Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๓. ปกฺขเตฺถรคาถาวณฺณนา

    3. Pakkhattheragāthāvaṇṇanā

    จุตา ปตนฺตีติ อายสฺมโต ปกฺขเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ กโรโนฺต อิโต เอกนวุเต กเปฺป ยกฺขเสนาปติ หุตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ทิพฺพวเตฺถน ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สเกฺกสุ เทวทหนิคเม สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘สโมฺมทกุมาโร’’ติสฺส นามํ อโหสิฯ อถสฺส ทหรกาเล วาตโรเคน ปาทา น วหิํสุฯ โส กติปยํ กาลํ ปีฐสปฺปี วิย วิจริฯ เตนสฺส ปโกฺขติ สมญฺญา ชาตาฯ ปจฺฉา อโรคกาเลปิ ตเถว นํ สญฺชานนฺติ, โส ภควโต ญาติสมาคเม ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิโจฺจ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา อรเญฺญ วิหรติฯ อเถกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย อญฺญตโร กุลโล มํสเปสิํ อาทาย อากาเสน คจฺฉติ, ตํ พหู กุลลา อนุปติตฺวา ปาเตสุํฯ ปาติตํ มํสเปสิํ เอโก กุลโล อคฺคเหสิฯ ตํ อโญฺญ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิ, ตํ ทิสฺวา เถโร ‘‘ยถายํ มํสเปสิ, เอวํ กามา นาม พหุสาธารณา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติ – กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขเมฺม จ อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา มนสิกโรโนฺต ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิโจฺจ ทิวาฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๑-๑๐) –

    Cutāpatantīti āyasmato pakkhattherassa gāthā. Kā uppatti? Sopi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni karonto ito ekanavute kappe yakkhasenāpati hutvā vipassiṃ bhagavantaṃ disvā pasannamānaso dibbavatthena pūjaṃ akāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sakkesu devadahanigame sākiyarājakule nibbatti, ‘‘sammodakumāro’’tissa nāmaṃ ahosi. Athassa daharakāle vātarogena pādā na vahiṃsu. So katipayaṃ kālaṃ pīṭhasappī viya vicari. Tenassa pakkhoti samaññā jātā. Pacchā arogakālepi tatheva naṃ sañjānanti, so bhagavato ñātisamāgame pāṭihāriyaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā katapubbakicco kammaṭṭhānaṃ gahetvā araññe viharati. Athekadivasaṃ gāmaṃ piṇḍāya pavisituṃ gacchanto antarāmagge aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi. Tasmiñca samaye aññataro kulalo maṃsapesiṃ ādāya ākāsena gacchati, taṃ bahū kulalā anupatitvā pātesuṃ. Pātitaṃ maṃsapesiṃ eko kulalo aggahesi. Taṃ añño acchinditvā gaṇhi, taṃ disvā thero ‘‘yathāyaṃ maṃsapesi, evaṃ kāmā nāma bahusādhāraṇā bahudukkhā bahupāyāsā’’ti – kāmesu ādīnavaṃ nekkhamme ca ānisaṃsaṃ paccavekkhitvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā ‘‘anicca’’ntiādinā manasikaronto piṇḍāya caritvā katabhattakicco divāṭṭhāne nisīditvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.12.1-10) –

    ‘‘วิปสฺสี นาม ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Vipassī nāma bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    อฎฺฐสฎฺฐิสหเสฺสหิ, ปาวิสิ พนฺธุมํ ตทาฯ

    Aṭṭhasaṭṭhisahassehi, pāvisi bandhumaṃ tadā.

    ‘‘นครา อภินิกฺขมฺม, อคมํ ทีปเจติยํ;

    ‘‘Nagarā abhinikkhamma, agamaṃ dīpacetiyaṃ;

    อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฎิคฺคหํฯ

    Addasaṃ virajaṃ buddhaṃ, āhutīnaṃ paṭiggahaṃ.

    ‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, ยกฺขา มยฺหํ อุปนฺติเก;

    ‘‘Cullāsītisahassāni, yakkhā mayhaṃ upantike;

    อุปฎฺฐหนฺติ สกฺกจฺจํ, อินฺทํว ติทสา คณาฯ

    Upaṭṭhahanti sakkaccaṃ, indaṃva tidasā gaṇā.

    ‘‘ภวนา อภินิกฺขมฺม, ทุสฺสํ ปคฺคยฺหหํ ตทา;

    ‘‘Bhavanā abhinikkhamma, dussaṃ paggayhahaṃ tadā;

    สิรสา อภิวาเทสิํ, ตญฺจาทาสิํ มเหสิโนฯ

    Sirasā abhivādesiṃ, tañcādāsiṃ mahesino.

    ‘‘อโห พุโทฺธ อโห ธโมฺม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;

    ‘‘Aho buddho aho dhammo, aho no satthu sampadā;

    พุทฺธสฺส อานุภาเวน, วสุธายํ ปกมฺปถฯ

    Buddhassa ānubhāvena, vasudhāyaṃ pakampatha.

    ‘‘ตญฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

    ‘‘Tañca acchariyaṃ disvā, abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ;

    พุเทฺธ จิตฺตํ ปสาเทมิ, ทฺวิปทินฺทมฺหิ ตาทิเนฯ

    Buddhe cittaṃ pasādemi, dvipadindamhi tādine.

    ‘‘โสหํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ทุสฺสํ ทตฺวาน สตฺถุโน;

    ‘‘Sohaṃ cittaṃ pasādetvā, dussaṃ datvāna satthuno;

    สรณญฺจ อุปาคจฺฉิํ, สามโจฺจ สปริชฺชโนฯ

    Saraṇañca upāgacchiṃ, sāmacco saparijjano.

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;

    ‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘อิโต ปนฺนรเส กเปฺป, โสฬสาสุํ สุวาหนา;

    ‘‘Ito pannarase kappe, soḷasāsuṃ suvāhanā;

    สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลาฯ

    Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalā.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ยเทว สํเวควตฺถุํ องฺกุสํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อญฺญา อธิคตา, ตสฺส สํกิตฺตนมุเขน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ‘‘จุตา ปตนฺตี’’ติ คาถํ อภาสิฯ

    Arahattaṃ pana patvā yadeva saṃvegavatthuṃ aṅkusaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā aññā adhigatā, tassa saṃkittanamukhena aññaṃ byākaronto ‘‘cutā patantī’’ti gāthaṃ abhāsi.

    ๖๓. ตตฺถ จุตาติ ภฎฺฐาฯ ปตนฺตีติ อนุปตนฺติฯ ปติตาติ จวนวเสน ภูมิยํ ปติตา, อากาเส วา สมฺปตนวเสน ปติตาฯ คิทฺธาติ เคธํ อาปนฺนา ฯ ปุนราคตาติ ปุนเทว อุปคตาฯ -สโทฺท สพฺพตฺถ โยเชตโพฺพฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปตนฺติ อนุปตนฺติ จ อิธ กุลลา, อิตรสฺส มุขโต จุตา จ มํสเปสิ, จุตา ปน สา ภูมิยํ ปติตา จ, คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา สเพฺพว กุลลา ปุนราคตาฯ ยถา จิเม กุลลา, เอวํ สํสาเร ปริพฺภมนฺตา สตฺตา เย กุสลธมฺมโต จุตา, เต ปตนฺติ นิรยาทีสุ, เอวํ ปติตา จ, สมฺปตฺติภเว ฐิตา ตตฺถ กามสุขานุโยควเสน กามภเว รูปารูปภเวสุ จ ภวนิกนฺติวเสน คิทฺธา จ ปุนราคตา ภวโต อปริมุตฺตตฺตา เตน เตน ภวคามินา กเมฺมน ตํ ตํ ภวสญฺญิตํ ทุกฺขํ อาคตา เอว, เอวํภูตา อิเม สตฺตาฯ มยา ปน กตํ กิจฺจํ ปริญฺญาทิเภทํ โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ กตํ, น ทานิ ตํ กาตพฺพํ อตฺถิฯ รตํ รมฺมํ รมิตพฺพํ อริเยหิ สพฺพสงฺขตวินิสฺสฎํ นิพฺพานํ รตํ อภิรตํ รมฺมํฯ เตน จ สุเขนนฺวาคตํ สุขํ ผลสมาปตฺติสุเขน อนุอาคตํ อุปคตํ อจฺจนฺตสุขํ นิพฺพานํ, สุเขน วา สุขาปฎิปทาภูเตน วิปสฺสนาสุเขน มคฺคสุเขน จ อนฺวาคตํ ผลสุขํ นิพฺพานสุขญฺจาติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    63. Tattha cutāti bhaṭṭhā. Patantīti anupatanti. Patitāti cavanavasena bhūmiyaṃ patitā, ākāse vā sampatanavasena patitā. Giddhāti gedhaṃ āpannā . Punarāgatāti punadeva upagatā. Ca-saddo sabbattha yojetabbo. Idaṃ vuttaṃ hoti – patanti anupatanti ca idha kulalā, itarassa mukhato cutā ca maṃsapesi, cutā pana sā bhūmiyaṃ patitā ca, giddhā gedhaṃ āpannā sabbeva kulalā punarāgatā. Yathā cime kulalā, evaṃ saṃsāre paribbhamantā sattā ye kusaladhammato cutā, te patanti nirayādīsu, evaṃ patitā ca, sampattibhave ṭhitā tattha kāmasukhānuyogavasena kāmabhave rūpārūpabhavesu ca bhavanikantivasena giddhā ca punarāgatā bhavato aparimuttattā tena tena bhavagāminā kammena taṃ taṃ bhavasaññitaṃ dukkhaṃ āgatā eva, evaṃbhūtā ime sattā. Mayā pana kataṃ kiccaṃ pariññādibhedaṃ soḷasavidhampi kiccaṃ kataṃ, na dāni taṃ kātabbaṃ atthi. Rataṃ rammaṃ ramitabbaṃ ariyehi sabbasaṅkhatavinissaṭaṃ nibbānaṃ rataṃ abhirataṃ rammaṃ. Tena ca sukhenanvāgataṃ sukhaṃ phalasamāpattisukhena anuāgataṃ upagataṃ accantasukhaṃ nibbānaṃ, sukhena vā sukhāpaṭipadābhūtena vipassanāsukhena maggasukhena ca anvāgataṃ phalasukhaṃ nibbānasukhañcāti attho veditabbo.

    ปกฺขเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pakkhattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. ปกฺขเตฺถรคาถา • 3. Pakkhattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact