Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา

    Pakiṇṇakavinicchayakathāvaṇṇanā

    ๓๐๒๙. ฉตฺตํ ปณฺณมยํ กิญฺจีติ ตาลปณฺณาทิปณฺณจฺฉทนํ ยํ กิญฺจิ ฉตฺตํฯ พหีติ อุปริฯ อโนฺตติ เหฎฺฐาฯ สิพฺพิตุนฺติ รูปํ ทเสฺสตฺวา สูจิกมฺมํ กาตุํฯ

    3029.Chattaṃpaṇṇamayaṃ kiñcīti tālapaṇṇādipaṇṇacchadanaṃ yaṃ kiñci chattaṃ. Bahīti upari. Antoti heṭṭhā. Sibbitunti rūpaṃ dassetvā sūcikammaṃ kātuṃ.

    ๓๐๓๐. ปเณฺณติ ฉทนปเณฺณฯ อฑฺฒจนฺทนฺติ อฑฺฒจนฺทาการํฯ มกรทนฺตกนฺติ มกรทนฺตาการํ, ยํ ‘‘คิริกูฎ’’นฺติ วุจฺจติฯ ฉินฺทิตุํ น วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ มุขวฎฺฎิยา นาเมตฺวา พทฺธปณฺณโกฎิยา วา มตฺถกิมณฺฑลโกฎิยา วา คิริกูฎาทิํ กโรนฺติ, อิมินา ตํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ ทเณฺฑติ ฉตฺตทเณฺฑฯ ฆฎกนฺติ ฆฎากาโรฯ วาฬรูปํ วาติ พฺยคฺฆาทิวาฬานํ รูปกํ วาฯ เลขาติ อุกฺกิริตฺวา วา ฉินฺทิตฺวา วา จิตฺตกมฺมวเสน วา กตราชิฯ

    3030.Paṇṇeti chadanapaṇṇe. Aḍḍhacandanti aḍḍhacandākāraṃ. Makaradantakanti makaradantākāraṃ, yaṃ ‘‘girikūṭa’’nti vuccati. Chindituṃ na vaṭṭatīti sambandho. Mukhavaṭṭiyā nāmetvā baddhapaṇṇakoṭiyā vā matthakimaṇḍalakoṭiyā vā girikūṭādiṃ karonti, iminā taṃ paṭikkhittaṃ. Daṇḍeti chattadaṇḍe. Ghaṭakanti ghaṭākāro. Vāḷarūpaṃ vāti byagghādivāḷānaṃ rūpakaṃ vā. Lekhāti ukkiritvā vā chinditvā vā cittakammavasena vā katarāji.

    ๓๐๓๑. ปญฺจวณฺณานํ สุตฺตานํ อนฺตเร นีลาทิเอกวเณฺณน สุเตฺตน ถิรตฺถํ ฉตฺตํ อโนฺต จ พหิ จ สิพฺพิตุํ วา ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกสลากปญฺชรํ ถิรตฺถํ วินนฺธิตุํ วา วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ‘‘ปญฺจวณฺณานํ เอกวเณฺณน ถิรตฺถ’’นฺติ อิมินา อเนกวเณฺณหิ สุเตฺตหิ วณฺณมฎฺฐตฺถาย สิพฺพิตุญฺจ วินนฺธิตุญฺจ น วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ

    3031.Pañcavaṇṇānaṃ suttānaṃ antare nīlādiekavaṇṇena suttena thiratthaṃ chattaṃ anto ca bahi ca sibbituṃ vā chattadaṇḍaggāhakasalākapañjaraṃ thiratthaṃ vinandhituṃ vā vaṭṭatīti yojanā. ‘‘Pañcavaṇṇānaṃ ekavaṇṇena thirattha’’nti iminā anekavaṇṇehi suttehi vaṇṇamaṭṭhatthāya sibbituñca vinandhituñca na vaṭṭatīti dīpeti.

    โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ปญฺจวเณฺณนา’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติ, ตสฺส เอกวเณฺณน, ปญฺจวเณฺณน วา สุเตฺตน ถิรตฺถํ สิพฺพิตุํ, วินนฺธิตุํ วา วฎฺฎตีติ โยชนา กาตพฺพา โหติ, โส เอเตฺถว เหฎฺฐา วุเตฺตน –

    Potthakesu pana ‘‘pañcavaṇṇenā’’ti pāṭho dissati, tassa ekavaṇṇena, pañcavaṇṇena vā suttena thiratthaṃ sibbituṃ, vinandhituṃ vā vaṭṭatīti yojanā kātabbā hoti, so ettheva heṭṭhā vuttena –

    ‘‘ปญฺจวเณฺณน สุเตฺตน, สิพฺพิตุํ น จ วฎฺฎตี’’ติ –

    ‘‘Pañcavaṇṇena suttena, sibbituṃ na ca vaṭṭatī’’ti –

    ปาเฐน จ ‘‘เกจิ ตาลปณฺณจฺฉตฺตํ อโนฺต วา พหิ วา ปญฺจวเณฺณน สุเตฺตน สิพฺพนฺตา วณฺณมฎฺฐํ กโรนฺติ, ตํ น วฎฺฎติฯ เอกวเณฺณน ปน นีเลน วา ปีตเกน วา เยน เกนจิ สุเตฺตน อโนฺต วา พหิ วา สิพฺพิตุํ ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปญฺชรํ วา วินนฺธิตุํ วฎฺฎติ, ตญฺจ โข ถิรกรณตฺถํ, น วณฺณมฎฺฐตฺถายา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๕ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉย) อฎฺฐกถาปาเฐน จ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา โส น คเหตโพฺพฯ

    Pāṭhena ca ‘‘keci tālapaṇṇacchattaṃ anto vā bahi vā pañcavaṇṇena suttena sibbantā vaṇṇamaṭṭhaṃ karonti, taṃ na vaṭṭati. Ekavaṇṇena pana nīlena vā pītakena vā yena kenaci suttena anto vā bahi vā sibbituṃ chattadaṇḍaggāhakaṃ salākapañjaraṃ vā vinandhituṃ vaṭṭati, tañca kho thirakaraṇatthaṃ, na vaṇṇamaṭṭhatthāyā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.85 pāḷimuttakavinicchaya) aṭṭhakathāpāṭhena ca virujjhati, tasmā so na gahetabbo.

    ๓๐๓๒. เลขา วา ปน เกวลาติ ยถาวุตฺตปฺปการา สลากเลขา วาฯ ฉินฺทิตฺวาติ อุกฺกิริตฺวา กตํ ฉินฺทิตฺวาฯ ฆํสิตฺวาติ จิตฺตกมฺมาทิวเสน กตํ ฆํสิตฺวาฯ

    3032.Lekhāvā pana kevalāti yathāvuttappakārā salākalekhā vā. Chinditvāti ukkiritvā kataṃ chinditvā. Ghaṃsitvāti cittakammādivasena kataṃ ghaṃsitvā.

    ๓๐๓๓. ทณฺฑพุนฺทมฺหีติ ฉตฺตทณฺฑสฺส ปญฺชเร คาหณตฺถาย ผาลิตพุนฺทมฺหิ, มูเลติ อโตฺถฯ อยเมตฺถ นิสฺสเนฺทเห วุตฺตนโยฯ ขุทฺทสิกฺขาคณฺฐิปเท ปน ‘‘ฉตฺตปิณฺฑิยา มูเล’’ติ วุตฺตํฯ อหิฉตฺตกสณฺฐานนฺติ ผุลฺลอหิฉตฺตาการํฯ รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทเณฺฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมิํ พนฺธฎฺฐาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา อุฎฺฐาเปตฺวาฯ พนฺธนตฺถายาติ วาเตน ยถา น จลติ, เอวํ รชฺชูหิ ทเณฺฑ ปญฺชรสฺส พนฺธนตฺถายฯ อุกฺกิริตฺวา กตา เลขา วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ยถาห – ‘‘วาตปฺปหาเรน อจลนตฺถํ ฉตฺตมณฺฑลิกํ รชฺชุเกหิ คาหาเปตฺวา ทเณฺฑ พนฺธนฺติ, ตสฺมิํ พนฺธนฎฺฐาเน วลยมิว อุกฺกิริตฺวา เลขํ ฐเปนฺติ, สา วฎฺฎตี’’ติฯ ‘‘สเจปิ น พนฺธนฺติ, พนฺธนารหฎฺฐานตฺตา วลยํ อุกฺกิริตุํ วฎฺฎตี’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    3033.Daṇḍabundamhīti chattadaṇḍassa pañjare gāhaṇatthāya phālitabundamhi, mūleti attho. Ayamettha nissandehe vuttanayo. Khuddasikkhāgaṇṭhipade pana ‘‘chattapiṇḍiyā mūle’’ti vuttaṃ. Ahichattakasaṇṭhānanti phullaahichattākāraṃ. Rajjukehi gāhāpetvā daṇḍe bandhanti, tasmiṃ bandhaṭṭhāne valayamiva ukkiritvā uṭṭhāpetvā. Bandhanatthāyāti vātena yathā na calati, evaṃ rajjūhi daṇḍe pañjarassa bandhanatthāya. Ukkiritvā katā lekhā vaṭṭatīti yojanā. Yathāha – ‘‘vātappahārena acalanatthaṃ chattamaṇḍalikaṃ rajjukehi gāhāpetvā daṇḍe bandhanti, tasmiṃ bandhanaṭṭhāne valayamiva ukkiritvā lekhaṃ ṭhapenti, sā vaṭṭatī’’ti. ‘‘Sacepi na bandhanti, bandhanārahaṭṭhānattā valayaṃ ukkirituṃ vaṭṭatī’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ.

    ๓๐๓๔. สมํ สตปทาทีนนฺติ สตปทาทีหิ สทิสํ, ตุลฺยเตฺถ กรณวจนปฺปสเงฺค สามิวจนํฯ

    3034.Samaṃ satapadādīnanti satapadādīhi sadisaṃ, tulyatthe karaṇavacanappasaṅge sāmivacanaṃ.

    ๓๐๓๕. ปตฺตสฺส ปริยเนฺต วาติ อนุวาตสฺส อุภยปริยเนฺต วาฯ ปตฺตมุเขปิ วาติ ทฺวินฺนํ อารามวิตฺถารปตฺตานํ สงฺฆฎิตฎฺฐาเน กเณฺณปิ วา, เอกเสฺสว วา ปตฺตสฺส อูนปูรณตฺถํ สงฺฆฎิตฎฺฐาเนปิ วาฯ เวณินฺติ กุทฺรูสสีสากาเรน สิพฺพนํฯ เกจิ ‘‘วรกสีสากาเรนา’’ติ วทนฺติฯ สงฺขลิกนฺติ พิฬาลทามสทิสํ สิพฺพนํฯ เกจิ ‘‘สตปทิสม’’นฺติ วทนฺติฯ

    3035.Pattassa pariyante vāti anuvātassa ubhayapariyante vā. Pattamukhepi vāti dvinnaṃ ārāmavitthārapattānaṃ saṅghaṭitaṭṭhāne kaṇṇepi vā, ekasseva vā pattassa ūnapūraṇatthaṃ saṅghaṭitaṭṭhānepi vā. Veṇinti kudrūsasīsākārena sibbanaṃ. Keci ‘‘varakasīsākārenā’’ti vadanti. Saṅkhalikanti biḷāladāmasadisaṃ sibbanaṃ. Keci ‘‘satapadisama’’nti vadanti.

    ๓๐๓๖. ปฎฺฎนฺติ ปฎฺฎมฺปิฯ อฎฺฐโกณาทิโก วิธิ ปกาโร เอตสฺสาติ อฎฺฐโกณาทิกวิธิ, ตํฯ ‘‘อฎฺฐโกณาทิก’’นฺติ คาถาพนฺธวเสน นิคฺคหิตาคโมฯ ‘‘อฎฺฐโกณาทิกํ วิธิ’’นฺติ เอตํ ‘‘ปฎฺฎ’’นฺติ เอตสฺส สมานาธิกรณวิเสสนํ, กิริยาวิเสสนํ วา, ‘‘กโรนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ อถ วา ปฎฺฎนฺติ เอตฺถ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํ, ปเฎฺฎติ อโตฺถฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข ‘‘อฎฺฐโกณาทิก’’นฺติ อุปโยควจนํฯ ‘‘วิธิ’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํฯ อิธ วกฺขมานจตุโกณสณฺฐานโต อญฺญํ อฎฺฐโกณาทิกํ นามํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปฎฺฎทฺวเยฯ อคฺฆิยคทารูปนฺติ อคฺฆิยสณฺฐานเญฺจว คทาสณฺฐานญฺจ สิพฺพนํฯ มุคฺครนฺติ ลคุฬสณฺฐานสิพฺพนํฯ อาทิ-สเทฺทน เจติยาทิสณฺฐานานํ คหณํฯ

    3036.Paṭṭanti paṭṭampi. Aṭṭhakoṇādiko vidhi pakāro etassāti aṭṭhakoṇādikavidhi, taṃ. ‘‘Aṭṭhakoṇādika’’nti gāthābandhavasena niggahitāgamo. ‘‘Aṭṭhakoṇādikaṃ vidhi’’nti etaṃ ‘‘paṭṭa’’nti etassa samānādhikaraṇavisesanaṃ, kiriyāvisesanaṃ vā, ‘‘karontī’’ti iminā sambandho. Atha vā paṭṭanti ettha bhummatthe upayogavacanaṃ, paṭṭeti attho. Imasmiṃ pakkhe ‘‘aṭṭhakoṇādika’’nti upayogavacanaṃ. ‘‘Vidhi’’nti etassa visesanaṃ. Idha vakkhamānacatukoṇasaṇṭhānato aññaṃ aṭṭhakoṇādikaṃ nāmaṃ. Tatthāti tasmiṃ paṭṭadvaye. Agghiyagadārūpanti agghiyasaṇṭhānañceva gadāsaṇṭhānañca sibbanaṃ. Muggaranti laguḷasaṇṭhānasibbanaṃ. Ādi-saddena cetiyādisaṇṭhānānaṃ gahaṇaṃ.

    ๓๐๓๗. ตตฺถาติ ปฎฺฎทฺวเย ตสฺมิํ ฐาเนฯ กกฺกฎกกฺขีนีติ กุฬีรอจฺฉิสทิสานิ สิพฺพนวิการานิฯ อุฎฺฐาเปนฺตีติ กโรนฺติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ คณฺฐิกปาสกปฎฺฎเกฯ สุตฺตาติ โกณโต โกณํ สิพฺพิตสุตฺตา เจว จตุรเสฺส สิพฺพิตสุตฺตา จฯ ปิฬกาติ เตสเมว สุตฺตานํ นิวเตฺตตฺวา สิพฺพิตโกฎิโย จฯ ทุวิเญฺญยฺยาวาติ รชนกาเล ทุวิเญฺญยฺยรูปา อโนฬาริกา ทีปิตา วฎฺฎนฺตีติฯ ยถาห – ‘‘โกณสุตฺตปิฬกา จ จีวเร รเตฺต ทุวิเญฺญยฺยรูปา วฎฺฎนฺตี’’ติฯ

    3037.Tatthāti paṭṭadvaye tasmiṃ ṭhāne. Kakkaṭakakkhīnīti kuḷīraacchisadisāni sibbanavikārāni. Uṭṭhāpentīti karonti. Tatthāti tasmiṃ gaṇṭhikapāsakapaṭṭake. Suttāti koṇato koṇaṃ sibbitasuttā ceva caturasse sibbitasuttā ca. Piḷakāti tesameva suttānaṃ nivattetvā sibbitakoṭiyo ca. Duviññeyyāvāti rajanakāle duviññeyyarūpā anoḷārikā dīpitā vaṭṭantīti. Yathāha – ‘‘koṇasuttapiḷakā ca cīvare ratte duviññeyyarūpā vaṭṭantī’’ti.

