Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā |
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
Pakiṇṇakakathāvaṇṇanā
๙๗๕. นตฺถิ นีวรณาติ วจเนน มิทฺธสฺสปิ นีวรณสฺส ปหานํ วุตฺตํ, น จ รูปํ ปหาตพฺพํ, น จ รูปกายเคลญฺญํ มุนิโน นตฺถีติ สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปิฎฺฐิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๒) วจนโตฯ สวิญฺญาณกสโทฺทติ วิญฺญาเณน ปวตฺติโต วจีโฆสาทิสโทฺทฯ น หิ เอตานิ ชายนฺตีติ ปริปจฺจมานสฺส รูปสฺส ปริปจฺจนํ ชรา , ขียมานสฺส ขโย อนิจฺจตาติ รูปภาวมตฺตานิ เอตานิ, น สยํ สภาววนฺตานีติ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตถา ชายมานสฺส ชนนํ ชาติ, สา จ รูปภาโวว, น สยํ สภาววตีติ ‘‘น ปน ปรมตฺถโต ชาติ ชายตี’’ติ วุตฺตํฯ
975. Natthi nīvaraṇāti vacanena middhassapi nīvaraṇassa pahānaṃ vuttaṃ, na ca rūpaṃ pahātabbaṃ, na ca rūpakāyagelaññaṃ munino natthīti sakkā vattuṃ ‘‘piṭṭhi me āgilāyati, tamahaṃ āyamissāmī’’ti (ma. ni. 2.22) vacanato. Saviññāṇakasaddoti viññāṇena pavattito vacīghosādisaddo. Na hi etāni jāyantīti paripaccamānassa rūpassa paripaccanaṃ jarā , khīyamānassa khayo aniccatāti rūpabhāvamattāni etāni, na sayaṃ sabhāvavantānīti sandhāya vuttaṃ. Tathā jāyamānassa jananaṃ jāti, sā ca rūpabhāvova, na sayaṃ sabhāvavatīti ‘‘na pana paramatthato jāti jāyatī’’ti vuttaṃ.
เตสํ ปจฺจโย เอติสฺสาติ ตปฺปจฺจยา, ตปฺปจฺจยาย ภาโว ตปฺปจฺจยภาโว, ตปฺปจฺจยภาเวน ปวโตฺต โวหาโร ตปฺปจฺจยภาวโวหาโร, ตํ ลภติฯ อภินิพฺพตฺติตธมฺมกฺขณสฺมินฺติ อภินิพฺพตฺติยมานธมฺมกฺขณสฺมินฺติ อธิปฺปาโยฯ น หิ ตทา เต ธมฺมา น ชายนฺตีติ ชายมานภาโวว ชาตีติ ยุตฺตา ตสฺสา กมฺมาทิสมุฎฺฐานตา ตํนิพฺพตฺตตา จ, น ปน ตทา เต ธมฺมา ชียนฺติ ขียนฺติ จ, ตสฺมา น เตสํ เต ชีรณภิชฺชนภาวา จิตฺตาทิสมุฎฺฐานา ตํนิพฺพตฺตา จาติ วจนํ อรหนฺติฯ เอวมปิ อุปาทินฺน-สโทฺท อุเปเตน กมฺมุนา อาทินฺนตํ วทติ, น นิพฺพตฺตินฺติ อุปาทินฺนปากเภทานํ อุปาทินฺนตา เตสํ วตฺตพฺพาติ เจ? น, อาทินฺน-สทฺทสฺส นิพฺพตฺติวาจกตฺตาฯ อุเปเตน นิพฺพตฺตญฺหิ อุปาทินฺนนฺติ ปจฺจยานุภาวกฺขณญฺจ นิพฺพตฺติญฺจ คเหตฺวาว ปวโตฺต อยํ โวหาโร ตทา อภาวา ชรามรเณ น ปวตฺตตีติฯ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ ชรามรณตฺตา เตสํ อุปฺปาเท สติ ชรามรณํ โหติ, อสติ น โหติฯ น หิ อชาตํ ปริปจฺจติ ภิชฺชติ วา, ตสฺมา ชาติปจฺจยตํ สนฺธาย ‘‘ชรามรณํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตํฯ
Tesaṃ paccayo etissāti tappaccayā, tappaccayāya bhāvo tappaccayabhāvo, tappaccayabhāvena pavatto vohāro tappaccayabhāvavohāro, taṃ labhati. Abhinibbattitadhammakkhaṇasminti abhinibbattiyamānadhammakkhaṇasminti adhippāyo. Na hi tadā te dhammā na jāyantīti jāyamānabhāvova jātīti yuttā tassā kammādisamuṭṭhānatā taṃnibbattatā ca, na pana tadā te dhammā jīyanti khīyanti ca, tasmā na tesaṃ te jīraṇabhijjanabhāvā cittādisamuṭṭhānā taṃnibbattā cāti vacanaṃ arahanti. Evamapi upādinna-saddo upetena kammunā ādinnataṃ vadati, na nibbattinti upādinnapākabhedānaṃ upādinnatā tesaṃ vattabbāti ce? Na, ādinna-saddassa nibbattivācakattā. Upetena nibbattañhi upādinnanti paccayānubhāvakkhaṇañca nibbattiñca gahetvāva pavatto ayaṃ vohāro tadā abhāvā jarāmaraṇe na pavattatīti. Paṭiccasamuppannānaṃ dhammānaṃ jarāmaraṇattā tesaṃ uppāde sati jarāmaraṇaṃ hoti, asati na hoti. Na hi ajātaṃ paripaccati bhijjati vā, tasmā jātipaccayataṃ sandhāya ‘‘jarāmaraṇaṃ paṭiccasamuppanna’’nti vuttaṃ.
นิสฺสยปฎิพทฺธวุตฺติโตติ ชายมานปริปจฺจมานภิชฺชมานานํ ชายมานาทิภาวมตฺตตฺตา ชายมานาทินิสฺสยปฎิพทฺธวุตฺติกา ชาติอาทโยติ วุตฺตํ โหติฯ ยทิ เอวํ อุปาทายรูปานญฺจ จกฺขายตนาทีนํ อุปฺปาทาทิสภาวภูตา ชาติอาทโย ตํนิสฺสิตา โหนฺตีติ ภูตนิสฺสิตานํ เตสํ ลกฺขณานํ อุปาทายภาโว วิย อุปาทายรูปนิสฺสิตานํ อุปาทายุปาทายภาโว อาปชฺชตีติ เจ? น, ภูตปฎิพทฺธอุปาทายรูปลกฺขณานญฺจ ภูตปฎิพทฺธภาวสฺส อวินิวตฺตนโตฯ อปิจ เอกกลาปปริยาปนฺนานํ รูปานํ สเหว อุปฺปาทาทิปฺปวตฺติโต เอกสฺส กลาปสฺส อุปฺปาทาทโย เอเกกาว โหนฺตีติ ยถา เอเกกสฺส กลาปสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ กลาปานุปาลกํ ‘‘อุปาทายรูป’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ กลาปุปฺปาทาทิสภาวา ชาติอาทโย ‘‘อุปาทายรูปานิ’’เจฺจว วุจฺจนฺติฯ เอวํ วิการปริเจฺฉทรูปานิ จ โยเชตพฺพานิฯ
Nissayapaṭibaddhavuttitoti jāyamānaparipaccamānabhijjamānānaṃ jāyamānādibhāvamattattā jāyamānādinissayapaṭibaddhavuttikā jātiādayoti vuttaṃ hoti. Yadi evaṃ upādāyarūpānañca cakkhāyatanādīnaṃ uppādādisabhāvabhūtā jātiādayo taṃnissitā hontīti bhūtanissitānaṃ tesaṃ lakkhaṇānaṃ upādāyabhāvo viya upādāyarūpanissitānaṃ upādāyupādāyabhāvo āpajjatīti ce? Na, bhūtapaṭibaddhaupādāyarūpalakkhaṇānañca bhūtapaṭibaddhabhāvassa avinivattanato. Apica ekakalāpapariyāpannānaṃ rūpānaṃ saheva uppādādippavattito ekassa kalāpassa uppādādayo ekekāva hontīti yathā ekekassa kalāpassa jīvitindriyaṃ kalāpānupālakaṃ ‘‘upādāyarūpa’’nti vuccati, evaṃ kalāpuppādādisabhāvā jātiādayo ‘‘upādāyarūpāni’’cceva vuccanti. Evaṃ vikāraparicchedarūpāni ca yojetabbāni.
กมฺมสมุฎฺฐานสมฺพนฺธํ อุตุสมุฎฺฐานํ กมฺมวิเสเสน สุวณฺณทุพฺพณฺณสุสณฺฐิตทุสฺสณฺฐิตาทิวิเสสํ โหตีติ ‘‘กมฺมปจฺจย’’นฺติ วุตฺตํฯ กมฺมวิปากานุภวนสฺส การณภูตํ พาหิรอุตุสมุฎฺฐานํ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฎฺฐานํฯ กมฺมสหาโย ปจฺจโย, กมฺมสฺส วา สหายภูโต ปจฺจโย กมฺมปจฺจโย, โสว อุตุ กมฺมปจฺจยอุตุ, โส สมุฎฺฐานํ เอตสฺสาติ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฎฺฐานนฺติ วจนโตฺถฯ สีเต อุเณฺห วา กิสฺมิญฺจิ อุตุมฺหิ สมาคเต ตโต สุทฺธฎฺฐกํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส โส อุตุ สมุฎฺฐานํฯ ทุติยสฺส สุทฺธฎฺฐกสฺส อุตุสมุฎฺฐานิกปฎิพนฺธกสฺส โส เอว ปุริโม อุตุ ปจฺจโยฯ ตติยํ ปน สุทฺธฎฺฐกํ ปุริมอุตุสหาเยน อุตุนา นิพฺพตฺตตฺตา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว ‘‘อุตุปจฺจยอุตุสมุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ เอวมยํ ปุริโม อุตุ ติโสฺส สนฺตติโย ฆเฎฺฎติ, ตโต ปรํ อญฺญอุตุสมาคเม อญฺญสนฺตติตฺตยํ, ตโต จ อเญฺญน อญฺญนฺติ เอวํ ปวตฺติ ทฎฺฐพฺพาฯ ตเทตํ สีตุณฺหานํ อปฺปพหุภาเว ตํสมฺผสฺสสฺส อจิรปฺปวตฺติยา จิรปฺปวตฺติยา จ เวทิตพฺพํ, อนุปาทิเนฺนน ทีปนา น สนฺตติตฺตยวเสน, อถ โข เมฆสมุฎฺฐาปกมูลอุตุวเสน ปการนฺตเรน ทฎฺฐพฺพา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุตุสมุฎฺฐาโน นาม วลาหโก’’ติอาทิมาหฯ รูปรูปานํ วิการาทิมตฺตภาวโต อปรินิปฺผนฺนตา วุตฺตาฯ เตสญฺหิ รูปวิการาทิภาวโต รูปตาติ อธิปฺปาโยฯ รูปวิการาทิภาวโต เอว ปน รูเป สติ สนฺติ, อสติ น สนฺตีติ อสงฺขตภาวนิวารณตฺถํ ปรินิปฺผนฺนตา วุตฺตาติฯ
Kammasamuṭṭhānasambandhaṃ utusamuṭṭhānaṃ kammavisesena suvaṇṇadubbaṇṇasusaṇṭhitadussaṇṭhitādivisesaṃ hotīti ‘‘kammapaccaya’’nti vuttaṃ. Kammavipākānubhavanassa kāraṇabhūtaṃ bāhirautusamuṭṭhānaṃ kammapaccayautusamuṭṭhānaṃ. Kammasahāyo paccayo, kammassa vā sahāyabhūto paccayo kammapaccayo, sova utu kammapaccayautu, so samuṭṭhānaṃ etassāti kammapaccayautusamuṭṭhānanti vacanattho. Sīte uṇhe vā kismiñci utumhi samāgate tato suddhaṭṭhakaṃ uppajjati, tassa so utu samuṭṭhānaṃ. Dutiyassa suddhaṭṭhakassa utusamuṭṭhānikapaṭibandhakassa so eva purimo utu paccayo. Tatiyaṃ pana suddhaṭṭhakaṃ purimautusahāyena utunā nibbattattā pubbe vuttanayeneva ‘‘utupaccayautusamuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Evamayaṃ purimo utu tisso santatiyo ghaṭṭeti, tato paraṃ aññautusamāgame aññasantatittayaṃ, tato ca aññena aññanti evaṃ pavatti daṭṭhabbā. Tadetaṃ sītuṇhānaṃ appabahubhāve taṃsamphassassa acirappavattiyā cirappavattiyā ca veditabbaṃ, anupādinnena dīpanā na santatittayavasena, atha kho meghasamuṭṭhāpakamūlautuvasena pakārantarena daṭṭhabbā, taṃ dassetuṃ ‘‘utusamuṭṭhāno nāma valāhako’’tiādimāha. Rūparūpānaṃ vikārādimattabhāvato aparinipphannatā vuttā. Tesañhi rūpavikārādibhāvato rūpatāti adhippāyo. Rūpavikārādibhāvato eva pana rūpe sati santi, asati na santīti asaṅkhatabhāvanivāraṇatthaṃ parinipphannatā vuttāti.
รูปกณฺฑวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rūpakaṇḍavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปวิภตฺติ • Rūpavibhatti
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / นวกาทินิเทฺทสวณฺณนา • Navakādiniddesavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / ปกิณฺณกกถาวณฺณนา • Pakiṇṇakakathāvaṇṇanā