Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
ปหาตพฺพนิเทฺทสวณฺณนา
Pahātabbaniddesavaṇṇanā
๒๓. ปหาตพฺพนิเทฺทเส อสฺมิมาโนติ รูปาทีสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อสฺมีติ มาโนฯ ตสฺมิญฺหิ ปหีเน อรหตฺตํ ปตฺตํ โหติฯ รูปราคาทีสุ วิชฺชมาเนสุปิ เสสานิ อวตฺวา อสฺมิมานเสฺสว วจนํ ทิฎฺฐิปติรูปกเตฺตน ตสฺส โอฬาริกตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ อวิชฺชาติ สุตฺตนฺตปริยาเยน ทุกฺขาทีสุ จตูสุ ฐาเนสุ อญฺญาณํ, อภิธมฺมปริยาเยน ปุพฺพนฺตาทีหิ สทฺธิํ อฎฺฐสุฯ วุตฺตเญฺหตํ –
23. Pahātabbaniddese asmimānoti rūpādīsu pañcasu upādānakkhandhesu asmīti māno. Tasmiñhi pahīne arahattaṃ pattaṃ hoti. Rūparāgādīsu vijjamānesupi sesāni avatvā asmimānasseva vacanaṃ diṭṭhipatirūpakattena tassa oḷārikattāti veditabbaṃ. Avijjāti suttantapariyāyena dukkhādīsu catūsu ṭhānesu aññāṇaṃ, abhidhammapariyāyena pubbantādīhi saddhiṃ aṭṭhasu. Vuttañhetaṃ –
‘‘ตตฺถ กตมา อวิชฺชา? ทุเกฺข อญฺญาณํ, ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ, ทุกฺขนิโรเธ อญฺญาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย อญฺญาณํ, ปุพฺพเนฺต อญฺญาณํ, อปรเนฺต อญฺญาณํ, ปุพฺพนฺตาปรเนฺต อญฺญาณํ, อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ อญฺญาณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๐๖; วิภ. ๒๒๖)ฯ
‘‘Tattha katamā avijjā? Dukkhe aññāṇaṃ, dukkhasamudaye aññāṇaṃ, dukkhanirodhe aññāṇaṃ, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya aññāṇaṃ, pubbante aññāṇaṃ, aparante aññāṇaṃ, pubbantāparante aññāṇaṃ, idappaccayatāpaṭiccasamuppannesu dhammesu aññāṇa’’nti (dha. sa. 1106; vibha. 226).
ภวตณฺหาติ กามภวาทีสุ ภเวสุ ปตฺถนาฯ ยถาห –
Bhavataṇhāti kāmabhavādīsu bhavesu patthanā. Yathāha –
‘‘ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? โย ภเวสุ ภวจฺฉโนฺท ภวราโค ภวนนฺที ภวตณฺหา ภวสิเนโห ภวปริฬาโห ภวมุจฺฉา ภวโชฺฌสาน’’นฺติ (วิภ. ๘๙๕)ฯ
‘‘Tattha katamā bhavataṇhā? Yo bhavesu bhavacchando bhavarāgo bhavanandī bhavataṇhā bhavasineho bhavapariḷāho bhavamucchā bhavajjhosāna’’nti (vibha. 895).
ติโสฺส ตณฺหาติ กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาฯ ตาสํ อภิธเมฺม เอวํ นิเทฺทโส กโต – ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? ภวทิฎฺฐิสหคโต ราโค…เป.… จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ ภวตณฺหาฯ ตตฺถ กตมา วิภวตณฺหา? อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค…เป.… จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ วิภวตณฺหาฯ อวเสสา ตณฺหา กามตณฺหาฯ ตตฺถ กตมา กามตณฺหา? กามธาตุปฎิสํยุโตฺต ราโค…เป.… จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ กามตณฺหาฯ ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? รูปธาตุอรูปธาตุปฎิสํยุโตฺต ราโค…เป.… ตตฺถ กตมา วิภวตณฺหา? อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค…เป.… (วิภ. ๙๑๖)ฯ
Tisso taṇhāti kāmataṇhā, bhavataṇhā, vibhavataṇhā. Tāsaṃ abhidhamme evaṃ niddeso kato – tattha katamā bhavataṇhā? Bhavadiṭṭhisahagato rāgo…pe… cittassa sārāgo, ayaṃ vuccati bhavataṇhā. Tattha katamā vibhavataṇhā? Ucchedadiṭṭhisahagato rāgo…pe… cittassa sārāgo, ayaṃ vuccati vibhavataṇhā. Avasesā taṇhā kāmataṇhā. Tattha katamā kāmataṇhā? Kāmadhātupaṭisaṃyutto rāgo…pe… cittassa sārāgo, ayaṃ vuccati kāmataṇhā. Tattha katamā bhavataṇhā? Rūpadhātuarūpadhātupaṭisaṃyutto rāgo…pe… tattha katamā vibhavataṇhā? Ucchedadiṭṭhisahagato rāgo…pe… (vibha. 916).
อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ปญฺจกามคุณิโก ราโค กามตณฺหา, รูปารูปภเวสุ ราโค ฌานนิกนฺติสสฺสตทิฎฺฐิสหคโต ราโค ภววเสน ปตฺถนา ภวตณฺหา, อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค วิภวตณฺหา’’ติ วุตฺตํฯ อยํ ทสุตฺตรสุตฺตปริยาเยน โยชนาฯ สงฺคีติปริยาเยน ปน อภิธมฺมปริยาเยน จ ‘‘อปราปิ ติโสฺส ตณฺหา กามตณฺหา รูปตณฺหา อรูปตณฺหาฯ อปราปิ ติโสฺส ตณฺหา รูปตณฺหา อรูปตณฺหา นิโรธตณฺหา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; วิภ. ๙๑๗-๙๑๘) วุตฺตา ตณฺหาปิ เอตฺถ ยุชฺชนฺติฯ ตาสุ ปญฺจ กามธาตุรูปธาตุอรูปธาตุปฎิสํยุตฺตา, อนฺติมา อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคตาฯ
Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘pañcakāmaguṇiko rāgo kāmataṇhā, rūpārūpabhavesu rāgo jhānanikantisassatadiṭṭhisahagato rāgo bhavavasena patthanā bhavataṇhā, ucchedadiṭṭhisahagato rāgo vibhavataṇhā’’ti vuttaṃ. Ayaṃ dasuttarasuttapariyāyena yojanā. Saṅgītipariyāyena pana abhidhammapariyāyena ca ‘‘aparāpi tisso taṇhā kāmataṇhā rūpataṇhā arūpataṇhā. Aparāpi tisso taṇhā rūpataṇhā arūpataṇhā nirodhataṇhā’’ti (dī. ni. 3.305; vibha. 917-918) vuttā taṇhāpi ettha yujjanti. Tāsu pañca kāmadhāturūpadhātuarūpadhātupaṭisaṃyuttā, antimā ucchedadiṭṭhisahagatā.
