Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๔๑. ปกิณฺณกนิเทฺทสวณฺณนา

    41. Pakiṇṇakaniddesavaṇṇanā

    ๓๓๕. สทฺวารพนฺธเน โสทุกฺขลกปาสเก ฐาเน ทิวา สยเนฺตน ปริวตฺตกํ ทฺวารํ พเนฺธยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ ทฺวารญฺจ ทฺวารพนฺธนญฺจ ทฺวารพนฺธนานิ มเชฺฌปทโลปวเสน, พนฺธน-สเทฺทเนว วา ทฺวารพาหา วุจฺจนฺติ, สห ทฺวารพนฺธเนหีติ สทฺวารพนฺธนํ, ฐานํฯ เหฎฺฐา อุทุกฺขลกญฺจ อุปริ ปาสโก จ, สห อุทุกฺขลปาสเกหีติ สมาโสฯ ตาทิเส ฐาเน ปาการาทิปริเกฺขเปน ภวิตพฺพนฺติ ปริกฺขิเตฺตติ วิญฺญายติฯ โส จ อุจฺจโต สหเสยฺยปฺปโหนเก วุตฺตนโยติ วทนฺติ ฯ สยเนฺตนาติ ปาเท ภูมิโต โมเจตฺวา นิปชฺชเนฺตนฯ ปริวตฺตกนฺติ สํวรณวิวรณวเสน อิโต จิโต จ ปริวตฺตนโยคฺคํฯ ทฺวารนฺติ อนฺตมโส ทุสฺสสาณิทฺวารมฺปิฯ พเนฺธยฺยาติ สพฺพนฺติเมน วิธินา ยาวตา สีสํ น ปวิสติ, ตาวตาปิ พเนฺธยฺย, สํวเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ

    335. Sadvārabandhane sodukkhalakapāsake ṭhāne divā sayantena parivattakaṃ dvāraṃ bandheyyāti sambandho. Dvārañca dvārabandhanañca dvārabandhanāni majjhepadalopavasena, bandhana-saddeneva vā dvārabāhā vuccanti, saha dvārabandhanehīti sadvārabandhanaṃ, ṭhānaṃ. Heṭṭhā udukkhalakañca upari pāsako ca, saha udukkhalapāsakehīti samāso. Tādise ṭhāne pākārādiparikkhepena bhavitabbanti parikkhitteti viññāyati. So ca uccato sahaseyyappahonake vuttanayoti vadanti . Sayantenāti pāde bhūmito mocetvā nipajjantena. Parivattakanti saṃvaraṇavivaraṇavasena ito cito ca parivattanayoggaṃ. Dvāranti antamaso dussasāṇidvārampi. Bandheyyāti sabbantimena vidhinā yāvatā sīsaṃ na pavisati, tāvatāpi bandheyya, saṃvareyyāti vuttaṃ hoti.

    ๓๓๖. อาโภโค จาปีติ ‘‘เอส ชคฺคิสฺสตี’’ติ อาโภโค จาปิฯ -สเทฺทน ‘‘ทฺวารํ ชคฺคาหี’’ติ วจนมฺปิ สมุจฺจิโนติฯ สวเส ตํ อาการํ วินาติ สสฺส อตฺตโน วเส อายเตฺต ฐาเน, ยตฺถ ปน พหูนํ สญฺจรณตฺตา ทฺวารํ สํวุตมฺปิ สํวุตฎฺฐาเน น ติฎฺฐติ, ทฺวารํ อลภนฺตา ปาการํ อภิรุหิตฺวาปิ วิจรนฺติ, ตาทิเส ปริเวเณ สํวรณกิจฺจํ นตฺถิฯ อถ วา สสฺส วโส อายโตฺต, น ยกฺขาทีนํ เตหิ คหิตกตฺตสฺส, พนฺธิตฺวา นิปชฺชาปิตตฺตสฺส จ อภาเวนาติ สวโสฯ ตสฺมิํ สติ ปุเพฺพ วุตฺตทฺวารํ สํวรณอาโภคกรณวจนสงฺขาตํ อาการนฺติ อโตฺถฯ

    336.Ābhogo cāpīti ‘‘esa jaggissatī’’ti ābhogo cāpi. Ca-saddena ‘‘dvāraṃ jaggāhī’’ti vacanampi samuccinoti. Savase taṃ ākāraṃ vināti sassa attano vase āyatte ṭhāne, yattha pana bahūnaṃ sañcaraṇattā dvāraṃ saṃvutampi saṃvutaṭṭhāne na tiṭṭhati, dvāraṃ alabhantā pākāraṃ abhiruhitvāpi vicaranti, tādise pariveṇe saṃvaraṇakiccaṃ natthi. Atha vā sassa vaso āyatto, na yakkhādīnaṃ tehi gahitakattassa, bandhitvā nipajjāpitattassa ca abhāvenāti savaso. Tasmiṃ sati pubbe vuttadvāraṃ saṃvaraṇaābhogakaraṇavacanasaṅkhātaṃ ākāranti attho.

    ๓๓๗. รตนานีติ มุตฺตาทีนิ ทสวิธานิฯ ตตฺถ ปน ชาติผลิกํ อุปาทาย สโพฺพปิ มณิ เวฬุริโยปิ โลหิตโงฺก มสารคโลฺล จ โธตาปิ อโธตวิทฺธาปิ อนามาสา, กาจมณิ จ ปานียสโงฺข โธโต อโธโตปิ อามาสา, สิลา โธตวิทฺธา สุวเณฺณน สทฺธิํ ปจิตา มุคฺควณฺณา จ อนามาสาฯ เจติยฆรโคปกานํ สุวณฺณเจติเย กจวรเมว หริตุํ วฎฺฎติฯ อารกูฎโลหมฺปิ ชาตรูปคติกเมวฯ อิตฺถิรูปานีติ อนฺตมโส ปิฎฺฐมยอิตฺถิรูปานิปิฯ ธญฺญนฺติ อนฺตมโส ตตฺถชาตกมฺปิ มเคฺค ปสาริตมฺปิ สตฺตวิธํ ธญฺญํฯ กีฬาวเสน อปรณฺณานิ ตาลผลาทีนิปิ อนามาสานิ, ปสาริตมฺปิ น มทฺทเนฺตน คนฺตพฺพํ, อสติ มเคฺค มคฺคํ อธิฎฺฐาย คนฺตพฺพํฯ อิตฺถิปสาธนนฺติ อนฺตมโส ปิฬนฺธนตฺถาย ฐปิตํ นิวาสนตาลปณฺณมุทฺทิกมฺปิฯ

    337.Ratanānīti muttādīni dasavidhāni. Tattha pana jātiphalikaṃ upādāya sabbopi maṇi veḷuriyopi lohitaṅko masāragallo ca dhotāpi adhotaviddhāpi anāmāsā, kācamaṇi ca pānīyasaṅkho dhoto adhotopi āmāsā, silā dhotaviddhā suvaṇṇena saddhiṃ pacitā muggavaṇṇā ca anāmāsā. Cetiyagharagopakānaṃ suvaṇṇacetiye kacavarameva harituṃ vaṭṭati. Ārakūṭalohampi jātarūpagatikameva. Itthirūpānīti antamaso piṭṭhamayaitthirūpānipi. Dhaññanti antamaso tatthajātakampi magge pasāritampi sattavidhaṃ dhaññaṃ. Kīḷāvasena aparaṇṇāni tālaphalādīnipi anāmāsāni, pasāritampi na maddantena gantabbaṃ, asati magge maggaṃ adhiṭṭhāya gantabbaṃ. Itthipasādhananti antamaso piḷandhanatthāya ṭhapitaṃ nivāsanatālapaṇṇamuddikampi.

    ๓๓๘. สิตฺถเตโลทเตเลหีติ มธุสิตฺถกนิยฺยาสาทีสุ เยน เกนจิ เตลมิสฺสกสิเลเสน จ อุทกมิสฺสกเตเลน จฯ ผณหตฺถผเณหีติ ผณมิว ผณํ, องฺคุลีหิ ผณกิจฺจกรเณน หโตฺถเยว ผณํ หตฺถผณํ, ทนฺตมยาทิ ยํ กิญฺจิ ผณเญฺจว หตฺถผณญฺจาติ ทฺวโนฺทฯ โอสเณฺฐยฺยาติ โอลิขิตฺวา สนฺนิสีทาเปยฺยฯ

    338.Sitthatelodatelehīti madhusitthakaniyyāsādīsu yena kenaci telamissakasilesena ca udakamissakatelena ca. Phaṇahatthaphaṇehīti phaṇamiva phaṇaṃ, aṅgulīhi phaṇakiccakaraṇena hatthoyeva phaṇaṃ hatthaphaṇaṃ, dantamayādi yaṃ kiñci phaṇañceva hatthaphaṇañcāti dvando. Osaṇṭheyyāti olikhitvā sannisīdāpeyya.

    ๓๓๙. เอกปาวุรณา วา เอกตฺถรณา วา น ตุวฎฺฎยุํ, เอกมเญฺจ น ตุวฎฺฎยุนฺติ โยชนาฯ เอกํ ปาวุรณํ เอกํ อตฺถรณํ เอเตสนฺติ วิคฺคโหฯ น ตุวฎฺฎยุนฺติ น นิปเชฺชยฺยุํฯ เอกสฺมิํ ภาชเน วาปิ น ภุเญฺชยฺยุนฺติ โยเชตพฺพํฯ

    339. Ekapāvuraṇā vā ekattharaṇā vā na tuvaṭṭayuṃ, ekamañce na tuvaṭṭayunti yojanā. Ekaṃ pāvuraṇaṃ ekaṃ attharaṇaṃ etesanti viggaho. Na tuvaṭṭayunti na nipajjeyyuṃ. Ekasmiṃ bhājane vāpi na bhuñjeyyunti yojetabbaṃ.

    ๓๔๐. มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุเลน อฎฺฐ องฺคุลานิ ยสฺส, อธิเกน สหิตํ อฎฺฐงฺคุลนฺติ สมาโสฯ ลสุณํ มคเธสุ ชาตํ อามลกภณฺฑิกํ ลสุณํ น ขาเทยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ น อกลฺลโกติ อคิลาโนฯ

    340. Manussānaṃ pamāṇaṅgulena aṭṭha aṅgulāni yassa, adhikena sahitaṃ aṭṭhaṅgulanti samāso. Lasuṇaṃ magadhesu jātaṃ āmalakabhaṇḍikaṃ lasuṇaṃ na khādeyyāti sambandho. Na akallakoti agilāno.

    ๓๔๑. หีนุกฺกเฎฺฐหิ ชาติอาทีหิ อุกฺกฎฺฐํ วา หีนํ วา อุชุํ วา อญฺญาปเทเสน วา ทวา วเท, ทุพฺภาสิตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ชาติอาทีหีติ ชาตินามโคตฺตกมฺมสิปฺปอาพาธลิงฺคกิเลสอาปตฺติอโกฺกเสหิ ฯ อุกฺกฎฺฐนฺติ ชาตฺยาทีหิเยว อุกฺกฎฺฐํ อุปสมฺปนฺนํ อนุปสมฺปนฺนํ วาฯ ทวาติ เกฬิหสาธิปฺปายตายฯ อุชุํ วาติ ‘‘จณฺฑาโลสี’’ติอาทินา นเยนฯ อญฺญาปเทเสน วาติ ‘‘สนฺติ อิเธกเจฺจ จณฺฑาลา’’ติอาทินา นเยนฯ

    341. Hīnukkaṭṭhehi jātiādīhi ukkaṭṭhaṃ vā hīnaṃ vā ujuṃ vā aññāpadesena vā davā vade, dubbhāsitanti sambandho. Jātiādīhīti jātināmagottakammasippaābādhaliṅgakilesaāpattiakkosehi . Ukkaṭṭhanti jātyādīhiyeva ukkaṭṭhaṃ upasampannaṃ anupasampannaṃ vā. Davāti keḷihasādhippāyatāya. Ujuṃ vāti ‘‘caṇḍālosī’’tiādinā nayena. Aññāpadesena vāti ‘‘santi idhekacce caṇḍālā’’tiādinā nayena.

    ๓๔๒. ทีเฆ นเขติ มํสปฺปมาณโตฯ ทีเฆ เกเสติ ทฺวงฺคุลโตฯ สเจปิ น ทีฆา, ทุมาสโต เอกทิวสมฺปิ อติกฺกาเมตุํ น ลภติฯ ทีเฆ นาสโลเมติ นาสโต พหิ นิกฺขเนฺตฯ วีสติมฎฺฐนฺติ วีสติยา นขานํ มฎฺฐญฺจฯ สมฺพาเธติ อุโภสุ อุปกจฺฉเกสุ, มุตฺตกรเณ จ โลมหารณญฺจ น ลพฺภาติ สมฺพนฺธนียํฯ น ลพฺภาติ เอเต มฎฺฐาทโย น ลพฺภนฺตีติ อโตฺถ, นิปาโต วา ลพฺภาติฯ อาพาธปฺปจฺจยา ปน สมฺพาเธ โลมํ สํหริตุํ วฎฺฎติฯ

    342.Dīghe nakheti maṃsappamāṇato. Dīghe keseti dvaṅgulato. Sacepi na dīghā, dumāsato ekadivasampi atikkāmetuṃ na labhati. Dīghe nāsalometi nāsato bahi nikkhante. Vīsatimaṭṭhanti vīsatiyā nakhānaṃ maṭṭhañca. Sambādheti ubhosu upakacchakesu, muttakaraṇe ca lomahāraṇañca na labbhāti sambandhanīyaṃ. Na labbhāti ete maṭṭhādayo na labbhantīti attho, nipāto vā labbhāti. Ābādhappaccayā pana sambādhe lomaṃ saṃharituṃ vaṭṭati.

    ๓๔๓. สงฺฆุทฺทิฎฺฐํ วา สงฺฆิกํ วา สยนาสนํ ยถาวุฑฺฒํ น พาเธยฺยาติ โยชนาฯ สงฺฆสฺส อุทฺทิฎฺฐํ สงฺฆุทฺทิฎฺฐํ, สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตนฺติ อธิปฺปาโยฯ โย โย วุโฑฺฒ ยถาวุฑฺฒํ, วุฑฺฒปฺปฎิปาฎิยาติ อโตฺถฯ น พาเธยฺยาติ น ปฎิพาเหยฺยฯ อลฺลปาทา นาม เยหิ อกฺกนฺตฎฺฐาเน อุทกํ ปญฺญายติฯ สยนาสนนฺติ มญฺจปีฐาทิ, อิมินา ปริภณฺฑกตา ภูมีติปิ อุปลกฺขิตาฯ สุโธตปาทกํ วาปิ สอุปาหโน ตเถวาติ สมฺพโนฺธฯ สุโธตปาทกนฺติ โธตปาเทเหว อกฺกมิตพฺพฎฺฐานํฯ โธตา ปาทา ยสฺส อกฺกมนสฺสาติ กิริยาวิเสสนสมาโสฯ ยทิ ปน ตตฺถ เนวาสิกา อโธตปาเทหิปิ วฬเญฺชนฺติ, ตเถว วฬเญฺชตุํ วฎฺฎติฯ ตเถวาติ ปริภณฺฑกตํ ภูมิํ เสนาสนํ วา นกฺกเมติ อโตฺถฯ

    343. Saṅghuddiṭṭhaṃ vā saṅghikaṃ vā sayanāsanaṃ yathāvuḍḍhaṃ na bādheyyāti yojanā. Saṅghassa uddiṭṭhaṃ saṅghuddiṭṭhaṃ, saṅghaṃ uddissa katanti adhippāyo. Yo yo vuḍḍho yathāvuḍḍhaṃ, vuḍḍhappaṭipāṭiyāti attho. Na bādheyyāti na paṭibāheyya. Allapādā nāma yehi akkantaṭṭhāne udakaṃ paññāyati. Sayanāsananti mañcapīṭhādi, iminā paribhaṇḍakatā bhūmītipi upalakkhitā. Sudhotapādakaṃ vāpi saupāhano tathevāti sambandho. Sudhotapādakanti dhotapādeheva akkamitabbaṭṭhānaṃ. Dhotā pādā yassa akkamanassāti kiriyāvisesanasamāso. Yadi pana tattha nevāsikā adhotapādehipi vaḷañjenti, tatheva vaḷañjetuṃ vaṭṭati. Tathevāti paribhaṇḍakataṃ bhūmiṃ senāsanaṃ vā nakkameti attho.

    ๓๔๔. สงฺฆาฎิยาติ อธิฎฺฐิตสงฺฆาฎิยาฯ ปาเท ปริคฺคเหตฺวา อาสนํ ปลฺลโตฺถ, ปลฺลตฺถํ กโรตีติ ปลฺลตฺถาติธาตุสฺส ปลฺลเตฺถติ รูปํฯ วิหาเรปิ อนฺตรฆเรปิ ปลฺลตฺถิกาย น นิสีเทยฺยาติ อธิปฺปาโย, ปริกมฺมกตํ ภิตฺตาทินฺติ โยชนาฯ ปริกมฺมกตนฺติ เสตวเณฺณน วา จิตฺตกเมฺมน วา กตปริกมฺมํฯ อาทิ-สโทฺท ทฺวารวาตปานาทิํ สงฺคณฺหาติฯ น อปสฺสเยติ จีวราทินา อปฺปฎิจฺฉาเทตฺวา อปสฺสยนํ น กเรยฺยฯ โน น อาจเมติ เนว น อาจเม, อาจเมยฺยาติ อโตฺถฯ เทฺว ปฎิเสธา ปกติยตฺถํ คเมนฺตีติฯ สเนฺตติ อิมินา อุทเก อสเนฺต อนาปตฺตีติ ทีเปติฯ

    344.Saṅghāṭiyāti adhiṭṭhitasaṅghāṭiyā. Pāde pariggahetvā āsanaṃ pallattho, pallatthaṃ karotīti pallatthātidhātussa pallattheti rūpaṃ. Vihārepi antaragharepi pallatthikāya na nisīdeyyāti adhippāyo, parikammakataṃ bhittādinti yojanā. Parikammakatanti setavaṇṇena vā cittakammena vā kataparikammaṃ. Ādi-saddo dvāravātapānādiṃ saṅgaṇhāti. Na apassayeti cīvarādinā appaṭicchādetvā apassayanaṃ na kareyya. No na ācameti neva na ācame, ācameyyāti attho. Dve paṭisedhā pakatiyatthaṃ gamentīti. Santeti iminā udake asante anāpattīti dīpeti.

    ๓๔๕. อกปฺปิยสมาทาเนติ ภิกฺขูนํ สามเณรานํ อกปฺปิเย สมาทาเนฯ ทวาติ นิปาโต , กีฬาธิปฺปาเยนาติ อโตฺถฯ สิลาปวิชฺฌเนติ อนฺตมโส หตฺถยเนฺตนปิ สกฺขริกายปิ ขิปเนฯ สภาคาย เทสนาย อาวิกเมฺม จ ทุกฺกฎนฺติ โยเชตพฺพํฯ สภาคายาติ วตฺถุวเสน สมาโน ภาโค เอติสฺสา อาปตฺติยาติ วิคฺคโหฯ -สโทฺท ตาทิสิยา ปฎิคฺคหณมตฺตํ สมุจฺจิโนติฯ

    345.Akappiyasamādāneti bhikkhūnaṃ sāmaṇerānaṃ akappiye samādāne. Davāti nipāto , kīḷādhippāyenāti attho. Silāpavijjhaneti antamaso hatthayantenapi sakkharikāyapi khipane. Sabhāgāya desanāya āvikamme ca dukkaṭanti yojetabbaṃ. Sabhāgāyāti vatthuvasena samāno bhāgo etissā āpattiyāti viggaho. Ca-saddo tādisiyā paṭiggahaṇamattaṃ samuccinoti.

    ๓๔๖. ปฎิสฺสโว นาม ‘‘อุโภปิ มยํ อิธ วสฺสํ วสิสฺสาม, เอกโต อุทฺทิสาเปมา’’ติอาทิปฎิชานนํ, ตสฺส วิสํวาโท ปจฺฉา อกรณํ ปฎิสฺสววิสํวาโท, ตสฺมิํ, นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํฯ สุทฺธจิตฺตสฺสาติ กถนสมเย ‘‘กริสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตจิตฺตสฺสฯ อิตรสฺสาติ อญฺญสฺส อสุทฺธจิตฺตสฺสฯ

    346.Paṭissavo nāma ‘‘ubhopi mayaṃ idha vassaṃ vasissāma, ekato uddisāpemā’’tiādipaṭijānanaṃ, tassa visaṃvādo pacchā akaraṇaṃ paṭissavavisaṃvādo, tasmiṃ, nimittatthe bhummaṃ. Suddhacittassāti kathanasamaye ‘‘karissāmī’’ti evaṃ pavattacittassa. Itarassāti aññassa asuddhacittassa.

    ๓๔๗. กิเจฺจติ สุกฺขกฎฺฐาทิคฺคหณกิเจฺจ สติ เอว โปริสํ ปุริสปฺปมาณํ อภิรุเหยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ อาปทาสูติ วาฬมิคทสฺสนาทีสุฯ

    347.Kicceti sukkhakaṭṭhādiggahaṇakicce sati eva porisaṃ purisappamāṇaṃ abhiruheyyāti sambandho. Āpadāsūti vāḷamigadassanādīsu.

    ๓๔๘. ปริสฺสาวนํ วินาติ สมฺพโนฺธฯ อทฺธานนฺติ เหฎฺฐิมเนฺตน อทฺธโยชนสงฺขาตํ อทฺธานํฯ สเจ น โหติ ปริสฺสาวนํ วา ธมฺมกรโณ วา, สงฺฆาฎิกโณฺณปิ อธิฎฺฐาตโพฺพฯ ยาจมานสฺสาติ ปริสฺสาวนํ ยาจนฺตสฺสฯ

    348. Parissāvanaṃ vināti sambandho. Addhānanti heṭṭhimantena addhayojanasaṅkhātaṃ addhānaṃ. Sace na hoti parissāvanaṃ vā dhammakaraṇo vā, saṅghāṭikaṇṇopi adhiṭṭhātabbo. Yācamānassāti parissāvanaṃ yācantassa.

    ๓๔๙. อาพาธปฺปจฺจยา อญฺญตฺร เสสเงฺค จ อตฺตฆาตเน จ ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ เสสเงฺคติ องฺคชาตโต กณฺณนาสาทิอวเสเส อวยวเจฺฉทเนฯ อตฺตฆาตเนติ อาหารุปเจฺฉทาทินา อตฺตโน มารเณฯ

    349. Ābādhappaccayā aññatra sesaṅge ca attaghātane ca dukkaṭanti yojanā. Sesaṅgeti aṅgajātato kaṇṇanāsādiavasese avayavacchedane. Attaghātaneti āhārupacchedādinā attano māraṇe.

    ๓๕๐. ตูลิกาย กยิรมานํ อิตฺถิปุริสาทิกํ จิตฺตญฺจ โปตฺถกญฺจ กฎฺฐาทีสุ กยิรมานํ จิตฺตโปตฺถกานิ, ตานิเยว รูปานีติ สมาโสฯ ชาตกาทีนิ ปน ปเรหิ การาเปตุํ ลพฺภนฺติฯ มาลากมฺมาทีนิ สยมฺปิ กาตุํ ลพฺภนฺติฯ อารามารญฺญเคเหสุ ภุญฺชนฺตํ น อุฎฺฐาเปยฺยาติ โยเชตพฺพํฯ วิหารสงฺขาโต อาราโม จ อรญฺญญฺจ อนฺตรฆรสงฺขาตํ เคหญฺจาติ ทฺวโนฺทฯ ‘‘อาราม…เป.… เคเหสู’’ติ วตฺตเพฺพ เอ-การสฺส อ-การกรเณน คาถาพนฺธวเสน วุตฺตํฯ โอกาเส กเต ปน ‘‘ปวิสถา’’ติ วุเตฺต จ ปวิสิตพฺพํ อุปนิสีทิตพฺพญฺจฯ

    350. Tūlikāya kayiramānaṃ itthipurisādikaṃ cittañca potthakañca kaṭṭhādīsu kayiramānaṃ cittapotthakāni, tāniyeva rūpānīti samāso. Jātakādīni pana parehi kārāpetuṃ labbhanti. Mālākammādīni sayampi kātuṃ labbhanti. Ārāmāraññagehesu bhuñjantaṃ na uṭṭhāpeyyāti yojetabbaṃ. Vihārasaṅkhāto ārāmo ca araññañca antaragharasaṅkhātaṃ gehañcāti dvando. ‘‘Ārāma…pe… gehesū’’ti vattabbe e-kārassa a-kārakaraṇena gāthābandhavasena vuttaṃ. Okāse kate pana ‘‘pavisathā’’ti vutte ca pavisitabbaṃ upanisīditabbañca.

    ๓๕๑. ปุมยุตฺตานิ ยานานิ จ สิวิกญฺจ หตฺถวฎฺฎกญฺจ ปาฎงฺกิญฺจ อภิรุหิตุํ คิลานสฺส กปฺปเตติ สมฺพโนฺธฯ ปุมยุตฺตานีติ อสฺสควาทิปุริสยุตฺตานิ, น เธนุยุตฺตานิ, สารถิ ปน อิตฺถี วา โหตุ ปุริโส วา, วฎฺฎติฯ หตฺถวฎฺฎเกปิ เอเสว นโย, ยานานีติ รถสกฎาทีนิ, สิวิกนฺติ ปีฐกสิวิกํ, ปีฐกยานนฺติ อโตฺถฯ ปาฎงฺกีติ อโนฺทลิกาฯ คิลานสฺสาติ เอตฺถ คิลาโน นาม น อปฺปเกนปิ สีสาพาธาทิมเตฺตน เวทิตโพฺพ, โย ปน น สโกฺกติ วินา ยาเนน คนฺตุํ, เอวรูโป เวทิตโพฺพฯ ตถา หิ ยานํ อนุชานเนฺตน ภควตา โกสเลสุ ชนปเทสุ ภควนฺตํ ทสฺสนาย สาวตฺถิํ คจฺฉนฺตํ อญฺญตรํ คิลานํ ภิกฺขุํ คนฺตุมสกฺกุเณยฺยตาย อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา มนุเสฺสหิ ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ‘‘เอหิ, ภเนฺต, คมิสฺสามา’’ติ วุเตฺต ‘‘นาหํ, อาวุโส, คมิสฺสามิ, คิลาโนมฺหี’’ติ วุตฺตวตฺถุสฺมิํ (มหาว. ๒๕๓) อนุญฺญาตํ, ตถา วทโนฺต จ โส ภิกฺขุ คมนุปเจฺฉทสาธกเมว เคลญฺญํ สนฺธายาหาติ วิญฺญายติ อธิเปฺปตตฺถนิปฺผตฺติยา อุปจฺฉินฺนตฺตา, อปิจ ยาเนน เอกปริเจฺฉทาย อุปาหนาย ปริเจฺฉทํ ฐเปเนฺตน อฎฺฐกถาจริเยน ‘‘คิลาเนน ภิกฺขุนา สอุปาหเนนาติ เอตฺถ คิลาโน นาม โย น สโกฺกติ อนุปาหเนน คามํ ปวิสิตุ’’นฺติ อฎฺฐกถายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๕๖) วุตฺตํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตคิลาโนว คิลาโนติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ

    351. Pumayuttāni yānāni ca sivikañca hatthavaṭṭakañca pāṭaṅkiñca abhiruhituṃ gilānassa kappateti sambandho. Pumayuttānīti assagavādipurisayuttāni, na dhenuyuttāni, sārathi pana itthī vā hotu puriso vā, vaṭṭati. Hatthavaṭṭakepi eseva nayo, yānānīti rathasakaṭādīni, sivikanti pīṭhakasivikaṃ, pīṭhakayānanti attho. Pāṭaṅkīti andolikā. Gilānassāti ettha gilāno nāma na appakenapi sīsābādhādimattena veditabbo, yo pana na sakkoti vinā yānena gantuṃ, evarūpo veditabbo. Tathā hi yānaṃ anujānantena bhagavatā kosalesu janapadesu bhagavantaṃ dassanāya sāvatthiṃ gacchantaṃ aññataraṃ gilānaṃ bhikkhuṃ gantumasakkuṇeyyatāya aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ disvā manussehi taṃ pavattiṃ ñatvā ‘‘ehi, bhante, gamissāmā’’ti vutte ‘‘nāhaṃ, āvuso, gamissāmi, gilānomhī’’ti vuttavatthusmiṃ (mahāva. 253) anuññātaṃ, tathā vadanto ca so bhikkhu gamanupacchedasādhakameva gelaññaṃ sandhāyāhāti viññāyati adhippetatthanipphattiyā upacchinnattā, apica yānena ekaparicchedāya upāhanāya paricchedaṃ ṭhapentena aṭṭhakathācariyena ‘‘gilānena bhikkhunā saupāhanenāti ettha gilāno nāma yo na sakkoti anupāhanena gāmaṃ pavisitu’’nti aṭṭhakathāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 256) vuttaṃ, tasmā yathāvuttagilānova gilānoti niṭṭhamettha gantabbaṃ.

    ๓๕๒. ทวํ กรเณติ เกฬิยา กรเณฯ อญฺญสฺสาติ อนฺตมโส ทุสฺสีลสฺสาปิฯ อุปลาฬเนติ ‘‘ปตฺตํ ทสฺสามิ, จีวรํ ทสฺสามี’’ติอาทินาฯ

    352.Davaṃkaraṇeti keḷiyā karaṇe. Aññassāti antamaso dussīlassāpi. Upalāḷaneti ‘‘pattaṃ dassāmi, cīvaraṃ dassāmī’’tiādinā.

    ๓๕๓. วิวริตฺวา น ทสฺสเยติ สมฺพนฺธนียํฯ ตา ภิกฺขุนิโยฯ

    353. Vivaritvā na dassayeti sambandhanīyaṃ. bhikkhuniyo.

    ๓๕๔. โอวาทนฺติ ภิกฺขุนีหิ เตรสิยํ วา จาตุทฺทสิยํ วา อาคนฺตฺวา อุโปสถํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จาตุทฺทโส’’ติอาทินา ภิกฺขุนา อาจิกฺขิเต ปุน ตาหิ อุโปสถทิวเส สมาคนฺตฺวา โอวาทูปสงฺกมนยาจนํ, ตํ ปาติโมกฺขุเทฺทสกสฺส อาโรเจตฺวา เตน กตสนฺนิฎฺฐานํ คเหตฺวา ปาฎิปเท ปจฺจาหริตพฺพนฺติ อชานนกํ พาลญฺจ ตถา กาตุํ อสมตฺถํ คิลานญฺจ ปาฎิปเท คนฺตุกามํ คมิยญฺจ วเชฺชตฺวา อญฺญสฺส คหณปจฺจาหรณานิ อกาตุํ น วฎฺฎติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘น คณฺหโต’’ติอาทิฯ

    354.Ovādanti bhikkhunīhi terasiyaṃ vā cātuddasiyaṃ vā āgantvā uposathaṃ pucchitvā ‘‘cātuddaso’’tiādinā bhikkhunā ācikkhite puna tāhi uposathadivase samāgantvā ovādūpasaṅkamanayācanaṃ, taṃ pātimokkhuddesakassa ārocetvā tena katasanniṭṭhānaṃ gahetvā pāṭipade paccāharitabbanti ajānanakaṃ bālañca tathā kātuṃ asamatthaṃ gilānañca pāṭipade gantukāmaṃ gamiyañca vajjetvā aññassa gahaṇapaccāharaṇāni akātuṃ na vaṭṭati. Tena vuttaṃ ‘‘na gaṇhato’’tiādi.

    ๓๕๕. โลกายตนฺติ นิรตฺถกการณปฺปฎิสํยุตฺตํ ติตฺถิยสตฺถํฯ ติรจฺฉานวิชฺชา จ อิมินาว อุปลกฺขิตาฯ น วาเจยฺยาติ ปเรสํ น วาเจยฺยฯ อิมินาว อตฺตโน ปริยาปุณนมฺปิ ปฎิกฺขิตฺตํ โลกายตติรจฺฉานวิชฺชาติ จ ราคโทสโมหวฑฺฒานิ พุทฺธาทิครหิตา สคฺคโมกฺขานํ ติโร ติริยโต อญฺจิตา คตา ปวตฺตา กพฺพนาฎกาทิกา สพฺพาปิ วิชฺชา อนุโลมวเสน วา วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก ฐาตพฺพนฺติ วินยยุตฺติโตปิ สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพาฯ เอวญฺจ โน ครูนมุปเทโสฯ เปฬายปีติ ยตฺถ ปาติํ ฐเปตฺวา สุขิโน ภุญฺชนฺติ, ตมฺพโลเหน รชเตน วา กตาย ตาย อาสิตฺตกูปธานสงฺขาตาย เปฬาย ฐเปตฺวาฯ

    355.Lokāyatanti niratthakakāraṇappaṭisaṃyuttaṃ titthiyasatthaṃ. Tiracchānavijjā ca imināva upalakkhitā. Na vāceyyāti paresaṃ na vāceyya. Imināva attano pariyāpuṇanampi paṭikkhittaṃ lokāyatatiracchānavijjāti ca rāgadosamohavaḍḍhāni buddhādigarahitā saggamokkhānaṃ tiro tiriyato añcitā gatā pavattā kabbanāṭakādikā sabbāpi vijjā anulomavasena vā vinayapariyāyaṃ patvā garuke ṭhātabbanti vinayayuttitopi saṅgahitāti veditabbā. Evañca no garūnamupadeso. Peḷāyapīti yattha pātiṃ ṭhapetvā sukhino bhuñjanti, tambalohena rajatena vā katāya tāya āsittakūpadhānasaṅkhātāya peḷāya ṭhapetvā.

    ๓๕๖. ปารุตญฺจ นิวาสนญฺจ, คิหีนํ หตฺถิโสณฺฑาทิวเสน ปารุตนิวาสนํ ยสฺส ปารุปนสฺส นิวาสนสฺสาติ กิริยาวิเสสนสมาโส ฯ คิหิปารุตนิวาสนํ น ปารุเป น นิวาเสยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ สํเวลฺลิยํ น นิวาเสยฺยาติ มลฺลกมฺมกราทโย วิย กจฺฉํ กตฺวา น นิวาเสยฺยฯ เอวํ นิวาเสตุํ คิลานสฺสาปิ มคฺคปฺปฎิปนฺนสฺสาปิ น วฎฺฎติฯ ยมฺปิ มคฺคํ คจฺฉนฺตา เอกํ วา เทฺว วา โกเณ อุกฺขิปิตฺวา อนฺตรวาสกสฺส อุปริ ลคฺคนฺติ, น วฎฺฎติฯ เอวํ อปารุปิตฺวา อนิวาเสตฺวา จ นิพฺพิการํ ปริมณฺฑลํ ปารุปิตพฺพํ ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตพฺพญฺจ, ตถา อปารุปิตฺวา อนิวาเสตฺวา จ อาราเม วา อนฺตรฆเร วา อนาทเรน ยํ กิญฺจิ วิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ทายนฺติ วนํฯ นาลิมฺปเยยฺยาติ ‘‘สพฺพูปการานิ วินสฺสนฺตู’’ติ วา ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน วา นาลิมฺปเยยฺยฯ

    356. Pārutañca nivāsanañca, gihīnaṃ hatthisoṇḍādivasena pārutanivāsanaṃ yassa pārupanassa nivāsanassāti kiriyāvisesanasamāso . Gihipārutanivāsanaṃ na pārupe na nivāseyyāti sambandho. Saṃvelliyaṃ na nivāseyyāti mallakammakarādayo viya kacchaṃ katvā na nivāseyya. Evaṃ nivāsetuṃ gilānassāpi maggappaṭipannassāpi na vaṭṭati. Yampi maggaṃ gacchantā ekaṃ vā dve vā koṇe ukkhipitvā antaravāsakassa upari lagganti, na vaṭṭati. Evaṃ apārupitvā anivāsetvā ca nibbikāraṃ parimaṇḍalaṃ pārupitabbaṃ timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetabbañca, tathā apārupitvā anivāsetvā ca ārāme vā antaraghare vā anādarena yaṃ kiñci vikāraṃ karontassa dukkaṭaṃ. Dāyanti vanaṃ. Nālimpayeyyāti ‘‘sabbūpakārāni vinassantū’’ti vā khiḍḍādhippāyena vā nālimpayeyya.

    ๓๕๗. วฑฺฒิํ โน ปโยชเย อญฺญาตกปฺปวาริเต โน ยาเจติ โยชนาฯ อญฺญสฺสาติ สหธมฺมิกสฺสาปิฯ กติปาหํ ภุตฺวา วาติ โยชนียํฯ ปุโนติ นิปาโตฯ

    357. Vaḍḍhiṃ no payojaye aññātakappavārite no yāceti yojanā. Aññassāti sahadhammikassāpi. Katipāhaṃ bhutvā vāti yojanīyaṃ. Punoti nipāto.

    ๓๕๘. ทณฺฑินํ ญตฺวา วา อญตฺวา วา อุทฺทิสฺส รกฺขํ ยาจเน ทณฺฑิเต ทโณฺฑ อสฺส คีวาติ โยชนาฯ ทณฺฑํ คณฺหตีติ ปจฺจยนฺตสฺส ทณฺฑินํ ทณฺฑคฺคหณนฺติ อโตฺถฯ อุทฺทิสฺสาติ ‘‘อมฺหากํ วิหาเร อสุเกน จ อสุเกน จ อิทํ นาม กต’’นฺติ, ‘‘กริสฺส’’นฺติ วา เอวํ อตีตํ วา อนาคตํ วา อารพฺภฯ ยาจเนติ โวหาริเกสุ ยาจเน สติฯ ทณฺฑิเตติ เตหิ ทเณฺฑ คหิเต โส ทโณฺฑ อสฺส ยาจกสฺส ภิกฺขุโน คีวา, อิณํ โหตีติ อโตฺถฯ โวหาริเกหิ ปน ‘‘เกนา’’ติ วุเตฺต ‘‘อสุเกนาติ วตฺตุํ อมฺหากํ น วฎฺฎติ, ตุเมฺหเยว ชานิสฺสถ, เกวลญฺหิ มยํ รกฺขํ ยาจาม, ตํ โน เทถ, อวหฎภณฺฑญฺจ มํ อาหราเปถา’’ติ วตฺตพฺพํ ฯ เอวํ อโนทิสฺส อาจิกฺขณา โหติ, สา วฎฺฎติฯ ปาราชิกาทิกาติ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกฎานิฯ

    358. Daṇḍinaṃ ñatvā vā añatvā vā uddissa rakkhaṃ yācane daṇḍite daṇḍo assa gīvāti yojanā. Daṇḍaṃ gaṇhatīti paccayantassa daṇḍinaṃ daṇḍaggahaṇanti attho. Uddissāti ‘‘amhākaṃ vihāre asukena ca asukena ca idaṃ nāma kata’’nti, ‘‘karissa’’nti vā evaṃ atītaṃ vā anāgataṃ vā ārabbha. Yācaneti vohārikesu yācane sati. Daṇḍiteti tehi daṇḍe gahite so daṇḍo assa yācakassa bhikkhuno gīvā, iṇaṃ hotīti attho. Vohārikehi pana ‘‘kenā’’ti vutte ‘‘asukenāti vattuṃ amhākaṃ na vaṭṭati, tumheyeva jānissatha, kevalañhi mayaṃ rakkhaṃ yācāma, taṃ no detha, avahaṭabhaṇḍañca maṃ āharāpethā’’ti vattabbaṃ . Evaṃ anodissa ācikkhaṇā hoti, sā vaṭṭati. Pārājikādikāti pārājikathullaccayadukkaṭāni.

    ๓๕๙.

    359.

    ‘‘หรเนฺตสุ ปริกฺขารํ,

    ‘‘Harantesu parikkhāraṃ,

    โจโร โจโรติ ภาสิเต;

    Coro coroti bhāsite;

    อนตฺถาเยสํ คณฺหเนฺต’’ติฯ –

    Anatthāyesaṃ gaṇhante’’ti. –

    ปาเฐหิ ภวิตพฺพํฯ เอวญฺหิ สติ ‘‘หรเนฺตสู’’ติ พหุวจเนน สห ฆฎเตฯ ปริกฺขารํ หรเนฺตสุ เอสํ อนตฺถาย ‘‘โจโร โจโร’’ติ ภาสิเต ทณฺฑํ คณฺหเนฺต ตตฺตกํ อสฺส คีวาติ โยเชตพฺพํฯ หรเนฺตสูติ โจเรสุ คเหตฺวา คจฺฉเนฺตสุฯ เอสนฺติ โจรานํฯ คณฺหเนฺตติ โวหาริกชเน คณฺหเนฺตฯ ยตฺตกํ คหิตํ, ตตฺตกํ อสฺส ภิกฺขุโน คีวา, ภณฺฑเทยฺยํ โหตีติ อโตฺถฯ

    Pāṭhehi bhavitabbaṃ. Evañhi sati ‘‘harantesū’’ti bahuvacanena saha ghaṭate. Parikkhāraṃ harantesu esaṃ anatthāya ‘‘coro coro’’ti bhāsite daṇḍaṃ gaṇhante tattakaṃ assa gīvāti yojetabbaṃ. Harantesūti coresu gahetvā gacchantesu. Esanti corānaṃ. Gaṇhanteti vohārikajane gaṇhante. Yattakaṃ gahitaṃ, tattakaṃ assa bhikkhuno gīvā, bhaṇḍadeyyaṃ hotīti attho.