    ๓๐๓๘. คณฺฐิปาสกปฎฺฎกาติ คณฺฐิกปฎฺฎกปาสกปฎฺฎกาติ โยชนาฯ กณฺณโกเณสุ สุตฺตานีติ จีวรกเณฺณสุ สุตฺตานิ เจว คณฺฐิกปาสกปฎฺฎานํ โกเณสุ สุตฺตานิ จ ฉิเนฺทยฺยฯ เอตฺถ จ จีวเร อายามโต, วิตฺถารโต จ สิพฺพิตฺวา อนุวาตโต พหิ นิกฺขนฺตสุตฺตํ จีวรํ รชิตฺวา สุกฺขาปนกาเล รชฺชุยา วา จีวรวํเส วา พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุํ อนุวาเต พทฺธสุตฺตานิ จ กณฺณสุตฺตานิ นามฯ ยถาห – ‘‘จีวรสฺส กณฺณสุตฺตกํ น วฎฺฎติ, รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพํฯ ยํ ปน ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กณฺณสุตฺตก’นฺติ (มหาว. ๓๔๔) เอวํ อนุญฺญาตํ, ตํ อนุวาเต ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพํ, รชนกาเล ลคฺคนตฺถายา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๕ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉย)ฯ

    3038.Gaṇṭhipāsakapaṭṭakāti gaṇṭhikapaṭṭakapāsakapaṭṭakāti yojanā. Kaṇṇakoṇesu suttānīti cīvarakaṇṇesu suttāni ceva gaṇṭhikapāsakapaṭṭānaṃ koṇesu suttāni ca chindeyya. Ettha ca cīvare āyāmato, vitthārato ca sibbitvā anuvātato bahi nikkhantasuttaṃ cīvaraṃ rajitvā sukkhāpanakāle rajjuyā vā cīvaravaṃse vā bandhitvā olambituṃ anuvāte baddhasuttāni ca kaṇṇasuttāni nāma. Yathāha – ‘‘cīvarassa kaṇṇasuttakaṃ na vaṭṭati, rajitakāle chinditabbaṃ. Yaṃ pana ‘anujānāmi, bhikkhave, kaṇṇasuttaka’nti (mahāva. 344) evaṃ anuññātaṃ, taṃ anuvāte pāsakaṃ katvā bandhitabbaṃ, rajanakāle lagganatthāyā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.85 pāḷimuttakavinicchaya).

    ๓๐๓๙. สูจิกมฺมวิการํ วาติ จีวรมณฺฑนตฺถาย นานาสุตฺตเกหิ สตปทิสทิสํ สิพฺพนฺตา อาคนฺตุกปฎฺฎํ ฐเปนฺติ, เอวรูปํ สูจิกมฺมวิการํ วาฯ อญฺญํ วา ปน กิญฺจิปีติ อญฺญมฺปิ ยํ กิญฺจิ มาลากมฺมมิคปกฺขิปาทาทิกํ สิพฺพนวิการํฯ กาตุนฺติ สยํ กาตุํฯ การาเปตุนฺติ อเญฺญน วา การาเปตุํฯ

    3039.Sūcikammavikāraṃ vāti cīvaramaṇḍanatthāya nānāsuttakehi satapadisadisaṃ sibbantā āgantukapaṭṭaṃ ṭhapenti, evarūpaṃ sūcikammavikāraṃ vā. Aññaṃ vā pana kiñcipīti aññampi yaṃ kiñci mālākammamigapakkhipādādikaṃ sibbanavikāraṃ. Kātunti sayaṃ kātuṃ. Kārāpetunti aññena vā kārāpetuṃ.

    ๓๐๔๐. โย ภิกฺขุ ปรํ อุตฺตมํ วณฺณมฎฺฐํ อภิปตฺถยํ ปตฺถยโนฺต กญฺชิปิฎฺฐขลิอลฺลิกาทีสุ จีวรํ ปกฺขิปติ, ตสฺส ปน ภิกฺขุโน ทุกฺกฎา โมโกฺข น วิชฺชตีติ โยชนาฯ กญฺชีติ วายนตนฺตมกฺขนกญฺชิสทิสา ถูลากญฺชิฯ ปิฎฺฐนฺติ ตณฺฑุลปิฎฺฐํฯ ตณฺฑุลปิเฎฺฐหิ ปกฺกา ขลิอลฺลิกาติ นิยฺยาโสฯ อาทิ-สเทฺทน ลาขาทีนํ คหณํฯ

    3040. Yo bhikkhu paraṃ uttamaṃ vaṇṇamaṭṭhaṃ abhipatthayaṃ patthayanto kañjipiṭṭhakhaliallikādīsu cīvaraṃ pakkhipati, tassa pana bhikkhuno dukkaṭā mokkho na vijjatīti yojanā. Kañjīti vāyanatantamakkhanakañjisadisā thūlākañji. Piṭṭhanti taṇḍulapiṭṭhaṃ. Taṇḍulapiṭṭhehi pakkā khali. Allikāti niyyāso. Ādi-saddena lākhādīnaṃ gahaṇaṃ.

    ๓๐๔๑. จีวรสฺส กรเณ กรณกาเล สมุฎฺฐิตานํ สูจิหตฺถมลาทีนํ โธวนตฺถํ, กิลิฎฺฐกาเล จ โธวนตฺถํ กญฺชิปิฎฺฐิขลิอลฺลิกาทีสุ ปกฺขิปติ, วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    3041. Cīvarassa karaṇe karaṇakāle samuṭṭhitānaṃ sūcihatthamalādīnaṃ dhovanatthaṃ, kiliṭṭhakāle ca dhovanatthaṃ kañjipiṭṭhikhaliallikādīsu pakkhipati, vaṭṭatīti yojanā.

    ๓๐๔๒. ตตฺถาติ เยน กสาเวน จีวรํ รชติ, ตสฺมิํ รชเน จีวรสฺส สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ วา อุชฺชลภาวตฺถาย เตลํ วา วณฺณตฺถาย ลาขํ วาฯ กิญฺจีติ เอวรูปํ ยํ กิญฺจิฯ

    3042.Tatthāti yena kasāvena cīvaraṃ rajati, tasmiṃ rajane cīvarassa sugandhabhāvatthāya gandhaṃ vā ujjalabhāvatthāya telaṃ vā vaṇṇatthāya lākhaṃ vā. Kiñcīti evarūpaṃ yaṃ kiñci.

    ๓๐๔๓. มณินาติ ปาสาเณนฯ อเญฺญนปิ จ เกนจีติ เยน อุชฺชลํ โหติ, เอวรูเปน มุคฺคราทินา อเญฺญนาปิ เกนจิ วตฺถุนาฯ โทณิยาติ รชนมฺพเณฯ น ฆํสิตพฺพํ หเตฺถน คาเหตฺวา น ฆเฎฺฎตพฺพํฯ

    3043.Maṇināti pāsāṇena. Aññenapi ca kenacīti yena ujjalaṃ hoti, evarūpena muggarādinā aññenāpi kenaci vatthunā. Doṇiyāti rajanambaṇe. Na ghaṃsitabbaṃ hatthena gāhetvā na ghaṭṭetabbaṃ.

    ๓๐๔๔. รตฺตํ จีวรํ หเตฺถหิ กิญฺจิ โถกํ ปหริตุํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ‘‘ยตฺถ ปกฺกรชนํ ปกฺขิปนฺติ, สา รชนโทณิ, ตตฺถ อํสพทฺธกกายพนฺธนาทิํ ฆเฎฺฎตุํ วฎฺฎตี’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    3044. Rattaṃ cīvaraṃ hatthehi kiñci thokaṃ paharituṃ vaṭṭatīti yojanā. ‘‘Yattha pakkarajanaṃ pakkhipanti, sā rajanadoṇi, tattha aṃsabaddhakakāyabandhanādiṃ ghaṭṭetuṃ vaṭṭatī’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ.

    ๓๐๔๕. คณฺฐิเกติ เวฬุทนฺตวิสาณาทิมยคณฺฐิเกฯ เลขา วาติ วฎฺฎาทิเภทา เลขา วาฯ ปิฬกา วาติ สาสปพีชสทิสา ขุทฺทกปุพฺพุฬา วาฯ ปาฬิกณฺณิกเภทโกติ มณิกาวฬิรูปปุปฺผกณฺณิกรูปเภทโกฯ กปฺปพินฺทุวิกาโร วา น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    3045.Gaṇṭhiketi veḷudantavisāṇādimayagaṇṭhike. Lekhā vāti vaṭṭādibhedā lekhā vā. Piḷakā vāti sāsapabījasadisā khuddakapubbuḷā vā. Pāḷikaṇṇikabhedakoti maṇikāvaḷirūpapupphakaṇṇikarūpabhedako. Kappabinduvikāro vā na vaṭṭatīti yojanā.

    ๓๐๔๖. อารเคฺคนาติ อารกณฺฎกเคฺคน, สูจิมุเขน วาฯ กาจิปิ เลขาติ วฎฺฎกโคมุตฺตาทิสณฺฐานา ยา กาจิปิ ราชิฯ

    3046.Āraggenāti ārakaṇṭakaggena, sūcimukhena vā. Kācipi lekhāti vaṭṭakagomuttādisaṇṭhānā yā kācipi rāji.

    ๓๐๔๗. ภมํ อาโรเปตฺวาติ ภเม อลฺลิยาเปตฺวาฯ

    3047.Bhamaṃ āropetvāti bhame alliyāpetvā.

    ๓๐๔๘. ปตฺตมณฺฑลเกติ ปเตฺต ฉวิรกฺขนตฺถาย ติปุสีสาทีหิ กเต ปตฺตสฺส เหฎฺฐา อาธาราทีนํ อุปริ กาตเพฺพ ปตฺตมณฺฑลเกฯ ภิตฺติกมฺมนฺติ วิภตฺตํ กตฺวา นานาการรูปกกมฺมจิตฺตํฯ ยถาห ‘‘น ภิกฺขเว จิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ (จูฬว. ๒๕๓)ฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปตฺตมณฺฑเลฯ อสฺสาติ ภิกฺขุสฺสฯ มกรทนฺตกนฺติ คิริกูฎาการํฯ

    3048.Pattamaṇḍalaketi patte chavirakkhanatthāya tipusīsādīhi kate pattassa heṭṭhā ādhārādīnaṃ upari kātabbe pattamaṇḍalake. Bhittikammanti vibhattaṃ katvā nānākārarūpakakammacittaṃ. Yathāha ‘‘na bhikkhave citrāni pattamaṇḍalāni dhāretabbāni rūpakākiṇṇāni bhittikammakatānī’’ti (cūḷava. 253). Tatthāti tasmiṃ pattamaṇḍale. Assāti bhikkhussa. Makaradantakanti girikūṭākāraṃ.

    ๓๐๔๙. มุขวฎฺฎิยํ ยา เลขา ปริสฺสาวนพนฺธนตฺถาย อนุญฺญาตา, ตํ เลขํ ฐเปตฺวา ธมฺมกรณจฺฉเตฺต วา กุจฺฉิยํ วา กาจิปิ เลขา น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    3049. Mukhavaṭṭiyaṃ yā lekhā parissāvanabandhanatthāya anuññātā, taṃ lekhaṃ ṭhapetvā dhammakaraṇacchatte vā kucchiyaṃ vā kācipi lekhā na vaṭṭatīti yojanā.

    ๓๐๕๐. ตหิํ ตหินฺติ มตฺติกาย ตตฺถ ตตฺถฯ นฺติ ตถาโกฎฺฎิตทิคุณสุตฺตกายพนฺธนํฯ

    3050.Tahiṃ tahinti mattikāya tattha tattha. Tanti tathākoṭṭitadiguṇasuttakāyabandhanaṃ.

    ๓๐๕๑. อเนฺตสุ ทฬฺหตฺถาย ทสามุเข ทิคุณํ กตฺวา โกเฎฺฎนฺติ, วฎฺฎตีติ โยชนาฯ จิตฺติกมฺปีติ มาลากมฺมลตากมฺมจิตฺตยุตฺตมฺปิ กายพนฺธนํฯ

    3051. Antesu daḷhatthāya dasāmukhe diguṇaṃ katvā koṭṭenti, vaṭṭatīti yojanā. Cittikampīti mālākammalatākammacittayuttampi kāyabandhanaṃ.

    ๓๐๕๒. อกฺขีนีติ กุญฺชรกฺขีนิฯ ตตฺถาติ กายพนฺธเน วฎฺฎตีติ กา กถาฯ อุฎฺฐาเปตุนฺติ อุกฺกิริตุํฯ

    3052.Akkhīnīti kuñjarakkhīni. Tatthāti kāyabandhane vaṭṭatīti kā kathā. Uṭṭhāpetunti ukkirituṃ.

    ๓๐๕๓. ฆฎนฺติ ฆฎสณฺฐานํฯ เทฑฺฑุภสีสํ วาติ อุทกสปฺปสีสมุขสณฺฐานํ วาฯ ยํ กิญฺจิ วิการรูปํ ทสามุเข น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    3053.Ghaṭanti ghaṭasaṇṭhānaṃ. Deḍḍubhasīsaṃ vāti udakasappasīsamukhasaṇṭhānaṃ vā. Yaṃ kiñci vikārarūpaṃ dasāmukhe na vaṭṭatīti yojanā.

    ๓๐๕๔. มจฺฉกณฺฎนฺติ มจฺฉกณฺฎกาการํฯ ขชฺชูริปตฺตกาการนฺติ ขชฺชูริปตฺตสณฺฐานํฯ มจฺฉกณฺฎํ วา มฎฺฐํ ปฎฺฎิกํ วา ขชฺชูริปตฺตกาการํ วา อุชุกํ กตฺวา โกฎฺฎิตํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ เอตฺถ จ อุภยปเสฺสสุ มจฺฉกณฺฎกยุตฺตํ มจฺฉสฺส ปิฎฺฐิกณฺฎกํ วิย ยสฺส ปฎฺฎิกาย วายนํ โหติ, อิทํ กายพนฺธนํ มจฺฉกณฺฎกํ นามฯ ยสฺส ขชฺชูริปตฺตสณฺฐานมิว วายนํ โหติ, ตํ ขชฺชูริปตฺตกาการํ นามฯ

    3054.Macchakaṇṭanti macchakaṇṭakākāraṃ. Khajjūripattakākāranti khajjūripattasaṇṭhānaṃ. Macchakaṇṭaṃ vā maṭṭhaṃ paṭṭikaṃ vā khajjūripattakākāraṃ vā ujukaṃ katvā koṭṭitaṃ vaṭṭatīti yojanā. Ettha ca ubhayapassesu macchakaṇṭakayuttaṃ macchassa piṭṭhikaṇṭakaṃ viya yassa paṭṭikāya vāyanaṃ hoti, idaṃ kāyabandhanaṃ macchakaṇṭakaṃ nāma. Yassa khajjūripattasaṇṭhānamiva vāyanaṃ hoti, taṃ khajjūripattakākāraṃ nāma.

