Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๒. ทุติยภาณวาโร
2. Dutiyabhāṇavāro
ปกาสนียกมฺมํ
Pakāsanīyakammaṃ
๓๓๖. เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสโนฺต นิสิโนฺน โหติ สราชิกาย ปริสายฯ อถ โข เทวทโตฺต อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ชิโณฺณ ทานิ, ภเนฺต, ภควา วุโฑฺฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ อโปฺปสฺสุโกฺก ทานิ, ภเนฺต, ภควา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุโตฺต วิหรตุ, มมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสฺสชฺชตุฯ อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติฯ ‘‘อลํ, เทวทตฺต, มา เต รุจฺจิ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริตุ’’นฺติฯ ทุติยมฺปิ โข เทวทโตฺต…เป.… ตติยมฺปิ โข เทวทโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ชิโณฺณ ทานิ, ภเนฺต, ภควา วุโฑฺฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ อโปฺปสฺสุโกฺก ทานิ, ภเนฺต, ภควา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุโตฺต วิหรตุ, มมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสฺสชฺชตุฯ อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติฯ ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานมฺปิ โข อหํ, เทวทตฺต, ภิกฺขุสงฺฆํ น นิสฺสเชฺชยฺยํ , กิํ ปน ตุยฺหํ ฉวสฺส เขฬาสกสฺสา’’ติ! อถ โข เทวทโตฺต – สราชิกาย มํ ภควา ปริสาย เขฬาสกวาเทน อปสาเทติ, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนว อุกฺกํสตีติ – กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อยญฺจรหิ เทวทตฺตสฺส ภควติ ปฐโม อาฆาโต อโหสิฯ
336. Tena kho pana samayena bhagavā mahatiyā parisāya parivuto dhammaṃ desento nisinno hoti sarājikāya parisāya. Atha kho devadatto uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘jiṇṇo dāni, bhante, bhagavā vuḍḍho mahallako addhagato vayoanuppatto. Appossukko dāni, bhante, bhagavā diṭṭhadhammasukhavihāraṃ anuyutto viharatu, mamaṃ bhikkhusaṅghaṃ nissajjatu. Ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’’ti. ‘‘Alaṃ, devadatta, mā te rucci bhikkhusaṅghaṃ pariharitu’’nti. Dutiyampi kho devadatto…pe… tatiyampi kho devadatto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘jiṇṇo dāni, bhante, bhagavā vuḍḍho mahallako addhagato vayoanuppatto. Appossukko dāni, bhante, bhagavā diṭṭhadhammasukhavihāraṃ anuyutto viharatu, mamaṃ bhikkhusaṅghaṃ nissajjatu. Ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’’ti. ‘‘Sāriputtamoggallānānampi kho ahaṃ, devadatta, bhikkhusaṅghaṃ na nissajjeyyaṃ , kiṃ pana tuyhaṃ chavassa kheḷāsakassā’’ti! Atha kho devadatto – sarājikāya maṃ bhagavā parisāya kheḷāsakavādena apasādeti, sāriputtamoggallāneva ukkaṃsatīti – kupito anattamano bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Ayañcarahi devadattassa bhagavati paṭhamo āghāto ahosi.
อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ กโรตุ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺพํฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘tena hi, bhikkhave, saṅgho devadattassa rājagahe pakāsanīyaṃ kammaṃ karotu – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Evañca pana, bhikkhave, kātabbaṃ. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๓๓๗. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ สโงฺฆ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ กเรยฺย – ‘‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ เอสา ญตฺติฯ
337. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ saṅgho devadattassa rājagahe pakāsanīyaṃ kammaṃ kareyya – ‘‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ สโงฺฆ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ กโรติ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมสฺส กรณํ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติ, ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติ – โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Saṅgho devadattassa rājagahe pakāsanīyaṃ kammaṃ karoti – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Yassāyasmato khamati devadattassa rājagahe pakāsanīyaṃ kammassa karaṇaṃ – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati, yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti – so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘กตํ สเงฺฆน เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Kataṃ saṅghena devadattassa rājagahe pakāsanīyaṃ kammaṃ – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
๓๓๘. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสหี’’ติฯ ‘‘ปุเพฺพ มยา, ภเนฺต, เทวทตฺตสฺส ราชคเห วโณฺณ ภาสิโต – ‘มหิทฺธิโก โคธิปุโตฺต, มหานุภาโว โคธิปุโตฺต’ติฯ กถาหํ, ภเนฺต, เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสมี’’ติ? ‘‘นนุ ตยา, สาริปุตฺต, ภูโตเยว เทวทตฺตสฺส ราชคเห วโณฺณ ภาสิโต – ‘มหิทฺธิโก โคธิปุโตฺต, มหานุภาโว โคธิปุโตฺต’’’ ติ? ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, ภูตํเยว เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสหี’’ติฯ ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ
338. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ sāriputtaṃ āmantesi – ‘‘tena hi tvaṃ, sāriputta, devadattaṃ rājagahe pakāsehī’’ti. ‘‘Pubbe mayā, bhante, devadattassa rājagahe vaṇṇo bhāsito – ‘mahiddhiko godhiputto, mahānubhāvo godhiputto’ti. Kathāhaṃ, bhante, devadattaṃ rājagahe pakāsemī’’ti? ‘‘Nanu tayā, sāriputta, bhūtoyeva devadattassa rājagahe vaṇṇo bhāsito – ‘mahiddhiko godhiputto, mahānubhāvo godhiputto’’’ ti? ‘‘Evaṃ bhante’’ti. ‘‘Evameva kho tvaṃ, sāriputta, bhūtaṃyeva devadattaṃ rājagahe pakāsehī’’ti. ‘‘Evaṃ bhante’’ti kho āyasmā sāriputto bhagavato paccassosi.
อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ สาริปุตฺตํ สมฺมนฺนตุ เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตโพฺพฯ ปฐมํ สาริปุโตฺต ยาจิตโพฺพฯ ยาจิตฺวา พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘tena hi, bhikkhave, saṅgho sāriputtaṃ sammannatu devadattaṃ rājagahe pakāsetuṃ – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Evañca pana, bhikkhave, sammannitabbo. Paṭhamaṃ sāriputto yācitabbo. Yācitvā byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมเนฺนยฺย เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ เอสา ญตฺติฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho āyasmantaṃ sāriputtaṃ sammanneyya devadattaṃ rājagahe pakāsetuṃ – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ สโงฺฆ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมนฺนติ เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติ, ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ, อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมฺมุติ เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติ, ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติ – โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Saṅgho āyasmantaṃ sāriputtaṃ sammannati devadattaṃ rājagahe pakāsetuṃ – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati, yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Yassāyasmato khamati, āyasmato sāriputtassa sammuti devadattaṃ rājagahe pakāsetuṃ – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati, yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti – so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘สมฺมโต สเงฺฆน อายสฺมา สาริปุโตฺต เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’ติฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Sammato saṅghena āyasmā sāriputto devadattaṃ rājagahe pakāsetuṃ – ‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’ti. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
สมฺมโต จ อายสฺมา สาริปุโตฺต สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ราชคหํ ปวิสิตฺวา เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสสิ – ‘‘ปุเพฺพ เทวทตฺตสฺส อญฺญา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อญฺญา ปกติฯ ยํ เทวทโตฺต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุโทฺธ วา ธโมฺม วา สโงฺฆ วา ทฎฺฐโพฺพ, เทวทโตฺตว เตน ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ ตตฺถ เย เต มนุสฺสา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา ทุพฺพุทฺธิโน, เต เอวมาหํสุ – ‘‘อุสูยกา อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการํ อุสูยนฺตี’’ติฯ เย ปน เต มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา พุทฺธิมโนฺต, เต เอวมาหํสุ – ‘‘น โข อิทํ โอรกํ ภวิสฺสติ ยถา ภควา เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาสาเปตี’’ติฯ
Sammato ca āyasmā sāriputto sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ rājagahaṃ pavisitvā devadattaṃ rājagahe pakāsesi – ‘‘pubbe devadattassa aññā pakati ahosi, idāni aññā pakati. Yaṃ devadatto kareyya kāyena vācāya, na tena buddho vā dhammo vā saṅgho vā daṭṭhabbo, devadattova tena daṭṭhabbo’’ti. Tattha ye te manussā assaddhā appasannā dubbuddhino, te evamāhaṃsu – ‘‘usūyakā ime samaṇā sakyaputtiyā devadattassa lābhasakkāraṃ usūyantī’’ti. Ye pana te manussā saddhā pasannā paṇḍitā byattā buddhimanto, te evamāhaṃsu – ‘‘na kho idaṃ orakaṃ bhavissati yathā bhagavā devadattaṃ rājagahe pakāsāpetī’’ti.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ปกาสนียกมฺมาทิกถา • Pakāsanīyakammādikathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ปกาสนียกมฺมาทิกถา • Pakāsanīyakammādikathā