Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
Pakiṇṇakakathāvaṇṇanā
ปกิณฺณกนฺติ โวมิสฺสกนยํฯ สมุฎฺฐานนฺติ อุปฺปตฺติการณํฯ กิริยาติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ อกิริยาทีนมฺปิ สงฺคหโตฯ เวทนาย สห กุสลญฺจ เวทิตพฺพนฺติ โยเชตพฺพํฯ สพฺพสงฺคาหกวเสนาติ สเพฺพสํ สิกฺขาปทานํ สงฺคาหกวเสน ‘‘กาโย วาจา กายวาจา กายจิตฺตํ วาจาจิตฺตํ กายวาจาจิตฺต’’นฺติ เอวํ วุตฺตานิ ฉ อาปตฺติสมุฎฺฐานานิฯ สมุฎฺฐานาทโย หิ อาปตฺติยา เอว โหนฺติ, น สิกฺขาปทสฺสฯ ตํตํสิกฺขาปทสฺส นิยตอาปตฺติยา เอว คหณตฺถํ ปน สิกฺขาปทสีเสน สมุฎฺฐานาทีนํ กถนํฯ เอวญฺหิ อาปตฺติวิเสโส ปญฺญายติ อาปตฺติ-สทฺทสฺส สพฺพาปตฺติสาธารณตฺตา, อิเมสุ ปน ฉสุ สมุฎฺฐาเนสุ ปุริมานิ ตีณิ อจิตฺตกานิ, ปจฺฉิมานิ สจิตฺตกานิฯ สมาสโต ตํ อิมํ ปกิณฺณกํ วิทิตฺวา เวทิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ ฉ สมุฎฺฐานานิ เอตสฺสาติ ฉสมุฎฺฐานํฯ เอวํ เสเสสุปิฯ
Pakiṇṇakanti vomissakanayaṃ. Samuṭṭhānanti uppattikāraṇaṃ. Kiriyātiādi nidassanamattaṃ akiriyādīnampi saṅgahato. Vedanāya saha kusalañca veditabbanti yojetabbaṃ. Sabbasaṅgāhakavasenāti sabbesaṃ sikkhāpadānaṃ saṅgāhakavasena ‘‘kāyo vācā kāyavācā kāyacittaṃ vācācittaṃ kāyavācācitta’’nti evaṃ vuttāni cha āpattisamuṭṭhānāni. Samuṭṭhānādayo hi āpattiyā eva honti, na sikkhāpadassa. Taṃtaṃsikkhāpadassa niyataāpattiyā eva gahaṇatthaṃ pana sikkhāpadasīsena samuṭṭhānādīnaṃ kathanaṃ. Evañhi āpattiviseso paññāyati āpatti-saddassa sabbāpattisādhāraṇattā, imesu pana chasu samuṭṭhānesu purimāni tīṇi acittakāni, pacchimāni sacittakāni. Samāsato taṃ imaṃ pakiṇṇakaṃ viditvā veditabbanti sambandho. Cha samuṭṭhānāni etassāti chasamuṭṭhānaṃ. Evaṃ sesesupi.
อตฺถิ กถินสมุฎฺฐานนฺติอาทิ สมุฎฺฐานสีสวเสน ทฺวิสมุฎฺฐานเอกสมุฎฺฐานานํ ทสฺสนํฯ เตรส หิ สมุฎฺฐานสีสานิ ปฐมปาราชิกสมุฎฺฐานํ อทินฺนาทานสมุฎฺฐานํ สญฺจริตฺตสมุฎฺฐานํ สมนุภาสนสมุฎฺฐานํ กถินสมุฎฺฐานํ เอฬกโลมสมุฎฺฐานํ ปทโสธมฺมสมุฎฺฐานํ อทฺธานสมุฎฺฐานํ เถยฺยสตฺถสมุฎฺฐานํ ธมฺมเทสนาสมุฎฺฐานํ ภูตาโรจนสมุฎฺฐานํ โจรีวุฎฺฐาปนสมุฎฺฐานํ อนนุญฺญาตสมอุฎฺฐานนฺติฯ ตตฺถ อตฺถิ ฉสมุฎฺฐานนฺติ อิมินา สญฺจริตฺตสมุฎฺฐานํ วุตฺตํ, ปญฺจสมุฎฺฐานสฺส อภาวโต ‘‘อตฺถิ ปญฺจสมุฎฺฐาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘อตฺถิ จตุสมุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิมินา จ อทฺธานสมุฎฺฐานํ อนนุญฺญาตสมุฎฺฐานญฺจ สงฺคหิตํฯ ยญฺหิ ปฐมตติยจตุตฺถฉเฎฺฐหิ สมุฎฺฐาเนหิ สมุฎฺฐาติ , อิทํ อทฺธานสมุฎฺฐานํฯ ยํ ปน ทุติยตติยปญฺจมฉเฎฺฐหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ อนนุญฺญาตสมุฎฺฐานํฯ อตฺถิ ติสมุฎฺฐานนฺติ อิมินา อทินฺนาทานสมุฎฺฐานํ ภูตาโรจนสมุฎฺฐานญฺจ สงฺคหิตํฯ ยญฺหิ สจิตฺตเกหิ ตีหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ อทินฺนาทานสมุฎฺฐานํฯ ยํ ปน อจิตฺตเกหิ ตีหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ ภูตาโรจนสมุฎฺฐานํฯ อตฺถิ กถินสมุฎฺฐานนฺติอาทินา ปน อวเสสสมอุฎฺฐานสีสวเสน ทฺวิสมุฎฺฐานํ เอกสมุฎฺฐานญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ตตฺถ หิ ยํ ตติยฉเฎฺฐหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ กถินสมุฎฺฐานํ นามฯ ยํ ปน ปฐมจตุเตฺถหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ เอฬกโลมสมุฎฺฐานํฯ ยํ ฉเฎฺฐเนว สมุฎฺฐาติ, อิทํ ธุรนิเกฺขปสมุฎฺฐานํ, ‘‘สมนุภาสนสมอุฎฺฐาน’’นฺติปิ ตเสฺสว นามํฯ อิติ สรูเปน อฎฺฐ อาปตฺติสีสานิ ทสฺสิตานิฯ อาทิสเทฺทน ปเนตฺถ อวเสสานิ ปฐมปาราชิกสมุฎฺฐานปทโสธมฺมเถยฺยสตฺถธมฺมเทสนาโจรีวุฎฺฐาปนสมุฎฺฐานานิ ปญฺจปิ สมุฎฺฐานสีสานิ สงฺคหิตานิฯ ตตฺถ ยํ กายจิตฺตโต สมุฎฺฐาติ, อิทํ ปฐมปาราชิกสมุฎฺฐานํฯ ยํ ทุติยปญฺจเมหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ ปทโสธมฺมสมุฎฺฐานํฯ ยํ จตุตฺถฉเฎฺฐหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ เถยฺยสตฺถสมุฎฺฐานํฯ ยํ ปญฺจเมเนว สมุฎฺฐาติ, อิทํ ธมฺมเทสนาสมอุฎฺฐานํฯ ยํ ปญฺจมฉเฎฺฐหิ สมุฎฺฐาติ, อิทํ โจรีวุฎฺฐาปนสมุฎฺฐานํฯ เอตฺถ จ ปจฺฉิเมสุ ตีสุ สจิตฺตกสมุฎฺฐาเนสุ เอเกกสมุฎฺฐานวเสน เอกสมุฎฺฐานานิ ติวิธานิฯ ทฺวิสมุฎฺฐานานิ ปน ปฐมจตุเตฺถหิ วา ทุติยปญฺจเมหิ วา ตติยฉเฎฺฐหิ วา จตุตฺถฉเฎฺฐหิ วา ปญฺจมฉเฎฺฐหิ วา สมุฎฺฐานวเสน ปญฺจวิธานีติ เวทิตพฺพานิฯ
Atthi kathinasamuṭṭhānantiādi samuṭṭhānasīsavasena dvisamuṭṭhānaekasamuṭṭhānānaṃ dassanaṃ. Terasa hi samuṭṭhānasīsāni paṭhamapārājikasamuṭṭhānaṃ adinnādānasamuṭṭhānaṃ sañcarittasamuṭṭhānaṃ samanubhāsanasamuṭṭhānaṃ kathinasamuṭṭhānaṃ eḷakalomasamuṭṭhānaṃ padasodhammasamuṭṭhānaṃ addhānasamuṭṭhānaṃ theyyasatthasamuṭṭhānaṃ dhammadesanāsamuṭṭhānaṃ bhūtārocanasamuṭṭhānaṃ corīvuṭṭhāpanasamuṭṭhānaṃ ananuññātasamauṭṭhānanti. Tattha atthi chasamuṭṭhānanti iminā sañcarittasamuṭṭhānaṃ vuttaṃ, pañcasamuṭṭhānassa abhāvato ‘‘atthi pañcasamuṭṭhāna’’nti avatvā ‘‘atthi catusamuṭṭhāna’’nti vuttaṃ, iminā ca addhānasamuṭṭhānaṃ ananuññātasamuṭṭhānañca saṅgahitaṃ. Yañhi paṭhamatatiyacatutthachaṭṭhehi samuṭṭhānehi samuṭṭhāti , idaṃ addhānasamuṭṭhānaṃ. Yaṃ pana dutiyatatiyapañcamachaṭṭhehi samuṭṭhāti, idaṃ ananuññātasamuṭṭhānaṃ. Atthi tisamuṭṭhānanti iminā adinnādānasamuṭṭhānaṃ bhūtārocanasamuṭṭhānañca saṅgahitaṃ. Yañhi sacittakehi tīhi samuṭṭhāti, idaṃ adinnādānasamuṭṭhānaṃ. Yaṃ pana acittakehi tīhi samuṭṭhāti, idaṃ bhūtārocanasamuṭṭhānaṃ. Atthi kathinasamuṭṭhānantiādinā pana avasesasamauṭṭhānasīsavasena dvisamuṭṭhānaṃ ekasamuṭṭhānañca saṅgaṇhāti. Tattha hi yaṃ tatiyachaṭṭhehi samuṭṭhāti, idaṃ kathinasamuṭṭhānaṃ nāma. Yaṃ pana paṭhamacatutthehi samuṭṭhāti, idaṃ eḷakalomasamuṭṭhānaṃ. Yaṃ chaṭṭheneva samuṭṭhāti, idaṃ dhuranikkhepasamuṭṭhānaṃ, ‘‘samanubhāsanasamauṭṭhāna’’ntipi tasseva nāmaṃ. Iti sarūpena aṭṭha āpattisīsāni dassitāni. Ādisaddena panettha avasesāni paṭhamapārājikasamuṭṭhānapadasodhammatheyyasatthadhammadesanācorīvuṭṭhāpanasamuṭṭhānāni pañcapi samuṭṭhānasīsāni saṅgahitāni. Tattha yaṃ kāyacittato samuṭṭhāti, idaṃ paṭhamapārājikasamuṭṭhānaṃ. Yaṃ dutiyapañcamehi samuṭṭhāti, idaṃ padasodhammasamuṭṭhānaṃ. Yaṃ catutthachaṭṭhehi samuṭṭhāti, idaṃ theyyasatthasamuṭṭhānaṃ. Yaṃ pañcameneva samuṭṭhāti, idaṃ dhammadesanāsamauṭṭhānaṃ. Yaṃ pañcamachaṭṭhehi samuṭṭhāti, idaṃ corīvuṭṭhāpanasamuṭṭhānaṃ. Ettha ca pacchimesu tīsu sacittakasamuṭṭhānesu ekekasamuṭṭhānavasena ekasamuṭṭhānāni tividhāni. Dvisamuṭṭhānāni pana paṭhamacatutthehi vā dutiyapañcamehi vā tatiyachaṭṭhehi vā catutthachaṭṭhehi vā pañcamachaṭṭhehi vā samuṭṭhānavasena pañcavidhānīti veditabbāni.
เอวํ สมุฎฺฐานวเสน สพฺพสิกฺขาปทานิ เตรสธา ทเสฺสตฺวา อิทานิ กิริยาวเสน ปญฺจธา ทเสฺสตุํ ตตฺราปีติอาทิ วุตฺตํฯ กิญฺจีติ สิกฺขาปทํฯ กิริยโตติ ปถวีขณนาทิ (ปาจิ. ๘๔-๘๕) วิย กายวจีวิญฺญตฺติชนิตกมฺมโตฯ อกิริยโตติ ปฐมกถินาทิ (ปารา. ๔๕๙ อาทโย) วิย กตฺตพฺพสฺส อกรเณเนวฯ กิริยากิริยโตติ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต จีวรปฎิคฺคหณาทิ (ปารา. ๕๐๘ อาทโย) วิยฯ สิยา กิริยโต, สิยา อกิริยโต รูปิยปฎิคฺคหณาทิ (ปารา. ๕๘๒ อาทโย) วิย, สิยา กิริยโต, สิยา กิริยากิริยโต กุฎิการาทิ (ปารา. ๓๔๒) วิยฯ วีติกฺกมสญฺญาย อภาเวน วิโมโกฺข อสฺสาติ สญฺญาวิโมกฺขนฺติ มเชฺฌปทโลปีสมาโส ทฎฺฐโพฺพฯ จิตฺตงฺคํ ลภติ สจิตฺตกสมุฎฺฐาเนเหว สมุฎฺฐหนโตฯ อิตรนฺติ ยสฺส จิตฺตงฺคนิยโม นตฺถิ, ตํ, อนาปตฺติมุเขน เจตํ สญฺญาทุกํ วุตฺตํ, อาปตฺติมุเขน สจิตฺตกทุกนฺติ เอตฺตกเมว วิเสโส, อตฺถโต สมานาวฯ
Evaṃ samuṭṭhānavasena sabbasikkhāpadāni terasadhā dassetvā idāni kiriyāvasena pañcadhā dassetuṃ tatrāpītiādi vuttaṃ. Kiñcīti sikkhāpadaṃ. Kiriyatoti pathavīkhaṇanādi (pāci. 84-85) viya kāyavacīviññattijanitakammato. Akiriyatoti paṭhamakathinādi (pārā. 459 ādayo) viya kattabbassa akaraṇeneva. Kiriyākiriyatoti aññātikāya bhikkhuniyā hatthato cīvarapaṭiggahaṇādi (pārā. 508 ādayo) viya. Siyā kiriyato, siyā akiriyato rūpiyapaṭiggahaṇādi (pārā. 582 ādayo) viya, siyā kiriyato, siyā kiriyākiriyato kuṭikārādi (pārā. 342) viya. Vītikkamasaññāya abhāvena vimokkho assāti saññāvimokkhanti majjhepadalopīsamāso daṭṭhabbo. Cittaṅgaṃ labhati sacittakasamuṭṭhāneheva samuṭṭhahanato. Itaranti yassa cittaṅganiyamo natthi, taṃ, anāpattimukhena cetaṃ saññādukaṃ vuttaṃ, āpattimukhena sacittakadukanti ettakameva viseso, atthato samānāva.
กายวจีทฺวาเรหิ อาปชฺชิตพฺพมฺปิ กายกเมฺม วา วจีกเมฺม วา สงฺคยฺหติฯ ตตฺถ พาหุลฺลวุตฺติโต อทินฺนาทานมุสาวาทาทโย วิยาติ อตฺถิ สิกฺขาปทํ กายกมฺมนฺติอาทินา กายกมฺมํ วจีกมฺมญฺจาติ ทุกเมว วุตฺตํ, วิภาคโต ปน กายวจีกเมฺมน สทฺธิํ ติกเมว โหติฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘สพฺพา จ กายกมฺมวจีกมฺมตทุภยวเสน ติวิธา โหนฺตี’’ติฯ ตโตเยว อิธาปิ อทินฺนาทานาทีสุ (ปารา. ๘๙) กายกมฺมวจีกมฺมนฺติ ตทุภยวเสน ทสฺสิตํฯ อตฺถิ ปน สิกฺขาปทํ กุสลนฺติอาทิ อาปตฺติสมุฎฺฐาปกจิตฺตวเสน การิเย การโณปจาเรน วุตฺตํ, น ปน อาปตฺติยา กุสลาทิปรมตฺถธมฺมตาวเสน อาปตฺติยา สมฺมุติสภาวตฺตาฯ กุสลากุสลาทิปรมตฺถธเมฺม อุปาทาย หิ ภควตา อาปตฺติสมฺมุติ ปญฺญตฺตาฯ วกฺขติ หิ ‘‘ยํ กุสลจิเตฺตน อาปชฺชติ, ตํ กุสล’’นฺติอาทิ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๖๖ ปกณฺณกกถา)ฯ น หิ ภควโต อาณายตฺตา อาปตฺติ กุสลาทิปรมตฺถสภาวา โหติ อนุปสมฺปนฺนานํ อาทิกมฺมิกานญฺจ อาปตฺติปฺปสงฺคโต, ตสฺสา เทสนาทีหิ วิสุทฺธิอภาวปฺปสงฺคโต จฯ น หิ การณพเลน อุปฺปชฺชมานา กุสลาทิสภาวา อาปตฺติ อนุปสมฺปนฺนาทีสุ นิวตฺตติ, อุปฺปนฺนาย จ ตสฺสา เกนจิ วินาโส น สมฺภวติฯ สรสวินาสโต เทสนาทินา จ อาปตฺติ วิคจฺฉตีติ วจนมตฺถิ, น ปน เตน อกุสลาทิ วิคจฺฉติฯ ปิตุฆาตาทิกเมฺมน หิ ปาราชิกํ อาปนฺนสฺส ภิกฺขุโน คิหิลิงฺคํ คเหตฺวา ภิกฺขุภาวปริจฺจาเคน ปาราชิกาปตฺติ วิคจฺฉติ, น ปาณาติปาตาทิอกุสลํ อานนฺตริยาทิภาวโตฯ ตสฺมา ทุมฺมงฺกูนํ นิคฺคหาทิทสอตฺถวเส (ปารา. ๓๙; ปริ. ๒) ปฎิจฺจ ภควตา ยถาปจฺจยํ สมุปฺปชฺชมาเน กุสลากุสลาทินามรูปธเมฺม อุปาทาย ปญฺญตฺตา สมฺมุติเยว อาปตฺติ, สา จ ยถาวิธิปฎิกมฺมกรเณน วิคตา นาม โหตีติ เวทิตพฺพํ, เตนาห ทฺวตฺติํเสว หิ อาปตฺติสมุฎฺฐาปกจิตฺตานีติอาทิฯ อาปตฺติสมุฎฺฐาปกเตฺตเนว เหตฺถ กุสลาทีนํ อาปตฺติโต เภโท สิโทฺธฯ น หิ ตํสมุฎฺฐิตสฺส ตโต อเภโท ยุโตฺต สมุฎฺฐานสมุฎฺฐิตเภทพฺยวหารุปเจฺฉทปฺปสงฺคโตฯ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ปาราชิกกณฺฑ ๒.๖๖ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา) ปน อาปตฺติยา ปรมตฺถโต กุสลตฺตเมว น สมฺภวติ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วจนโต, ‘‘อกุสลตฺตํ ปน อพฺยากตตฺตญฺจ อาปตฺติยา สมฺภวตี’’ติ สญฺญาย กุสลจิตฺตสมุฎฺฐานกฺขเณปิ รูปาพฺยากตตฺตํ อาปตฺติยา สมเตฺถตุํ ยํ กุสลจิเตฺตน อาปชฺชติ, ตํ กุสลํ, อิตเรหิ อิตรนฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๖๖ ปกิณฺณกกถา) อิมํ อฎฺฐกถาวจนํ นิสฺสาย วุตฺตํ ‘‘ยํ กุสลจิเตฺตน อาปชฺชตีติ ยํ สิกฺขาปทสีเส คหิตํ อาปตฺติํ กุสลจิตฺตสมงฺคี อาปชฺชติ, อิมินา ปน วจเนน ตํ กุสลนฺติ อาปตฺติยา วุจฺจมาโน กุสลภาโว ปริยายโต, น ปรมตฺถโตติ ทเสฺสติฯ กุสลจิเตฺตน หิ อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต สวิญฺญตฺติกํ อวิญฺญตฺติกํ วา สิกฺขาปทวีติกฺกมาการปฺปวตฺตํ รูปกฺขนฺธสงฺขาตํ อพฺยากตาปตฺติํ อาปชฺชตี’’ติฯ ตตฺถ ยํ กุสลจิเตฺตน อาปชฺชตีติ อิมํ วจนํ อุทฺทิสฺส ‘‘อิมินา ปน วจเนน ตํ กุสลนฺติ อาปตฺติยา วุจฺจมาโน กุสลภาโว ปริยายโต, น ปรมตฺถโตติ ทเสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ อิตเรหิ อิตรนฺติ วจเนน ‘‘ยํ อกุสลจิเตฺตน อาปชฺชหิ, ตํ อกุสลํ, ยํ อพฺยากตจิเตฺตน อาปชฺชติ, ตํ อพฺยากต’’นฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อิตเรหีติ วจนํ อุทฺทิสฺส ‘‘อิมินาปิ วจเนน อิตรนฺติ อาปตฺติยา วุจฺจมาโน อกุสลภาโว อพฺยากตภาโว จ ปริยายโต ทเสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพํฯ เอวํ อวตฺวา กุสลปเกฺข เอว กถนสฺส การณํ น ปสฺสามฯ ยํ ปน อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลนฺติอาทิวจนํ การณเตฺตน วุตฺตํ, ตมฺปิ อการณํ ยํ อกุสลจิเตฺตน อาปชฺชติ, ตํ อกุสลนฺติอาทินา เหฎฺฐา วุตฺตนเยน อกุสลาทิภาวสฺส ปริยายเทสิตตฺตา, อาปตฺติยา กุสลโวหารสฺส อยุตฺตตาย นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสลนฺติ วุตฺตตฺตา จฯ อาปตฺติยา หิ กุสลจิตฺตสมุฎฺฐิตเตฺตปิ ภควตา ปฎิกฺขิตฺตภาเวน สาวชฺชธมฺมตฺตา การณูปจาเรนาปิ อนวชฺชกุสลโวหาโร น ยุโตฺต สาวชฺชานวชฺชานํ อญฺญมญฺญวิรุทฺธตฺตาฯ ยถา อากาสาทิสมฺมุติสจฺจานํ อุปฺปนฺนตาทิโวหาโร วิย ชาติชราภงฺคานํ อุปฺปนฺนตาทิโวหาโร อนวฎฺฐานาทิเทสโต อยุโตฺต, เอวมิธาปิ กุสลโวหาโร อยุโตฺต วิรุทฺธตฺตาฯ อกุสลาทิโวหาโร ปน ยุโตฺต , การณูปจาเรน ปน อกุสลาทิสภาวตา ยถาวุตฺตโทสานติวตฺตนโตฯ สุตฺตสฺสาปิ หิ ยถา สุตฺตสุตฺตานุโลมาทีหิ วิโรโธ น โหติ, ตเถว อโตฺถ คเหตโพฺพฯ
Kāyavacīdvārehi āpajjitabbampi kāyakamme vā vacīkamme vā saṅgayhati. Tattha bāhullavuttito adinnādānamusāvādādayo viyāti atthi sikkhāpadaṃ kāyakammantiādinā kāyakammaṃ vacīkammañcāti dukameva vuttaṃ, vibhāgato pana kāyavacīkammena saddhiṃ tikameva hoti. Teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) vuttaṃ ‘‘sabbā ca kāyakammavacīkammatadubhayavasena tividhā hontī’’ti. Tatoyeva idhāpi adinnādānādīsu (pārā. 89) kāyakammavacīkammanti tadubhayavasena dassitaṃ. Atthi pana sikkhāpadaṃ kusalantiādi āpattisamuṭṭhāpakacittavasena kāriye kāraṇopacārena vuttaṃ, na pana āpattiyā kusalādiparamatthadhammatāvasena āpattiyā sammutisabhāvattā. Kusalākusalādiparamatthadhamme upādāya hi bhagavatā āpattisammuti paññattā. Vakkhati hi ‘‘yaṃ kusalacittena āpajjati, taṃ kusala’’ntiādi (pārā. aṭṭha. 1.66 pakaṇṇakakathā). Na hi bhagavato āṇāyattā āpatti kusalādiparamatthasabhāvā hoti anupasampannānaṃ ādikammikānañca āpattippasaṅgato, tassā desanādīhi visuddhiabhāvappasaṅgato ca. Na hi kāraṇabalena uppajjamānā kusalādisabhāvā āpatti anupasampannādīsu nivattati, uppannāya ca tassā kenaci vināso na sambhavati. Sarasavināsato desanādinā ca āpatti vigacchatīti vacanamatthi, na pana tena akusalādi vigacchati. Pitughātādikammena hi pārājikaṃ āpannassa bhikkhuno gihiliṅgaṃ gahetvā bhikkhubhāvapariccāgena pārājikāpatti vigacchati, na pāṇātipātādiakusalaṃ ānantariyādibhāvato. Tasmā dummaṅkūnaṃ niggahādidasaatthavase (pārā. 39; pari. 2) paṭicca bhagavatā yathāpaccayaṃ samuppajjamāne kusalākusalādināmarūpadhamme upādāya paññattā sammutiyeva āpatti, sā ca yathāvidhipaṭikammakaraṇena vigatā nāma hotīti veditabbaṃ, tenāha dvattiṃseva hi āpattisamuṭṭhāpakacittānītiādi. Āpattisamuṭṭhāpakatteneva hettha kusalādīnaṃ āpattito bhedo siddho. Na hi taṃsamuṭṭhitassa tato abhedo yutto samuṭṭhānasamuṭṭhitabhedabyavahārupacchedappasaṅgato. Sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. pārājikakaṇḍa 2.66 pakiṇṇakakathāvaṇṇanā) pana āpattiyā paramatthato kusalattameva na sambhavati ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ, natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti vacanato, ‘‘akusalattaṃ pana abyākatattañca āpattiyā sambhavatī’’ti saññāya kusalacittasamuṭṭhānakkhaṇepi rūpābyākatattaṃ āpattiyā samatthetuṃ yaṃ kusalacittena āpajjati, taṃ kusalaṃ, itarehi itaranti (pārā. aṭṭha. 1.66 pakiṇṇakakathā) imaṃ aṭṭhakathāvacanaṃ nissāya vuttaṃ ‘‘yaṃ kusalacittena āpajjatīti yaṃ sikkhāpadasīse gahitaṃ āpattiṃ kusalacittasamaṅgī āpajjati, iminā pana vacanena taṃ kusalanti āpattiyā vuccamāno kusalabhāvo pariyāyato, na paramatthatoti dasseti. Kusalacittena hi āpattiṃ āpajjanto saviññattikaṃ aviññattikaṃ vā sikkhāpadavītikkamākārappavattaṃ rūpakkhandhasaṅkhātaṃ abyākatāpattiṃ āpajjatī’’ti. Tattha yaṃ kusalacittena āpajjatīti imaṃ vacanaṃ uddissa ‘‘iminā pana vacanena taṃ kusalanti āpattiyā vuccamāno kusalabhāvo pariyāyato, na paramatthatoti dassetī’’ti vuttaṃ, evaṃ itarehi itaranti vacanena ‘‘yaṃ akusalacittena āpajjahi, taṃ akusalaṃ, yaṃ abyākatacittena āpajjati, taṃ abyākata’’nti imassa atthassa vuttattā itarehīti vacanaṃ uddissa ‘‘imināpi vacanena itaranti āpattiyā vuccamāno akusalabhāvo abyākatabhāvo ca pariyāyato dassetī’’ti vattabbaṃ. Evaṃ avatvā kusalapakkhe eva kathanassa kāraṇaṃ na passāma. Yaṃ pana āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalantiādivacanaṃ kāraṇattena vuttaṃ, tampi akāraṇaṃ yaṃ akusalacittena āpajjati, taṃ akusalantiādinā heṭṭhā vuttanayena akusalādibhāvassa pariyāyadesitattā, āpattiyā kusalavohārassa ayuttatāya natthi āpattādhikaraṇaṃ kusalanti vuttattā ca. Āpattiyā hi kusalacittasamuṭṭhitattepi bhagavatā paṭikkhittabhāvena sāvajjadhammattā kāraṇūpacārenāpi anavajjakusalavohāro na yutto sāvajjānavajjānaṃ aññamaññaviruddhattā. Yathā ākāsādisammutisaccānaṃ uppannatādivohāro viya jātijarābhaṅgānaṃ uppannatādivohāro anavaṭṭhānādidesato ayutto, evamidhāpi kusalavohāro ayutto viruddhattā. Akusalādivohāro pana yutto , kāraṇūpacārena pana akusalādisabhāvatā yathāvuttadosānativattanato. Suttassāpi hi yathā suttasuttānulomādīhi virodho na hoti, tatheva attho gahetabbo.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘กุสลจิเตฺตน หิ อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต…เป.… รูปกฺขนฺธสงฺขาตํ อพฺยากตาปตฺติํ อาปชฺชตี’’ติ, ตํ อยุตฺตเมว รูปกฺขนฺธสฺส ขณิกตาย อาปตฺติยาปิ เทสนาทิปฎิกมฺมํ วินาว ปฎิปสฺสทฺธิปฺปสงฺคโตฯ รูปปรมฺปรา อาปตฺตีติ เจ? ตนฺน, ปฎิกเมฺมนาปิ อวิคมปฺปสงฺคโตฯ น หิ รูปสนฺตติเทสนาทีหิ วิคจฺฉติ สการณายตฺตตฺตา, อิติ สพฺพถา อาปตฺติยา ปรมตฺถตา อยุตฺตา, เอเตเนว ยํ วุตฺตํ ‘‘นิปชฺชิตฺวา นิโรธสมาปนฺนสฺส สหเสยฺยวเสน ตถาการปฺปวตฺตรูปธมฺมเสฺสว อาปตฺติภาวโต’’ติอาทิ, ตมฺปิ ปฎิสิทฺธนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิธ ปน นิโรธสมาปนฺนานํ รูปธมฺมเมว ปฎิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตา อาปตฺติ อจิตฺตา อเวทนา, อญฺญตฺถ ปน สจิตฺตา สเวทนาว, สพฺพตฺถาปิ ปญฺญตฺติสภาวาติ เวทิตพฺพาฯ เตเนว ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทฎฺฐกถายํ อาปตฺติยา อกุสลาทิสภาวํ ปรปริกปฺปิตํ นิเสเธตุํ ‘‘อาทิกมฺมิกสฺส อนาปตฺติวจนโต…เป.… ปณฺณตฺติมตฺตเมว อาปตฺตาธิกรณนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ สยเมว วกฺขติ, ตสฺมา ‘‘ตํตํกุสลาทิธมฺมสมุปฺปตฺติยา ภควตา ปญฺญตฺตา อาปตฺติสมฺมุติ สมุฎฺฐิตา’’ติ จ, ‘‘ยาว ปฎิปฺปสฺสทฺธิการณา ติฎฺฐตี’’ติ จ, ‘‘ปฎิปฺปสฺสทฺธิการเณหิ วินสฺสตี’’ติ จ โวหรียติฯ อาปตฺติยา จ สมฺมุติสภาวเตฺตปิ หิ สญฺจิจฺจ ตํ อาปชฺชนฺตสฺส, ปฎิกิริยํ อกโรนฺตสฺส จ อนาทเร อกุสลราสิ เจว สคฺคมคฺคนฺตราโย จ โหตีติ ลชฺชิโน ยถาวิธิํ นาติกฺกมนฺติ, อนติกฺกมนปฺปจฺจยา จ เตสํ อนนฺตปฺปเภทา สีลาทโย ธมฺมา ปริวฑฺฒนฺตีติ คเหตพฺพํฯ ทฺวตฺติํเสวาติ นิยโม อาปตฺตินิมิตฺตานํ กายวจีวิญฺญตฺตีนํ เอเตเหว สมุปฺปชฺชนโต กโต, น ปน สพฺพาปตฺตีนมฺปิ เอเตเหว สมุปฺปชฺชนโตฯ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺตานญฺหิ ฌานนิโรธสมาปนฺนานญฺจ อวิญฺญตฺติชนเกหิ วิปากอปฺปนาจิเตฺตหิ เจว รูปธเมฺมหิ จ สหเสยฺยาทิอาปตฺติ สมฺภวติฯ
Yaṃ pana vuttaṃ ‘‘kusalacittena hi āpattiṃ āpajjanto…pe… rūpakkhandhasaṅkhātaṃ abyākatāpattiṃ āpajjatī’’ti, taṃ ayuttameva rūpakkhandhassa khaṇikatāya āpattiyāpi desanādipaṭikammaṃ vināva paṭipassaddhippasaṅgato. Rūpaparamparā āpattīti ce? Tanna, paṭikammenāpi avigamappasaṅgato. Na hi rūpasantatidesanādīhi vigacchati sakāraṇāyattattā, iti sabbathā āpattiyā paramatthatā ayuttā, eteneva yaṃ vuttaṃ ‘‘nipajjitvā nirodhasamāpannassa sahaseyyavasena tathākārappavattarūpadhammasseva āpattibhāvato’’tiādi, tampi paṭisiddhanti veditabbaṃ. Idha pana nirodhasamāpannānaṃ rūpadhammameva paṭicca uppannattā āpatti acittā avedanā, aññattha pana sacittā savedanāva, sabbatthāpi paññattisabhāvāti veditabbā. Teneva duṭṭhadosasikkhāpadaṭṭhakathāyaṃ āpattiyā akusalādisabhāvaṃ paraparikappitaṃ nisedhetuṃ ‘‘ādikammikassa anāpattivacanato…pe… paṇṇattimattameva āpattādhikaraṇanti veditabba’’nti sayameva vakkhati, tasmā ‘‘taṃtaṃkusalādidhammasamuppattiyā bhagavatā paññattā āpattisammuti samuṭṭhitā’’ti ca, ‘‘yāva paṭippassaddhikāraṇā tiṭṭhatī’’ti ca, ‘‘paṭippassaddhikāraṇehi vinassatī’’ti ca voharīyati. Āpattiyā ca sammutisabhāvattepi hi sañcicca taṃ āpajjantassa, paṭikiriyaṃ akarontassa ca anādare akusalarāsi ceva saggamaggantarāyo ca hotīti lajjino yathāvidhiṃ nātikkamanti, anatikkamanappaccayā ca tesaṃ anantappabhedā sīlādayo dhammā parivaḍḍhantīti gahetabbaṃ. Dvattiṃsevāti niyamo āpattinimittānaṃ kāyavacīviññattīnaṃ eteheva samuppajjanato kato, na pana sabbāpattīnampi eteheva samuppajjanato. Nipajjitvā niddāyantānañhi jhānanirodhasamāpannānañca aviññattijanakehi vipākaappanācittehi ceva rūpadhammehi ca sahaseyyādiāpatti sambhavati.
ทสาติ กิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุทฺวเยน สห อฎฺฐ มหากิริยจิตฺตานิฯ ปญฺญตฺติํ อชานิตฺวา อิทฺธิวิกุพฺพนาทีสุ อภิญฺญานํ อาปตฺติสมุฎฺฐาปกตฺตํ เวทิตพฺพํฯ เอตฺถ จ กิญฺจิ สิกฺขาปทํ อกุสลจิตฺตเมว, กิญฺจิ กุสลาพฺยากตวเสน ทฺวิจิตฺตํ, กิญฺจิ ติจิตฺตนฺติ อยเมว เภโท ลพฺภติ, นาโญฺญติ เวทิตพฺพํฯ กิริยาสมุฎฺฐานนฺติ ปรูปกฺกเมน ชายมานํ องฺคชาตาทิจลนํ สาทิยนจิตฺตสงฺขาเต เสวนจิเตฺต อุปฺปเนฺน เตน จิเตฺตน สมุปฺปาทิตเมว โหตีติ วุตฺตํ อิตรถา ‘‘สิยา กิริยสมุฎฺฐานํ, สิยา อกิริยสมุฎฺฐาน’’นฺติ วตฺตพฺพโตฯ
Dasāti kiriyāhetukamanoviññāṇadhātudvayena saha aṭṭha mahākiriyacittāni. Paññattiṃ ajānitvā iddhivikubbanādīsu abhiññānaṃ āpattisamuṭṭhāpakattaṃ veditabbaṃ. Ettha ca kiñci sikkhāpadaṃ akusalacittameva, kiñci kusalābyākatavasena dvicittaṃ, kiñci ticittanti ayameva bhedo labbhati, nāññoti veditabbaṃ. Kiriyāsamuṭṭhānanti parūpakkamena jāyamānaṃ aṅgajātādicalanaṃ sādiyanacittasaṅkhāte sevanacitte uppanne tena cittena samuppāditameva hotīti vuttaṃ itarathā ‘‘siyā kiriyasamuṭṭhānaṃ, siyā akiriyasamuṭṭhāna’’nti vattabbato.
ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ปาราชิกกณฺฑ ๒.๖๖ ปกิณฺณกกถาวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘กิริยสมุฎฺฐานนฺติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ ปรูปกฺกเม สติ สาทิยนฺตสฺส อกิริยสมุฎฺฐานภาวโต’’ติอาทิ, ตํ น คเหตพฺพํ ปฐมปาราชิกสฺส อกิริยสมุฎฺฐานตาย ปาฬิอฎฺฐกถาสุ อวุตฺตตฺตาฯ ‘‘มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถี’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา; ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๘๓-๔) หิ วุตฺตํฯ กถญฺหิ นาม ปรูปกฺกเมน เมถุนํ สาทิยโนฺต อตฺตโน องฺคชาตาทิกายจลนํ น สาทิเยยฺย, สาทิยนจิตฺตานุคุณเมว ปน สกลสรีเร จิตฺตชรูปสมุปฺปตฺติยา วิญฺญตฺติปิ สุขุมา สมุปฺปนฺนา เอว โหตีติ ทฎฺฐพฺพํ, เตนาห กายทฺวาเรเนว สมุฎฺฐานโต กายกมฺมนฺติอาทิฯ จิตฺตํ ปเนตฺถ องฺคมตฺตํ โหตีติ กายวิญฺญตฺติ เอว กายกมฺมภาเว การณํ, น จิตฺตํฯ ตํ ปเนตฺถ กายสงฺขาตาย วิญฺญตฺติยาเยว องฺคมตฺตํ, น กายกมฺมภาวสฺส, อิตรถา เมถุนสฺส ‘‘มโนกมฺม’’นฺติ วตฺตพฺพโต, เตนาห ‘‘น ตสฺส วเสน กมฺมภาโว ลพฺภตี’’ติฯ กมฺมภาโวติ กายกมฺมภาโวฯ สพฺพเญฺจตนฺติ เอตํ สมุฎฺฐานาทิกํฯ สิกฺขาปทสีเสนาติ ตํตํสิกฺขาปทนิยตอาปตฺติยา เอว คหณตฺถํ สิกฺขาปทมุเขนฯ
Yaṃ pana sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. pārājikakaṇḍa 2.66 pakiṇṇakakathāvaṇṇanā) vuttaṃ ‘‘kiriyasamuṭṭhānanti idaṃ yebhuyyavasena vuttaṃ parūpakkame sati sādiyantassa akiriyasamuṭṭhānabhāvato’’tiādi, taṃ na gahetabbaṃ paṭhamapārājikassa akiriyasamuṭṭhānatāya pāḷiaṭṭhakathāsu avuttattā. ‘‘Manodvāre āpatti nāma natthī’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā; pārā. aṭṭha. 2.583-4) hi vuttaṃ. Kathañhi nāma parūpakkamena methunaṃ sādiyanto attano aṅgajātādikāyacalanaṃ na sādiyeyya, sādiyanacittānuguṇameva pana sakalasarīre cittajarūpasamuppattiyā viññattipi sukhumā samuppannā eva hotīti daṭṭhabbaṃ, tenāha kāyadvāreneva samuṭṭhānato kāyakammantiādi. Cittaṃ panettha aṅgamattaṃ hotīti kāyaviññatti eva kāyakammabhāve kāraṇaṃ, na cittaṃ. Taṃ panettha kāyasaṅkhātāya viññattiyāyeva aṅgamattaṃ, na kāyakammabhāvassa, itarathā methunassa ‘‘manokamma’’nti vattabbato, tenāha ‘‘na tassa vasena kammabhāvo labbhatī’’ti. Kammabhāvoti kāyakammabhāvo. Sabbañcetanti etaṃ samuṭṭhānādikaṃ. Sikkhāpadasīsenāti taṃtaṃsikkhāpadaniyataāpattiyā eva gahaṇatthaṃ sikkhāpadamukhena.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ
Pakiṇṇakakathāvaṇṇanānayo niṭṭhito.