    ๓๐๕๕. ปกติวีตา ปฎฺฎิกาสูกรนฺตํนาม กุญฺจิกาโกสกสณฺฐานํฯ ตสฺส ทุวิธสฺส กายพนฺธนสฺสฯ ตตฺถ รชฺชุกา สูกรนฺตานุโลมิกา, ทุสฺสปฎฺฎํ ปฎฺฎิกานุโลมิกํฯ อาทิ-สเทฺทน มุทฺทิกกายพนฺธนํ คหิตํ, ตญฺจ สูกรนฺตานุโลมิกํฯ ยถาห – ‘‘เอกรชฺชุกํ, ปน มุทฺทิกกายพนฺธนญฺจ สูกรนฺตกํ อนุโลเมตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๗๘)ฯ ตตฺถ เอกรชฺชุกา นาม เอกวฎฺฎาฯ พหุรชฺชุกสฺส อกปฺปิยภาวํ วกฺขติฯ ‘‘มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิต’’นฺติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    3055. Pakativītā paṭṭikā. Sūkarantaṃnāma kuñcikākosakasaṇṭhānaṃ. Tassa duvidhassa kāyabandhanassa. Tattha rajjukā sūkarantānulomikā, dussapaṭṭaṃ paṭṭikānulomikaṃ. Ādi-saddena muddikakāyabandhanaṃ gahitaṃ, tañca sūkarantānulomikaṃ. Yathāha – ‘‘ekarajjukaṃ, pana muddikakāyabandhanañca sūkarantakaṃ anulometī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 278). Tattha ekarajjukā nāma ekavaṭṭā. Bahurajjukassa akappiyabhāvaṃ vakkhati. ‘‘Muddikakāyabandhanaṃ nāma caturassaṃ akatvā sajjita’’nti gaṇṭhipade vuttaṃ.

    ๓๐๕๖. มุรชํ นาม มุรชวฎฺฎิสณฺฐานํ เวเฐตฺวา กตํฯ เวเฐตฺวาติ นานาสุเตฺตหิ เวเฐตฺวาฯ สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ปน ‘‘พหุกา รชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย รชฺชุยา เวฐิตํ มุรชํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ มทฺทวีณํ นาม ปามงฺคสณฺฐานํฯ เทฑฺฑุภกํ นาม อุทกสปฺปสีสสทิสํฯ กลาพุกํ นาม พหุรชฺชุกํฯ รชฺชุโยติ อุภยโกฎิยํ เอกโต อพทฺธา พหู รชฺชุโย, ตถา พทฺธา กลาพุกํ นาม โหตีติฯ น วฎฺฎนฺตีติ มุรชาทีนิ อิมานิ สพฺพานิ กายพนฺธนานิ น วฎฺฎนฺติฯ ปุริมา เทฺวติ มุรชํ, มทฺทวีณญฺจาติ เทฺวฯ ‘‘ทสาสุ สิยุ’’นฺติ วตฺตเพฺพ คาถาพนฺธวเสน วณฺณโลเปน ‘‘ทสา สิยุ’’นฺติ วุตฺตํฯ ยถาห – ‘‘มุรชํ มทฺทวีณ’นฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนุญฺญาต’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๗๘)ฯ

    3056.Murajaṃ nāma murajavaṭṭisaṇṭhānaṃ veṭhetvā kataṃ. Veṭhetvāti nānāsuttehi veṭhetvā. Sikkhābhājanavinicchaye pana ‘‘bahukā rajjuyo ekato katvā ekāya rajjuyā veṭhitaṃ murajaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Maddavīṇaṃ nāma pāmaṅgasaṇṭhānaṃ. Deḍḍubhakaṃ nāma udakasappasīsasadisaṃ. Kalābukaṃ nāma bahurajjukaṃ. Rajjuyoti ubhayakoṭiyaṃ ekato abaddhā bahū rajjuyo, tathā baddhā kalābukaṃ nāma hotīti. Na vaṭṭantīti murajādīni imāni sabbāni kāyabandhanāni na vaṭṭanti. Purimā dveti murajaṃ, maddavīṇañcāti dve. ‘‘Dasāsu siyu’’nti vattabbe gāthābandhavasena vaṇṇalopena ‘‘dasā siyu’’nti vuttaṃ. Yathāha – ‘‘murajaṃ maddavīṇa’nti idaṃ dasāsuyeva anuññāta’’nti (cūḷava. aṭṭha. 278).

    ๓๐๕๗. ปามงฺคสณฺฐานาติ ปามงฺคทามํ วิย จตุรสฺสสณฺฐานาฯ

    3057.Pāmaṅgasaṇṭhānāti pāmaṅgadāmaṃ viya caturassasaṇṭhānā.

    ๓๐๕๘. เอกรชฺชุมยนฺติ นานาวเฎฺฎ เอกโต วเฎฺฎตฺวา กตรชฺชุมยํ กายพนฺธนํฯ วฎฺฎํ วฎฺฎตีติ ‘‘รชฺชุกา ทุสฺสปฎฺฎาที’’ติ เอตฺถ เอกวฎฺฎรชฺชุกา คหิตา, อิธ ปน นานาวเฎฺฎ เอกโต วเฎฺฎตฺวา กตาว เอกรชฺชุกา คหิตาฯ ตญฺจาติ ตมฺปิ เอกรชฺชุกกายพนฺธนํฯ ปามงฺคสณฺฐานํ เอกมฺปิ น จ วฎฺฎตีติ เกวลมฺปิ น วฎฺฎติฯ

    3058.Ekarajjumayanti nānāvaṭṭe ekato vaṭṭetvā katarajjumayaṃ kāyabandhanaṃ. Vaṭṭaṃ vaṭṭatīti ‘‘rajjukā dussapaṭṭādī’’ti ettha ekavaṭṭarajjukā gahitā, idha pana nānāvaṭṭe ekato vaṭṭetvā katāva ekarajjukā gahitā. Tañcāti tampi ekarajjukakāyabandhanaṃ. Pāmaṅgasaṇṭhānaṃ ekampi na ca vaṭṭatīti kevalampi na vaṭṭati.

    ๓๐๕๙. พหู รชฺชุเก เอกโต กตฺวาติ โยชนาฯ วฎฺฎติ พนฺธิตุนฺติ มุรชํ, กลาพุกํ วา น โหติ, รชฺชุกกายพนฺธนเมว โหตีติ อธิปฺปาโยฯ อยํ ปน วินิจฺฉโย ‘‘พหู รชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเฐตฺวา กตํ ‘พหุรชฺชุก’นฺติ น วตฺตพฺพํ, ตํ วฎฺฎตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๘๕ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉย) อฎฺฐกถาคโตว อิธ วุโตฺตฯ สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย ‘‘พหุกา รชฺชุโย เอกโต กตฺวา เอกาย รชฺชุยา เวฐิตํ มุรชํ นามา’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ อิมินา วิรุชฺฌนโต น คเหตพฺพํฯ

    3059. Bahū rajjuke ekato katvāti yojanā. Vaṭṭati bandhitunti murajaṃ, kalābukaṃ vā na hoti, rajjukakāyabandhanameva hotīti adhippāyo. Ayaṃ pana vinicchayo ‘‘bahū rajjuke ekato katvā ekena nirantaraṃ veṭhetvā kataṃ ‘bahurajjuka’nti na vattabbaṃ, taṃ vaṭṭatī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.85 pāḷimuttakavinicchaya) aṭṭhakathāgatova idha vutto. Sikkhābhājanavinicchaye ‘‘bahukā rajjuyo ekato katvā ekāya rajjuyā veṭhitaṃ murajaṃ nāmā’’ti yaṃ vuttaṃ, taṃ iminā virujjhanato na gahetabbaṃ.

    ๓๐๖๐. ทนฺต-สเทฺทน หตฺถิทนฺตา วุตฺตาฯ ชตูติ ลาขาฯ สงฺขมยนฺติ สงฺขนาภิมยํฯ วิธกา มตาติ เอตฺถ ‘‘เวฐกา’’ติปิ ปาโฐ วิธปริยาโยฯ

    3060.Danta-saddena hatthidantā vuttā. Jatūti lākhā. Saṅkhamayanti saṅkhanābhimayaṃ. Vidhakā matāti ettha ‘‘veṭhakā’’tipi pāṭho vidhapariyāyo.

    ๓๐๖๑. กายพนฺธนวิเธติ กายพนฺธนสฺส ทสาย ถิรภาวตฺถํ กฎฺฐทนฺตาทีหิ กเต วิเธฯ วิกาโร อฎฺฐมงฺคลาทิโกฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน, อุภยโกฎิยนฺติ อโตฺถฯ ตุ-สเทฺทน ฆฎากาโรปิ วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ

    3061.Kāyabandhanavidheti kāyabandhanassa dasāya thirabhāvatthaṃ kaṭṭhadantādīhi kate vidhe. Vikāro aṭṭhamaṅgalādiko. Tattha tatthāti tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne, ubhayakoṭiyanti attho. Tu-saddena ghaṭākāropi vaṭṭatīti dīpeti.

    ๓๐๖๒. มาลา …เป.… วิจิตฺติตาติ มาลากมฺมลตากเมฺมหิ จ มิคปกฺขิรูปาทินานารูเปหิ จ วิจิตฺติตาฯ ชนรญฺชนีติ พาลชนปโลภินีฯ

    3062.Mālā…pe… vicittitāti mālākammalatākammehi ca migapakkhirūpādinānārūpehi ca vicittitā. Janarañjanīti bālajanapalobhinī.

    ๓๐๖๔. อฎฺฐํสา วาปีติ เอตฺถ อปิ-สเทฺทน โสฬสํสาทีนํ คหณํฯ วณฺณมฎฺฐาติ มาลากมฺมาทิวณฺณมฎฺฐาฯ

    3064.Aṭṭhaṃsā vāpīti ettha api-saddena soḷasaṃsādīnaṃ gahaṇaṃ. Vaṇṇamaṭṭhāti mālākammādivaṇṇamaṭṭhā.

    ๓๐๖๕. อญฺชนิสลากาปิ ตถา วณฺณมฎฺฐา น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ‘‘อญฺชนิตฺถวิกาย จ, นานาวเณฺณหิ สุเตฺตหิ, จิตฺตกมฺมํ น วฎฺฎตี’’ติ ปาโฐ ยุชฺชติฯ ‘‘ถวิกาปิ จา’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส น คเหตโพฺพฯ

    3065. Añjanisalākāpi tathā vaṇṇamaṭṭhā na vaṭṭatīti yojanā. ‘‘Añjanitthavikāya ca, nānāvaṇṇehi suttehi, cittakammaṃ na vaṭṭatī’’ti pāṭho yujjati. ‘‘Thavikāpi cā’’ti pāṭho dissati, so na gahetabbo.

    ๓๐๖๖. รตฺตาทินา เยน เกนจิ เอกวเณฺณน สุเตฺตน ปิโลติกาทิมยํ ยํ กิญฺจิ สิปาฎิกํ สิเพฺพตฺวา วฬญฺชนฺตสฺส วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    3066. Rattādinā yena kenaci ekavaṇṇena suttena pilotikādimayaṃ yaṃ kiñci sipāṭikaṃ sibbetvā vaḷañjantassa vaṭṭatīti yojanā.

    ๓๐๖๗. มณิกนฺติ ถูลปุพฺพุฬํฯ ปิฬกนฺติ สุขุมปุพฺพุฬํฯ ปิปฺผเลติ วตฺถเจฺฉทนสเตฺถฯ อารกณฺฎเกติ ปตฺตาธารวลยานํ วิชฺฌนกณฺฎเกฯ ฐเปตุนฺติ อุฎฺฐาเปตุํฯ ยํ กิญฺจีติ เสสํ วณฺณมฎฺฐมฺปิ จฯ

    3067.Maṇikanti thūlapubbuḷaṃ. Piḷakanti sukhumapubbuḷaṃ. Pipphaleti vatthacchedanasatthe. Ārakaṇṭaketi pattādhāravalayānaṃ vijjhanakaṇṭake. Ṭhapetunti uṭṭhāpetuṃ. Yaṃ kiñcīti sesaṃ vaṇṇamaṭṭhampi ca.

    ๓๐๖๘. ทณฺฑเกติ ปิปฺผลทณฺฑเกฯ ยถาห – ‘‘ปิปฺผลเกปิ มณิกํ วา ปิฬกํ วา ยํ กิญฺจิ อุฎฺฐาเปตุํ น วฎฺฎติ, ทณฺฑเก ปน ปริเจฺฉทเลขา วฎฺฎตี’’ติฯ ปริเจฺฉทเลขามตฺตนฺติ อาณิพนฺธนฎฺฐานํ ปตฺวา ปริจฺฉินฺทนตฺถํ เอกาว เลขา วฎฺฎติฯ วลิตฺวาติ อุภยโกฎิยา มุขํ กตฺวา มเชฺฌ วลิโย คาเหตฺวาฯ นขเจฺฉทนํ ยสฺมา กโรนฺติ, ตสฺมา วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    3068.Daṇḍaketi pipphaladaṇḍake. Yathāha – ‘‘pipphalakepi maṇikaṃ vā piḷakaṃ vā yaṃ kiñci uṭṭhāpetuṃ na vaṭṭati, daṇḍake pana paricchedalekhā vaṭṭatī’’ti. Paricchedalekhāmattanti āṇibandhanaṭṭhānaṃ patvā paricchindanatthaṃ ekāva lekhā vaṭṭati. Valitvāti ubhayakoṭiyā mukhaṃ katvā majjhe valiyo gāhetvā. Nakhacchedanaṃ yasmā karonti, tasmā vaṭṭatīti yojanā.

    ๓๐๖๙. อรณิสหิเต กนฺตกิจฺจกโร ทโณฺฑ อุตฺตรารณี นามฯ วาปีติ ปิ-สเทฺทน อธรารณิํ สงฺคณฺหาติ, อุทุกฺขลทณฺฑเสฺสตํ อธิวจนํฯ อญฺฉนกยนฺตธนุ ธนุกํ นามฯ มุสลมตฺถกปีฬนทณฺฑโก เปลฺลทณฺฑโก นามฯ

    3069. Araṇisahite kantakiccakaro daṇḍo uttarāraṇī nāma. Vāpīti pi-saddena adharāraṇiṃ saṅgaṇhāti, udukkhaladaṇḍassetaṃ adhivacanaṃ. Añchanakayantadhanu dhanukaṃ nāma. Musalamatthakapīḷanadaṇḍako pelladaṇḍako nāma.

    ๓๐๗๐. สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาสํ วทนฺติฯ กฎฺฐเจฺฉทนวาสิยา ตถา ยํ กิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ น วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ ทฺวีสุ ปเสฺสสูติ วาสิยา อุโภสุ ปเสฺสสุฯ โลเหนาติ กปฺปิยโลเหน ฯ พนฺธิตุํ วฎฺฎตีติ อุชุกเมว จตุรสฺสํ วา อฎฺฐํสํ วา พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘สณฺฑาเสติ อคฺคิสณฺฑาเส’’ติ นิสฺสเนฺทเห วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปเนตฺถ สูจิสณฺฑาโส ทสฺสิโตฯ

    3070.Saṇḍāseti aggisaṇḍāsaṃ vadanti. Kaṭṭhacchedanavāsiyā tathā yaṃ kiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ na vaṭṭatīti sambandho. Dvīsu passesūti vāsiyā ubhosu passesu. Lohenāti kappiyalohena . Bandhituṃ vaṭṭatīti ujukameva caturassaṃ vā aṭṭhaṃsaṃ vā bandhituṃ vaṭṭati. ‘‘Saṇḍāseti aggisaṇḍāse’’ti nissandehe vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ panettha sūcisaṇḍāso dassito.

    ๓๐๗๑. เหฎฺฐโตติ เหฎฺฐา อโยปฎฺฎวลยสฺสฯ ‘‘อุปริ อหิจฺฉตฺตมกุลมตฺต’’นฺติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ

    3071.Heṭṭhatoti heṭṭhā ayopaṭṭavalayassa. ‘‘Upari ahicchattamakulamatta’’nti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ.

    ๓๐๗๒. วิสาเณติ เตลาสิญฺจนกควยมหิํสาทิสิเงฺคฯ นาฬิยํ วาปีติ เวฬุนาฬิกาทินาฬิยํฯ อปิ-สเทฺทน อลาพุํ สงฺคณฺหาติฯ อามณฺฑสารเกติ อามลกจุณฺณมยเตลฆเฎฯ เตลภาชนเกติ วุตฺตปฺปกาเรเยว เตลภาชเนฯ สพฺพํ วณฺณมฎฺฐํ วฎฺฎตีติ ปุมิตฺถิรูปรหิตํ มาลากมฺมาทิ สพฺพํ วณฺณมฎฺฐํ วฎฺฎติฯ

    3072.Visāṇeti telāsiñcanakagavayamahiṃsādisiṅge. Nāḷiyaṃ vāpīti veḷunāḷikādināḷiyaṃ. Api-saddena alābuṃ saṅgaṇhāti. Āmaṇḍasāraketi āmalakacuṇṇamayatelaghaṭe. Telabhājanaketi vuttappakāreyeva telabhājane. Sabbaṃ vaṇṇamaṭṭhaṃ vaṭṭatīti pumitthirūparahitaṃ mālākammādi sabbaṃ vaṇṇamaṭṭhaṃ vaṭṭati.

    ๓๐๗๓-๕. ปานียสฺส อุฬุเงฺกติ ปานียอุฬุเงฺกฯ โทณิยํ รชนสฺสปีติ รชนโทณิยมฺปิฯ ผลกปีเฐติ ผลกมเย ปีเฐฯ วลยาธารกาทิเกติ ทนฺตวลยาทิอาธารเกฯ อาทิ-สเทฺทน ทณฺฑาธารโก สงฺคหิโตฯ ปาทปุญฺฉนิยนฺติ โจฬาทิมยปาทปุญฺฉนิยํฯ ปีเฐติ ปาทปีเฐฯ สหจริเยน ปาทกถลิกายญฺจฯ จิตฺตํ สพฺพเมว จ วฎฺฎตีติ ยถาวุเตฺต ภิกฺขุปริกฺขาเร มาตุคามรูปรหิตํ, ภิกฺขุนิปริกฺขาเร ปุริสรูปรหิตํ อวเสสํ สพฺพํ จิตฺตกมฺมํฯ

    3073-5.Pānīyassa uḷuṅketi pānīyauḷuṅke. Doṇiyaṃ rajanassapīti rajanadoṇiyampi. Phalakapīṭheti phalakamaye pīṭhe. Valayādhārakādiketi dantavalayādiādhārake. Ādi-saddena daṇḍādhārako saṅgahito. Pādapuñchaniyanti coḷādimayapādapuñchaniyaṃ. Pīṭheti pādapīṭhe. Sahacariyena pādakathalikāyañca. Cittaṃ sabbameva ca vaṭṭatīti yathāvutte bhikkhuparikkhāre mātugāmarūparahitaṃ, bhikkhuniparikkhāre purisarūparahitaṃ avasesaṃ sabbaṃ cittakammaṃ.

    ๓๐๗๖. นานา จ เต มณโย จาติ นานามณี, อินฺทนีลาทโย, นานามณีหิ กตา นานามณิมยา, ถมฺภา จ กวาฎา จ ทฺวารา จ ภิตฺติโย จ ถมฺภกวาฎทฺวารภิตฺติโย, นานามณิมยา ถมฺภกวาฎทฺวารภิตฺติโย ยสฺมิํ ตํ ตถา วุตฺตํฯ กา กถา วณฺณมฎฺฐเกติ มาลากมฺมลตากมฺมจิตฺตกมฺมาทิวณฺณมฎฺฐเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อโตฺถฯ

    3076. Nānā ca te maṇayo cāti nānāmaṇī, indanīlādayo, nānāmaṇīhi katā nānāmaṇimayā, thambhā ca kavāṭā ca dvārā ca bhittiyo ca thambhakavāṭadvārabhittiyo, nānāmaṇimayā thambhakavāṭadvārabhittiyo yasmiṃ taṃ tathā vuttaṃ. Kā kathā vaṇṇamaṭṭhaketi mālākammalatākammacittakammādivaṇṇamaṭṭhake vattabbameva natthīti attho.

    ๓๐๗๗. ถาวรสฺส รตนมยปาสาทสฺส กปฺปิยภาวํ ทเสฺสตฺวา สุวณฺณาทิมยสฺสาปิ สพฺพปาสาทปริโภคสฺส กปฺปิยภาวํ ทเสฺสตุมาห ‘‘โสวณฺณย’’นฺติอาทิฯ โสวณฺณยนฺติ สุวณฺณมยํฯ ทฺวารกวาฎานํ อนนฺตรคาถาย ทสฺสิตตฺตา ‘‘ทฺวารกวาฎพนฺธ’’นฺติ อิมินา ทฺวารกวาฎพาหาสงฺขาตํ ปิฎฺฐสงฺฆาฎํ คหิตํฯ ทฺวารญฺจ กวาฎญฺจ ทฺวารกวาฎานิ, ทฺวารกวาฎานํ พนฺธํ ทฺวารกวาฎพนฺธํ, อุตฺตรปาสกุมฺมารสงฺขาตํ ปิฎฺฐสงฺฆาฎนฺติ อโตฺถฯ นานา จ เต มณโย จาติ นานามณี , สุวณฺณญฺจ นานามณี จ สุวณฺณนานามณี, ภิตฺติ จ ภูมิ จ ภิตฺติภูมิ สุวณฺณนานามณีหิ กตา ภิตฺติภูมิ สุวณฺณนานามณิภิตฺติภูมิอิติ อิเมสุ เสนาสนาวยเวสุฯ น กิญฺจิ เอกมฺปิ นิเสธนียนฺติ เอกมฺปิ เสนาสนปริกฺขารํ กิญฺจิ น นิเสธนียํ, เสนาสนมฺปิ น ปฎิกฺขิปิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เสนาสนํ วฎฺฎติ สพฺพเมวาติ สพฺพเมว เสนาสนปริโภคํ วฎฺฎติฯ ยถาห –

    3077. Thāvarassa ratanamayapāsādassa kappiyabhāvaṃ dassetvā suvaṇṇādimayassāpi sabbapāsādaparibhogassa kappiyabhāvaṃ dassetumāha ‘‘sovaṇṇaya’’ntiādi. Sovaṇṇayanti suvaṇṇamayaṃ. Dvārakavāṭānaṃ anantaragāthāya dassitattā ‘‘dvārakavāṭabandha’’nti iminā dvārakavāṭabāhāsaṅkhātaṃ piṭṭhasaṅghāṭaṃ gahitaṃ. Dvārañca kavāṭañca dvārakavāṭāni, dvārakavāṭānaṃ bandhaṃ dvārakavāṭabandhaṃ, uttarapāsakummārasaṅkhātaṃ piṭṭhasaṅghāṭanti attho. Nānā ca te maṇayo cāti nānāmaṇī, suvaṇṇañca nānāmaṇī ca suvaṇṇanānāmaṇī, bhitti ca bhūmi ca bhittibhūmi suvaṇṇanānāmaṇīhi katā bhittibhūmi suvaṇṇanānāmaṇibhittibhūmi. Iti imesu senāsanāvayavesu. Na kiñci ekampi nisedhanīyanti ekampi senāsanaparikkhāraṃ kiñci na nisedhanīyaṃ, senāsanampi na paṭikkhipitabbanti attho. Senāsanaṃ vaṭṭati sabbamevāti sabbameva senāsanaparibhogaṃ vaṭṭati. Yathāha –

    ‘‘สพฺพํ ปาสาทปริโภคนฺติ สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรานิ กวาฎานิ มญฺจปีฐานิ ตาลวณฺฎานิ สุวณฺณรชตมยานิ ปานียฆฎปานียสราวานิ ยํ กิญฺจิ จิตฺตกมฺมกตํ, สพฺพํ วฎฺฎติฯ ‘ปาสาทสฺส ทาสิทาสํ เขตฺตวตฺถุํ โคมหิํสํ เทมา’ติ วทนฺติ, ปาเฎกฺกํ คหณกิจฺจํ นตฺถิ, ปาสาเท ปฎิคฺคหิเต ปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ โคนกาทีนิ สงฺฆิกวิหาเร วา ปุคฺคลิกวิหาเร วา มญฺจปีฐเกสุ อตฺถริตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎนฺติฯ ธมฺมาสเน ปน คิหิวิกตนีหาเรน ลพฺภนฺติ, ตตฺราปิ นิปชฺชิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๐)ฯ

    ‘‘Sabbaṃ pāsādaparibhoganti suvaṇṇarajatādivicitrāni kavāṭāni mañcapīṭhāni tālavaṇṭāni suvaṇṇarajatamayāni pānīyaghaṭapānīyasarāvāni yaṃ kiñci cittakammakataṃ, sabbaṃ vaṭṭati. ‘Pāsādassa dāsidāsaṃ khettavatthuṃ gomahiṃsaṃ demā’ti vadanti, pāṭekkaṃ gahaṇakiccaṃ natthi, pāsāde paṭiggahite paṭiggahitameva hoti. Gonakādīni saṅghikavihāre vā puggalikavihāre vā mañcapīṭhakesu attharitvā paribhuñjituṃ na vaṭṭanti. Dhammāsane pana gihivikatanīhārena labbhanti, tatrāpi nipajjituṃ na vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 320).

    ‘‘โสวณฺณทฺวารกวาฎพนฺธ’’นฺติ วา ปาโฐ, พหุพฺพีหิสมาโสฯ อิมินา จ ทุติยปเทน จ เสนาสนํ วิเสสียติฯ

    ‘‘Sovaṇṇadvārakavāṭabandha’’nti vā pāṭho, bahubbīhisamāso. Iminā ca dutiyapadena ca senāsanaṃ visesīyati.

    ๓๐๗๘. น ทวํ กเรติ ‘‘กิํ พุโทฺธ สิลกพุโทฺธ? กิํ ธโมฺม โคธโมฺม อชธโมฺม? กิํ สโงฺฆ โคสโงฺฆ อชสโงฺฆ มิคสโงฺฆ’’ติ ปริหาสํ น กเรยฺยฯ ติตฺถิยพฺพตํ มูคพฺพตาทิกํ เนว คเณฺหยฺยาติ โยชนาฯ

    3078.Na davaṃ kareti ‘‘kiṃ buddho silakabuddho? Kiṃ dhammo godhammo ajadhammo? Kiṃ saṅgho gosaṅgho ajasaṅgho migasaṅgho’’ti parihāsaṃ na kareyya. Titthiyabbataṃ mūgabbatādikaṃ neva gaṇheyyāti yojanā.

    ๓๐๗๙. ตา ภิกฺขุนิโย อุทกาทินา วาปิ น สิเญฺจยฺยาติ โยชนาฯ

    3079. bhikkhuniyo udakādinā vāpi na siñceyyāti yojanā.

    ๓๐๘๐. อญฺญตฺถ อญฺญสฺมิํ วิหาเร วสฺสํวุโตฺถ อญฺญตฺถ อญฺญสฺมิํ วิหาเร ภาคํ วสฺสาวาสิกภาคํ คณฺหาติ เจ, ทุกฺกฎํฯ ตสฺมิํ จีวเร นเฎฺฐ วา ชชฺชเร ชิเณฺณ วา คีวา ปุน ทาตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    3080.Aññattha aññasmiṃ vihāre vassaṃvuttho aññattha aññasmiṃ vihāre bhāgaṃ vassāvāsikabhāgaṃ gaṇhāti ce, dukkaṭaṃ. Tasmiṃ cīvare naṭṭhe vā jajjare jiṇṇe vā gīvā puna dātabbanti yojanā.

    ๓๐๘๑. โสติ อญฺญตฺถ ภาคํ คณฺหนโก ภิกฺขุฯ เตหีติ จีวรสามิเกหิฯ นฺติ ตถา คหิตํ วสฺสาวาสิกภาคํฯ เตสนฺติ จีวรสามิกานํฯ

    3081.Soti aññattha bhāgaṃ gaṇhanako bhikkhu. Tehīti cīvarasāmikehi. Tanti tathā gahitaṃ vassāvāsikabhāgaṃ. Tesanti cīvarasāmikānaṃ.

    ๓๐๘๒. กโรโตติ การาปยโตฯ ทวา สิลํ ปวิชฺฌโนฺตติ ปนฺติกีฬาย กีฬตฺถิกานํ สิปฺปทสฺสนวเสน สกฺขรํ วา นินฺนฎฺฐานํ ปวฎฺฎนวเสน ปาสาณํ วา ปวิชฺฌโนฺตฯ น เกวลญฺจ ปาสาณํ, อญฺญมฺปิ ยํ กิญฺจิ ทารุขณฺฑํ วา อิฎฺฐกขณฺฑํ วา หเตฺถน วา ยเนฺตน วา ปวิชฺฌิตุํ น วฎฺฎติฯ เจติยาทีนํ อตฺถาย ปาสาณาทโย หสนฺตา หสนฺตา ปวเฎฺฎนฺติปิ ขิปนฺติปิ อุกฺขิปนฺติปิ, กมฺมสมโยติ วฎฺฎติฯ

    3082.Karototi kārāpayato. Davā silaṃ pavijjhantoti pantikīḷāya kīḷatthikānaṃ sippadassanavasena sakkharaṃ vā ninnaṭṭhānaṃ pavaṭṭanavasena pāsāṇaṃ vā pavijjhanto. Na kevalañca pāsāṇaṃ, aññampi yaṃ kiñci dārukhaṇḍaṃ vā iṭṭhakakhaṇḍaṃ vā hatthena vā yantena vā pavijjhituṃ na vaṭṭati. Cetiyādīnaṃ atthāya pāsāṇādayo hasantā hasantā pavaṭṭentipi khipantipi ukkhipantipi, kammasamayoti vaṭṭati.

    ๓๐๘๓. คิหิโคปกทานสฺมินฺติ คิหีนํ อุยฺยานโคปกาทีหิ อตฺตนา โคปิตอุยฺยานาทิโต ผลาทีนํ ทาเน ยาวทตฺถํ ทิยฺยมาเนปิฯ น โทโส โกจิ คณฺหโตติ ปฎิคฺคณฺหโต ภิกฺขุโน โกจิ โทโส นตฺถิฯ สงฺฆเจติยสนฺตเก ตาลผลาทิมฺหิ อุยฺยานโคปกาทีหิ ทิยฺยมาเน ปริเจฺฉทนโย เตสํ เวตนวเสน ปริจฺฉินฺนานํเยว คหเณ อนาปตฺตินโย วุโตฺตติ โยชนาฯ

    3083.Gihigopakadānasminti gihīnaṃ uyyānagopakādīhi attanā gopitauyyānādito phalādīnaṃ dāne yāvadatthaṃ diyyamānepi. Na doso koci gaṇhatoti paṭiggaṇhato bhikkhuno koci doso natthi. Saṅghacetiyasantake tālaphalādimhi uyyānagopakādīhi diyyamāne paricchedanayo tesaṃ vetanavasena paricchinnānaṃyeva gahaṇe anāpattinayo vuttoti yojanā.

    ๓๐๘๔. ปุริสสํยุตฺตนฺติ ปริวิสเกหิ ปุริเสหิ วุยฺหมานํฯ หตฺถวฎฺฎกนฺติ หเตฺถเนว ปวเฎฺฎตพฺพสกฎํฯ

    3084.Purisasaṃyuttanti parivisakehi purisehi vuyhamānaṃ. Hatthavaṭṭakanti hattheneva pavaṭṭetabbasakaṭaṃ.

    ๓๐๘๕. ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ กิญฺจิปิ อนาจารํ น สมฺปโยเชยฺย น กาเรยฺยาติ โยชนาฯ ‘‘กิญฺจี’’ติปิ ปาโฐ, คหฎฺฐํ วา ปพฺพชิตํ วา กิญฺจิ ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ อนาจารวเสน น สมฺปโยเชยฺยาติ อโตฺถฯ โอภาเสนฺตสฺสาติ กามาธิปฺปายํ ปกาเสนฺตสฺสฯ

    3085. Bhikkhuniyā saddhiṃ kiñcipi anācāraṃ na sampayojeyya na kāreyyāti yojanā. ‘‘Kiñcī’’tipi pāṭho, gahaṭṭhaṃ vā pabbajitaṃ vā kiñci bhikkhuniyā saddhiṃ anācāravasena na sampayojeyyāti attho. Obhāsentassāti kāmādhippāyaṃ pakāsentassa.

    ๓๐๘๖. หเวติ เอกํสเตฺถ นิปาโตฯ

    3086.Haveti ekaṃsatthe nipāto.

    ๓๐๘๗. อตฺตโน ปริโภคตฺถํ ทินฺนนฺติ ‘‘ตุเมฺหเยว ปริภุญฺชถา’’ติ วตฺวา ทินฺนํ ติจีวราทิํฯ

    3087.Attano paribhogatthaṃ dinnanti ‘‘tumheyeva paribhuñjathā’’ti vatvā dinnaṃ ticīvarādiṃ.

    ๓๐๘๘. อสปฺปายนฺติ ปิตฺตาทิโทสานํ โกปนวเสน อผาสุการณํฯ อปเนตุมฺปิ ชหิตุมฺปิ, ปเคว ทาตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ อคฺคํ คเหตฺวา ทาตุํ วาติ ตถา คหณารหํ อนฺนาทิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘กติปาหํ ภุตฺวา’’ติ เสโสฯ ปิณฺฑปาตาทิโต อคฺคํ คเหตฺวา ปตฺตาทิํ กติปาหํ ภุตฺวา ทาตุํ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ

    3088.Asappāyanti pittādidosānaṃ kopanavasena aphāsukāraṇaṃ. Apanetumpi jahitumpi, pageva dātunti adhippāyo. Aggaṃ gahetvā dātuṃ vāti tathā gahaṇārahaṃ annādiṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Katipāhaṃ bhutvā’’ti seso. Piṇḍapātādito aggaṃ gahetvā pattādiṃ katipāhaṃ bhutvā dātuṃ vaṭṭatīti attho.

    ๓๐๘๙. ปญฺจวคฺคูปสมฺปทาติ วินยธรปญฺจเมน สเงฺฆน กาตพฺพอุปสมฺปทาฯ นวาติ อเญฺญหิ เอกวารมฺปิ อปริภุตฺตาฯ คุณงฺคุณอุปาหนา จตุปฎลโต ปฎฺฐาย พหุปฎลอุปาหนาฯ จมฺมตฺถาโรติ กปฺปิยจมฺมตฺถรณญฺจฯ ธุวนฺหานนฺติ ปกตินหานํฯ

    3089.Pañcavaggūpasampadāti vinayadharapañcamena saṅghena kātabbaupasampadā. Navāti aññehi ekavārampi aparibhuttā. Guṇaṅguṇaupāhanā catupaṭalato paṭṭhāya bahupaṭalaupāhanā. Cammatthāroti kappiyacammattharaṇañca. Dhuvanhānanti pakatinahānaṃ.

    ๓๐๙๐. สมฺพาธสฺสาติ วจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺคทฺวยสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลา อโนฺต สตฺถวตฺถิกมฺมํ วาริตนฺติ โยชนาฯ สเตฺถน อนฺตมโส นเขนาปิ เฉทนผาลนาทิวเสน สตฺถกมฺมญฺจ วตฺถีหิ เภสชฺชเตลสฺส อโนฺต ปวิสนวเสน กาตพฺพํ วตฺถิกมฺมญฺจ ถุลฺลจฺจยาปตฺติวิธาเนน วาริตนฺติ อโตฺถฯ ปสฺสาวมคฺคสฺส สามนฺตา ทฺวงฺคุลํ องฺคชาตสฺส อคฺคโต ปฎฺฐาย คเหตพฺพํฯ

    3090.Sambādhassāti vaccamaggapassāvamaggadvayassa sāmantā dvaṅgulā anto satthavatthikammaṃ vāritanti yojanā. Satthena antamaso nakhenāpi chedanaphālanādivasena satthakammañca vatthīhi bhesajjatelassa anto pavisanavasena kātabbaṃ vatthikammañca thullaccayāpattividhānena vāritanti attho. Passāvamaggassa sāmantā dvaṅgulaṃ aṅgajātassa aggato paṭṭhāya gahetabbaṃ.

    ๓๐๙๑. ‘‘ปากตฺถ’’นฺติ อิมินา นิพฺพาเปตุํ จลเน นิโทฺทสภาวํ ทีเปติฯ

    3091.‘‘Pākattha’’nti iminā nibbāpetuṃ calane niddosabhāvaṃ dīpeti.

    ๓๐๙๒. อุปฬาเลตีติ ‘‘ปตฺตจีวราทิปริกฺขารํ เต ทมฺมี’’ติ วตฺวา ปโลเภตฺวา คณฺหาติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปุคฺคเลฯ อาทีนวนฺติ อลชฺชิตาทิภาวํ ทเสฺสตฺวา เตน สห สโมฺภคาทิกรเณ อลชฺชิภาวาปชฺชนาทิอาทีนวํฯ ตสฺสาติ ตโต วิโยเชตพฺพสฺส ตสฺสฯ

    3092.Upaḷāletīti ‘‘pattacīvarādiparikkhāraṃ te dammī’’ti vatvā palobhetvā gaṇhāti. Tatthāti tasmiṃ puggale. Ādīnavanti alajjitādibhāvaṃ dassetvā tena saha sambhogādikaraṇe alajjibhāvāpajjanādiādīnavaṃ. Tassāti tato viyojetabbassa tassa.

    ๓๐๙๓. อาทีนวทสฺสนปฺปการํ ทเสฺสตุมาห ‘‘มกฺขน’’นฺติอาทิฯ ‘‘นหายิตุํ คเตน คูถมุเตฺตหิ มกฺขนํ วิย ทุสฺสีลํ นิสฺสาย วิหรตา ตยา กต’’นฺติ เอวํ ตตฺถ อาทีนวํ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    3093. Ādīnavadassanappakāraṃ dassetumāha ‘‘makkhana’’ntiādi. ‘‘Nahāyituṃ gatena gūthamuttehi makkhanaṃ viya dussīlaṃ nissāya viharatā tayā kata’’nti evaṃ tattha ādīnavaṃ vattuṃ vaṭṭatīti yojanā.

    ๓๐๙๔-๕. ภตฺตเคฺค โภชนสาลาย ภุญฺชมาโนฯ ยาคุปาเนติ ยาคุํ ปิวนกาเลฯ อโนฺตคาเมติ อนฺตรฆเรฯ วีถิยนฺติ นิคมนครคามาทีนํ รถิกายฯ อนฺธกาเรติ อนฺธกาเร วตฺตมาเน, อนฺธการคโตติ อโตฺถฯ ตญฺหิ วนฺทนฺตสฺส มญฺจปาทาทีสุปิ นลาฎํ ปฎิหเญฺญยฺยฯ อนาวโชฺชติ กิจฺจปสุตตฺตา วนฺทนํ อสมนฺนาหรโนฺตฯ เอกาวโตฺตติ เอกโต อาวโตฺต สปตฺตปเกฺข ฐิโต เวรี วิสภาคปุคฺคโลฯ อยญฺหิ วนฺทิยมาโน ปาเทนปิ ปหเรยฺยฯ วาวโฎติ สิพฺพนกมฺมาทิกิจฺจนฺตรปสุโตฯ

    3094-5.Bhattagge bhojanasālāya bhuñjamāno. Yāgupāneti yāguṃ pivanakāle. Antogāmeti antaraghare. Vīthiyanti nigamanagaragāmādīnaṃ rathikāya. Andhakāreti andhakāre vattamāne, andhakāragatoti attho. Tañhi vandantassa mañcapādādīsupi nalāṭaṃ paṭihaññeyya. Anāvajjoti kiccapasutattā vandanaṃ asamannāharanto. Ekāvattoti ekato āvatto sapattapakkhe ṭhito verī visabhāgapuggalo. Ayañhi vandiyamāno pādenapi pahareyya. Vāvaṭoti sibbanakammādikiccantarapasuto.

    สุโตฺตติ นิทฺทํ โอกฺกโนฺตฯ ขาทนฺติ ปิฎฺฐกขชฺชกาทีนิ ขาทโนฺตฯ ภุญฺชโนฺตติ โอทนาทีนิ ภุญฺชโนฺตฯ วจฺจํ มุตฺตมฺปิ วา กรนฺติ อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา กโรโนฺต อิติ อิเมสํ เตรสนฺนํ วนฺทนา อยุตฺตเตฺถน วาริตาติ สมฺพโนฺธฯ

    Suttoti niddaṃ okkanto. Khādanti piṭṭhakakhajjakādīni khādanto. Bhuñjantoti odanādīni bhuñjanto. Vaccaṃ muttampi vā karanti uccāraṃ vā passāvaṃ vā karonto iti imesaṃ terasannaṃ vandanā ayuttatthena vāritāti sambandho.

    ๓๐๙๖-๗. กมฺมลทฺธิสีมาวเสน ตีสุ นานาสํวาสเกสุ กมฺมนานาสํวาสกสฺส อุกฺขิตฺตคฺคหเณน คหิตตฺตา, สีมานานาสํวาสกวุฑฺฒตรปกตตฺตสฺส วนฺทิยตฺตา, ปาริเสสญาเยน ‘‘นานาสํวาสโก วุฑฺฒตโร อธมฺมวาที อวนฺทิโย’’ติ (ปริ. ๔๖๗) วจนโต จ ลทฺธินานาสํวาสโก อิธ ‘‘นานาสํวาสโก’’ติ คหิโตติ เวทิตโพฺพฯ อุกฺขิโตฺตติ ติวิเธนาปิ อุเกฺขปนียกเมฺมน อุกฺขิตฺตโกฯ ครุกฎฺฐา จ ปญฺจาติ ปาริวาสิกมูลายปฎิกสฺสนารหมานตฺตารหมานตฺตจาริกอพฺภานารหสงฺขาตา ปญฺจ ครุกฎฺฐา จฯ อิเม ปน อญฺญมญฺญสฺส ยถาวุฑฺฒํ วนฺทนาทีนิ ลภนฺติ, ปกตเตฺตน อวนฺทิยตฺตาว อวนฺทิเยสุ คหิตาฯ อิเม พาวีสติ ปุคฺคเลติ นคฺคาทโย ยถาวุเตฺตฯ

    3096-7. Kammaladdhisīmāvasena tīsu nānāsaṃvāsakesu kammanānāsaṃvāsakassa ukkhittaggahaṇena gahitattā, sīmānānāsaṃvāsakavuḍḍhatarapakatattassa vandiyattā, pārisesañāyena ‘‘nānāsaṃvāsako vuḍḍhataro adhammavādī avandiyo’’ti (pari. 467) vacanato ca laddhinānāsaṃvāsako idha ‘‘nānāsaṃvāsako’’ti gahitoti veditabbo. Ukkhittoti tividhenāpi ukkhepanīyakammena ukkhittako. Garukaṭṭhā ca pañcāti pārivāsikamūlāyapaṭikassanārahamānattārahamānattacārikaabbhānārahasaṅkhātā pañca garukaṭṭhā ca. Ime pana aññamaññassa yathāvuḍḍhaṃ vandanādīni labhanti, pakatattena avandiyattāva avandiyesu gahitā. Ime bāvīsati puggaleti naggādayo yathāvutte.

    ๓๐๙๘. ‘‘ธมฺมวาที’’ติ อิทํ ‘‘นานาสํวาสวุฑฺฒโก’’ติ เอตสฺส วิเสสนํฯ ยถาห ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, วนฺทิยาฯ ปจฺฉา อุปสมฺปเนฺนน ปุเรอุปสมฺปโนฺน วนฺทิโย, นานาสํวาสโก วุฑฺฒตโร ธมฺมวาที วนฺทิโย, สเทวเก โลเก, ภิกฺขเว, สมารเก…เป.… ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วนฺทิโย’’ติ (จูฬว. ๓๑๒)ฯ

    3098.‘‘Dhammavādī’’ti idaṃ ‘‘nānāsaṃvāsavuḍḍhako’’ti etassa visesanaṃ. Yathāha ‘‘tayome, bhikkhave, vandiyā. Pacchā upasampannena pureupasampanno vandiyo, nānāsaṃvāsako vuḍḍhataro dhammavādī vandiyo, sadevake loke, bhikkhave, samārake…pe… tathāgato arahaṃ sammāsambuddho vandiyo’’ti (cūḷava. 312).

    ๓๐๙๙. ‘‘เอเตเยว วนฺทิยา, น อเญฺญ’’ติ นิยามสฺส อกตตฺตา อเญฺญสมฺปิ วนฺทิยานํ สพฺภาวํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ตชฺชนาที’’ติอาทิฯ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน นิยสฺสปพฺพาชนียปอสารณียกเมฺม สงฺคณฺหาติฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ วนฺทนียาธิกาเรฯ กมฺมนฺติ อปโลกนาทิ จตุพฺพิธํ กมฺมํฯ

    3099. ‘‘Eteyeva vandiyā, na aññe’’ti niyāmassa akatattā aññesampi vandiyānaṃ sabbhāvaṃ dassetumāha ‘‘tajjanādī’’tiādi. Ettha ādi-saddena niyassapabbājanīyapaasāraṇīyakamme saṅgaṇhāti. Etthāti etasmiṃ vandanīyādhikāre. Kammanti apalokanādi catubbidhaṃ kammaṃ.

    ๓๑๐๐. สเงฺฆน อธมฺมกเมฺม กริยมาเน ตํ วาเรตุํ อสโกฺกเนฺตน, อสโกฺกเนฺตหิ จ ปฎิปชฺชิตพฺพวิธิํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อธิฎฺฐาน’’นฺติอาทิฯ อธิฎฺฐานํ ปเนกสฺส อุทฺทิฎฺฐนฺติ โยชนา, อธมฺมกมฺมํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนมนฺตเร นิสีทิตฺวา ตํ ‘‘อธมฺม’’นฺติ ชานิตฺวาปิ ตํ วาเรตุํ อสโกฺกนฺตสฺส เอกสฺส ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ จิเตฺตน อธิฎฺฐานมุทฺทิฎฺฐนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ทฺวินฺนํ วา ติณฺณเมว จาติ ตเมว วาเรตุํ อสโกฺกนฺตานํ ทฺวินฺนํ วา ติณฺณํ วา ภิกฺขูนํ อญฺญมญฺญํ ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ ทิฎฺฐาวิกมฺมํ สกสกทิฎฺฐิยา ปกาสนํ อุทฺทิฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ ตโต อุทฺธํ ตีหิ อุทฺธํ จตุนฺนํ กมฺมสฺส ปฎิโกฺกสนํ ‘‘อิทํ อธมฺมกมฺมํ มา กโรถา’’ติ ปฎิกฺขิปนํ อุทฺทิฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ

    3100. Saṅghena adhammakamme kariyamāne taṃ vāretuṃ asakkontena, asakkontehi ca paṭipajjitabbavidhiṃ dassetumāha ‘‘adhiṭṭhāna’’ntiādi. Adhiṭṭhānaṃ panekassa uddiṭṭhanti yojanā, adhammakammaṃ karontānaṃ bhikkhūnamantare nisīditvā taṃ ‘‘adhamma’’nti jānitvāpi taṃ vāretuṃ asakkontassa ekassa ‘‘na metaṃ khamatī’’ti cittena adhiṭṭhānamuddiṭṭhanti vuttaṃ hoti. Dvinnaṃ vā tiṇṇameva cāti tameva vāretuṃ asakkontānaṃ dvinnaṃ vā tiṇṇaṃ vā bhikkhūnaṃ aññamaññaṃ ‘‘na metaṃ khamatī’’ti diṭṭhāvikammaṃ sakasakadiṭṭhiyā pakāsanaṃ uddiṭṭhanti attho. Tato uddhaṃ tīhi uddhaṃ catunnaṃ kammassa paṭikkosanaṃ ‘‘idaṃ adhammakammaṃ mā karothā’’ti paṭikkhipanaṃ uddiṭṭhanti attho.

    ๓๑๐๑. วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณํ อคฺคหิตคฺคหเณน ปญฺจวิธนฺติ ทเสฺสตุมาห ‘‘สนฺทิโฎฺฐ’’ติอาทิฯ โยชนา ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – สนฺทิโฎฺฐ จ โหติ, ชีวติ จ, คหิเต จ อตฺตมโน โหติ, สมฺภโตฺต จ โหติ, ชีวติ จ, คหิเต จ อตฺตมโน โหติ, อาลปิโต จ โหติ, ชีวติ จ, คหิเต จ อตฺตมโน โหตีติ เอวํ สนฺทิฎฺฐสมฺภตฺตอาลปิตานํ ติณฺณเมเกกสฺส ตีณิ ตีณิ วิสฺสาสคฺคาหลกฺขณานิ กตฺวา นววิธํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ วจนโตฺถ, ปเนตฺถ วินิจฺฉโย จ เหฎฺฐา วุโตฺตวฯ

    3101. Vissāsaggāhalakkhaṇaṃ aggahitaggahaṇena pañcavidhanti dassetumāha ‘‘sandiṭṭho’’tiādi. Yojanā panettha evaṃ veditabbā – sandiṭṭho ca hoti, jīvati ca, gahite ca attamano hoti, sambhatto ca hoti, jīvati ca, gahite ca attamano hoti, ālapito ca hoti, jīvati ca, gahite ca attamano hotīti evaṃ sandiṭṭhasambhattaālapitānaṃ tiṇṇamekekassa tīṇi tīṇi vissāsaggāhalakkhaṇāni katvā navavidhaṃ hotīti veditabbaṃ. Vacanattho, panettha vinicchayo ca heṭṭhā vuttova.

    ๓๑๐๒. สีลวิปตฺติ, ทิฎฺฐิวิปตฺติ จ อาจาราชีวสมฺภวา เทฺว วิปตฺติโย จาติ โยชนา, อาจารวิปตฺติ, อาชีววิปตฺติ จาติ วุตฺตํ โหติฯ

    3102. Sīlavipatti, diṭṭhivipatti ca ācārājīvasambhavā dve vipattiyo cāti yojanā, ācāravipatti, ājīvavipatti cāti vuttaṃ hoti.

    ๓๑๐๓. ตตฺถาติ เตสุ จตูสุ วิปตฺตีสุฯ อปฺปฎิกมฺมา ปาราชิกา วุฎฺฐานคามินี สงฺฆาทิเสสาปตฺติกา ทุเว อาปตฺติโย สีลวิปตฺตีติ ปกาสิตาติ โยชนาฯ

    3103.Tatthāti tesu catūsu vipattīsu. Appaṭikammā pārājikā vuṭṭhānagāminī saṅghādisesāpattikā duve āpattiyo sīlavipattīti pakāsitāti yojanā.

    ๓๑๐๔. ยา จ อนฺตคฺคาหิกา ทิฎฺฐิ, ยา ทสวตฺถุกา ทิฎฺฐิ, อยํ ทุวิธา ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิวิปตฺตีติ ทีปิตาติ โยชนาฯ ตตฺถ อนฺตคฺคาหิกทิฎฺฐิ นาม อุเจฺฉทนฺตสสฺสตนฺตคาหวเสน ปวตฺตา ทิฎฺฐิฯ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา ทสวตฺถุกา ทิฎฺฐิฯ

    3104. Yā ca antaggāhikā diṭṭhi, yā dasavatthukā diṭṭhi, ayaṃ duvidhā diṭṭhi diṭṭhivipattīti dīpitāti yojanā. Tattha antaggāhikadiṭṭhi nāma ucchedantasassatantagāhavasena pavattā diṭṭhi. ‘‘Natthi dinna’’ntiādinayappavattā dasavatthukā diṭṭhi.

    ๓๑๐๕. ถุลฺลจฺจยาทิกา เทสนาคามินิกา ยา ปญฺจ อาปตฺติโย, อาจารกุสเลน ภควตา สา อาจารวิปตฺตีติ วุตฺตาติ โยชนาฯ อาทิ-สเทฺทน ปาจิตฺติยปาฎิเทสนียทุกฺกฎทุพฺภาสิตานํ คหณํฯ ยาติ ปญฺจาปตฺติโย อเปกฺขิตฺวา พหุตฺตํฯ สาติ อาจารวิปตฺติ สามญฺญมเปกฺขิตฺวา เอกตฺตํฯ

    3105. Thullaccayādikā desanāgāminikā yā pañca āpattiyo, ācārakusalena bhagavatā sā ācāravipattīti vuttāti yojanā. Ādi-saddena pācittiyapāṭidesanīyadukkaṭadubbhāsitānaṃ gahaṇaṃ. ti pañcāpattiyo apekkhitvā bahuttaṃ. ti ācāravipatti sāmaññamapekkhitvā ekattaṃ.

    ๓๑๐๖. กุหนาทีติ อาทิ-สเทฺทน ลปนา เนมิตฺติกตา นิเปฺปสิกตา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา คหิตา, กุหนาทีนํ วิตฺถาโร วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๖) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ อาชีโว ปจฺจโย เหตุ ยสฺสา อาปตฺติยาติ วิคฺคโหฯ ฉพฺพิธาติ จตุตฺถปาราชิกสญฺจริตฺตถุลฺลจฺจยปาจิตฺติยปาฎิเทสนียทุกฺกฎาปตฺตีนํ วเสน ฉพฺพิธาฯ ปกาสิตา

    3106.Kuhanādīti ādi-saddena lapanā nemittikatā nippesikatā lābhena lābhaṃ nijigīsanatā gahitā, kuhanādīnaṃ vitthāro visuddhimagge (visuddhi. 1.16) vuttanayena veditabbo. Ājīvo paccayo hetu yassā āpattiyāti viggaho. Chabbidhāti catutthapārājikasañcarittathullaccayapācittiyapāṭidesanīyadukkaṭāpattīnaṃ vasena chabbidhā. Pakāsitā

    ‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ อาชีวเหตุ…เป.… สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ อาชีวเหตุ…เป.… ‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหา’ติ ภณติ, ปฎิชานนฺตสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ อาชีวเหตุ…เป.… ภิกฺขุ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อาชีวเหตุ…เป.… ภิกฺขุนี ปณีตโภชนานิ อคิลานา อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปริ. ๒๘๗) –

    ‘‘Ājīvahetu ājīvakāraṇā pāpiccho icchāpakato asantaṃ abhūtaṃ uttarimanussadhammaṃ ullapati, āpatti pārājikassa. Ājīvahetu…pe… sañcarittaṃ samāpajjati, āpatti saṅghādisesassa. Ājīvahetu…pe… ‘yo te vihāre vasati, so bhikkhu arahā’ti bhaṇati, paṭijānantassa āpatti thullaccayassa. Ājīvahetu…pe… bhikkhu paṇītabhojanāni agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pācittiyassa. Ājīvahetu…pe… bhikkhunī paṇītabhojanāni agilānā attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā sūpaṃ vā odanaṃ vā agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti dukkaṭassā’’ti (pari. 287) –

    เทสิตาฯ อิมินา อาชีววิปตฺติ ทีปิตาฯ

    Desitā. Iminā ājīvavipatti dīpitā.

    ๓๑๐๗. ‘‘อุกฺขิโตฺต’’ติอาทิ ยถากฺกเมน เตสํ ติณฺณํ นานาสํวาสกานํ สรูปทสฺสนํฯ ตตฺถ ตโย อุกฺขิตฺตกา วุตฺตาเยวฯ

    3107.‘‘Ukkhitto’’tiādi yathākkamena tesaṃ tiṇṇaṃ nānāsaṃvāsakānaṃ sarūpadassanaṃ. Tattha tayo ukkhittakā vuttāyeva.

    ๓๑๐๘-๙. ‘‘โย สเงฺฆน อุเกฺขปนียกมฺมกตานํ อธมฺมวาทีนํ ปเกฺข นิสิโนฺน ‘ตุเมฺห กิํ ภณถา’ติ เตสญฺจ อิตเรสญฺจ ลทฺธิํ สุตฺวา ‘อิเม อธมฺมวาทิโน, อิตเร ธมฺมวาทิโน’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ, อยํ เตสํ มเชฺฌ นิสิโนฺนว เตสํ นานาสํวาสโก โหติ, กมฺมํ โกเปติฯ อิตเรสมฺปิ หตฺถปาสํ อนาคตตฺตา โกเปตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๔๕๕) อาคต อฎฺฐกถาวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อธมฺมวาทิปกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิฯ

    3108-9. ‘‘Yo saṅghena ukkhepanīyakammakatānaṃ adhammavādīnaṃ pakkhe nisinno ‘tumhe kiṃ bhaṇathā’ti tesañca itaresañca laddhiṃ sutvā ‘ime adhammavādino, itare dhammavādino’ti cittaṃ uppādeti, ayaṃ tesaṃ majjhe nisinnova tesaṃ nānāsaṃvāsako hoti, kammaṃ kopeti. Itaresampi hatthapāsaṃ anāgatattā kopetī’’ti (mahāva. aṭṭha. 455) āgata aṭṭhakathāvinicchayaṃ dassetumāha ‘‘adhammavādipakkhasmi’’ntiādi.

    อธมฺมวาทิปกฺขสฺมินฺติ อุเกฺขปนียกเมฺมน นิสฺสาริตานํ อธมฺมวาทีนํ ปกฺขสฺมิํฯ นิสิโนฺนวาติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา คณปูรโก หุตฺวา นิสิโนฺนวฯ วิจินฺตยนฺติ ‘‘อิเม นุ โข ธมฺมวาทิโน, อุทาหุ เอเต’’ติ วิวิเธนากาเรน จินฺตยโนฺตฯ ‘‘เอเต ปน ธมฺมวาที’’ติ มานสํ อุปฺปาเทติ, เอวํ อุปฺปเนฺน ปน มานเสฯ อธมฺมวาทิปกฺขสฺมิํ นิสิโนฺนว เอวํ มานสํ อุปฺปาเทโนฺต อยํ ภิกฺขุฯ ลทฺธิยาติ เอวํ อุปฺปาทิตมานสสงฺขาตาย ลทฺธิยาฯ เตสํ อธมฺมวาทีนํ นานาสํวาสโก นาม โหตีติ ปกาสิโตฯ

    Adhammavādipakkhasminti ukkhepanīyakammena nissāritānaṃ adhammavādīnaṃ pakkhasmiṃ. Nisinnovāti hatthapāsaṃ avijahitvā gaṇapūrako hutvā nisinnova. Vicintayanti ‘‘ime nu kho dhammavādino, udāhu ete’’ti vividhenākārena cintayanto. ‘‘Ete pana dhammavādī’’ti mānasaṃ uppādeti, evaṃ uppanne pana mānase. Adhammavādipakkhasmiṃ nisinnova evaṃ mānasaṃ uppādento ayaṃ bhikkhu. Laddhiyāti evaṃ uppāditamānasasaṅkhātāya laddhiyā. Tesaṃ adhammavādīnaṃ nānāsaṃvāsako nāma hotīti pakāsito.

