Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๓๓] ๓. ปกฺกโคธชาตกวณฺณนา
[333] 3. Pakkagodhajātakavaṇṇanā
ตเทว เม ตฺวนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ กุฎุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา วิตฺถาริตเมวฯ อิธ ปน เตสํ อุทฺธารํ สาเธตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ อนฺตรามเคฺค ลุทฺทโก ‘‘อุโภปิ ขาทถา’’ติ เอกํ ปกฺกโคธํ อทาสิฯ โส ปุริโส ภริยํ ปานียตฺถาย เปเสตฺวา สพฺพํ โคธํ ขาทิตฺวา ตสฺสา อาคตกาเล ‘‘ภเทฺท, โคธา ปลาตา’’ติ อาหฯ ‘‘สาธุ, สามิ, ปกฺกโคธาย ปลายนฺติยา กิํ สกฺกา กาตุ’’นฺติ? สา เชตวเน ปานียํ ปิวิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนา สตฺถารา ‘‘กิํ อุปาสิเก, อยํ เต หิตกาโม สสิเนโห อุปการโก’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘ภเนฺต, อหํ เอตสฺส หิตกามา สสิเนหา, อยํ ปน มยิ นิสฺสิเนโห’’ติ อาหฯ สตฺถา ‘‘โหตุ มา จินฺตยิ, เอวํ นาเมส กโรติฯ ยทา ปน เต คุณํ สรติ, ตทา ตุยฺหเมว สพฺพิสฺสริยํ เทตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Tadevame tvanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kuṭumbikaṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā vitthāritameva. Idha pana tesaṃ uddhāraṃ sādhetvā āgacchantānaṃ antarāmagge luddako ‘‘ubhopi khādathā’’ti ekaṃ pakkagodhaṃ adāsi. So puriso bhariyaṃ pānīyatthāya pesetvā sabbaṃ godhaṃ khāditvā tassā āgatakāle ‘‘bhadde, godhā palātā’’ti āha. ‘‘Sādhu, sāmi, pakkagodhāya palāyantiyā kiṃ sakkā kātu’’nti? Sā jetavane pānīyaṃ pivitvā satthu santike nisinnā satthārā ‘‘kiṃ upāsike, ayaṃ te hitakāmo sasineho upakārako’’ti pucchitā ‘‘bhante, ahaṃ etassa hitakāmā sasinehā, ayaṃ pana mayi nissineho’’ti āha. Satthā ‘‘hotu mā cintayi, evaṃ nāmesa karoti. Yadā pana te guṇaṃ sarati, tadā tuyhameva sabbissariyaṃ detī’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีตมฺปิ เหฎฺฐา วุตฺตสทิสเมวฯ อิธ ปน เตสํ นิวตฺตนฺตานํ อนฺตรามเคฺค ลุทฺทโก กิลนฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘เทฺวปิ ชนา ขาทถา’’ติ เอกํ ปกฺกโคธํ อทาสิฯ ราชธีตา ตํ วลฺลิยา พนฺธิตฺวา อาทาย มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ เต เอกํ สรํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อสฺสตฺถมูเล นิสีทิํสุฯ ราชปุโตฺต ‘‘คจฺฉ ภเทฺท, สรโต ปทุมินิปเตฺตน อุทกํ อาหร, มํสํ ขาทิสฺสามา’’ติ อาหฯ สา โคธํ สาขาย ลเคฺคตฺวา ปานียตฺถาย คตาฯ อิตโร