จตฺตาโร โอฆาติ กาโมโฆ, ภโวโฆ, ทิโฎฺฐโฆ, อวิโชฺชโฆฯ ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ วฎฺฎสฺมิํ โอหนนฺติ โอสีทาเปนฺตีติ โอฆาฯ พลวกิเลสา เอเตฯ กามคุณสงฺขาเต กาเม โอโฆ กาโมโฆฯ กามตณฺหาเยตํ นามํฯ รูปารูปสงฺขาเต กมฺมโต จ อุปปตฺติโต จ ทุวิเธปิ ภเว โอโฆ ภโวโฆฯ ภวตณฺหาเยตํ นามํฯ ทิฎฺฐิ เอว โอโฆ ทิโฎฺฐโฆฯ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทิกาย ทิฎฺฐิยา เอตํ นามํฯ อวิชฺชา เอว โอโฆ อวิโชฺชโฆ, ทุกฺขาทีสุ อญฺญาณเสฺสตํ นามํฯ
Cattāro oghāti kāmogho, bhavogho, diṭṭhogho, avijjogho. Yassa saṃvijjanti, taṃ vaṭṭasmiṃ ohananti osīdāpentīti oghā. Balavakilesā ete. Kāmaguṇasaṅkhāte kāme ogho kāmogho. Kāmataṇhāyetaṃ nāmaṃ. Rūpārūpasaṅkhāte kammato ca upapattito ca duvidhepi bhave ogho bhavogho. Bhavataṇhāyetaṃ nāmaṃ. Diṭṭhi eva ogho diṭṭhogho. ‘‘Sassato loko’’tiādikāya diṭṭhiyā etaṃ nāmaṃ. Avijjā eva ogho avijjogho, dukkhādīsu aññāṇassetaṃ nāmaṃ.
ปญฺจ นีวรณานีติ กามจฺฉนฺทนีวรณํ พฺยาปาทนีวรณํ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ วิจิกิจฺฉานีวรณํฯ จิตฺตํ นีวรนฺติ ปริโยนนฺธนฺตีติ นีวรณานิฯ กามียนฺตีติ กามาฯ ปญฺจ กามคุณาฯ กาเมสุ ฉโนฺท กามจฺฉโนฺทฯ กามยตีติ วา กาโม, กาโม เอว ฉโนฺท, น กตฺตุกมฺยตาฉโนฺท น ธมฺมจฺฉโนฺทติ กามจฺฉโนฺทฯ กามตณฺหาเยตํ นามํฯ พฺยาปชฺชติ เตน จิตฺตํ ปูติภาวํ คจฺฉติ, พฺยาปาทยติ วา วินยาจารรูปสมฺปตฺติหิตสุขานีติ พฺยาปาโทฯ โทสเสฺสตํ นามํฯ ถินนตา ถินํ, มิทฺธนตา มิทฺธํ, อนุสฺสาหสํหนนตา อสตฺติวิฆาโต จาติ อโตฺถฯ จิตฺตสฺส อนุสฺสาโห ถินํ, เจตสิกานํ อกมฺมญฺญตา มิทฺธํ, ถินญฺจ มิทฺธญฺจ ถินมิทฺธํฯ อุทฺธตสฺส ภาโว อุทฺธจฺจํ, อวูปสโมติ อโตฺถฯ วิเกฺขปเสฺสตํ นามํฯ กุจฺฉิตํ กตํ กุกตํ, กุกตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํ, ครหิตกิริยภาโวติ อโตฺถฯ ปจฺฉานุตาปเสฺสตํ นามํฯ วิคตา จิกิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉา, วิคตปญฺญาติ อโตฺถฯ สภาวํ วา วิจินโนฺต เอตาย กิจฺฉติ กิลมตีติ วิจิกิจฺฉาฯ พุทฺธาทีสุ สํสยเสฺสตํ นามํฯ กามจฺฉโนฺท เอว นีวรณํ กามจฺฉนฺทนีวรณํฯ เอวํ เสเสสุปิฯ
Pañca nīvaraṇānīti kāmacchandanīvaraṇaṃ byāpādanīvaraṇaṃ thinamiddhanīvaraṇaṃ uddhaccakukkuccanīvaraṇaṃ vicikicchānīvaraṇaṃ. Cittaṃ nīvaranti pariyonandhantīti nīvaraṇāni. Kāmīyantīti kāmā. Pañca kāmaguṇā. Kāmesu chando kāmacchando. Kāmayatīti vā kāmo, kāmo eva chando, na kattukamyatāchando na dhammacchandoti kāmacchando. Kāmataṇhāyetaṃ nāmaṃ. Byāpajjati tena cittaṃ pūtibhāvaṃ gacchati, byāpādayati vā vinayācārarūpasampattihitasukhānīti byāpādo. Dosassetaṃ nāmaṃ. Thinanatā thinaṃ, middhanatā middhaṃ, anussāhasaṃhananatā asattivighāto cāti attho. Cittassa anussāho thinaṃ, cetasikānaṃ akammaññatā middhaṃ, thinañca middhañca thinamiddhaṃ. Uddhatassa bhāvo uddhaccaṃ, avūpasamoti attho. Vikkhepassetaṃ nāmaṃ. Kucchitaṃ kataṃ kukataṃ, kukatassa bhāvo kukkuccaṃ, garahitakiriyabhāvoti attho. Pacchānutāpassetaṃ nāmaṃ. Vigatā cikicchāti vicikicchā, vigatapaññāti attho. Sabhāvaṃ vā vicinanto etāya kicchati kilamatīti vicikicchā. Buddhādīsu saṃsayassetaṃ nāmaṃ. Kāmacchando eva nīvaraṇaṃ kāmacchandanīvaraṇaṃ. Evaṃ sesesupi.
ฉ ธมฺมา, ฉทฺธมฺมาติ วา ปาโฐฯ ฉ ตณฺหากายาติ รูปตณฺหา สทฺทตณฺหา คนฺธตณฺหา รสตณฺหา โผฎฺฐพฺพตณฺหา ธมฺมตณฺหาฯ รูเป ตณฺหา รูปตณฺหาฯ สา เอว กามตณฺหาทิเภเทน อเนกเภทตฺตา ราสเฎฺฐน กาโยติ วุตฺตาฯ เอวํ เสเสสุปิฯ
Cha dhammā, chaddhammāti vā pāṭho. Cha taṇhākāyāti rūpataṇhā saddataṇhā gandhataṇhā rasataṇhā phoṭṭhabbataṇhā dhammataṇhā. Rūpe taṇhā rūpataṇhā. Sā eva kāmataṇhādibhedena anekabhedattā rāsaṭṭhena kāyoti vuttā. Evaṃ sesesupi.
สตฺตานุสยาติ กามราคานุสโย ปฎิฆานุสโย มานานุสโย ทิฎฺฐานุสโย วิจิกิจฺฉานุสโย ภวราคานุสโย อวิชฺชานุสโยฯ อปฺปหีนเฎฺฐน อนุเสนฺตีติ อนุสยาฯ กาเมสุ ราโค กามราโค, กาโม เอว วา ราโคติ กามราโคฯ อารมฺมณสฺมิํ ปฎิหญฺญตีติ ปฎิฆํฯ อยาถาวทสฺสนเฎฺฐน ทิฎฺฐิฯ เสยฺยาทิวเสน มญฺญตีติ มาโนฯ ภเวสุ ราโค ภวราโคฯ ถามคโต กามราโค กามราคานุสโยฯ เอวํ เสเสสุปิฯ
Sattānusayāti kāmarāgānusayo paṭighānusayo mānānusayo diṭṭhānusayo vicikicchānusayo bhavarāgānusayo avijjānusayo. Appahīnaṭṭhena anusentīti anusayā. Kāmesu rāgo kāmarāgo, kāmo eva vā rāgoti kāmarāgo. Ārammaṇasmiṃ paṭihaññatīti paṭighaṃ. Ayāthāvadassanaṭṭhena diṭṭhi. Seyyādivasena maññatīti māno. Bhavesu rāgo bhavarāgo. Thāmagato kāmarāgo kāmarāgānusayo. Evaṃ sesesupi.
อฎฺฐ มิจฺฉตฺตาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ มิจฺฉาสงฺกโปฺป มิจฺฉาวาจา มิจฺฉากมฺมโนฺต มิจฺฉาอาชีโว มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสติ มิจฺฉาสมาธิฯ ‘‘หิตสุขาวหา เม ภวิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ อาสีสิตาปิ ตถาอภาวโต อสุภาทีสุเยว สุภนฺติอาทิวิปรีตปฺปวตฺติโต จ มิจฺฉาสภาวาติ มิจฺฉตฺตาฯ มิจฺฉา ปสฺสติ, มิจฺฉา วา เอตาย ปสฺสนฺตีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ อถ วา วิปรีตา ทิฎฺฐีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ, อยาถาวทิฎฺฐีติ วา มิจฺฉาทิฎฺฐิ, วิรชฺฌิตฺวา คหณโต วา วิตถา ทิฎฺฐีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ, อนตฺตาวหตฺตา ปณฺฑิเตหิ กุจฺฉิตา ทิฎฺฐีติ วามิจฺฉาทิฎฺฐิฯ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีสุปิ เอเสว นโยฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ สสฺสตุเจฺฉทาภินิเวโสฯ มิจฺฉาสงฺกโปฺปติ กามวิตกฺกาทิติวิโธ วิตโกฺกฯ มิจฺฉาวาจาติ มุสาวาทาทิจตุพฺพิธา เจตนาฯ มิจฺฉากมฺมโนฺตติ ปาณาติปาตาทิติวิธา เจตนาฯ มิจฺฉาอาชีโวติ มิจฺฉาชีวปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนาฯ มิจฺฉาวายาโมติ อกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตํ วีริยํฯ มิจฺฉาสตีติ สติปฎิปกฺขภูโต อกุสลจิตฺตุปฺปาโทฯ มิจฺฉาสมาธีติ อกุสลสมาธิฯ
Aṭṭha micchattāti micchādiṭṭhi micchāsaṅkappo micchāvācā micchākammanto micchāājīvo micchāvāyāmo micchāsati micchāsamādhi. ‘‘Hitasukhāvahā me bhavissantī’’ti evaṃ āsīsitāpi tathāabhāvato asubhādīsuyeva subhantiādiviparītappavattito ca micchāsabhāvāti micchattā. Micchā passati, micchā vā etāya passantīti micchādiṭṭhi. Atha vā viparītā diṭṭhīti micchādiṭṭhi, ayāthāvadiṭṭhīti vā micchādiṭṭhi, virajjhitvā gahaṇato vā vitathā diṭṭhīti micchādiṭṭhi, anattāvahattā paṇḍitehi kucchitā diṭṭhīti vāmicchādiṭṭhi. Micchāsaṅkappādīsupi eseva nayo. Micchādiṭṭhīti sassatucchedābhiniveso. Micchāsaṅkappoti kāmavitakkāditividho vitakko. Micchāvācāti musāvādādicatubbidhā cetanā. Micchākammantoti pāṇātipātāditividhā cetanā. Micchāājīvoti micchājīvapayogasamuṭṭhāpikā cetanā. Micchāvāyāmoti akusalacittasampayuttaṃ vīriyaṃ. Micchāsatīti satipaṭipakkhabhūto akusalacittuppādo. Micchāsamādhīti akusalasamādhi.
นว ตณฺหามูลกาติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓; ๓.๓๕๙) ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฎิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฎิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฎิจฺจ อโชฺฌสานํ, อโชฺฌสานํ ปฎิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฎิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฎิจฺจ อารโกฺข, อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ (ที. นิ. ๒.๑๐๔; ๓.๓๕๙)ฯ อิเม นว ตณฺหามูลกา ธมฺมาฯ ตณฺหา มูลํ เอเตสนฺติ ตณฺหามูลกาฯ ปริเยสนาทโย อกุสลา เอวฯ ตณฺหํ, ปฎิจฺจาติ ตณฺหํ นิสฺสายฯ ปริเยสนาติ รูปาทิอารมฺมณปริเยสนาฯ สา หิ ตณฺหาย สติ โหติฯ ลาโภติ รูปาทิอารมฺมณปฎิลาโภ, โส หิ ปริเยสนาย สติ โหติฯ วินิจฺฉโย ปน ญาณตณฺหาทิฎฺฐิวิตกฺกวเสน จตุพฺพิโธฯ ตตฺถ ‘‘สุขวินิจฺฉยํ ชญฺญา, สุขวินิจฺฉยํ ญตฺวา อชฺฌตฺตํ สุขมนุยุเญฺชยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๒๓) อยํ ญาณวินิจฺฉโยฯ ‘‘วินิจฺฉโยติ เทฺว วินิจฺฉยา ตณฺหาวินิจฺฉโย จ ทิฎฺฐิวินิจฺฉโย จา’’ติ (มหานิ. ๑๐๒) เอวํ อาคตานิ อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตานิ ตณฺหาวินิจฺฉโย ฯ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ทิฎฺฐิวินิจฺฉโยฯ ‘‘ฉโนฺท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๘) อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต อิธ วินิจฺฉโยติ วุโตฺต วิตโกฺกเยว อาคโตฯ ลาภํ ลภิตฺวา หิ อิฎฺฐานิฎฺฐํ สุนฺทราสุนฺทรญฺจ วิตเกฺกเนว วินิจฺฉินาติ ‘‘เอตฺตกํ เม รูปารมฺมณตฺถาย ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ สทฺทาทิอารมฺมณตฺถาย, เอตฺตกํ มยฺหํ ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ ปรสฺส, เอตฺตกํ ปริภุญฺชิสฺสามิ, เอตฺตกํ นิทหิสฺสามี’’ติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติฯ ฉนฺทราโคติ เอวํ อกุสลวิตเกฺกน วิตกฺกิเต วตฺถุสฺมิํ ทุพฺพลราโค จ พลวราโค จ อุปฺปชฺชติฯ ฉโนฺทติ เอตฺถ ทุพฺพลราคสฺสาธิวจนํ, ราโคติ พลวราคสฺสฯ อโชฺฌสานนฺติ อหํ มมาติ พลวสนฺนิฎฺฐานํฯ ปริคฺคโหติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน ปริคฺคหกรณํฯ มจฺฉริยนฺติ ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหนตาฯ เตเนวสฺส โปราณา เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ ‘‘อิทํ อจฺฉริยํ มยฺหเมว โหตุ, มา อญฺญสฺส อจฺฉริยํ โหตูติ ปวตฺตตฺตา มจฺฉริยนฺติ วุจฺจตี’’ติฯ อารโกฺขติ ทฺวารปิทหนมญฺชูสโคปนาทิวเสน สุฎฺฐุ รกฺขณํฯ อธิกโรตีติ อธิกรณํฯ การณเสฺสตํ นามํฯ อารกฺขาธิกรณนฺติ ภาวนปุํสกํ, อารกฺขเหตูติ อโตฺถฯ ทณฺฑาทานาทีสุ ปรนิเสธนตฺถํ ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํฯ เอกโตธาราทินา สตฺถสฺส อาทานํ สตฺถาทานํฯ กายกลโหปิ วาจากลโหปิ กลโหฯ ปุริโม ปุริโม วิโรโธ วิคฺคโหฯ ปจฺฉิโม ปจฺฉิโม วิวาโทฯ ตุวํตุวนฺติ อคารววเสน ตุวํตุวํวจนํฯ
Nava taṇhāmūlakāti (dī. ni. 2.103; 3.359) taṇhaṃ paṭicca pariyesanā, pariyesanaṃ paṭicca lābho, lābhaṃ paṭicca vinicchayo, vinicchayaṃ paṭicca chandarāgo, chandarāgaṃ paṭicca ajjhosānaṃ, ajjhosānaṃ paṭicca pariggaho, pariggahaṃ paṭicca macchariyaṃ, macchariyaṃ paṭicca ārakkho, ārakkhādhikaraṇaṃ daṇḍādānasatthādānakalahaviggahavivādatuvaṃtuvaṃpesuññamusāvādā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti (dī. ni. 2.104; 3.359). Ime nava taṇhāmūlakā dhammā. Taṇhā mūlaṃ etesanti taṇhāmūlakā. Pariyesanādayo akusalā eva. Taṇhaṃ, paṭiccāti taṇhaṃ nissāya. Pariyesanāti rūpādiārammaṇapariyesanā. Sā hi taṇhāya sati hoti. Lābhoti rūpādiārammaṇapaṭilābho, so hi pariyesanāya sati hoti. Vinicchayo pana ñāṇataṇhādiṭṭhivitakkavasena catubbidho. Tattha ‘‘sukhavinicchayaṃ jaññā, sukhavinicchayaṃ ñatvā ajjhattaṃ sukhamanuyuñjeyyā’’ti (ma. ni. 3.323) ayaṃ ñāṇavinicchayo. ‘‘Vinicchayoti dve vinicchayā taṇhāvinicchayo ca diṭṭhivinicchayo cā’’ti (mahāni. 102) evaṃ āgatāni aṭṭhasatataṇhāvicaritāni taṇhāvinicchayo. Dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo diṭṭhivinicchayo. ‘‘Chando kho, devānaminda, vitakkanidāno’’ti (dī. ni. 2.358) imasmiṃ pana sutte idha vinicchayoti vutto vitakkoyeva āgato. Lābhaṃ labhitvā hi iṭṭhāniṭṭhaṃ sundarāsundarañca vitakkeneva vinicchināti ‘‘ettakaṃ me rūpārammaṇatthāya bhavissati, ettakaṃ saddādiārammaṇatthāya, ettakaṃ mayhaṃ bhavissati, ettakaṃ parassa, ettakaṃ paribhuñjissāmi, ettakaṃ nidahissāmī’’ti. Tena vuttaṃ – ‘‘lābhaṃ paṭicca vinicchayo’’ti. Chandarāgoti evaṃ akusalavitakkena vitakkite vatthusmiṃ dubbalarāgo ca balavarāgo ca uppajjati. Chandoti ettha dubbalarāgassādhivacanaṃ, rāgoti balavarāgassa. Ajjhosānanti ahaṃ mamāti balavasanniṭṭhānaṃ. Pariggahoti taṇhādiṭṭhivasena pariggahakaraṇaṃ. Macchariyanti parehi sādhāraṇabhāvassa asahanatā. Tenevassa porāṇā evaṃ vacanatthaṃ vadanti ‘‘idaṃ acchariyaṃ mayhameva hotu, mā aññassa acchariyaṃ hotūti pavattattā macchariyanti vuccatī’’ti. Ārakkhoti dvārapidahanamañjūsagopanādivasena suṭṭhu rakkhaṇaṃ. Adhikarotīti adhikaraṇaṃ. Kāraṇassetaṃ nāmaṃ. Ārakkhādhikaraṇanti bhāvanapuṃsakaṃ, ārakkhahetūti attho. Daṇḍādānādīsu paranisedhanatthaṃ daṇḍassa ādānaṃ daṇḍādānaṃ. Ekatodhārādinā satthassa ādānaṃ satthādānaṃ. Kāyakalahopi vācākalahopi kalaho. Purimo purimo virodho viggaho. Pacchimo pacchimo vivādo. Tuvaṃtuvanti agāravavasena tuvaṃtuvaṃvacanaṃ.
ทส มิจฺฉตฺตาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ…เป.… มิจฺฉาสมาธิ มิจฺฉาญาณํ มิจฺฉาวิมุตฺติฯ ตตฺถ มิจฺฉาญาณนฺติ ปาปกิริยาสุ อุปายจินฺตาวเสน ปาปํ กตฺวา สุกตํ มยาติ ปจฺจเวกฺขณากาเรน จ อุปฺปโนฺน โมโหฯ มิจฺฉาวิมุตฺตีติ อวิมุตฺตเสฺสว สโต วิมุตฺติสญฺญิตาฯ
Dasa micchattāti micchādiṭṭhi…pe… micchāsamādhi micchāñāṇaṃ micchāvimutti. Tattha micchāñāṇanti pāpakiriyāsu upāyacintāvasena pāpaṃ katvā sukataṃ mayāti paccavekkhaṇākārena ca uppanno moho. Micchāvimuttīti avimuttasseva sato vimuttisaññitā.
๒๔.
24.
อิทานิ อเนกเภเทน ปหาเนน ปหาตเพฺพ ทเสฺสตุํ เทฺว ปหานานีติอาทิ อารทฺธํฯ ปหาเนสุ หิ วิญฺญาเตสุ เตน เตน ปหาตพฺพา ธมฺมา สุวิเญฺญยฺยา โหนฺติฯ ปญฺจสุ ปหาเนสุ โลกิกานิ จ เทฺว ปหานานิ อปฺปโยคํ นิสฺสรณปฺปหานญฺจ ฐเปตฺวา อปฺปโยคาเนว เทฺว โลกุตฺตรปหานานิ ปฐมํ วุตฺตานิฯ สมฺมา อุจฺฉิชฺชนฺติ เอเตน กิเลสาติ สมุเจฺฉโท, ปหียนฺติ เอเตน กิเลสาติ ปหานํฯ สมุเจฺฉทสงฺขาตํ ปหานํ, น เสสปฺปหานนฺติ สมุเจฺฉทปฺปหานํฯ กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตา ปฎิปฺปสฺสทฺธิ, ปหีนตฺตา ปหานํ, ปฎิปฺปสฺสทฺธิสงฺขาตํ ปหานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํฯ โลกํ อุตฺตรตีติ โลกุตฺตโรฯ นิพฺพานสงฺขาตํ ขยํ คจฺฉตีติ ขยคามี, ขยคามี จ โส มโคฺค จาติ ขยคามิมโคฺค, ตํ ภาวยโต โส มโคฺค สมุเจฺฉทปฺปหานนฺติ อโตฺถฯ ตถา ผลกฺขเณ โลกุตฺตรผลเมว ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํฯ
Idāni anekabhedena pahānena pahātabbe dassetuṃ dve pahānānītiādi āraddhaṃ. Pahānesu hi viññātesu tena tena pahātabbā dhammā suviññeyyā honti. Pañcasu pahānesu lokikāni ca dve pahānāni appayogaṃ nissaraṇappahānañca ṭhapetvā appayogāneva dve lokuttarapahānāni paṭhamaṃ vuttāni. Sammā ucchijjanti etena kilesāti samucchedo, pahīyanti etena kilesāti pahānaṃ. Samucchedasaṅkhātaṃ pahānaṃ, na sesappahānanti samucchedappahānaṃ. Kilesānaṃ paṭippassaddhattā paṭippassaddhi, pahīnattā pahānaṃ, paṭippassaddhisaṅkhātaṃ pahānaṃ paṭippassaddhippahānaṃ. Lokaṃ uttaratīti lokuttaro. Nibbānasaṅkhātaṃ khayaṃ gacchatīti khayagāmī, khayagāmī ca so maggo cāti khayagāmimaggo, taṃ bhāvayato so maggo samucchedappahānanti attho. Tathā phalakkhaṇe lokuttaraphalameva paṭippassaddhippahānaṃ.
กามานเมตํ นิสฺสรณนฺติอาทีสุ กามโต รูปโต สงฺขตโต นิสฺสรนฺติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, เตหิ วา นิสฺสฎตฺตา นิสฺสรณํฯ อสุภชฺฌานํฯ กาเมหิ นิกฺขนฺตตฺตา เนกฺขมฺมํฯ อนาคามิมโคฺค วาฯ อสุภชฺฌานญฺหิ วิกฺขมฺภนโต กามานํ นิสฺสรณํ, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตอนาคามิมโคฺค ปน สมุเจฺฉทโต สพฺพโส กามานํ อจฺจนฺตนิสฺสรณํฯ รุปฺปตีติ รูปํ, น รูปํ อรูปํ มิตฺตปฎิปกฺขา อมิตฺตา วิย, โลภาทิปฎิปกฺขา อโลภาทโย วิย จ รูปปฎิปโกฺขติ อโตฺถฯ ผลวเสน วา นเตฺถตฺถ รูปนฺติ อรูปํ, อรูปเมว อารุปฺปํฯ อรูปชฺฌานานิฯ ตานิ รูปานํ นิสฺสรณํ นามฯ อรูเปหิปิ อรหตฺตมโคฺค ปุน อุปฺปตฺตินิวารณโต สพฺพโส รูปานํ นิสฺสรณํ นามฯ ภูตนฺติ ชาตํฯ สงฺขตนฺติ ปจฺจเยหิ สงฺคมฺม กตํฯ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ เต เต ปจฺจเย ปฎิจฺจ สมฺมา สห จ อุปฺปนฺนํฯ ปฐเมน สญฺชาตตฺตทีปเนน อนิจฺจตา, ทุติเยน อนิจฺจสฺสาปิ สโต ปจฺจยานุภาวทีปเนน ปรายตฺตตา, ตติเยน ปรายตฺตสฺสาปิ สโต ปจฺจยานํ อพฺยาปารตฺตทีปเนน เอวํธมฺมตา ทีปิตา โหติฯ นิโรโธติ นิพฺพานํฯ นิพฺพานญฺหิ อาคมฺม ทุกฺขํ นิรุชฺฌตีติ นิโรโธติ วุจฺจติฯ โส เอว จ สพฺพสงฺขตโต นิสฺสฎตฺตา ตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ นามฯ อฎฺฐกถายํ ปน –
Kāmānametaṃnissaraṇantiādīsu kāmato rūpato saṅkhatato nissaranti etenāti nissaraṇaṃ, tehi vā nissaṭattā nissaraṇaṃ. Asubhajjhānaṃ. Kāmehi nikkhantattā nekkhammaṃ. Anāgāmimaggo vā. Asubhajjhānañhi vikkhambhanato kāmānaṃ nissaraṇaṃ, taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā uppāditaanāgāmimaggo pana samucchedato sabbaso kāmānaṃ accantanissaraṇaṃ. Ruppatīti rūpaṃ, na rūpaṃ arūpaṃ mittapaṭipakkhā amittā viya, lobhādipaṭipakkhā alobhādayo viya ca rūpapaṭipakkhoti attho. Phalavasena vā natthettha rūpanti arūpaṃ, arūpameva āruppaṃ. Arūpajjhānāni. Tāni rūpānaṃ nissaraṇaṃ nāma. Arūpehipi arahattamaggo puna uppattinivāraṇato sabbaso rūpānaṃ nissaraṇaṃ nāma. Bhūtanti jātaṃ. Saṅkhatanti paccayehi saṅgamma kataṃ. Paṭiccasamuppannanti te te paccaye paṭicca sammā saha ca uppannaṃ. Paṭhamena sañjātattadīpanena aniccatā, dutiyena aniccassāpi sato paccayānubhāvadīpanena parāyattatā, tatiyena parāyattassāpi sato paccayānaṃ abyāpārattadīpanena evaṃdhammatā dīpitā hoti. Nirodhoti nibbānaṃ. Nibbānañhi āgamma dukkhaṃ nirujjhatīti nirodhoti vuccati. So eva ca sabbasaṅkhatato nissaṭattā tassa saṅkhatassa nissaraṇaṃ nāma. Aṭṭhakathāyaṃ pana –
‘‘นิโรโธ ตสฺส นิสฺสรณนฺติ อิธ อรหตฺตผลํ นิโรโธติ อธิเปฺปตํฯ อรหตฺตผเลน หิ นิพฺพาเน ทิเฎฺฐ ปุน อายติํ สพฺพสงฺขารา น โหนฺตีติ อรหตฺตสงฺขาตสฺส นิโรธสฺส ปจฺจยตฺตา นิโรโธติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ
‘‘Nirodho tassa nissaraṇanti idha arahattaphalaṃ nirodhoti adhippetaṃ. Arahattaphalena hi nibbāne diṭṭhe puna āyatiṃ sabbasaṅkhārā na hontīti arahattasaṅkhātassa nirodhassa paccayattā nirodhoti vutta’’nti vuttaṃ.
เนกฺขมฺมํ ปฎิลทฺธสฺสาติอาทีสุ อสุภชฺฌานสฺส นิสฺสรณเตฺต วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน, อนาคามิมคฺคสฺส นิสฺสรณเตฺต สมุเจฺฉทปฺปหาเนน กามา ปหีนา เจว โหนฺติ ปริจฺจตฺตา จฯ อรูปชฺฌานานํ นิสฺสรณเตฺต จ อรหตฺตมคฺคสฺส นิสฺสรณเตฺต จ เอวเมว รูปา โยเชตพฺพาฯ รูเปสุ หิ ฉนฺทราคปฺปหาเนน รูปานํ สมุเจฺฉโท โหติฯ รูปาติ เจตฺถ ลิงฺควิปลฺลาโส กโตฯ นิพฺพานสฺส นิสฺสรณเตฺต นิสฺสรณปฺปหาเนน, อรหตฺตผลสฺส นิสฺสรณเตฺต ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหาเนน สงฺขารา ปหีนา เจว โหนฺติ ปริจฺจตฺตา จฯ นิพฺพานสฺส จ นิสฺสรณเตฺต อารมฺมณกรณวเสน ปฎิลาโภ เวทิตโพฺพฯ
Nekkhammaṃ paṭiladdhassātiādīsu asubhajjhānassa nissaraṇatte vikkhambhanappahānena, anāgāmimaggassa nissaraṇatte samucchedappahānena kāmā pahīnā ceva honti pariccattā ca. Arūpajjhānānaṃ nissaraṇatte ca arahattamaggassa nissaraṇatte ca evameva rūpā yojetabbā. Rūpesu hi chandarāgappahānena rūpānaṃ samucchedo hoti. Rūpāti cettha liṅgavipallāso kato. Nibbānassa nissaraṇatte nissaraṇappahānena, arahattaphalassa nissaraṇatte paṭippassaddhippahānena saṅkhārā pahīnā ceva honti pariccattā ca. Nibbānassa ca nissaraṇatte ārammaṇakaraṇavasena paṭilābho veditabbo.
ทุกฺขสจฺจนฺติอาทีสุ ปริญฺญาปฎิเวธนฺติอาทิ ภาวนปุํสกวจนํฯ ปริญฺญาย ปฎิเวโธ ปริญฺญาปฎิเวโธฯ ตํ ปริญฺญาปฎิเวธํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ปชหาตีติ ตถา ตถา ปฎิวิชฺฌโนฺต ปหาตเพฺพ กิเลเส ปชหตีติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ โลกิยโลกุตฺตเรสุปิ ฉนฺทราคปฺปหาเนน วา ตานิ ปชหตีติ อโตฺถฯ ปชหตีติปิ ปาโฐฯ ยถา นาวา อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ กโรติ, โอริมํ ตีรํ ปชหติ, โสตํ ฉินฺทติ, ภณฺฑํ วหติ, ปาริมํ ตีรํ อเปฺปติ, เอวเมวํ มคฺคญาณํ อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ จตฺตาริ สจฺจานิ อภิสเมติ, ทุกฺขํ ปริญฺญาภิสมเยน อภิสเมติ, สมุทยํ ปหานาภิสมเยน อภิสเมติ, มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติ, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน อภิสเมติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ‘‘นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปาปุณาติ ปสฺสติ ปฎิวิชฺฌตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๓๙) วุตฺตตฺตา เอกกฺขเณปิ วิสุํ วิสุํ วิย ปหานานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ
Dukkhasaccantiādīsu pariññāpaṭivedhantiādi bhāvanapuṃsakavacanaṃ. Pariññāya paṭivedho pariññāpaṭivedho. Taṃ pariññāpaṭivedhaṃ. Esa nayo sesesupi. Pajahātīti tathā tathā paṭivijjhanto pahātabbe kilese pajahatīti attho gahetabbo. Lokiyalokuttaresupi chandarāgappahānena vā tāni pajahatīti attho. Pajahatītipi pāṭho. Yathā nāvā apubbaṃ acarimaṃ ekakkhaṇe cattāri kiccāni karoti, orimaṃ tīraṃ pajahati, sotaṃ chindati, bhaṇḍaṃ vahati, pārimaṃ tīraṃ appeti, evamevaṃ maggañāṇaṃ apubbaṃ acarimaṃ ekakkhaṇe cattāri saccāni abhisameti, dukkhaṃ pariññābhisamayena abhisameti, samudayaṃ pahānābhisamayena abhisameti, maggaṃ bhāvanābhisamayena abhisameti, nirodhaṃ sacchikiriyābhisamayena abhisameti. Kiṃ vuttaṃ hoti? ‘‘Nirodhaṃ ārammaṇaṃ katvā cattāri saccāni pāpuṇāti passati paṭivijjhatī’’ti (visuddhi. 2.839) vuttattā ekakkhaṇepi visuṃ visuṃ viya pahānāni vuttānīti veditabbāni.
ปญฺจสุ ปหาเนสุ ยํ สเสวาเล อุทเก ปกฺขิเตฺตน ฆเฎน เสวาลสฺส วิย เตน เตน โลกิยสมาธินา นีวรณาทีนํ ปจฺจนีกธมฺมานํ วิกฺขมฺภนํ ทูรีกรณํ, อิทํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นามฯ วิกฺขมฺภนปฺปหานญฺจ นีวรณานํ ปฐมํ ฌานํ ภาวยโตติ นีวรณานํเยว ปหานํ ปากฎตฺตา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ นีวรณานิ หิ ฌานสฺส ปุพฺพภาเคปิ ปจฺฉาภาเคปิ น สหสา จิตฺตํ อโชฺฌตฺถรนฺติ, อโชฺฌตฺถเฎสุ จ เตสุ ฌานํ ปริหายติ, วิตกฺกาทโย ปน ทุติยชฺฌานาทิโต ปุเพฺพ ปจฺฉา จ อปฺปฎิปกฺขา หุตฺวา ปวตฺตนฺติฯ ตสฺมา นีวรณานํ วิกฺขมฺภนํ ปากฎํฯ ยํ ปน รตฺติภาเค สมุชฺชลิเตน ปทีเปน อนฺธการสฺส วิย เตน เตน วิปสฺสนาย อวยวภูเตน ฌานเงฺคน ปฎิปกฺขวเสเนว ตสฺส ตสฺส จ ปหาตพฺพธมฺมสฺส ปหานํ, อิทํ ตทงฺคปฺปหานํ นามฯ ตทงฺคปฺปหานญฺจ ทิฎฺฐิคตานํ นิเพฺพธภาคิยํ สมาธิํ ภาวยโตติ ทิฎฺฐิคตานํเยว ปหานํ โอฬาริกวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ทิฎฺฐิคตญฺหิ โอฬาริกํ, นิจฺจสญฺญาทโย สุขุมาฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิคตานนฺติ ทิฎฺฐิเยว ทิฎฺฐิคตํ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติอาทีนิ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิยฯ คนฺตพฺพาภาวโต จทิฎฺฐิยา คตมตฺตเมเวตนฺติปิ ทิฎฺฐิคตํ, ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐีสุ อโนฺตคธตฺตา ทิฎฺฐีสุ คตนฺติปิ ทิฎฺฐิคตํฯ พหุวจเนน เตสํ ทิฎฺฐิคตานํฯ นิเพฺพธภาคิยํ สมาธินฺติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตํ สมาธิํฯ ยํ ปน อสนิวิจกฺกาภิหตสฺส (วิสุทฺธิ. ๒.๘๕๑) รุกฺขสฺส วิย อริยมคฺคญาเณน สํโยชนานํ ธมฺมานํ ยถา น ปุน ปวตฺตติ, เอวํ ปหานํ, อิทํ สมุเจฺฉทปฺปหานํ นามฯ นิโรโธ นิพฺพานนฺติ นิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํฯ
Pañcasu pahānesu yaṃ sasevāle udake pakkhittena ghaṭena sevālassa viya tena tena lokiyasamādhinā nīvaraṇādīnaṃ paccanīkadhammānaṃ vikkhambhanaṃ dūrīkaraṇaṃ, idaṃ vikkhambhanappahānaṃ nāma. Vikkhambhanappahānañca nīvaraṇānaṃ paṭhamaṃjhānaṃ bhāvayatoti nīvaraṇānaṃyeva pahānaṃ pākaṭattā vuttanti veditabbaṃ. Nīvaraṇāni hi jhānassa pubbabhāgepi pacchābhāgepi na sahasā cittaṃ ajjhottharanti, ajjhotthaṭesu ca tesu jhānaṃ parihāyati, vitakkādayo pana dutiyajjhānādito pubbe pacchā ca appaṭipakkhā hutvā pavattanti. Tasmā nīvaraṇānaṃ vikkhambhanaṃ pākaṭaṃ. Yaṃ pana rattibhāge samujjalitena padīpena andhakārassa viya tena tena vipassanāya avayavabhūtena jhānaṅgena paṭipakkhavaseneva tassa tassa ca pahātabbadhammassa pahānaṃ, idaṃ tadaṅgappahānaṃ nāma. Tadaṅgappahānañca diṭṭhigatānaṃ nibbedhabhāgiyaṃ samādhiṃ bhāvayatoti diṭṭhigatānaṃyeva pahānaṃ oḷārikavasena vuttanti veditabbaṃ. Diṭṭhigatañhi oḷārikaṃ, niccasaññādayo sukhumā. Tattha diṭṭhigatānanti diṭṭhiyeva diṭṭhigataṃ ‘‘gūthagataṃ muttagata’’ntiādīni (a. ni. 9.11) viya. Gantabbābhāvato cadiṭṭhiyā gatamattamevetantipi diṭṭhigataṃ, dvāsaṭṭhidiṭṭhīsu antogadhattā diṭṭhīsu gatantipi diṭṭhigataṃ. Bahuvacanena tesaṃ diṭṭhigatānaṃ. Nibbedhabhāgiyaṃ samādhinti vipassanāsampayuttaṃ samādhiṃ. Yaṃ pana asanivicakkābhihatassa (visuddhi. 2.851) rukkhassa viya ariyamaggañāṇena saṃyojanānaṃ dhammānaṃ yathā na puna pavattati, evaṃ pahānaṃ, idaṃ samucchedappahānaṃ nāma. Nirodhonibbānanti nirodhasaṅkhātaṃ nibbānaṃ.
เอวํ ปหานวเสน ปหาตเพฺพ ธเมฺม ทเสฺสตฺวา อิทานิ สรูเปเนว ปุน ปหาตเพฺพ ธเมฺม ทเสฺสตุํ สพฺพํ, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ จกฺขาทีนิ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ปหาตพฺพานิฯ รูปํ ปสฺสโนฺต ปชหาตีติอาทีสุ รูปํ อนิจฺจาทิโต ปสฺสโนฺต ปหาตเพฺพ กิเลเส ปชหาติฯ จกฺขุํ…เป.… ชรามรณํ…เป.… อมโตคธํ นิพฺพานนฺติ เปยฺยาลทฺวเย อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ ‘‘ปสฺสโนฺต ปชหาตี’’ติอาทีสุ เตสุ โลกุตฺตเรสุ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ ปสฺสโนฺต อุทิกฺขโนฺต อเปกฺขมาโน อิจฺฉมาโน วิปสฺสนากฺขเณสุ ปหาตเพฺพ กิเลเส ปชหาตีติ ตํตํธมฺมานุรูเปน โยเชตพฺพํฯ
Evaṃ pahānavasena pahātabbe dhamme dassetvā idāni sarūpeneva puna pahātabbe dhamme dassetuṃ sabbaṃ, bhikkhave, pahātabbantiādimāha. Tattha cakkhādīni chandarāgappahānena pahātabbāni. Rūpaṃ passanto pajahātītiādīsu rūpaṃ aniccādito passanto pahātabbe kilese pajahāti. Cakkhuṃ…pe… jarāmaraṇaṃ…pe… amatogadhaṃ nibbānanti peyyāladvaye anaññātaññassāmītindriyaṃ ‘‘passanto pajahātī’’tiādīsu tesu lokuttaresu anaññātaññassāmītindriyaṃ passanto udikkhanto apekkhamāno icchamāno vipassanākkhaṇesu pahātabbe kilese pajahātīti taṃtaṃdhammānurūpena yojetabbaṃ.
ปหาตพฺพนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pahātabbaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. สุตมยญาณนิเทฺทโส • 1. Sutamayañāṇaniddeso