    ตตฺรโฎฺฐ ปน โสติ ตสฺมิํ อธมฺมวาทิปกฺขสฺมิํ นิสิโนฺนว โสฯ สท-ธาตุยา คตินิวารณตฺถตฺตา ตตฺร นิสิโนฺน ‘‘ตตฺรโฎฺฐ’’ติ วุจฺจติฯ ทฺวินฺนนฺติ ธมฺมวาทิอธมฺมวาทิปกฺขานํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํฯ กมฺมนฺติ จตุวคฺคาทิสเงฺฆน กรณียกมฺมํฯ โกเปตีติ อธมฺมวาทีนํ อสํวาสภาวํ คนฺตฺวา เตสํ คณปูรณตฺตา, อิตเรสํ เอกสีมายํ ฐตฺวา หตฺถปาสํ อนุปคตตฺตา, ฉนฺทสฺส จ อทินฺนตฺตา กมฺมํ โกเปติฯ โย ปน อธมฺมวาทีนํ ปเกฺข นิสิโนฺน ‘‘อธมฺมวาทิโน อิเม, อิตเร ธมฺมวาทิโน’’ติ เตสํ มเชฺฌ ปวิสติ, ยตฺถ วา ตตฺถ วา ปเกฺข นิสิโนฺน ‘‘อิเม ธมฺมวาทิโน’’ติ คณฺหาติ, อยํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมานสํวาสกํ กโรตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Tatraṭṭho pana soti tasmiṃ adhammavādipakkhasmiṃ nisinnova so. Sada-dhātuyā gatinivāraṇatthattā tatra nisinno ‘‘tatraṭṭho’’ti vuccati. Dvinnanti dhammavādiadhammavādipakkhānaṃ dvinnaṃ saṅghānaṃ. Kammanti catuvaggādisaṅghena karaṇīyakammaṃ. Kopetīti adhammavādīnaṃ asaṃvāsabhāvaṃ gantvā tesaṃ gaṇapūraṇattā, itaresaṃ ekasīmāyaṃ ṭhatvā hatthapāsaṃ anupagatattā, chandassa ca adinnattā kammaṃ kopeti. Yo pana adhammavādīnaṃ pakkhe nisinno ‘‘adhammavādino ime, itare dhammavādino’’ti tesaṃ majjhe pavisati, yattha vā tattha vā pakkhe nisinno ‘‘ime dhammavādino’’ti gaṇhāti, ayaṃ attanāva attānaṃ samānasaṃvāsakaṃ karotīti veditabbo.

    ๓๑๑๐. พหิสีมาคโต ปกตโตฺต ภิกฺขุ สเจ หตฺถปาเส ฐิโต โหติ, โส สีมาย นานาสํวาสโก มโตติ โยชนาฯ ตํ คณปูรณํ กตฺวา กตกมฺมมฺปิ กุปฺปติฯ เอวํ ยถาวุตฺตนิยาเมน ตโย นานาสํวาสกา มเหสินา วุตฺตาติ โยชนาฯ

    3110.Bahisīmāgato pakatatto bhikkhu sace hatthapāse ṭhito hoti, so sīmāya nānāsaṃvāsako matoti yojanā. Taṃ gaṇapūraṇaṃ katvā katakammampi kuppati. Evaṃ yathāvuttaniyāmena tayo nānāsaṃvāsakā mahesinā vuttāti yojanā.

    ๓๑๑๑. จุโตติ ปาราชิกาปโนฺน สาสนโต จุตตฺตา ‘‘จุโต’’ติ คหิโตฯ ‘‘ภิกฺขุนี เอกาทส อภพฺพา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ อิเมติ เภทมนเปกฺขิตฺวา สามเญฺญน สตฺตรส ชนาฯ อสํวาสาติ น สํวสิตพฺพา, นตฺถิ วา เอเตหิ ปกตตฺตานํ เอกกมฺมาทิโก สํวาโสติ อสํวาสา นาม สิยุํฯ

    3111.Cutoti pārājikāpanno sāsanato cutattā ‘‘cuto’’ti gahito. ‘‘Bhikkhunī ekādasa abhabbā’’ti padacchedo. Imeti bhedamanapekkhitvā sāmaññena sattarasa janā. Asaṃvāsāti na saṃvasitabbā, natthi vā etehi pakatattānaṃ ekakammādiko saṃvāsoti asaṃvāsā nāma siyuṃ.

    ๓๑๑๒. อสํวาสสฺส สพฺพสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส สตฺตรสวิธสฺส สพฺพสฺส อสํวาสสฺสฯ ตถา กมฺมารหสฺส จาติ ‘‘ยสฺส สโงฺฆ กมฺมํ กโรติ, โส เนว กมฺมปโตฺต, นาปิ ฉนฺทารโห, อปิจ กมฺมารโห’’ติ (ปริ. ๔๘๘) เอวํ ปริวาเร วุตฺตกมฺมารหสฺส จฯ อุมฺมตฺตกาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน ขิตฺตจิตฺตาทีนํ คหณํฯ สเงฺฆ ตชฺชนียาทีนิ กโรเนฺตฯ ปฎิเกฺขโปติ ปฎิโกฺกสนาฯ น รูหตีติ ปฎิโกฺกสฎฺฐาเน น ติฎฺฐติ, กมฺมํ น โกเปตีติ อธิปฺปาโยฯ

    3112.Asaṃvāsassa sabbassāti yathāvuttassa sattarasavidhassa sabbassa asaṃvāsassa. Tathā kammārahassa cāti ‘‘yassa saṅgho kammaṃ karoti, so neva kammapatto, nāpi chandāraho, apica kammāraho’’ti (pari. 488) evaṃ parivāre vuttakammārahassa ca. Ummattakādīnanti ādi-saddena khittacittādīnaṃ gahaṇaṃ. Saṅghe tajjanīyādīni karonte. Paṭikkhepoti paṭikkosanā. Na rūhatīti paṭikkosaṭṭhāne na tiṭṭhati, kammaṃ na kopetīti adhippāyo.

    ๓๑๑๓. สสํวาเสก…เป.… ภิกฺขุโนติ วุตฺตนเยน กเมฺมน วา ลทฺธิยา วา อสํวาสิกภาวํ อนุปคตตฺตา สมานสํวาสกสฺส สีมาย อสํวาสิกภาวํ อนุปคนฺตฺวา เอกสีมาย ฐิตสฺส อนฺติมวตฺถุํ อนชฺฌาปนฺนตฺตา ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโนฯ อนนฺตรสฺสปิ หตฺถปาเส วจเนน วจีเภทกรเณน ปฎิเกฺขโป ปฎิโกฺกโส รุหติ ปฎิโกฺกสนฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐติ, กมฺมํ โกเปตีติ อธิปฺปาโยฯ

    3113.Sasaṃvāseka…pe… bhikkhunoti vuttanayena kammena vā laddhiyā vā asaṃvāsikabhāvaṃ anupagatattā samānasaṃvāsakassa sīmāya asaṃvāsikabhāvaṃ anupagantvā ekasīmāya ṭhitassa antimavatthuṃ anajjhāpannattā pakatattassa bhikkhuno. Anantarassapi hatthapāse vacanena vacībhedakaraṇena paṭikkhepo paṭikkoso ruhati paṭikkosanaṭṭhāneyeva tiṭṭhati, kammaṃ kopetīti adhippāyo.

    ๓๑๑๔. ฉหิ อากาเรหีติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๔๓๘; กงฺขา. อฎฺฐ. นิทานวณฺณนา) ลชฺชิตาย, อญฺญาณตาย, กุกฺกุจฺจปกตตาย, สติสโมฺมสาย, อกปฺปิเยกปฺปิยสญฺญิตาย, กปฺปิเยอกปฺปิยสญฺญิตายาติ อิเมหิ ฉหิ อากาเรหิฯ ปญฺจ สมณกปฺปา จ วุตฺตา, ปญฺจ วิสุทฺธิโย จ วุตฺตาติ โยชนาฯ

    3114.Chahi ākārehīti (pāci. aṭṭha. 438; kaṅkhā. aṭṭha. nidānavaṇṇanā) lajjitāya, aññāṇatāya, kukkuccapakatatāya, satisammosāya, akappiyekappiyasaññitāya, kappiyeakappiyasaññitāyāti imehi chahi ākārehi. Pañca samaṇakappā ca vuttā, pañca visuddhiyo ca vuttāti yojanā.

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ สมณกเปฺปหิ ผลํ ปริภุญฺชิตุํ, อคฺคิปริชิตํ สตฺถปริชิตํ นขปริชิตํ อพีชํ นิพฺพฎฺฎพีชเญฺญว ปญฺจม’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๐) ขุทฺทกวตฺถุเก อนุญฺญาตา ปญฺจ สมณกปฺปา นามฯ ปญฺจ วิสุทฺธิโยติ ปริวาเร เอกุตฺตเร ‘‘ปญฺจ วิสุทฺธิโย’’ติ อิมสฺส นิเทฺทเส ‘‘นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ, อยํ ปฐมา วิสุทฺธี’’ติอาทินา (ปริ. ๓๒๕) นเยน ทสฺสิตา ปญฺจ ปาติโมกฺขุเทฺทสสงฺขาตา ปญฺจ วิสุทฺธิโย จ ‘‘สุตฺตุเทฺทโส ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อธิฎฺฐานุโปสโถ ปวารณา สามคฺคิอุโปสโถเยว ปญฺจโม’’ติ (ปริ. ๓๒๕) เอวํ วุตฺตา ปญฺจ วิสุทฺธิโย จาติ เทฺวปญฺจวิสุทฺธิโย ‘‘ทฺวิปญฺจวิญฺญาณานี’’ติอาทีสุ วิย สามญฺญวจเนน สงฺคหิตาฯ

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, pañcahi samaṇakappehi phalaṃ paribhuñjituṃ, aggiparijitaṃ satthaparijitaṃ nakhaparijitaṃ abījaṃ nibbaṭṭabījaññeva pañcama’’nti (cūḷava. 250) khuddakavatthuke anuññātā pañca samaṇakappā nāma. Pañca visuddhiyoti parivāre ekuttare ‘‘pañca visuddhiyo’’ti imassa niddese ‘‘nidānaṃ uddisitvā avasesaṃ sutena sāvetabbaṃ, ayaṃ paṭhamā visuddhī’’tiādinā (pari. 325) nayena dassitā pañca pātimokkhuddesasaṅkhātā pañca visuddhiyo ca ‘‘suttuddeso pārisuddhiuposatho adhiṭṭhānuposatho pavāraṇā sāmaggiuposathoyeva pañcamo’’ti (pari. 325) evaṃ vuttā pañca visuddhiyo cāti dvepañcavisuddhiyo ‘‘dvipañcaviññāṇānī’’tiādīsu viya sāmaññavacanena saṅgahitā.

    ๓๑๑๕-๗. นิเสฺสเสน ทียติ ปญฺญปียติ เอตฺถ สิกฺขาปทนฺติ นิทานํ, เตสํ เตสํ สิกฺขาปทานํ ปญฺญตฺติยา ฐานภูตํ เวสาลีอาทิฯ ปุํ วุจฺจติ นิรโย, ตํ คลติ มทฺทติ เนรยิกทุกฺขํ อนุภวตีติ ปุคฺคโล, สโตฺตฯ อริยปุคฺคลา ตํสทิสตฺตา, ภูตปุพฺพคติยา วา ‘‘ปุคฺคลา’’ติ เวทิตพฺพาฯ อิธ ปเนเต สิกฺขาปทวีติกฺกมสฺส อาทิกมฺมิกา อธิเปฺปตาฯ อิทานิ ปุคฺคลนิเทฺทสํ วกฺขติฯ วสติ เอตฺถ ภควโต อาณาสงฺขาตา สิกฺขาปทปญฺญตฺติ ตํ ปฎิจฺจ ปวตฺตตีติ วตฺถุ, ตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺส สิกฺขาปทปญฺญตฺติเหตุภูโต อชฺฌาจาโรฯ

    3115-7. Nissesena dīyati paññapīyati ettha sikkhāpadanti nidānaṃ, tesaṃ tesaṃ sikkhāpadānaṃ paññattiyā ṭhānabhūtaṃ vesālīādi. Puṃ vuccati nirayo, taṃ galati maddati nerayikadukkhaṃ anubhavatīti puggalo, satto. Ariyapuggalā taṃsadisattā, bhūtapubbagatiyā vā ‘‘puggalā’’ti veditabbā. Idha panete sikkhāpadavītikkamassa ādikammikā adhippetā. Idāni puggalaniddesaṃ vakkhati. Vasati ettha bhagavato āṇāsaṅkhātā sikkhāpadapaññatti taṃ paṭicca pavattatīti vatthu, tassa tassa puggalassa sikkhāpadapaññattihetubhūto ajjhācāro.

    วิธานํ วิภชนํ วิธิ, ปเภโทฯ ปญฺญาปียติ ภควโต อาณา ปกาเรน ญาปียติ เอตายาติ ปญฺญตฺติ, ปญฺญตฺติยา วิธิ ปเภโท ‘‘ปญฺญตฺติวิธิ’’นฺติ วตฺตเพฺพ ‘‘วิธิํ ปญฺญตฺติยา’’ติ คาถาพนฺธวเสน อสมตฺถนิเทฺทโสฯ สา ปน ปญฺญตฺติวิธิ ปญฺญตฺติอนุปญฺญตฺติ อนุปฺปนฺนปญฺญตฺติ สพฺพตฺถปญฺญตฺติ ปเทสปญฺญตฺติ สาธารณปญฺญตฺติ อสาธารณปญฺญตฺติ เอกโตปญฺญตฺติ อุภโตปญฺญตฺติวเสน นววิธา โหติฯ

    Vidhānaṃ vibhajanaṃ vidhi, pabhedo. Paññāpīyati bhagavato āṇā pakārena ñāpīyati etāyāti paññatti, paññattiyā vidhi pabhedo ‘‘paññattividhi’’nti vattabbe ‘‘vidhiṃ paññattiyā’’ti gāthābandhavasena asamatthaniddeso. Sā pana paññattividhi paññattianupaññatti anuppannapaññatti sabbatthapaññatti padesapaññatti sādhāraṇapaññatti asādhāraṇapaññatti ekatopaññatti ubhatopaññattivasena navavidhā hoti.

    ‘‘วิปตฺติ อาปตฺติ อนาปตฺตี’’ติ ปทเจฺฉโท, วิปชฺชนฺติ เอตาย สีลาทโยติ วิปตฺติฯ สา ปน สีลอาจารทิฎฺฐิอาชีวานํ วเสน จตุพฺพิธาฯ สา ปน อุเทฺทสวเสน เหฎฺฐา ทสฺสิตาวฯ อาปชฺชนฺติ เอตาย อกุสลาพฺยากตภูตาย ภควโต อาณาวีติกฺกมนฺติ อาปตฺติฯ สา ปุพฺพปโยคาทิวเสน อเนกปฺปเภทา อาปตฺติฯ อนาปตฺติ อชานนาทิวเสน อาณาย อนติกฺกมนํฯ สมุฎฺฐาติ เอเตหิ อาปตฺตีติ สมุฎฺฐานานิ, กายาทิวเสน ฉพฺพิธานิ อาปตฺติการณานิฯ สมุฎฺฐานานํ นโย สมุฎฺฐานนโย, ตํฯ

    ‘‘Vipatti āpatti anāpattī’’ti padacchedo, vipajjanti etāya sīlādayoti vipatti. Sā pana sīlaācāradiṭṭhiājīvānaṃ vasena catubbidhā. Sā pana uddesavasena heṭṭhā dassitāva. Āpajjanti etāya akusalābyākatabhūtāya bhagavato āṇāvītikkamanti āpatti. Sā pubbapayogādivasena anekappabhedā āpatti. Anāpatti ajānanādivasena āṇāya anatikkamanaṃ. Samuṭṭhāti etehi āpattīti samuṭṭhānāni, kāyādivasena chabbidhāni āpattikāraṇāni. Samuṭṭhānānaṃ nayo samuṭṭhānanayo, taṃ.

    วชฺชญฺจ กมฺมญฺจ กิริยา จ สญฺญา จ จิตฺตญฺจ อาณตฺติ จ วชฺชกมฺมกฺริยาสญฺญาจิตฺตาณตฺติโย, ตาสํ วิธิ ตถา วุจฺจติ, ตํฯ วชฺชวิธินฺติ ‘‘ยสฺสา สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา, เสสา ปณฺณตฺติวชฺชา’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตํ วชฺชวิธิํฯ กมฺมวิธินฺติ ‘‘สพฺพา จ กายกมฺมวจีกมฺมตทุภยวเสน ติวิธา โหนฺตี’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) ทสฺสิตํ กมฺมวิธิํ ฯ กฺริยาวิธินฺติ ‘‘อตฺถาปตฺติ กิริยโต สมุฎฺฐาติ, อตฺถิ อกิริยโต, อตฺถิ กิริยากิริยโต, อตฺถิ สิยา กิริยโต สิยา อกิริยโต’’ติอาทินา (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) นเยน ทสฺสิตํ กิริยาวิธิํฯ สญฺญาวิธินฺติ ‘‘สญฺญาวิโมกฺขา’’ติอาทินา (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) นเยน ทสฺสิตํ สญฺญาวิธิํฯ

    Vajjañca kammañca kiriyā ca saññā ca cittañca āṇatti ca vajjakammakriyāsaññācittāṇattiyo, tāsaṃ vidhi tathā vuccati, taṃ. Vajjavidhinti ‘‘yassā sacittakapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, ayaṃ lokavajjā, sesā paṇṇattivajjā’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) vuttaṃ vajjavidhiṃ. Kammavidhinti ‘‘sabbā ca kāyakammavacīkammatadubhayavasena tividhā hontī’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) dassitaṃ kammavidhiṃ . Kriyāvidhinti ‘‘atthāpatti kiriyato samuṭṭhāti, atthi akiriyato, atthi kiriyākiriyato, atthi siyā kiriyato siyā akiriyato’’tiādinā (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) nayena dassitaṃ kiriyāvidhiṃ. Saññāvidhinti ‘‘saññāvimokkhā’’tiādinā (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) nayena dassitaṃ saññāvidhiṃ.

    จิตฺตวิธินฺติ ‘‘สพฺพาปิ จิตฺตวเสน ทุวิธา โหนฺติ สจิตฺตกา, อจิตฺตกา จา’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) วุตฺตํ จิตฺตวิธิํฯ อาณตฺติวิธินฺติ ‘‘สาณตฺติกํ อนาณตฺติก’’นฺติ วุตฺตํ อาณตฺติวิธิํฯ องฺควิธานนฺติ สพฺพสิกฺขาปเทสุ อาปตฺตีนํ วุตฺตํ องฺควิธานญฺจฯ เวทนาตฺติกํ, กุสลตฺติกญฺจาติ โยชนาฯ ตํ ปน ‘‘อกุสลจิตฺตํ, ทฺวิจิตฺตํ, ติจิตฺตํ, ทุกฺขเวทนํ, ทฺวิเวทนํ, ติเวทน’’นฺติ ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสิตเมวฯ

    Cittavidhinti ‘‘sabbāpi cittavasena duvidhā honti sacittakā, acittakā cā’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) vuttaṃ cittavidhiṃ. Āṇattividhinti ‘‘sāṇattikaṃ anāṇattika’’nti vuttaṃ āṇattividhiṃ. Aṅgavidhānanti sabbasikkhāpadesu āpattīnaṃ vuttaṃ aṅgavidhānañca. Vedanāttikaṃ, kusalattikañcāti yojanā. Taṃ pana ‘‘akusalacittaṃ, dvicittaṃ, ticittaṃ, dukkhavedanaṃ, dvivedanaṃ, tivedana’’nti tattha tattha dassitameva.

    สตฺตรสวิธํ เอตํ ลกฺขณนฺติ ยถาวุตฺตนิทานาทิสตฺตรสปฺปเภทํ สพฺพสิกฺขาปทานํ สาธารณลกฺขณํฯ ทเสฺสตฺวาติ ปกาเสตฺวาฯ พุโธ วินยกุสโลฯ ตตฺถ ตตฺถ สิกฺขาปเทสุ ยถารหํ โยเชยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ

    Sattarasavidhaṃetaṃ lakkhaṇanti yathāvuttanidānādisattarasappabhedaṃ sabbasikkhāpadānaṃ sādhāraṇalakkhaṇaṃ. Dassetvāti pakāsetvā. Budho vinayakusalo. Tattha tattha sikkhāpadesu yathārahaṃ yojeyyāti sambandho.

    ๓๑๑๘. อิเมสุ สตฺตรสสุ ลกฺขเณสุ นิทานปุคฺคเล ตาว นิทฺทิสิตุมาห ‘‘นิทาน’’นฺติอาทิฯ ตตฺถาติ เตสุ สตฺตรสสุ สาธารณลกฺขเณสุ, นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมํฯ นิทานนฺติ นิทฺธาริตพฺพทสฺสนํฯ ‘‘ปุร’’นฺติ อิทํ ‘‘เวสาลี’’ติอาทิปเทหิ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ สกฺกภคฺคาติ เอเตหิ ชนปทวาจีหิ สเทฺทหิ ฐานนิสฺสิตา นาคราว คเหตพฺพาฯ ตานิ จ ‘‘สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ, ภเคฺคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร’’ติ ตตฺถ ตตฺถ สิกฺขาปทนิทาเน นิทสฺสิตาเนวฯ

    3118. Imesu sattarasasu lakkhaṇesu nidānapuggale tāva niddisitumāha ‘‘nidāna’’ntiādi. Tatthāti tesu sattarasasu sādhāraṇalakkhaṇesu, niddhāraṇe cetaṃ bhummaṃ. Nidānanti niddhāritabbadassanaṃ. ‘‘Pura’’nti idaṃ ‘‘vesālī’’tiādipadehi paccekaṃ yojetabbaṃ. Sakkabhaggāti etehi janapadavācīhi saddehi ṭhānanissitā nāgarāva gahetabbā. Tāni ca ‘‘sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ, bhaggesu viharati susumāragire’’ti tattha tattha sikkhāpadanidāne nidassitāneva.

    ๓๑๑๙. ‘‘ทส เวสาลิยา’’ติอาทีนํ อตฺถวินิจฺฉโย อุตฺตเร อาวิ ภวิสฺสติฯ คิริพฺพเชติ ราชคหนคเรฯ ตญฺหิ สมนฺตา ฐิเตหิ อิสิคิลิอาทีหิ ปญฺจหิ ปพฺพเตหิ วชสทิสนฺติ ‘‘คิริพฺพช’’นฺติ วุจฺจติฯ

    3119.‘‘Dasa vesāliyā’’tiādīnaṃ atthavinicchayo uttare āvi bhavissati. Giribbajeti rājagahanagare. Tañhi samantā ṭhitehi isigiliādīhi pañcahi pabbatehi vajasadisanti ‘‘giribbaja’’nti vuccati.

    ๓๑๒๑. ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขสฺมิํ สุทินฺนธนิยาทโย เตวีสติวิธา อาทิกมฺมิกปุคฺคลา วุตฺตาติ โยชนาฯ

    3121. Bhikkhūnaṃ pātimokkhasmiṃ sudinnadhaniyādayo tevīsatividhā ādikammikapuggalā vuttāti yojanā.

    ๓๑๒๒. อุภยปาติโมเกฺข อาคตา เต สเพฺพ อาทิกมฺมิกปุคฺคลา ปริปิณฺฑิตา ติํส ภวนฺตีติ โยชนาฯ วตฺถุอาทีนํ วินิจฺฉโย อุตฺตเร วกฺขมานตฺตา อิธ น วุโตฺตฯ นนุ จ นิทานปุคฺคลวินิจฺฉยมฺปิ ตตฺถ วกฺขตีติ โส อิธ กสฺมา วุโตฺตติ? นายํ โทโส, อิมสฺส ปกรณตฺตา อิธาปิ วตฺตโพฺพติฯ ยทิ เอวํ วตฺถุอาทิวินิจฺฉโยปิ อิธ วตฺตโพฺพ สิยา, โส กสฺมา น วุโตฺตติ? เอกโยคนิทฺทิฎฺฐสฺส อิมสฺส วจเนน โสปิ วุโตฺตเยว โหตีติ เอกเทสทสฺสนวเสน สํขิโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ

    3122. Ubhayapātimokkhe āgatā te sabbe ādikammikapuggalā paripiṇḍitā tiṃsa bhavantīti yojanā. Vatthuādīnaṃ vinicchayo uttare vakkhamānattā idha na vutto. Nanu ca nidānapuggalavinicchayampi tattha vakkhatīti so idha kasmā vuttoti? Nāyaṃ doso, imassa pakaraṇattā idhāpi vattabboti. Yadi evaṃ vatthuādivinicchayopi idha vattabbo siyā, so kasmā na vuttoti? Ekayoganiddiṭṭhassa imassa vacanena sopi vuttoyeva hotīti ekadesadassanavasena saṃkhittoti daṭṭhabbo.

    ๓๑๒๓. โย เอนํ ตรุํ ชานาติ, โส ปญฺญตฺติํ อเสสโต ชานาตีติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถ ‘‘เอนํ ตรุ’’นฺติ อิมินา นิทานาทิสตฺตรสปฺปการํ สพฺพสิกฺขาปทสาธารณลกฺขณสมุทายํ รูปเกน ทเสฺสติฯ กิํ วิสิฎฺฐํ ตรุนฺติ อาห ‘‘ติมูล’’นฺติอาทิฯ

    3123. Yo enaṃ taruṃ jānāti, so paññattiṃ asesato jānātīti sambandho. Ettha ‘‘enaṃ taru’’nti iminā nidānādisattarasappakāraṃ sabbasikkhāpadasādhāraṇalakkhaṇasamudāyaṃ rūpakena dasseti. Kiṃ visiṭṭhaṃ tarunti āha ‘‘timūla’’ntiādi.

    ตตฺถ ติมูลนฺติ นิทานปุคฺคลวตฺถุสงฺขาตานิ ตีณิ มูลานิ เอตสฺสาติ ติมูลํฯ นวปตฺตนฺติ นววิธปณฺณตฺติสงฺขาตานิ ปตฺตานิ เอตสฺสาติ นวปตฺตํฯ ทฺวยงฺกุรนฺติ โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชสงฺขาตา เทฺว องฺกุรา เอตสฺสาติ ทฺวยงฺกุรํฯ ‘‘ทฺวิองฺกุร’’นฺติ วตฺตเพฺพ อิ-การสฺส อยาเทสํ กตฺวา ‘‘ทฺวยงฺกุร’’นฺติ วุตฺตํฯ สตฺตผลนฺติ อาณตฺติอาปตฺติอนาปตฺติวิปตฺติสญฺญาเวทนากุสลตฺติกสงฺขาตานิ สตฺต ผลานิ เอตสฺสาติ สตฺตผลํฯ ฉปุปฺผนฺติ ฉสมุฎฺฐานสงฺขาตานิ ปุปฺผานิ เอตสฺสาติ ฉปุปฺผํฯ ทฺวิปฺปภวนฺติ จิตฺตกมฺมสงฺขาตา เทฺว ปภวา เอตสฺสาติ ทฺวิปฺปภวํฯ ทฺวิสาขนฺติ กิริยองฺคสงฺขาตา เทฺว สาขา เอตสฺสาติ ทฺวิสาขํฯ เอนํ ตรุํ โย ชานาตีติ โย วุโตฺต ภิกฺขุ วุตฺตสรูปสาธารณสตฺตรสลกฺขณราสิวินิจฺฉยสงฺขาตตรุํ ชานาติฯ โสติ โส ภิกฺขุฯ ปญฺญตฺตินฺติ วินยปิฎกํฯ อเสสโตติ สพฺพโสฯ

    Tattha timūlanti nidānapuggalavatthusaṅkhātāni tīṇi mūlāni etassāti timūlaṃ. Navapattanti navavidhapaṇṇattisaṅkhātāni pattāni etassāti navapattaṃ. Dvayaṅkuranti lokavajjapaṇṇattivajjasaṅkhātā dve aṅkurā etassāti dvayaṅkuraṃ. ‘‘Dviaṅkura’’nti vattabbe i-kārassa ayādesaṃ katvā ‘‘dvayaṅkura’’nti vuttaṃ. Sattaphalanti āṇattiāpattianāpattivipattisaññāvedanākusalattikasaṅkhātāni satta phalāni etassāti sattaphalaṃ. Chapupphanti chasamuṭṭhānasaṅkhātāni pupphāni etassāti chapupphaṃ. Dvippabhavanti cittakammasaṅkhātā dve pabhavā etassāti dvippabhavaṃ. Dvisākhanti kiriyaaṅgasaṅkhātā dve sākhā etassāti dvisākhaṃ. Enaṃ taruṃ yo jānātīti yo vutto bhikkhu vuttasarūpasādhāraṇasattarasalakkhaṇarāsivinicchayasaṅkhātataruṃ jānāti. Soti so bhikkhu. Paññattinti vinayapiṭakaṃ. Asesatoti sabbaso.

    ๓๑๒๔. อิติ เอวํ มธุรปทตฺถํ อนากุลํ ปรมํ อุตฺตมํ อิมํ วินิจฺฉยํ โย ปฐติ วาจุคฺคตํ กโรโนฺต ปริยาปุณาติ, ครุสนฺติเก สาธุกํ สุณาติ, ปริปุจฺฉเต จ อตฺถํ ปริปุจฺฉติ จ, โส ภิกฺขุ วินย วินิจฺฉเย อุปาลิสโม ภวติ วินยธรานํ เอตทคฺคฎฺฐาเน นิกฺขิเตฺตน อุปาลิมหาเถเรน สทิโส ภวตีติ โยชนาฯ

    3124.Iti evaṃ madhurapadatthaṃ anākulaṃ paramaṃ uttamaṃ imaṃ vinicchayaṃ yo paṭhati vācuggataṃ karonto pariyāpuṇāti, garusantike sādhukaṃ suṇāti, paripucchate ca atthaṃ paripucchati ca, so bhikkhu vinaya vinicchaye upālisamo bhavati vinayadharānaṃ etadaggaṭṭhāne nikkhittena upālimahātherena sadiso bhavatīti yojanā.

    อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย

    Iti vinayatthasārasandīpaniyā vinayavinicchayavaṇṇanāya

    ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pakiṇṇakavinicchayakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact