Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
โลกุตฺตรกุสลํ
Lokuttarakusalaṃ
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
Pakiṇṇakakathāvaṇṇanā
ปญฺจธา อุทฺทิสติ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ อชฺฌตฺตทุกวเสน รูปทุกวเสน จ ภินฺทิตฺวา อภินฺทิตฺวา จ นิมิตฺตวจเนเนว อุทฺทิสติ ปวตฺตสฺสปิ สงฺขารนิมิตฺตภาวานติวตฺตนโต วุฎฺฐาตพฺพตาสามญฺญโต จฯ เตเนว อุปาทินฺนานุปาทินฺนวเสน ปวตฺตํ ทฺวิธา กตฺวา นิทฺทิสิตฺวาปิ ‘‘อยํ ตาว นิมิเตฺต วินิจฺฉโย’’ติ นิมิตฺตวเสเนว นิคเมติฯ เอตฺถ จ นิมิตฺตํ อชฺฌตฺตพหิทฺธา, ปวตฺตํ ปน อชฺฌตฺตเมวาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ โพชฺฌงฺคาทิวิเสสนฺติ โพชฺฌงฺคฌานงฺคมคฺคงฺคานํ อสทิสตํฯ อสมาปชฺชิตุกามตาสงฺขาตา วิตกฺกาทิวิราคภาวนา อสมาปชฺชิตุกามตาวิราคภาวนาฯ อิตรสฺสาติ ปาทกชฺฌานาทิกสฺสฯ อตพฺภาวโตติ ยถาวุตฺตวิราคภาวนาภาวสฺส อภาวโตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มคฺคาสนฺนาย วิปสฺสนาย โสมนสฺสสหคตเตฺต มคฺคสฺส ปฐมาทิชฺฌานิกตา จ อุเปกฺขาสหคตเตฺต ปญฺจมชฺฌานิกตา เอว จ ตพฺพเสน จ โพชฺฌงฺคาทีนํ วิเสโสติ เตสํ นิยเม อาสนฺนการณํ ปธานการณญฺจ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา, น เอวํ ปาทกชฺฌานาทโยติฯ
Pañcadhāuddisati pañcupādānakkhandhe ajjhattadukavasena rūpadukavasena ca bhinditvā abhinditvā ca nimittavacaneneva uddisati pavattassapi saṅkhāranimittabhāvānativattanato vuṭṭhātabbatāsāmaññato ca. Teneva upādinnānupādinnavasena pavattaṃ dvidhā katvā niddisitvāpi ‘‘ayaṃ tāva nimitte vinicchayo’’ti nimittavaseneva nigameti. Ettha ca nimittaṃ ajjhattabahiddhā, pavattaṃ pana ajjhattamevāti ayametesaṃ viseso. Bojjhaṅgādivisesanti bojjhaṅgajhānaṅgamaggaṅgānaṃ asadisataṃ. Asamāpajjitukāmatāsaṅkhātā vitakkādivirāgabhāvanā asamāpajjitukāmatāvirāgabhāvanā. Itarassāti pādakajjhānādikassa. Atabbhāvatoti yathāvuttavirāgabhāvanābhāvassa abhāvato. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā maggāsannāya vipassanāya somanassasahagatatte maggassa paṭhamādijjhānikatā ca upekkhāsahagatatte pañcamajjhānikatā eva ca tabbasena ca bojjhaṅgādīnaṃ visesoti tesaṃ niyame āsannakāraṇaṃ padhānakāraṇañca vuṭṭhānagāminivipassanā, na evaṃ pādakajjhānādayoti.
อิทานิ อปาทกปฐมชฺฌานปาทกานํ ปกิณฺณกสงฺขารปฐมชฺฌานานิ สมฺมสิตฺวา นิพฺพตฺติตานญฺจ มคฺคานํ เอกเนฺตน ปฐมชฺฌานิกภาวโต วิปสฺสนานิยโมเยเวตฺถ เอกนฺติโก ปธานญฺจาติ อิมมตฺถํ วิภาเวโนฺต ‘‘วิปสฺสนานิยเมเนวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิตเรติ ทุติยชฺฌานิกาทิมคฺคาฯ ปาทกชฺฌานาติกฺกนฺตานํ องฺคานํ อสมาปชฺชิตุกามตาวิราคภาวนาภูตา วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา อธิฎฺฐานภูเตน ปาทกชฺฌาเนน อาหิตวิเสสา มคฺคสฺส ฌานงฺคาทิวิเสสนิยามิกา โหตีติ ‘‘ปาทกชฺฌานวิปสฺสนานิยเมหี’’ติ วุตฺตํฯ ยถา จ อธิฎฺฐานภูเตน ปาทกชฺฌาเนน, เอวํ อารมฺมณภูเตน สมฺมสิตชฺฌาเนน อุภยสพฺภาเว อชฺฌาสยวเสน อาหิตวิเสสา วิปสฺสนา นิยเมตีติ อาห ‘‘เอวํ เสสวาเทสุปิ…เป.… โยเชตโพฺพ’’ติฯ
Idāni apādakapaṭhamajjhānapādakānaṃ pakiṇṇakasaṅkhārapaṭhamajjhānāni sammasitvā nibbattitānañca maggānaṃ ekantena paṭhamajjhānikabhāvato vipassanāniyamoyevettha ekantiko padhānañcāti imamatthaṃ vibhāvento ‘‘vipassanāniyamenevā’’tiādimāha. Tattha itareti dutiyajjhānikādimaggā. Pādakajjhānātikkantānaṃ aṅgānaṃ asamāpajjitukāmatāvirāgabhāvanābhūtā vuṭṭhānagāminivipassanā adhiṭṭhānabhūtena pādakajjhānena āhitavisesā maggassa jhānaṅgādivisesaniyāmikā hotīti ‘‘pādakajjhānavipassanāniyamehī’’ti vuttaṃ. Yathā ca adhiṭṭhānabhūtena pādakajjhānena, evaṃ ārammaṇabhūtena sammasitajjhānena ubhayasabbhāve ajjhāsayavasena āhitavisesā vipassanā niyametīti āha ‘‘evaṃ sesavādesupi…pe… yojetabbo’’ti.
ปาทกชฺฌานสงฺขาเรสูติ ปฐมชฺฌานสงฺขาเรสุฯ ‘‘ปฐมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๓๕๐) หิ วุตฺตํฯ ตํตํวิราคาวิราคภาวนาภาเวนาติ วิตกฺกาทีนํ วิรชฺชนาวิรชฺชนภาวนาภาเวนฯ เตน อารมฺมณชฺฌานสฺสปิ วิปสฺสนาย วิเสสาธานํ อุปนิสฺสยตมาหฯ
Pādakajjhānasaṅkhāresūti paṭhamajjhānasaṅkhāresu. ‘‘Paṭhamajjhānaṃ pādakaṃ katvā’’ti (dha. sa. aṭṭha. 350) hi vuttaṃ. Taṃtaṃvirāgāvirāgabhāvanābhāvenāti vitakkādīnaṃ virajjanāvirajjanabhāvanābhāvena. Tena ārammaṇajjhānassapi vipassanāya visesādhānaṃ upanissayatamāha.
ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานานิเยว โพชฺฌงฺคาทิวิเสสานํ อุปนิสฺสโย การณนฺติ ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานุปนิสฺสโย , ตสฺส สพฺภาเวฯ ตทภาวาภาวโตติ ตสฺส อชฺฌาสยสฺส อภาวาภาวโตฯ
Pādakajjhānasammasitajjhānāniyeva bojjhaṅgādivisesānaṃ upanissayo kāraṇanti pādakajjhānasammasitajjhānupanissayo, tassa sabbhāve. Tadabhāvābhāvatoti tassa ajjhāsayassa abhāvābhāvato.
จตุตฺถชฺฌานิกสฺส มคฺคสฺส อารุเปฺป อรูปชฺฌานเมว ปาทกํ สิยาติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานิกวชฺชาน’’นฺติฯ อริยมคฺคสฺส โอฬาริกงฺคาติกฺกมนูปนิสฺสยา วิปสฺสนาย อธิฎฺฐานารมฺมณภูตา ทุติยชฺฌานาทโยฯ ปญฺจหิ อเงฺคหีติ ปญฺจหิ ฌานเงฺคหิฯ ‘‘ตํตํวาเทหิ ปญฺญาปิยมานานิ ปาทกชฺฌานาทีนิ วาทสหจาริตาย ‘วาทา’ติ วุจฺจนฺตี’’ติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตโยเปเต วาเท’’ติ อาหฯ วทนฺติ เอเตหีติ วา วาทกรณภูตานิ ปาทกชฺฌานาทีนิ วาทาฯ
Catutthajjhānikassa maggassa āruppe arūpajjhānameva pādakaṃ siyāti āha ‘‘catutthajjhānikavajjāna’’nti. Ariyamaggassa oḷārikaṅgātikkamanūpanissayā vipassanāya adhiṭṭhānārammaṇabhūtā dutiyajjhānādayo. Pañcahi aṅgehīti pañcahi jhānaṅgehi. ‘‘Taṃtaṃvādehi paññāpiyamānāni pādakajjhānādīni vādasahacāritāya ‘vādā’ti vuccantī’’ti adhippāyena ‘‘tayopete vāde’’ti āha. Vadanti etehīti vā vādakaraṇabhūtāni pādakajjhānādīni vādā.
วิปากสนฺตานสฺส…เป.… สุสงฺขตตฺตาติ เอเตน ยสฺมิํ สนฺตาเน กมฺมํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ อุปฺปชฺชมานเมว กิญฺจิ วิเสสาธานํ กโรตีติ ทีเปติฯ ยโต ตสฺมิํเยว สนฺตาเน ตสฺส วิปาโก, นาญฺญตฺถฯ
Vipākasantānassa…pe…susaṅkhatattāti etena yasmiṃ santāne kammaṃ uppajjati, tattha uppajjamānameva kiñci visesādhānaṃ karotīti dīpeti. Yato tasmiṃyeva santāne tassa vipāko, nāññattha.
ปุริมานุโลมํ วิย ตนฺติ ยถา โคตฺรภุฎฺฐาเน อุปฺปนฺนานุโลมโต ปุริมอนุโลมญาณํ ตํ โคตฺรภุฎฺฐาเน อุปฺปนฺนานุโลมํ อนุพนฺธติ, เอวํฯ ตทปีติ โคตฺรภุฎฺฐาเน อุปฺปนฺนานุโลมญาณมฺปิ อญฺญํ อนุโลมญาณเมว อนุพเนฺธยฺย, ตสฺส อนนฺตรํ อุปฺปเชฺชยฺยฯ สา ภูมีติ สา ปญฺจุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตา กิเลสานํ อุปฺปตฺติฎฺฐานตาย ภูมิฯ เอโก ภโวติ คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เอเตน สตฺต ภเว เทฺว ภเวติ อิทมฺปิ อธิปฺปายวเสน เนตพฺพตฺถํ, น ยถารุตวเสนาติ ทเสฺสติฯ ตตฺถายํ อธิปฺปาโย – เอกวารํ กามาวจรเทเวสุ เอกวารํ มนุเสฺสสูติ เอวมฺปิ มิสฺสิตูปปตฺติวเสน เตสุ เอกิสฺสา เอว อุปปตฺติยา อยํ ปริเจฺฉโทฯ ยํ ปน ‘‘น เต ภวํ อฎฺฐมมาทิยนฺตี’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๙; สุ. นิ. ๒๓๒) วุตฺตํ, ตมฺปิ กามาวจรภวํเยว สนฺธายาหฯ มหคฺคตภวานํ ปริเจฺฉโท นตฺถีติ วทนฺติฯ ตถา ‘‘ฐเปตฺวา เทฺว ภเว’’ติ เอตฺถาปิ กามาวจรเทวมนุสฺสภวานํ มิสฺสกวเสเนว, ตสฺมา กามธาตุยํ เย เทฺว ภวาติ กามาวจรเทวมนุสฺสวเสน เย เทฺว ภวาติ อโตฺถฯ ปุริมวิกเปฺปสุ ปุคฺคลเภเทน ปฎิปทา ภินฺทิตฺวา กสฺสจิ จลตีติ, กสฺสจิ น จลตีติ กตฺวา ‘‘จลติ เอวา’’ติ อวธารณมนฺตเรน อโตฺถ วุโตฺตฯ ยสฺมา ปน อฎฺฐกถายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๓๕๐ โลกุตฺตรกุสลปกิณฺณกกถา) ‘‘ยถา จ ปฎิปทา, เอวํ อธิปติปิ จลติ เอวา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สเพฺพสมฺปิ ปฎิปทาสุ อเภเทน คหิตาสุ เอกเนฺตน จลนํ สมฺภวตีติ ‘‘จลติเจฺจว วุตฺตํ, น น จลตี’’ติ ตติยวิกโปฺป จลนาวธารโณ วุโตฺตฯ
Purimānulomaṃ viya tanti yathā gotrabhuṭṭhāne uppannānulomato purimaanulomañāṇaṃ taṃ gotrabhuṭṭhāne uppannānulomaṃ anubandhati, evaṃ. Tadapīti gotrabhuṭṭhāne uppannānulomañāṇampi aññaṃ anulomañāṇameva anubandheyya, tassa anantaraṃ uppajjeyya. Sā bhūmīti sā pañcupādānakkhandhasaṅkhātā kilesānaṃ uppattiṭṭhānatāya bhūmi. Eko bhavoti gahetvā vuttanti etena satta bhave dve bhaveti idampi adhippāyavasena netabbatthaṃ, na yathārutavasenāti dasseti. Tatthāyaṃ adhippāyo – ekavāraṃ kāmāvacaradevesu ekavāraṃ manussesūti evampi missitūpapattivasena tesu ekissā eva upapattiyā ayaṃ paricchedo. Yaṃ pana ‘‘na te bhavaṃ aṭṭhamamādiyantī’’ti (khu. pā. 6.9; su. ni. 232) vuttaṃ, tampi kāmāvacarabhavaṃyeva sandhāyāha. Mahaggatabhavānaṃ paricchedo natthīti vadanti. Tathā ‘‘ṭhapetvā dve bhave’’ti etthāpi kāmāvacaradevamanussabhavānaṃ missakavaseneva, tasmā kāmadhātuyaṃ ye dve bhavāti kāmāvacaradevamanussavasena ye dve bhavāti attho. Purimavikappesu puggalabhedena paṭipadā bhinditvā kassaci calatīti, kassaci na calatīti katvā ‘‘calati evā’’ti avadhāraṇamantarena attho vutto. Yasmā pana aṭṭhakathāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 350 lokuttarakusalapakiṇṇakakathā) ‘‘yathā ca paṭipadā, evaṃ adhipatipi calati evā’’ti vuttaṃ, tasmā sabbesampi paṭipadāsu abhedena gahitāsu ekantena calanaṃ sambhavatīti ‘‘calaticceva vuttaṃ, na na calatī’’ti tatiyavikappo calanāvadhāraṇo vutto.
โลกุตฺตรกุสลปกิณฺณกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Lokuttarakusalapakiṇṇakakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.