สพฺพํ โคธํ ขาทิตฺวา อคฺคนงฺคุฎฺฐํ คเหตฺวา ปรมฺมุโข นิสีทิฯ โส ตาย ปานียํ คเหตฺวา อาคตาย ‘‘ภเทฺท, โคธา สาขาย โอตริตฺวา วมฺมิกํ ปาวิสิ, อหํ ธาวิตฺวา อคฺคนงฺคุฎฺฐํ อคฺคเหสิํ, คหิตฎฺฐานํ หเตฺถเยว กตฺวา ฉิชฺชิตฺวา พิลํ ปวิฎฺฐา’’ติ อาหฯ ‘‘โหตุ, เทว, ปกฺกโคธาย ปลายนฺติยา กิํ กริสฺสาม, เอหิ คจฺฉามา’’ติฯ เต ปานียํ ปิวิตฺวา พาราณสิํ อคมํสุฯ
Atītampi heṭṭhā vuttasadisameva. Idha pana tesaṃ nivattantānaṃ antarāmagge luddako kilantabhāvaṃ disvā ‘‘dvepi janā khādathā’’ti ekaṃ pakkagodhaṃ adāsi. Rājadhītā taṃ valliyā bandhitvā ādāya maggaṃ paṭipajji. Te ekaṃ saraṃ disvā maggā okkamma assatthamūle nisīdiṃsu. Rājaputto ‘‘gaccha bhadde, sarato paduminipattena udakaṃ āhara, maṃsaṃ khādissāmā’’ti āha. Sā godhaṃ sākhāya laggetvā pānīyatthāya gatā. Itaro sabbaṃ godhaṃ khāditvā agganaṅguṭṭhaṃ gahetvā parammukho nisīdi. So tāya pānīyaṃ gahetvā āgatāya ‘‘bhadde, godhā sākhāya otaritvā vammikaṃ pāvisi, ahaṃ dhāvitvā agganaṅguṭṭhaṃ aggahesiṃ, gahitaṭṭhānaṃ hattheyeva katvā chijjitvā bilaṃ paviṭṭhā’’ti āha. ‘‘Hotu, deva, pakkagodhāya palāyantiyā kiṃ karissāma, ehi gacchāmā’’ti. Te pānīyaṃ pivitvā bārāṇasiṃ agamaṃsu.
ราชปุโตฺต รชฺชํ ปตฺวา ตํ อคฺคมเหสิฎฺฐานมเตฺต ฐเปสิ, สกฺการสมฺมาโน ปนสฺสา นตฺถิฯ โพธิสโตฺต ตสฺสา สกฺการํ กาเรตุกาโม รโญฺญ สนฺติเก ฐตฺวา ‘‘นนุ มยํ อเยฺย ตุมฺหากํ สนฺติกา กิญฺจิ น ลภาม, กิํ โน น โอโลเกถา’’ติ อาหฯ ‘‘ตาต, อหเมว รโญฺญ สนฺติกา กิญฺจิ น ลภามิ, ตุยฺหํ กิํ ทสฺสามิ, ราชาปิ มยฺหํ อิทานิ กิํ ทสฺสติ, โส อรญฺญโต อาคมนกาเล ปกฺกโคธํ เอกโกว ขาที’’ติ ฯ ‘‘อเยฺย, น เทโว เอวรูปํ กริสฺสติ, มา เอวํ อวจุตฺถา’’ติฯ อถ นํ เทวี ‘‘ตุยฺหํ ตํ, ตาต, น ปากฎํ, รโญฺญเยว มยฺหญฺจ ปากฎ’’นฺติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Rājaputto rajjaṃ patvā taṃ aggamahesiṭṭhānamatte ṭhapesi, sakkārasammāno panassā natthi. Bodhisatto tassā sakkāraṃ kāretukāmo rañño santike ṭhatvā ‘‘nanu mayaṃ ayye tumhākaṃ santikā kiñci na labhāma, kiṃ no na olokethā’’ti āha. ‘‘Tāta, ahameva rañño santikā kiñci na labhāmi, tuyhaṃ kiṃ dassāmi, rājāpi mayhaṃ idāni kiṃ dassati, so araññato āgamanakāle pakkagodhaṃ ekakova khādī’’ti . ‘‘Ayye, na devo evarūpaṃ karissati, mā evaṃ avacutthā’’ti. Atha naṃ devī ‘‘tuyhaṃ taṃ, tāta, na pākaṭaṃ, raññoyeva mayhañca pākaṭa’’nti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๒๙.
129.
‘‘ตเทว เม ตฺวํ วิทิโต, วนมเชฺฌ รเถสภ;
‘‘Tadeva me tvaṃ vidito, vanamajjhe rathesabha;
ยสฺส เต ขคฺคพทฺธสฺส, สนฺนทฺธสฺส ติรีฎิโน;
Yassa te khaggabaddhassa, sannaddhassa tirīṭino;
อสฺสตฺถทุมสาขาย, ปกฺกโคธา ปลายถา’’ติฯ
Assatthadumasākhāya, pakkagodhā palāyathā’’ti.
ตตฺถ ตเทวาติ ตสฺมิํเยว กาเล ‘‘อยํ มยฺหํ อทายโก’’ติ เอวํ ตฺวํ วิทิโตฯ อเญฺญ ปน ตว สภาวํ น ชานนฺตีติ อโตฺถฯ ขคฺคพทฺธสฺสาติ พทฺธขคฺคสฺสฯ ติรีฎิโนติ ติรีฎวตฺถนิวตฺถสฺส มคฺคาคมนกาเลฯ ปกฺกโคธาติ องฺคารปกฺกา โคธา ปลายถาติฯ
Tattha tadevāti tasmiṃyeva kāle ‘‘ayaṃ mayhaṃ adāyako’’ti evaṃ tvaṃ vidito. Aññe pana tava sabhāvaṃ na jānantīti attho. Khaggabaddhassāti baddhakhaggassa. Tirīṭinoti tirīṭavatthanivatthassa maggāgamanakāle. Pakkagodhāti aṅgārapakkā godhā palāyathāti.
เอวํ รญฺญา กตโทสํ ปริสมเชฺฌ ปากฎํ กตฺวา กเถสิฯ ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘อเยฺย, เทวสฺส อปฺปิยกาลโต ปภุติ อุภินฺนมฺปิ อผาสุกํ กตฺวา กสฺมา อิธ วสถา’’ติ วตฺวา เทฺว คาถา อภาสิ –
Evaṃ raññā katadosaṃ parisamajjhe pākaṭaṃ katvā kathesi. Taṃ sutvā bodhisatto ‘‘ayye, devassa appiyakālato pabhuti ubhinnampi aphāsukaṃ katvā kasmā idha vasathā’’ti vatvā dve gāthā abhāsi –
๑๓๐.
130.
‘‘นเม นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตํ, กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจํ;
‘‘Name namantassa bhaje bhajantaṃ, kiccānukubbassa kareyya kiccaṃ;
นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ, อสมฺภชนฺตมฺปิ น สมฺภเชยฺยฯ
Nānatthakāmassa kareyya atthaṃ, asambhajantampi na sambhajeyya.
๑๓๑.
131.
‘‘จเช จชนฺตํ วนถํ น กยิรา, อเปตจิเตฺตน น สมฺภเชยฺย;
‘‘Caje cajantaṃ vanathaṃ na kayirā, apetacittena na sambhajeyya;
ทิโช ทุมํ ขีณผลนฺติ ญตฺวา, อญฺญํ สเมเกฺขยฺย มหา หิ โลโก’’ติฯ
Dijo dumaṃ khīṇaphalanti ñatvā, aññaṃ samekkheyya mahā hi loko’’ti.
ตตฺถ นเม นมนฺตสฺสาติ โย อตฺตนิ มุทุจิเตฺตน นมติ, ตเสฺสว ปฎินเมยฺยฯ กิจฺจานุกุพฺพสฺสาติ อตฺตโน อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ อนุกุพฺพนฺตเสฺสวฯ อนตฺถกามสฺสาติ อวฑฺฒิกามสฺสฯ วนถํ น กยิราติ ตสฺมิํ จชเนฺต ตณฺหาเสฺนหํ น กเรยฺยฯ อเปตจิเตฺตนาติ อปคตจิเตฺตน วิรตฺตจิเตฺตนฯ น สมฺภเชยฺยาติ น สมาคเจฺฉยฺยฯ อญฺญํ สเมเกฺขยฺยาติ อญฺญํ โอโลเกยฺย, ยถา ทิโช ขีณผลํ ทุมํ รุกฺขํ ญตฺวา อญฺญํ ผลภริตํ รุกฺขํ คจฺฉติ, ตถา ขีณราคํ ปุริสํ ญตฺวา อญฺญํ สสิเนหํ อุปคเจฺฉยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ
Tattha name namantassāti yo attani muducittena namati, tasseva paṭinameyya. Kiccānukubbassāti attano uppannaṃ kiccaṃ anukubbantasseva. Anatthakāmassāti avaḍḍhikāmassa. Vanathaṃ na kayirāti tasmiṃ cajante taṇhāsnehaṃ na kareyya. Apetacittenāti apagatacittena virattacittena. Na sambhajeyyāti na samāgaccheyya. Aññaṃ samekkheyyāti aññaṃ olokeyya, yathā dijo khīṇaphalaṃ dumaṃ rukkhaṃ ñatvā aññaṃ phalabharitaṃ rukkhaṃ gacchati, tathā khīṇarāgaṃ purisaṃ ñatvā aññaṃ sasinehaṃ upagaccheyyāti adhippāyo.
ราชา โพธิสเตฺต กเถเนฺต เอว ตสฺสา คุณํ สริตฺวา ‘‘ภเทฺท, เอตฺตกํ กาลํ ตว คุณํ น สลฺลเกฺขสิํ, ปณฺฑิตสฺสเยว กถาย สลฺลเกฺขสิํ, มม อปราธํ สหนฺติยา อิทํ สกลรชฺชํ ตุยฺหเมว ทมฺมี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –
Rājā bodhisatte kathente eva tassā guṇaṃ saritvā ‘‘bhadde, ettakaṃ kālaṃ tava guṇaṃ na sallakkhesiṃ, paṇḍitassayeva kathāya sallakkhesiṃ, mama aparādhaṃ sahantiyā idaṃ sakalarajjaṃ tuyhameva dammī’’ti vatvā catutthaṃ gāthamāha –
๑๓๒.
132.
‘‘โส เต กริสฺสามิ ยถานุภาวํ, กตญฺญุตํ ขตฺติเย เปกฺขมาโน;
‘‘So te karissāmi yathānubhāvaṃ, kataññutaṃ khattiye pekkhamāno;
สพฺพญฺจ เต อิสฺสริยํ ททามิ, ยสฺสิจฺฉสี ตสฺส ตุวํ ททามี’’ติฯ
Sabbañca te issariyaṃ dadāmi, yassicchasī tassa tuvaṃ dadāmī’’ti.
ตตฺถ โสติ โส อหํฯ ยถานุภาวนฺติ ยถาสตฺติ ยถาพลํฯ ยสฺสิจฺฉสีติ ยสฺส อิจฺฉสิ, ตสฺส อิทํ รชฺชํ อาทิํ กตฺวา ยํ ตฺวํ อิจฺฉสิ, ตํ ททามีติฯ
Tattha soti so ahaṃ. Yathānubhāvanti yathāsatti yathābalaṃ. Yassicchasīti yassa icchasi, tassa idaṃ rajjaṃ ādiṃ katvā yaṃ tvaṃ icchasi, taṃ dadāmīti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ราชา เทวิยา สพฺพิสฺสริยํ อทาสิ, ‘‘อิมินาหํ เอติสฺสา คุณํ สราปิโต’’ติ ปณฺฑิตสฺสปิ มหนฺตํ อิสฺสริยํ อทาสิฯ
Evañca pana vatvā rājā deviyā sabbissariyaṃ adāsi, ‘‘imināhaṃ etissā guṇaṃ sarāpito’’ti paṇḍitassapi mahantaṃ issariyaṃ adāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ubho jayampatikā sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu.
ตทา ชยมฺปติกา เอตรหิ ชยมฺปติกาว อเหสุํ, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Tadā jayampatikā etarahi jayampatikāva ahesuṃ, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosinti.
ปกฺกโคธชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Pakkagodhajātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๓๓. ปกฺกโคธชาตกํ • 333. Pakkagodhajātakaṃ