    ๓๖๐. ปาการกุฎฺฎานํ พหิ วฬเญฺช วาปิ วีหาทินาฬิเกราทิโรปิเม หริเต วาปิ วิฆาสุจฺจารสงฺการมุตฺตํ นาวโลกิย ฉเฑฺฑยฺย, ทุกฺกฎนฺติ สมฺพโนฺธฯ วฬเญฺช นาวโลกิยาติ จ อิมินา โอโลเกตฺวา วา อวฬเญฺช วา วิฆาสาทีนิ ฉเฑฺฑนฺตสฺส อนาปตฺตีติ ทีเปติฯ วีหิ อาทิ เยสํ สาลิอาทีนํ เต วีหาทโย, นาฬิเกโร อาทิ เยสํ อมฺพปนสาทีนํ เต นาฬิเกราทโย, วีหาทโย จ นาฬิเกราทโย จาติ ทฺวโนฺท, เตสํ โรโป, เตน นิพฺพตฺตํ วีหาทิ…เป.… โรปิมํฯ หริเตติ หริตฎฺฐาเนฯ วิฆาโส นาม อุจฺฉิโฎฺฐทกจลกาทิฯ

    360. Pākārakuṭṭānaṃ bahi vaḷañje vāpi vīhādināḷikerādiropime harite vāpi vighāsuccārasaṅkāramuttaṃ nāvalokiya chaḍḍeyya, dukkaṭanti sambandho. Vaḷañje nāvalokiyāti ca iminā oloketvā vā avaḷañje vā vighāsādīni chaḍḍentassa anāpattīti dīpeti. Vīhi ādi yesaṃ sāliādīnaṃ te vīhādayo, nāḷikero ādi yesaṃ ambapanasādīnaṃ te nāḷikerādayo, vīhādayo ca nāḷikerādayo cāti dvando, tesaṃ ropo, tena nibbattaṃ vīhādi…pe… ropimaṃ. Hariteti haritaṭṭhāne. Vighāso nāma ucchiṭṭhodakacalakādi.

    ๓๖๑. ธมฺมยุตฺตมฺปิ นจฺจญฺจ คีตญฺจ วาทิตญฺจ โยชาเปตุญฺจ ปโยเชตุญฺจ ปยุตฺตานิ ปสฺสิตุญฺจ ‘‘อุปหารํ กโรมา’’ติ วุเตฺต สมฺปฎิจฺฉิตุํ วา น ลพฺภนฺติ สมฺพโนฺธฯ ธมฺมยุตฺตมฺปีติ รตนตฺตยคุณูปสํหิตตาย อนฺตมโส ธเมฺมน ปุเญฺญน สํยุตฺตมฺปิฯ นจฺจนฺติ อนฺตมโส โมรสุกมกฺกฎาทีนํ นจฺจมฺปิฯ คีตนฺติ อนฺตมโส คีตสฺส ปุพฺพภาเค กยิรมานํ ทนฺตคีตมฺปิฯ วาทิตนฺติ อนฺตมโส อุทกเภริวาทิตมฺปิฯ โยชาเปตุนฺติ อเญฺญหิ การาเปตุํฯ ปโยเชตุนฺติ อตฺตนา กาตุํฯ อายตเกน คีตสฺสเรน ธมฺมมฺปิ ภาสิตุํ น วฎฺฎติฯ ปยุตฺตานีติ ปเรหิ เยหิ เกหิจิ กตานิฯ ปสฺสิตุนฺติ อิมินา อโนโลจนทสฺสนมฺปิ คหิตนฺติ โสตุนฺติปิ อโตฺถ วิญฺญายติฯ อนฺตราราเม ฐิตสฺส ปสฺสโต อนาปตฺติฯ วีถิยํ ฐตฺวา คีวํ ปริวเตฺตตฺวา ปสฺสโตปิ อาปตฺติเยวฯ เยน เกนจิ กรณีเยน คตฎฺฐาเน ปสฺสติ, สุณาติ วา, อนาปตฺติฯ สมฺปฎิจฺฉิตุนฺติ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตุํฯ ‘‘อุปหารกรณํ นาม สุนฺทร’’นฺติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ วา-สโทฺท สมุจฺจเยฯ

    361. Dhammayuttampi naccañca gītañca vāditañca yojāpetuñca payojetuñca payuttāni passituñca ‘‘upahāraṃ karomā’’ti vutte sampaṭicchituṃ vā na labbhanti sambandho. Dhammayuttampīti ratanattayaguṇūpasaṃhitatāya antamaso dhammena puññena saṃyuttampi. Naccanti antamaso morasukamakkaṭādīnaṃ naccampi. Gītanti antamaso gītassa pubbabhāge kayiramānaṃ dantagītampi. Vāditanti antamaso udakabherivāditampi. Yojāpetunti aññehi kārāpetuṃ. Payojetunti attanā kātuṃ. Āyatakena gītassarena dhammampi bhāsituṃ na vaṭṭati. Payuttānīti parehi yehi kehici katāni. Passitunti iminā anolocanadassanampi gahitanti sotuntipi attho viññāyati. Antarārāme ṭhitassa passato anāpatti. Vīthiyaṃ ṭhatvā gīvaṃ parivattetvā passatopi āpattiyeva. Yena kenaci karaṇīyena gataṭṭhāne passati, suṇāti vā, anāpatti. Sampaṭicchitunti ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchituṃ. ‘‘Upahārakaraṇaṃ nāma sundara’’nti vattuṃ vaṭṭati. -saddo samuccaye.

    ๓๖๒. ‘‘กีฬตฺถํ กตํ ราชาคาร’’นฺติอาทินา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ จิเตฺตน วิจิตฺตกํ อาคารํ จิตฺตาคารกํ

    362. ‘‘Kīḷatthaṃ kataṃ rājāgāra’’ntiādinā sambandhitabbaṃ. Cittena vicittakaṃ āgāraṃ cittāgārakaṃ.

    ๓๖๓. อาสเนน นเว น ปฎิพาเหยฺยาติ โยชนาฯ อาสเนนาติ อาสนโตฯ น ปฎิพาเหยฺยาติ น อุฎฺฐาเปยฺยฯ อุเณฺห จีวรํ น นิทเหยฺยาติ โยชนียํฯ น นิทเหยฺยาติ อธิกํ น นิทเหยฺยฯ ครุนาติ อาจริยุปชฺฌาเยนฯ ปณามิโตติ ‘‘มา อิธ ปวิสา’’ติอาทินา นิกฺกฑฺฒิโตฯ

    363. Āsanena nave na paṭibāheyyāti yojanā. Āsanenāti āsanato. Na paṭibāheyyāti na uṭṭhāpeyya. Uṇhe cīvaraṃ na nidaheyyāti yojanīyaṃ. Na nidaheyyāti adhikaṃ na nidaheyya. Garunāti ācariyupajjhāyena. Paṇāmitoti ‘‘mā idha pavisā’’tiādinā nikkaḍḍhito.

    ๓๖๔. สตฺตหิ อาปตฺตีหิ จ ภิกฺขุํ วาปิ อเญฺญเนว จ อุปาสกํ วาปิ ปรมฺมุขา อโกฺกสเน ทุกฺกฎนฺติ โยเชตพฺพํฯ อาปตฺตีหิ จาติ -สโทฺท อวธารเณฯ อเญฺญเนว จาติ เอตฺถ เอว จาติ นิปาตสมุทาโย, เอโก เอว วา อวธารเณ, วุตฺตโต อเญฺญเนว ‘‘อสโทฺธ’’ติอาทินาติ อโตฺถฯ ปรมฺมุขาติ นิปาโต, ตสฺส อสมฺมุเขติ อโตฺถฯ สมฺมุขา วทนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ ปาปครหณวเสน ปน วทโต อนาปตฺติฯ

    364. Sattahi āpattīhi ca bhikkhuṃ vāpi aññeneva ca upāsakaṃ vāpi parammukhā akkosane dukkaṭanti yojetabbaṃ. Āpattīhi cāti ca-saddo avadhāraṇe. Aññeneva cāti ettha eva cāti nipātasamudāyo, eko eva vā avadhāraṇe, vuttato aññeneva ‘‘asaddho’’tiādināti attho. Parammukhāti nipāto, tassa asammukheti attho. Sammukhā vadantassa pācittiyaṃ. Pāpagarahaṇavasena pana vadato anāpatti.

    ๓๖๕. สทฺธาเทยฺยํ สทฺธาย ทาตพฺพํ จีวรญฺจ จ-สเทฺทน อวเสสมฺปิ วินิปาเตตุํ นาเสตุํ น ลพฺภํ, ปิตูนํ ลพฺภนฺติ สมฺพโนฺธฯ ญาตีนมฺปีติ ปิ-สโทฺท สมฺภาวเนฯ

    365.Saddhādeyyaṃ saddhāya dātabbaṃ cīvarañca ca-saddena avasesampi vinipātetuṃ nāsetuṃ na labbhaṃ, pitūnaṃ labbhanti sambandho. Ñātīnampīti pi-saddo sambhāvane.

    ๓๖๖. อญฺญตฺร วสฺสํวุโตฺถ อญฺญโต ภาคํ คเณฺหยฺย, ทุกฺกฎนฺติ สมฺพโนฺธฯ อญฺญตฺราติ อญฺญสฺมิํ วิหาเรฯ อญฺญโตติ อญฺญวิหารโตฯ ปฎิเทยฺยาติ คหิตฎฺฐาเน ทเทยฺยฯ คหิเต ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ นเฎฺฐ วา ชิเณฺณ วา ตสฺส คีวาโห ตีติ สมฺพโนฺธฯ โจทิโต โน ทเทยฺย, เตสํ ธุรนิเกฺขปโต ภณฺฑคฺฆการิโย โหตีติ โยชนาฯ โจทิโตติ วตฺถุสามิเกหิ ‘‘เทหี’’ติ วุโตฺตฯ เตสนฺติ ตสฺมิํ วิหาเร ลาภีนํ ภิกฺขูนํฯ

    366. Aññatra vassaṃvuttho aññato bhāgaṃ gaṇheyya, dukkaṭanti sambandho. Aññatrāti aññasmiṃ vihāre. Aññatoti aññavihārato. Paṭideyyāti gahitaṭṭhāne dadeyya. Gahite tasmiṃ vatthusmiṃ naṭṭhe vā jiṇṇe vā tassa gīvāho tīti sambandho. Codito no dadeyya, tesaṃ dhuranikkhepato bhaṇḍagghakāriyo hotīti yojanā. Coditoti vatthusāmikehi ‘‘dehī’’ti vutto. Tesanti tasmiṃ vihāre lābhīnaṃ bhikkhūnaṃ.

    ๓๖๗. สนฺตรุตฺตโร วา กโลฺล สอุปาหโน วา คามํ น ปวิเสยฺย, จามรีมกสพีชนิํ น ธาเรยฺยาติ โยชนียํฯ อนฺตรญฺจ อุตฺตรญฺจ, สห อนฺตรุตฺตเรน สนฺตรุตฺตโรฯ อคฺคฬคุเตฺต วิหาเร สงฺฆาฎิํ นิกฺขิปิตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ อารญฺญเกน ปน ภณฺฑุกฺขลิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปาสาณรุกฺขสุสิราทีสุ ปฎิจฺฉเนฺนสุ ฐเปตฺวา คนฺตพฺพํฯ อนฺตรุตฺตรานํ นิเกฺขเป อยเมว นโยฯ กโลฺลติ อคิลาโนฯ มกสานํ พีชนี มกสพีชนี, จมรีนํ วาเฬหิ กตา มกสพีชนีติ สมาโสฯ

    367. Santaruttaro vā kallo saupāhano vā gāmaṃ na paviseyya, cāmarīmakasabījaniṃ na dhāreyyāti yojanīyaṃ. Antarañca uttarañca, saha antaruttarena santaruttaro. Aggaḷagutte vihāre saṅghāṭiṃ nikkhipitvā gantuṃ vaṭṭati. Āraññakena pana bhaṇḍukkhalikāya pakkhipitvā pāsāṇarukkhasusirādīsu paṭicchannesu ṭhapetvā gantabbaṃ. Antaruttarānaṃ nikkhepe ayameva nayo. Kalloti agilāno. Makasānaṃ bījanī makasabījanī, camarīnaṃ vāḷehi katā makasabījanīti samāso.

    ๓๖๘. อารามโต พหีติ สมฺพนฺธนียํฯ อารามโตติ อารามูปจารโตฯ น ธาเรยฺยาติ อคิลาโน น ธาเรยฺยฯ ยสฺส ปน กายทาโห วา ปิตฺตโกโป วา โหติ, จกฺขุ วา ทุพฺพลํ, อโญฺญ วา โกจิ อาพาโธ วินา ฉเตฺตน อุปฺปชฺชติ, ตสฺส คาเม วา อรเญฺญ วา ฉตฺตํ วฎฺฎติฯ คุตฺติยา ลพฺภตีติ วเสฺส จีวรคุตฺตตฺถํ, วาฬมิคโจรภเยสุ อตฺตคุตฺตตฺถมฺปิ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ เอกปณฺณฉตฺตํ ปน สพฺพเตฺถว วฎฺฎติฯ

    368. Ārāmato bahīti sambandhanīyaṃ. Ārāmatoti ārāmūpacārato. Na dhāreyyāti agilāno na dhāreyya. Yassa pana kāyadāho vā pittakopo vā hoti, cakkhu vā dubbalaṃ, añño vā koci ābādho vinā chattena uppajjati, tassa gāme vā araññe vā chattaṃ vaṭṭati. Guttiyā labbhatīti vasse cīvaraguttatthaṃ, vāḷamigacorabhayesu attaguttatthampi labbhatīti attho. Ekapaṇṇachattaṃ pana sabbattheva vaṭṭati.

    ๓๖๙. อุภโตกาชํ น คาเหยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ อุภโต ทณฺฑสฺส อุภยโกฎิยํ ภารพนฺธกาชํ อุภโตกาชํ, อโลปตปฺปุริโสฯ เอกนฺตริกกาชกนฺติ อนฺตรเมว อนฺตริกํ, เอกญฺจ อนฺตริกญฺจาติ ทฺวโนฺท, เอกนฺตริเก ภารพนฺธกาชนฺติ ตปฺปุริโส เอกโตกาชกํ, อนฺตริกกาชกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ หเตฺถ โอลโมฺพ อสฺส ภารสฺสาติ สมาโสฯ

    369. Ubhatokājaṃ na gāheyyāti sambandho. Ubhato daṇḍassa ubhayakoṭiyaṃ bhārabandhakājaṃ ubhatokājaṃ, alopatappuriso. Ekantarikakājakanti antarameva antarikaṃ, ekañca antarikañcāti dvando, ekantarike bhārabandhakājanti tappuriso ekatokājakaṃ, antarikakājakanti vuttaṃ hoti. Hatthe olambo assa bhārassāti samāso.

    ๓๗๐. อโนกาสกตนฺติ ‘‘กโรตุ เม อายสฺมา โอกาสํ, อหํ ตํ วตฺตุกาโม’’ติ เอวํ โจทเกน โอกาเส การาปิเต นตฺถิ โอกาโส กโต อเนน จุทิตเกนาติ พหุพฺพีหิฯ โจเทยฺยาติ จาวนอโกฺกสกมฺมวุฎฺฐานาธิปฺปาเยน โจเทยฺยฯ อุโปสถปฺปวารณฎฺฐปนอนุวิชฺชธมฺมกถาธิปฺปาเยสุ โอกาสกมฺมํ นตฺถิฯ สุทฺธสฺสาติ อนาปตฺติกตาย สุทฺธสฺสฯ อวตฺถุสฺมินฺติ อการเณฯ ตถาติ ทุกฺกฎํ อติทิสติฯ กโรเนฺตนาปิ ‘‘ภูตเมว นุ โข อาปตฺติํ วทติ, อภูต’’นฺติ เอวํ อุปปริกฺขิตฺวา กาตพฺพาฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคลํ ตุลยิตฺวา โอกาสํ กาตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๕๓) หิ วุตฺตํฯ

    370.Anokāsakatanti ‘‘karotu me āyasmā okāsaṃ, ahaṃ taṃ vattukāmo’’ti evaṃ codakena okāse kārāpite natthi okāso kato anena cuditakenāti bahubbīhi. Codeyyāti cāvanaakkosakammavuṭṭhānādhippāyena codeyya. Uposathappavāraṇaṭṭhapanaanuvijjadhammakathādhippāyesu okāsakammaṃ natthi. Suddhassāti anāpattikatāya suddhassa. Avatthusminti akāraṇe. Tathāti dukkaṭaṃ atidisati. Karontenāpi ‘‘bhūtameva nu kho āpattiṃ vadati, abhūta’’nti evaṃ upaparikkhitvā kātabbā. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, puggalaṃ tulayitvā okāsaṃ kātu’’nti (mahāva. 153) hi vuttaṃ.

    ๓๗๑. สตฺตานํ ปกตงฺคุเลน อฎฺฐงฺคุลาธิกํ มญฺจปฺปฎิปาทํ วา อุจฺจปาทกํ มญฺจํ วา น ธารเยติ โยชนาฯ ปกติยา องฺคุลํ ปกตงฺคุลํฯ ตญฺจ วฑฺฒกิองฺคุลํ เวทิตพฺพํฯ อฎฺฐ จ ตานิ องฺคุลานิ จ, เตหิ ตมธิกํ ยสฺสาติ สมาโสฯ มญฺจานํ ปฎิปาโท, ยตฺถ มญฺจปาเท นิกฺขิปนฺติฯ อฎฺฐงฺคุลโต อุจฺจา ปาทา ยสฺสาติ พหุพฺพีหิฯ

    371. Sattānaṃ pakataṅgulena aṭṭhaṅgulādhikaṃ mañcappaṭipādaṃ vā uccapādakaṃ mañcaṃ vā na dhārayeti yojanā. Pakatiyā aṅgulaṃ pakataṅgulaṃ. Tañca vaḍḍhakiaṅgulaṃ veditabbaṃ. Aṭṭha ca tāni aṅgulāni ca, tehi tamadhikaṃ yassāti samāso. Mañcānaṃ paṭipādo, yattha mañcapāde nikkhipanti. Aṭṭhaṅgulato uccā pādā yassāti bahubbīhi.

    ๓๗๒. มูคพฺพตาทินฺติ มูคานมิว ตุณฺหีภาวสงฺขาตํ วตํ อาทิ ยสฺส โควตาทิโน ติตฺถิยวตสฺสาติ สมาโสฯ ขุรเมว ภณฺฑํ ขุรภณฺฑํฯ ปุเพฺพ นฺหาปิโต นฺหาปิตปุพฺพโก, วิเสสนสฺส ปรนิปาโตฯ

    372.Mūgabbatādinti mūgānamiva tuṇhībhāvasaṅkhātaṃ vataṃ ādi yassa govatādino titthiyavatassāti samāso. Khurameva bhaṇḍaṃ khurabhaṇḍaṃ. Pubbe nhāpito nhāpitapubbako, visesanassa paranipāto.

    ๓๗๓. หตฺถกมฺมนฺติ หเตฺถน กาตพฺพํ วฑฺฒกิอาทีนํ กมฺมํฯ อนุสฺสรณํ ‘‘กปฺปิยตฺตํ เม เยน ยาจิตํ, อเมฺหหิ อิมสฺส ทาตพฺพ’’นฺติ เอวํ จิตฺตปฺปวตฺติอนุสาโร, ตสฺสา ยาจนาย อนุสาโร ตทนุสาโร, ตโต ลทฺธํ ยํ กิญฺจิ คเหตุนฺติ โยชนาฯ กมฺมโต นิคฺคโต นิกฺกโมฺม, วิฆาสาทาทิฯ ตํ อยาจิตฺวาปิ กาเรตุนฺติ สมฺพโนฺธฯ อาหราเปตุนฺติ อรญฺญโต อาเนตุํฯ อปรสนฺตกนฺติ ทารุติณปลาลาทิกํ อปรปริคฺคหิตํฯ

    373.Hatthakammanti hatthena kātabbaṃ vaḍḍhakiādīnaṃ kammaṃ. Anussaraṇaṃ ‘‘kappiyattaṃ me yena yācitaṃ, amhehi imassa dātabba’’nti evaṃ cittappavattianusāro, tassā yācanāya anusāro tadanusāro, tato laddhaṃ yaṃ kiñci gahetunti yojanā. Kammato niggato nikkammo, vighāsādādi. Taṃ ayācitvāpi kāretunti sambandho. Āharāpetunti araññato ānetuṃ. Aparasantakanti dārutiṇapalālādikaṃ aparapariggahitaṃ.

    ๓๗๔. คิหีนํ ยตฺตกํ เทติ, โคปเก เทเนฺต คเหตุํ ลพฺภํ, สงฺฆเจติยสนฺตเก ยถาปริเจฺฉทํ คเหตุํ ลพฺภนฺติ โยชนาฯ เทตีติ โคปโก ภิกฺขูนํ เทติฯ คเหตุนฺติ ตตฺตกํ คเหตุํฯ สงฺฆเจติยสนฺตเกติ เวตนโคปเกหิ ทียมาเน สงฺฆสฺส เจติยสฺส จ สนฺตเกฯ ยถาปริเจฺฉทนฺติ ยํ เตสํ สเงฺฆน อนุญฺญาตํ โหติ ‘‘ทิวเส ทิวเส เอตฺตกํ นาม ขาทถา’’ติ, ตํ ปริเจฺฉทํ อนติกฺกมฺมฯ สงฺฆิเก จ เจติยสนฺตเก จ เกณิยา คเหตฺวา อารกฺขนฺตเสฺสว หิ ทาเน ปริเจฺฉโท นตฺถิฯ

    374. Gihīnaṃ yattakaṃ deti, gopake dente gahetuṃ labbhaṃ, saṅghacetiyasantake yathāparicchedaṃ gahetuṃ labbhanti yojanā. Detīti gopako bhikkhūnaṃ deti. Gahetunti tattakaṃ gahetuṃ. Saṅghacetiyasantaketi vetanagopakehi dīyamāne saṅghassa cetiyassa ca santake. Yathāparicchedanti yaṃ tesaṃ saṅghena anuññātaṃ hoti ‘‘divase divase ettakaṃ nāma khādathā’’ti, taṃ paricchedaṃ anatikkamma. Saṅghike ca cetiyasantake ca keṇiyā gahetvā ārakkhantasseva hi dāne paricchedo natthi.

    ๓๗๕. ‘‘กายวาจาหิ ทฺวีหิ อาปตฺติํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ, เมถุนธเมฺม ปรูปกฺกเม สติ สาทิยนฺตสฺส อกิริยสมุฎฺฐานภาวสมฺภวโตฯ ฉหิ วาติ อาปตฺตุปฺปตฺติการณสงฺขาเตหิ ฉหิ สมุฎฺฐาเนหิ วา อาปตฺติํ อาปเชฺชยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ สพฺพาปตฺตีนญฺหิ กาโย วาจา กายวาจา กายจิตฺตํ วาจาจิตฺตํ กายวาจาจิตฺตนฺติ ฉ สมุฎฺฐานานิฯ ตตฺถ ปุริมานิ ตีณิ อจิตฺตกานิ, ปจฺฉิมานิ สจิตฺตกานิฯ

    375.‘‘Kāyavācāhi dvīhi āpattiṃ āpajjeyyā’’ti yebhuyyavasena vuttaṃ, methunadhamme parūpakkame sati sādiyantassa akiriyasamuṭṭhānabhāvasambhavato. Chahi vāti āpattuppattikāraṇasaṅkhātehi chahi samuṭṭhānehi vā āpattiṃ āpajjeyyāti sambandho. Sabbāpattīnañhi kāyo vācā kāyavācā kāyacittaṃ vācācittaṃ kāyavācācittanti cha samuṭṭhānāni. Tattha purimāni tīṇi acittakāni, pacchimāni sacittakāni.

    ติธา เอกสมุฎฺฐานา, ปญฺจธา ทฺวิสมุฎฺฐิตา;

    Tidhā ekasamuṭṭhānā, pañcadhā dvisamuṭṭhitā;

    ทฺวิธา ติจตุโร ฐานา, เอกธา ฉสมุฎฺฐิตาฯ

    Dvidhā ticaturo ṭhānā, ekadhā chasamuṭṭhitā.

    ตตฺถ จตุเตฺถน ปญฺจเมน ฉเฎฺฐน จ สมุฎฺฐานโต เอกสมุฎฺฐานา ติธาฯ ปฐมจตุเตฺถหิ จ ทุติยปญฺจเมหิ จ ตติยฉเฎฺฐหิ จ จตุตฺถฉเฎฺฐหิ จ ปญฺจมฉเฎฺฐหิ จ สมุฎฺฐานโต ทฺวิสมุฎฺฐิตา ปญฺจธา ฯ ปฐเมหิ จ ตีหิ ปจฺฉิเมหิ จ ตีหิ สมุฎฺฐานโต ติสมุฎฺฐานา ทฺวิธาฯ ปฐมตติยจตุตฺถฉเฎฺฐหิ จ ทุติยตติยปญฺจมฉเฎฺฐหิ จ สมุฎฺฐานโต จตุสมุฎฺฐานา ทฺวิธาฯ ฉหิปิ สมุฎฺฐิโต ฉสมุฎฺฐานา เอกธาฯ อลชฺชิ…เป.… สญฺญิตาย จาติ อิเมหิ ฉหิ วา อาปตฺติํ อาปเชฺชยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ โย สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, อาปตฺติํ ปริคูหติ, อคติคมนญฺจ คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชี ปุคฺคโลฯ อลชฺชี จ อญฺญาโณ จ กุกฺกุจฺจปกโต จ กุกฺกุเจฺจน อภิภูโตติ ทฺวโนฺทฯ ภาเว ตฺตปฺปจฺจโยฯ

    Tattha catutthena pañcamena chaṭṭhena ca samuṭṭhānato ekasamuṭṭhānā tidhā. Paṭhamacatutthehi ca dutiyapañcamehi ca tatiyachaṭṭhehi ca catutthachaṭṭhehi ca pañcamachaṭṭhehi ca samuṭṭhānato dvisamuṭṭhitā pañcadhā. Paṭhamehi ca tīhi pacchimehi ca tīhi samuṭṭhānato tisamuṭṭhānā dvidhā. Paṭhamatatiyacatutthachaṭṭhehi ca dutiyatatiyapañcamachaṭṭhehi ca samuṭṭhānato catusamuṭṭhānā dvidhā. Chahipi samuṭṭhito chasamuṭṭhānā ekadhā. Alajji…pe… saññitāya cāti imehi chahi vā āpattiṃ āpajjeyyāti sambandho. Yo sañcicca āpattiṃ āpajjati, āpattiṃ parigūhati, agatigamanañca gacchati, ediso vuccati alajjī puggalo. Alajjī ca aññāṇo ca kukkuccapakato ca kukkuccena abhibhūtoti dvando. Bhāve ttappaccayo.

    ตตฺถ โย อกปฺปิยภาวํ ชานโนฺตเยว มทฺทิตฺวา วีติกฺกมํ กโรติ, อยํ อลชฺชิตา อาปชฺชติฯ มโนฺท โมมูโห กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ อชานโนฺต อกตฺตพฺพํ กโรติ, กตฺตพฺพํ วิราเธติ, อยํ อญฺญาณตฺตา อาปชฺชติฯ กปฺปิยากปฺปิยํ นิสฺสาย กุกฺกุเจฺจ อุปฺปเนฺน วินยธรํ อปุจฺฉิตฺวา มทฺทิตฺวา วีติกฺกมติ, อยํ กุกฺกุจฺจปกตตฺตา อาปชฺชติฯ สติยา ปฺลโว สโมฺมโห สติปฺลโว, สหเสยฺยติจีวรวิปฺปวาสาทีนิ สติปฺลวา อาปชฺชติฯ กปฺปญฺจ อกปฺปิยญฺจ กปฺปากปฺปิยํ, กปฺปากปฺปิเย สญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ กปฺปา…เป.… สญฺญี, ตสฺส ภาโวติ ตา-ปจฺจโยฯ ย-โลเปน ปน ‘‘สญฺญิตา’’ติ วุตฺตํ, กรณเตฺถ วา ปจฺจตฺตวจนํฯ เต จ ‘‘อกปฺปิเย’’ติอาทีนํ ยถากฺกเมน ยุชฺชนฺติฯ ตตฺถ โย อจฺฉมํสํ ‘‘สูกรมํส’’นฺติ ขาทติ, วิกาเล กาลสญฺญิตาย ภุญฺชติ, อยํ อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตาย อาปชฺชติฯ โย ปน สูกรมํสํ ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ ขาทติ, กาเล วิกาลสญฺญาย ภุญฺชติ, อยํ กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตาย อาปชฺชติ

    Tattha yo akappiyabhāvaṃ jānantoyeva madditvā vītikkamaṃ karoti, ayaṃ alajjitā āpajjati. Mando momūho kattabbākattabbaṃ ajānanto akattabbaṃ karoti, kattabbaṃ virādheti, ayaṃ aññāṇattā āpajjati. Kappiyākappiyaṃ nissāya kukkucce uppanne vinayadharaṃ apucchitvā madditvā vītikkamati, ayaṃ kukkuccapakatattā āpajjati. Satiyā plavo sammoho satiplavo, sahaseyyaticīvaravippavāsādīni satiplavā āpajjati. Kappañca akappiyañca kappākappiyaṃ, kappākappiye saññā, sā assa atthīti kappā…pe… saññī, tassa bhāvoti tā-paccayo. Ya-lopena pana ‘‘saññitā’’ti vuttaṃ, karaṇatthe vā paccattavacanaṃ. Te ca ‘‘akappiye’’tiādīnaṃ yathākkamena yujjanti. Tattha yo acchamaṃsaṃ ‘‘sūkaramaṃsa’’nti khādati, vikāle kālasaññitāya bhuñjati, ayaṃ akappiye kappiyasaññitāya āpajjati. Yo pana sūkaramaṃsaṃ ‘‘acchamaṃsa’’nti khādati, kāle vikālasaññāya bhuñjati, ayaṃ kappiye akappiyasaññitāya āpajjati.

    ๓๗๖. อลชฺชิอญฺญาณตาย กายวาจาหิ อาปตฺติํ ฉาทเยติ โยชนาฯ ลิเงฺคติ ลิงฺคปริวตฺตนนิมิตฺตํฯ ลิเงฺค สเงฺฆ จ คเณ จ เอกสฺมิํ จาติ อาปตฺติวุฎฺฐิติ จตุธา โหตีติ เสโสฯ

    376. Alajjiaññāṇatāya kāyavācāhi āpattiṃ chādayeti yojanā. Liṅgeti liṅgaparivattananimittaṃ. Liṅge saṅghe ca gaṇe ca ekasmiṃ cāti āpattivuṭṭhiti catudhā hotīti seso.

    ๓๗๗. ปจฺจยทฺวเยติ จีวเร ปิณฺฑปาเต จฯ ปริกโถภาสวิญฺญตฺตีติ อภิลาปมตฺตเมตํฯ สหจริตสฺส ปน นิมิตฺตกมฺมสฺสาปิ เอเตฺถว สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ปริยาเยน กถนํ ปริกถาฯ อุชุกเมว อวตฺวา ยถา อธิปฺปาโย วิภูโต โหติ, เอวํ โอภาสนํ โอภาโสฯ ปจฺจเย อุทฺทิสฺส ยถา อธิปฺปาโย ญายติ, เอวํ วิญฺญาปนํ วิญฺญตฺติฯ นิมิตฺตกรณํ นิมิตฺตกมฺมํฯ ตติเยติ เสนาสเนฯ เสเสติ คิลานปจฺจเยฯ

    377.Paccayadvayeti cīvare piṇḍapāte ca. Parikathobhāsaviññattīti abhilāpamattametaṃ. Sahacaritassa pana nimittakammassāpi ettheva saṅgaho veditabbo. Tattha pariyāyena kathanaṃ parikathā. Ujukameva avatvā yathā adhippāyo vibhūto hoti, evaṃ obhāsanaṃ obhāso. Paccaye uddissa yathā adhippāyo ñāyati, evaṃ viññāpanaṃ viññatti. Nimittakaraṇaṃ nimittakammaṃ. Tatiyeti senāsane. Seseti gilānapaccaye.

    ๓๗๘. ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจเย ทานํ น รูหตีติ สมฺพโนฺธฯ อจฺจเย ทานนฺติ ‘‘มมจฺจเยน มยฺหํ สนฺตกํ อุปชฺฌายสฺส โหตู’’ติอาทินา เอวํ อตฺตโน อปคเม ทานํฯ นฺติ อจฺจเยน ทินฺนํ จีวราทิกํ สงฺฆเสฺสว จ โหติ, น ภิกฺขุโนติ อธิปฺปาโยฯ คิหีนํ ปนาติ คิหีนํ อจฺจเย ทานํ ปนฯ อิทเมตฺถ ทานคฺคหณลกฺขณํ – ‘‘อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติอาทินา สมฺมุขา วา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมี’’ติอาทินา ปรมฺมุขาปิ ทินฺนํเยว โหติฯ ‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุเตฺต ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สุทินฺนํ สุคฺคหิตญฺจฯ ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหิ, ตว สนฺตกํ โหตุ, ตว สนฺตกํ การาเปหี’’ติ วุเตฺต ‘‘มม สนฺตกํ กโรมิ, มม สนฺตกํ โหตุ, มม สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ วทติฯ ทุทฺทินฺนํ ทุคฺคหิตญฺจฯ สเจ ปน ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหี’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธุ, ภเนฺต, มยฺหํ คณฺหามี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตนฺติฯ

    378. Pañcannaṃ sahadhammikānaṃ accaye dānaṃ na rūhatīti sambandho. Accaye dānanti ‘‘mamaccayena mayhaṃ santakaṃ upajjhāyassa hotū’’tiādinā evaṃ attano apagame dānaṃ. Tanti accayena dinnaṃ cīvarādikaṃ saṅghasseva ca hoti, na bhikkhunoti adhippāyo. Gihīnaṃ panāti gihīnaṃ accaye dānaṃ pana. Idamettha dānaggahaṇalakkhaṇaṃ – ‘‘idaṃ tuyhaṃ dammī’’tiādinā sammukhā vā ‘‘itthannāmassa demī’’tiādinā parammukhāpi dinnaṃyeva hoti. ‘‘Tuyhaṃ gaṇhāhī’’ti vutte ‘‘mayhaṃ gaṇhāmī’’ti vadati, sudinnaṃ suggahitañca. ‘‘Tava santakaṃ karohi, tava santakaṃ hotu, tava santakaṃ kārāpehī’’ti vutte ‘‘mama santakaṃ karomi, mama santakaṃ hotu, mama santakaṃ karissāmī’’ti vadati. Duddinnaṃ duggahitañca. Sace pana ‘‘tava santakaṃ karohī’’ti vutte ‘‘sādhu, bhante, mayhaṃ gaṇhāmī’’ti gaṇhāti, suggahitanti.

    ๓๗๙. ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อุปสฺสเย ภิกฺขุนีนํ วิหาเร กาลํ กยิราถ ยทิ กาลงฺกเรยฺย, ตตฺถ ตสฺมิํ อุภินฺนํ สนฺตเก ภิกฺขุสโงฺฆ เอว ทายโชฺช สามี โหตีติ เสโสฯ เสเสปีติ อวเสเส ภิกฺขุนิสิกฺขมานสามเณริสนฺตเกปิฯ อยํ นโยติ ยทิ เต ภิกฺขูนํ วิหาเร กาลํ กเรยฺยุํ, เตสํ สนฺตเก ภิกฺขุนิสโงฺฆ เอว ทายโชฺชติ อยเมว นโยติ อโตฺถฯ

    379. Bhikkhu vā sāmaṇero vā upassaye bhikkhunīnaṃ vihāre kālaṃ kayirātha yadi kālaṅkareyya, tattha tasmiṃ ubhinnaṃ santake bhikkhusaṅgho eva dāyajjo sāmī hotīti seso. Sesepīti avasese bhikkhunisikkhamānasāmaṇerisantakepi. Ayaṃ nayoti yadi te bhikkhūnaṃ vihāre kālaṃ kareyyuṃ, tesaṃ santake bhikkhunisaṅgho eva dāyajjoti ayameva nayoti attho.

    ๓๘๐. ‘‘อิมํ เนตฺวา อสุกสฺส เทหี’’ติ ทินฺนํ ยาว ปรสฺส หตฺถํ น ปาปุณาติ, ตาว ปุริมเสฺสว, โย ปหิณติ, ตเสฺสวาติ อโตฺถฯ ทมฺมีติ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมี’’ติ ทินฺนํ ปน ปจฺฉิมเสฺสว, ยสฺส ปหิณติ, ตเสฺสว สนฺตกนฺติ อโตฺถฯ อิมํ วิธิํ ‘‘วุตฺตนเยน อิเม สามิโน โหนฺตี’’ติ เอตํ ปการํ ญตฺวา วิสฺสาสคฺคาหํ วา คเณฺห, มตกจีวรํ วา อธิเฎฺฐติ โยชนาฯ วิสฺสาสคาหนฺติ สามีสุ ชีวเนฺตสุ วิสฺสาเสน คาหํ คเหตฺวาฯ มตกจีวรํ อธิเฎฺฐติ เตสุ มเตสุ อเญฺญ เจ ภิกฺขู น สนฺติ, ‘‘มยฺหํ ตํ ปาปุณาตี’’ติ มตกจีวรํ อธิเฎฺฐยฺยฯ อเญฺญสํ อทตฺวา ทูเร ฐปิตมตกปริกฺขารา ปน ตตฺถ ตตฺถ สงฺฆเสฺสว โหนฺติฯ ภิกฺขุมฺหิ กาลกเต สโงฺฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิจ คิลานุปฎฺฐากา พหูปการา, สเงฺฆน ติจีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฎฺฐากานํ ทาตพฺพํฯ ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ, ตํ สมฺมุขีภูเตน สเงฺฆน ภาเชตพฺพํฯ ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ, ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิยํฯ คิลานุปฎฺฐาโก นาม คิหี วา โหตุ ปพฺพชิโต วา, อนฺตมโส มาตุคาโมปิ, สเพฺพ ภาคํ ลภนฺติฯ พหู เจ สเพฺพ สมคฺคา หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติ, สเพฺพสํ สมภาโค ทาตโพฺพฯ โย ปเนตฺถ วิเสเสน อุปฎฺฐหติ, ตสฺส วิเสโส กาตโพฺพฯ

    380. ‘‘Imaṃ netvā asukassa dehī’’ti dinnaṃ yāva parassa hatthaṃ na pāpuṇāti, tāva purimasseva, yo pahiṇati, tassevāti attho. Dammīti ‘‘itthannāmassa demī’’ti dinnaṃ pana pacchimasseva, yassa pahiṇati, tasseva santakanti attho. Imaṃ vidhiṃ ‘‘vuttanayena ime sāmino hontī’’ti etaṃ pakāraṃ ñatvā vissāsaggāhaṃ vā gaṇhe, matakacīvaraṃ vā adhiṭṭheti yojanā. Vissāsagāhanti sāmīsu jīvantesu vissāsena gāhaṃ gahetvā. Matakacīvaraṃ adhiṭṭheti tesu matesu aññe ce bhikkhū na santi, ‘‘mayhaṃ taṃ pāpuṇātī’’ti matakacīvaraṃ adhiṭṭheyya. Aññesaṃ adatvā dūre ṭhapitamatakaparikkhārā pana tattha tattha saṅghasseva honti. Bhikkhumhi kālakate saṅgho sāmī pattacīvare, apica gilānupaṭṭhākā bahūpakārā, saṅghena ticīvarañca pattañca gilānupaṭṭhākānaṃ dātabbaṃ. Yaṃ tattha lahubhaṇḍaṃ lahuparikkhāraṃ, taṃ sammukhībhūtena saṅghena bhājetabbaṃ. Yaṃ tattha garubhaṇḍaṃ garuparikkhāraṃ, taṃ āgatānāgatassa cātuddisassa saṅghassa avissajjiyaṃ avebhaṅgiyaṃ. Gilānupaṭṭhāko nāma gihī vā hotu pabbajito vā, antamaso mātugāmopi, sabbe bhāgaṃ labhanti. Bahū ce sabbe samaggā hutvā upaṭṭhahanti, sabbesaṃ samabhāgo dātabbo. Yo panettha visesena upaṭṭhahati, tassa viseso kātabbo.

    ๓๘๑. ‘‘โลหภเณฺฑ ปหรณิํ ฐเปตฺวา สพฺพํ กปฺปตี’’ติอาทินา โยเชตพฺพํฯ ปหรณินฺติ อาวุธํฯ ปาทุกา จ สงฺกมนีโย ปลฺลโงฺก จาติ ทฺวโนฺทฯ มตฺติกามเย กตกํ กุมฺภการิกญฺจ ฐเปตฺวา สพฺพํ กปฺปตีติ โยชนียํ, ธนิยเสฺสว สพฺพมตฺติกามยกุฎิ กุมฺภการิกาติฯ

    381. ‘‘Lohabhaṇḍe paharaṇiṃ ṭhapetvā sabbaṃ kappatī’’tiādinā yojetabbaṃ. Paharaṇinti āvudhaṃ. Pādukā ca saṅkamanīyo pallaṅko cāti dvando. Mattikāmaye katakaṃ kumbhakārikañca ṭhapetvā sabbaṃ kappatīti yojanīyaṃ, dhaniyasseva sabbamattikāmayakuṭi kumbhakārikāti.

    ปกิณฺณกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pakiṇṇakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact