṇḍapādīni nimminitvā kīḷantā abhiramanti. Sā tattha tesaṃ abhirati. Ime guṇe disvāti āha ‘‘ye disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramantī’’ti.
ยสฺมา โลกิยา ชมฺพุทีโป, หิมวา ตตฺถ ปติฎฺฐิตสมุทฺททหปพฺพตา ตปฺปภวา นทิโยติ เอเตสุ ยํ ยํ น มนุสฺสโคจรํ, ตตฺถ สยํ สมฺมูฬฺหา อเญฺญปิ สโมฺมหยนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ สโมฺมหวิธมนตฺถํ ‘‘อยํ ตาว ชมฺพุทีโป’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ อายามโต วิตฺถารโต จาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ อุทเกน อโชฺฌตฺถโฎ ตทุปโภคิสตฺตานํ ปุญฺญกฺขเยนฯ สุนฺทรทสฺสนํ กูฎนฺติ สุทสฺสนกูฎํ, ยํ โลเก ‘‘เหมกูฎ’’นฺติ วุจฺจติฯ มูลคโนฺธ กาลานุสาริยาทิฯ สารคโนฺธ จนฺทนาทิฯ เผคฺคุคโนฺธ สลลาทิฯ ตจคโนฺธ ลวงฺคาทิฯ ปปฎิกาคโนฺธ กปิตฺถาทิฯ รสคโนฺธ สชฺชุลสาทิฯ ปตฺตคโนฺธ ตมาลหิริเวราทิฯ ปุปฺผคโนฺธ นาคกุสุมาทิฯ ผลคโนฺธ ชาติผลาทิฯ คนฺธคโนฺธ สเพฺพสํ คนฺธานํ คโนฺธฯ ‘‘สพฺพานิ ปุถุลโต ปญฺญาส โยชนานิ, อายามโต ปน อุเพฺพธโต วิย ทฺวิโยชนสตาเนวา’’ติ วทนฺติฯ
Yasmā lokiyā jambudīpo, himavā tattha patiṭṭhitasamuddadahapabbatā tappabhavā nadiyoti etesu yaṃ yaṃ na manussagocaraṃ, tattha sayaṃ sammūḷhā aññepi sammohayanti, tasmā tattha sammohavidhamanatthaṃ ‘‘ayaṃ tāva jambudīpo’’tiādi āraddhaṃ. Dasasahassayojanaparimāṇo āyāmato vitthārato cāti adhippāyo. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi. Udakena ajjhotthaṭo tadupabhogisattānaṃ puññakkhayena. Sundaradassanaṃ kūṭanti sudassanakūṭaṃ, yaṃ loke ‘‘hemakūṭa’’nti vuccati. Mūlagandho kālānusāriyādi. Sāragandho candanādi. Pheggugandho salalādi. Tacagandho lavaṅgādi. Papaṭikāgandho kapitthādi. Rasagandho sajjulasādi. Pattagandho tamālahiriverādi. Pupphagandho nāgakusumādi. Phalagandho jātiphalādi. Gandhagandho sabbesaṃ gandhānaṃ gandho. ‘‘Sabbāni puthulato paññāsa yojanāni, āyāmato pana ubbedhato viya dviyojanasatānevā’’ti vadanti.
มโนหรสิลาตลานีติ รตนมยตฺตา มนุญฺญโสปานสิลาตลานิฯ สุปฎิยตฺตานีติ ตทุปโภคิสตฺตานํ สาธารณกมฺมุนาว สุฎฺฐุ ปฎิยตฺตานิ สุสณฺฐิตานิ โหนฺติฯ มจฺฉกจฺฉปาทีนิ อุทกํ มลํ กโรนฺติ, ตทภาวโต ผลิกสทิสนิมฺมโลทกานิฯ ติริยโต ทีฆํ อุคฺคตกูฎนฺติ ‘‘ติรจฺฉานปพฺพต’’นฺติ อาหฯ ปุริมานิ นามโคตฺตานีติ เอตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํฯ
Manoharasilātalānīti ratanamayattā manuññasopānasilātalāni. Supaṭiyattānīti tadupabhogisattānaṃ sādhāraṇakammunāva suṭṭhu paṭiyattāni susaṇṭhitāni honti. Macchakacchapādīni udakaṃ malaṃ karonti, tadabhāvato phalikasadisanimmalodakāni. Tiriyato dīghaṃ uggatakūṭanti ‘‘tiracchānapabbata’’nti āha. Purimāni nāmagottānīti ettha nadī ninnagātiādikaṃ gottaṃ, gaṅgā yamunātiādikaṃ nāmaṃ.
สวมานาติ สนฺทมานาฯ ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโวฯ มสารคลฺลํ ‘‘จิตฺตผลิก’’นฺติปิ วทนฺติฯ มหตํ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํฯ ติมี ติมิงฺคลา ติมิติมิงฺคลาติ ติโสฺส มจฺฉชาติโยฯ ติมิํ คิลนสมตฺถา ติมิงฺคลาฯ ติมิญฺจ ติมิงฺคลญฺจ คิลนสมตฺถา ติมิติมิงฺคลาติ วทนฺติฯ
Savamānāti sandamānā. Pūrattanti puṇṇabhāvo. Masāragallaṃ ‘‘cittaphalika’’ntipi vadanti. Mahataṃ bhūtānanti mahantānaṃ sattānaṃ. Timī timiṅgalā timitimiṅgalāti tisso macchajātiyo. Timiṃ gilanasamatthā timiṅgalā. Timiñca timiṅgalañca gilanasamatthā timitimiṅgalāti vadanti.
มม สาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติฯ น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติฯ อุกฺขิปตีติ อปเนติฯ วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโสฯ สพฺพา หิ สาสนสมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺติอตฺถาฯ
Mamasāvakāti sotāpannādike ariyapuggale sandhāya vadati. Na saṃvasatīti uposathakammādivasena saṃvāsaṃ na karoti. Ukkhipatīti apaneti. Vimuttirasoti kilesehi vimuccanaraso. Sabbā hi sāsanasampatti yāvadeva anupādāya āsavehi cittassa vimuttiatthā.
รตนานีติ รติชนนเฎฺฐน รตนานิฯ สติปฎฺฐานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพเตฺตนฺติ, ปเคว อปรภาเคฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Ratanānīti ratijananaṭṭhena ratanāni. Satipaṭṭhānādayo hi bhāviyamānā pubbabhāgepi anappakaṃ pītipāmojjaṃ nibbattenti, pageva aparabhāge. Vuttañhetaṃ –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔) –
Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374) –
โลกิยรตนนิพฺพตฺตํ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆติฯ อปิจ –
Lokiyaratananibbattaṃ pana pītipāmojjaṃ na tassa kalabhāgampi agghati. Apica –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆญฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
‘‘Cittīkataṃ mahagghañca, atulaṃ dullabhadassanaṃ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนนฺติ ปวุจฺจติ’’ฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๖.๓; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฎฺฐ. ๕๐);
Anomasattaparibhogaṃ, ratananti pavuccati’’. (dī. ni. aṭṭha. 2.33; saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.223; khu. pā. aṭṭha. 6.3; su. ni. aṭṭha. 1.226; mahāni. aṭṭha. 50);
ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฎฺฐานาทีนํเยว ภูตโต รตนภาโวฯ โพธิปกฺขิยธมฺมานญฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมิญาณํ, ปเจฺจกพุทฺธา ปเจฺจกโพธิญาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสโมฺพธิํ อธิคจฺฉนฺติ อาสนฺนการณตฺตาฯ อาสนฺนการณญฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนเฎฺฐน จิตฺตีกตาทิอเตฺถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ สาติสโยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํฯ จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทิฯ
Yadi ca cittīkatādibhāvena ratanaṃ nāma hoti, satipaṭṭhānādīnaṃyeva bhūtato ratanabhāvo. Bodhipakkhiyadhammānañhi so ānubhāvo, yaṃ sāvakā sāvakapāramiñāṇaṃ, paccekabuddhā paccekabodhiñāṇaṃ, sammāsambuddhā sammāsambodhiṃ adhigacchanti āsannakāraṇattā. Āsannakāraṇañhi dānādiupanissayoti evaṃ ratijananaṭṭhena cittīkatādiatthena ca ratanabhāvo bodhipakkhiyadhammānaṃ sātisayo. Tena vuttaṃ ‘‘tatrimāni ratanāni, seyyathidaṃ. Cattāro satipaṭṭhānā’’tiādi.
ตตฺถ อารมฺมเณ โอกฺกนฺติตฺวา อุปฎฺฐานเฎฺฐน อุปฎฺฐานํ, สติเยว อุปฎฺฐานนฺติ สติปฎฺฐานํฯ อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติฯ ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตสญฺญานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตภาวคฺคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภโตฺตฯ
Tattha ārammaṇe okkantitvā upaṭṭhānaṭṭhena upaṭṭhānaṃ, satiyeva upaṭṭhānanti satipaṭṭhānaṃ. Ārammaṇassa pana kāyādivasena catubbidhattā vuttaṃ ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’ti. Tathā hi kāyavedanācittadhammesu subhasukhaniccaattasaññānaṃ pahānato asubhadukkhāniccānattabhāvaggahaṇato ca nesaṃ kāyānupassanādibhāvo vibhatto.
สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ สุนฺทรํ วา ปทหนฺตีติ สมฺมปฺปธานํ, ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํ วีริยเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปฺปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทนฎฺฐาปนวเสน จ จตุกิจฺจสาธกตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติฯ
Sammā padahanti etena, sayaṃ vā sammā padahati, pasatthaṃ sundaraṃ vā padahantīti sammappadhānaṃ, puggalassa vā sammadeva padhānabhāvakaraṇato sammappadhānaṃ vīriyassetaṃ adhivacanaṃ. Tampi anuppannuppannānaṃ akusalānaṃ anuppādanappahānavasena anuppannuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādanaṭṭhāpanavasena ca catukiccasādhakattā vuttaṃ ‘‘cattāro sammappadhānā’’ti.
อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อโตฺถฯ อิชฺฌนฺติ วา ตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิฯ อิติ ปฐเมน อเตฺถน อิทฺธิ เอว ปาโทติ อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฎฺฐาโสติ อโตฺถฯ ทุติเยน อเตฺถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฎฺฐา อธิคมุปาโยติ อิทฺธิปาโทฯ เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธิํ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติฯ สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธเมฺม ธุเร เชฎฺฐเก กตฺวา นิพฺพตฺตียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติฯ
Ijjhatīti iddhi, samijjhati nipphajjatīti attho. Ijjhanti vā tāya sattā iddhā vuddhā ukkaṃsagatā hontīti iddhi. Iti paṭhamena atthena iddhi eva pādoti iddhipādo, iddhikoṭṭhāsoti attho. Dutiyena atthena iddhiyā pādo patiṭṭhā adhigamupāyoti iddhipādo. Tena hi uparūparivisesasaṅkhātaṃ iddhiṃ pajjanti pāpuṇanti. Svāyaṃ iddhipādo yasmā chandādike cattāro adhipatidhamme dhure jeṭṭhake katvā nibbattīyati, tasmā vuttaṃ ‘‘cattāro iddhipādā’’ti.
ปญฺจินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปญฺจ อินฺทฺริยานิฯ ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติ สทฺธินฺทฺริยํฯ โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ, ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฎฺฐานลกฺขเณ, วิเกฺขปํ อภิภวิตฺวา อวิเกฺขปลกฺขเณ, อญฺญาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติ ปญฺญินฺทฺริยํฯ
Pañcindriyānīti saddhādīni pañca indriyāni. Tattha assaddhiyaṃ abhibhavitvā adhimokkhalakkhaṇe indaṭṭhaṃ kāretīti saddhindriyaṃ. Kosajjaṃ abhibhavitvā paggahalakkhaṇe, pamādaṃ abhibhavitvā upaṭṭhānalakkhaṇe, vikkhepaṃ abhibhavitvā avikkhepalakkhaṇe, aññāṇaṃ abhibhavitvā dassanalakkhaṇe indaṭṭhaṃ kāretīti paññindriyaṃ.
ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยเฎฺฐน สมฺปยุตฺตธเมฺมสุ ถิรภาเวน จ พลานิ เวทิตพฺพานิฯ
Tāniyeva assaddhiyādīhi anabhibhavanīyato akampiyaṭṭhena sampayuttadhammesu thirabhāvena ca balāni veditabbāni.
สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคาฯ ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฎฺฐานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุเจฺฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฎิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย วุฎฺฐหติ, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติฯ ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิยฯ โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติฯ ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิยฯ เตนาหุ โปราณา ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๔๖๖; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๑๘๒; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๒.๑๗)ฯ ‘‘โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๒.๑๗) นเยนปิ โพชฺฌงฺคโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Satta bojjhaṅgāti bodhiyā, bodhissa vā aṅgāti bojjhaṅgā. Yā hi esā dhammasāmaggī yāya lokuttaramaggakkhaṇe uppajjamānāya līnuddhaccapatiṭṭhānāyūhanakāmasukhattakilamathānuyogaucchedasassatābhinivesādīnaṃ anekesaṃ upaddavānaṃ paṭipakkhabhūtāya satidhammavicayavīriyapītipassaddhisamādhiupekkhāsaṅkhātāya dhammasāmaggiyā ariyasāvako bujjhati, kilesaniddāya vuṭṭhahati, cattāri ariyasaccāni paṭivijjhati, nibbānameva vā sacchikarotīti ‘‘bodhī’’ti vuccati. Tassā dhammasāmaggisaṅkhātāya bodhiyā aṅgātipi bojjhaṅgā jhānaṅgamaggaṅgādayo viya. Yopesa vuttappakārāya dhammasāmaggiyā bujjhatīti katvā ariyasāvako ‘‘bodhī’’ti vuccati. Tassa bodhissa aṅgātipi bojjhaṅgā senaṅgarathaṅgādayo viya. Tenāhu porāṇā ‘‘bujjhanakassa puggalassa aṅgāti bojjhaṅgā’’ti (vibha. aṭṭha. 466; saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.182; paṭi. ma. aṭṭha. 2.2.17). ‘‘Bodhāya saṃvattantīti bojjhaṅgā’’tiādinā (paṭi. ma. 2.17) nayenapi bojjhaṅgattho veditabbo.
อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ ตํตํมคฺควเชฺฌหิ กิเลเสหิ อารกตฺตา, อริยภาวกรตฺตา, อริยผลปฺปฎิลาภกรตฺตา จ อริโยฯ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิ อฎฺฐงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฎฺฐ องฺคานิเยว วา อฎฺฐงฺคิโกฯ มาเรโนฺต กิเลเส คจฺฉติ นิพฺพานตฺถิเกหิ วา มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มโคฺคติ เอวเมเตสํ สติปฎฺฐานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตโพฺพฯ
Ariyoaṭṭhaṅgiko maggoti taṃtaṃmaggavajjhehi kilesehi ārakattā, ariyabhāvakarattā, ariyaphalappaṭilābhakarattā ca ariyo. Sammādiṭṭhiādīni aṭṭhaṅgāni assa atthi, aṭṭha aṅgāniyeva vā aṭṭhaṅgiko. Mārento kilese gacchati nibbānatthikehi vā maggīyati, sayaṃ vā nibbānaṃ maggatīti maggoti evametesaṃ satipaṭṭhānādīnaṃ atthavibhāgo veditabbo.
โสตาปโนฺนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ฐิโต, โสตาปตฺติผลโฎฺฐติ อโตฺถฯ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณาย ปฎิปชฺชมาโน ปฐมมคฺคโฎฺฐ, โย อฎฺฐมโกติปิ วุจฺจติฯ สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลโฎฺฐฯ อนาคามีติ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลโฎฺฐฯ โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติเอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เอเตสํเยว ปเภโทติฯ เสสํ วุตฺตนยสทิสเมวฯ
Sotāpannoti maggasaṅkhātaṃ sotaṃ āpajjitvā pāpuṇitvā ṭhito, sotāpattiphalaṭṭhoti attho. Sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannoti sotāpattiphalassa attapaccakkhakaraṇāya paṭipajjamāno paṭhamamaggaṭṭho, yo aṭṭhamakotipi vuccati. Sakadāgāmīti sakideva imaṃ lokaṃ paṭisandhiggahaṇavasena āgamanasīlo dutiyaphalaṭṭho. Anāgāmīti paṭisandhiggahaṇavasena kāmalokaṃ anāgamanasīlo tatiyaphalaṭṭho. Yo pana saddhānusārī dhammānusārī ekabījītievamādiko ariyapuggalavibhāgo, so etesaṃyeva pabhedoti. Sesaṃ vuttanayasadisameva.
ปหาราทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pahārādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๙. ปหาราทสุตฺตํ • 9. Pahārādasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. ปหาราทสุตฺตวณฺณนา • 9. Pahārādasuttavaṇṇanā