Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๐๗] ๗. ปลาสชาตกวณฺณนา

    [307] 7. Palāsajātakavaṇṇanā

    อเจตนํ พฺราหฺมณ อสฺสุณนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา ปรินิพฺพานมเญฺจ นิปโนฺน อานนฺทเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ โสหายสฺมา ‘‘อชฺช รตฺติยา ปจฺจูสสมเย สตฺถา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘อหญฺจมฺหิ เสโกฺข สกรณีโย, สตฺถุ จ เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, ปญฺจวีสติ วสฺสานิ สตฺถุ กตํ อุปฎฺฐานํ นิปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ โสกาภิภูโต อุยฺยานโอวรเก กปิสีสํ อาลมฺพิตฺวา ปโรทิฯ สตฺถา ตํ อปสฺสโนฺต ‘‘กหํ, ภิกฺขเว, อานโนฺท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘กตปุโญฺญสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยุญฺช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว, มา จินฺตยิ, อิทานิ ตยา มม กตํ อุปฎฺฐานํ กิํการณา นิปฺผลํ ภวิสฺสติ, ยสฺส เต ปุเพฺพ สราคาทิกาเลปิ มม กตํ อุปฎฺฐานํ นิปฺผลํ นาโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Acetanaṃbrāhmaṇa assuṇantanti idaṃ satthā parinibbānamañce nipanno ānandattheraṃ ārabbha kathesi. Sohāyasmā ‘‘ajja rattiyā paccūsasamaye satthā parinibbāyissatī’’ti ñatvā ‘‘ahañcamhi sekkho sakaraṇīyo, satthu ca me parinibbānaṃ bhavissati, pañcavīsati vassāni satthu kataṃ upaṭṭhānaṃ nipphalaṃ bhavissatī’’ti sokābhibhūto uyyānaovarake kapisīsaṃ ālambitvā parodi. Satthā taṃ apassanto ‘‘kahaṃ, bhikkhave, ānando’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā taṃ pakkosāpetvā ‘‘katapuññosi tvaṃ, ānanda, padhānamanuyuñja, khippaṃ hohisi anāsavo, mā cintayi, idāni tayā mama kataṃ upaṭṭhānaṃ kiṃkāraṇā nipphalaṃ bhavissati, yassa te pubbe sarāgādikālepi mama kataṃ upaṭṭhānaṃ nipphalaṃ nāhosī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พาราณสิโต อวิทูเร ปลาสรุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตทา พาราณสิวาสิโน มนุสฺสา เทวตามงฺคลิกา อเหสุํ นิจฺจํ พลิกรณาทีสุ ปยุตฺตาฯ อเถโก ทุคฺคตพฺราหฺมโณ ‘‘อหมฺปิ เอกํ เทวตํ ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติ เอกสฺมิํ อุนฺนตปฺปเทเส ฐิตสฺส มหโต ปลาสรุกฺขสฺส มูลํ สมํ นิตฺติณํ กตฺวา ปริกฺขิปิตฺวา วาลุกํ โอกิริตฺวาว สมฺมชฺชิตฺวา รุเกฺข คนฺธปญฺจงฺคุลิกานิ ทตฺวา มาลาคนฺธธูเมหิ ปูเชตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา ‘‘สุขํ สยา’’ติ วตฺวา รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมติฯ ทุติยทิวเส ปาโตว คนฺตฺวา สุขเสยฺยํ ปุจฺฉติฯ อเถกทิวสํ รุกฺขเทวตา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ อติวิย มํ ปฎิชคฺคติ, อิมํ พฺราหฺมณํ วีมํสิตฺวา เยน การเณน มํ ปฎิชคฺคติ, ตํ ทสฺสามี’’ติฯ สา ตสฺมิํ ขเณ พฺราหฺมเณ อาคนฺตฺวา รุกฺขมูเล สมฺมชฺชเนฺต มหลฺลกพฺราหฺมณเวเสน สมีเป ฐตฺวา ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto bārāṇasito avidūre palāsarukkhadevatā hutvā nibbatti. Tadā bārāṇasivāsino manussā devatāmaṅgalikā ahesuṃ niccaṃ balikaraṇādīsu payuttā. Atheko duggatabrāhmaṇo ‘‘ahampi ekaṃ devataṃ paṭijaggissāmī’’ti ekasmiṃ unnatappadese ṭhitassa mahato palāsarukkhassa mūlaṃ samaṃ nittiṇaṃ katvā parikkhipitvā vālukaṃ okiritvāva sammajjitvā rukkhe gandhapañcaṅgulikāni datvā mālāgandhadhūmehi pūjetvā dīpaṃ jāletvā ‘‘sukhaṃ sayā’’ti vatvā rukkhaṃ padakkhiṇaṃ katvā pakkamati. Dutiyadivase pātova gantvā sukhaseyyaṃ pucchati. Athekadivasaṃ rukkhadevatā cintesi ‘‘ayaṃ brāhmaṇo ativiya maṃ paṭijaggati, imaṃ brāhmaṇaṃ vīmaṃsitvā yena kāraṇena maṃ paṭijaggati, taṃ dassāmī’’ti. Sā tasmiṃ khaṇe brāhmaṇe āgantvā rukkhamūle sammajjante mahallakabrāhmaṇavesena samīpe ṭhatvā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๒๕.

    25.

    ‘‘อเจตนํ พฺราหฺมณ อสฺสุณนฺตํ, ชาโน อชานนฺตมิมํ ปลาสํ;

    ‘‘Acetanaṃ brāhmaṇa assuṇantaṃ, jāno ajānantamimaṃ palāsaṃ;

    อารทฺธวิริโย ธุวํ อปฺปมโตฺต, สุขเสยฺยํ ปุจฺฉสิ กิสฺส เหตู’’ติฯ

    Āraddhaviriyo dhuvaṃ appamatto, sukhaseyyaṃ pucchasi kissa hetū’’ti.

    ตตฺถ อสฺสุณนฺตนฺติ อเจตนตฺตาว อสุณนฺตํฯ ชาโนติ ตุวํ ชานมาโน หุตฺวา ธุวํ อปฺปมโตฺตติ นิจฺจํ อปฺปมโตฺตฯ

    Tattha assuṇantanti acetanattāva asuṇantaṃ. Jānoti tuvaṃ jānamāno hutvā dhuvaṃ appamattoti niccaṃ appamatto.

    ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā brāhmaṇo dutiyaṃ gāthamāha –

    ๒๖.

    26.

    ‘‘ทูเร สุโต เจว พฺรหา จ รุโกฺข, เทเส ฐิโต ภูตนิวาสรูโป;

    ‘‘Dūre suto ceva brahā ca rukkho, dese ṭhito bhūtanivāsarūpo;

    ตสฺมา นมสฺสามิ อิมํ ปลาสํ, เย เจตฺถ ภูตา เต ธนสฺส เหตู’’ติฯ

    Tasmā namassāmi imaṃ palāsaṃ, ye cettha bhūtā te dhanassa hetū’’ti.

    ตตฺถ ทูเร สุโตติ พฺราหฺมณ อยํ รุโกฺข ทูเร สุโต วิสฺสุโต, น อาสนฺนฎฺฐาเนเยว ปากโฎฯ พฺรหา จาติ มหโนฺต จฯ เทเส ฐิโตติ อุนฺนเต สเม ภูมิปฺปเทเส ฐิโตฯ ภูตนิวาสรูโปติ เทวตานิวาสสภาโว, อทฺธา เอตฺถ มเหสกฺขา เทวตา นิวุตฺถา ภวิสฺสติฯ เต ธนสฺส เหตูติ อิมญฺจ รุกฺขํ เย เจตฺถ นิวุตฺถา ภูตา, เต ธนสฺส เหตุ นมสฺสามิ, น นิกฺการณาติฯ

    Tattha dūre sutoti brāhmaṇa ayaṃ rukkho dūre suto vissuto, na āsannaṭṭhāneyeva pākaṭo. Brahā cāti mahanto ca. Dese ṭhitoti unnate same bhūmippadese ṭhito. Bhūtanivāsarūpoti devatānivāsasabhāvo, addhā ettha mahesakkhā devatā nivutthā bhavissati. Te dhanassa hetūti imañca rukkhaṃ ye cettha nivutthā bhūtā, te dhanassa hetu namassāmi, na nikkāraṇāti.

    ตํ สุตฺวา รุกฺขเทวตา พฺราหฺมณสฺส ปสนฺนา ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, อิมสฺมิํ รุเกฺข นิพฺพตฺตเทวตา, มา ภายิ, ธนํ เต ทสฺสามี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา อตฺตโน วิมานทฺวาเร มหเนฺตน เทวตานุภาเวน อากาเส ฐตฺวา อิตรา เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā rukkhadevatā brāhmaṇassa pasannā ‘‘ahaṃ, brāhmaṇa, imasmiṃ rukkhe nibbattadevatā, mā bhāyi, dhanaṃ te dassāmī’’ti taṃ assāsetvā attano vimānadvāre mahantena devatānubhāvena ākāse ṭhatvā itarā dve gāthā abhāsi –

    ๒๗.

    27.

    ‘‘โส เต กริสฺสามิ ยถานุภาวํ, กตญฺญุตํ พฺราหฺมณ เปกฺขมาโน;

    ‘‘So te karissāmi yathānubhāvaṃ, kataññutaṃ brāhmaṇa pekkhamāno;

    กถญฺหิ อาคมฺม สตํ สกาเส, โมฆานิ เต อสฺสุ ปริผนฺทิตานิฯ

    Kathañhi āgamma sataṃ sakāse, moghāni te assu pariphanditāni.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘โย ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปโร ปิลโกฺข, ปริวาริโต ปุพฺพยโญฺญ อุฬาโร;

    ‘‘Yo tindukarukkhassa paro pilakkho, parivārito pubbayañño uḷāro;

    ตเสฺสส มูลสฺมิํ นิธิ นิขาโต, อทายาโท คจฺฉ ตํ อุทฺธราหี’’ติฯ

    Tassesa mūlasmiṃ nidhi nikhāto, adāyādo gaccha taṃ uddharāhī’’ti.

    ตตฺถ ยถานุภาวนฺติ ยถาสตฺติ ยถาพลํฯ กตญฺญุตนฺติ ตยา มยฺหํ กตคุณํ ชานโนฺต ตํ อตฺตนิ วิชฺชมานํ กตญฺญุตํ เปกฺขมาโนฯ อาคมฺมาติ อาคนฺตฺวาฯ สตํ สกาเสติ สปฺปุริสานํ สนฺติเกฯ โมฆานิ เต อสฺสุ ปริผนฺทิตานีติ สุขเสยฺยปุจฺฉนวเสน วาจาผนฺทิตานิ สมฺมชฺชนาทิกรเณน กายผนฺทิตานิ จ ตว กถํ อผลานิ ภวิสฺสนฺติฯ

    Tattha yathānubhāvanti yathāsatti yathābalaṃ. Kataññutanti tayā mayhaṃ kataguṇaṃ jānanto taṃ attani vijjamānaṃ kataññutaṃ pekkhamāno. Āgammāti āgantvā. Sataṃ sakāseti sappurisānaṃ santike. Moghāni te assu pariphanditānīti sukhaseyyapucchanavasena vācāphanditāni sammajjanādikaraṇena kāyaphanditāni ca tava kathaṃ aphalāni bhavissanti.

    โย ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปโร ปิลโกฺขติ โย เอส ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปรโต ปิลกฺขรุโกฺข ฐิโตติ วิมานทฺวาเร ฐิตาว หตฺถํ ปสาเรตฺวา ทเสฺสติฯ ปริวาริโตติอาทีสุ ตสฺส ปิลกฺขรุกฺขสฺส มูเล เอส ตํ รุกฺขมูลํ ปริกฺขิปิตฺวา นิหิตตาย ปริวาริโต, ปุเพฺพ ยิฎฺฐยญฺญวเสน ปุริมสามิกานํ อุปฺปนฺนตาย ปุพฺพยโญฺญ, อเนกนิธิกุมฺภิ ภาเวน มหนฺตตฺตา อุฬาโร, ภูมิํ ขณิตฺวา ฐปิตตฺตา นิขาโต, อิทานิ ทายาทานํ อภาวโต อทายาโทฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอส ตํ รุกฺขมูลํ ปริกฺขิปิตฺวา คีวาย คีวํ ปหรนฺตีนํ นิธิกุมฺภีนํ วเสน มหานิธิ นิขาโต อสามิโก, คจฺฉ ตํ อุทฺธริตฺวา คณฺหาติฯ

    Yo tindukarukkhassa paro pilakkhoti yo esa tindukarukkhassa parato pilakkharukkho ṭhitoti vimānadvāre ṭhitāva hatthaṃ pasāretvā dasseti. Parivāritotiādīsu tassa pilakkharukkhassa mūle esa taṃ rukkhamūlaṃ parikkhipitvā nihitatāya parivārito, pubbe yiṭṭhayaññavasena purimasāmikānaṃ uppannatāya pubbayañño, anekanidhikumbhi bhāvena mahantattā uḷāro, bhūmiṃ khaṇitvā ṭhapitattā nikhāto, idāni dāyādānaṃ abhāvato adāyādo. Idaṃ vuttaṃ hoti – esa taṃ rukkhamūlaṃ parikkhipitvā gīvāya gīvaṃ paharantīnaṃ nidhikumbhīnaṃ vasena mahānidhi nikhāto asāmiko, gaccha taṃ uddharitvā gaṇhāti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา สา เทวตา ‘‘พฺราหฺมณ, ตฺวํ เอตํ อุทฺธริตฺวา คณฺหโนฺต กิลมิสฺสสิ, คจฺฉ ตฺวํ, อหเมว ตํ ตว ฆรํ เนตฺวา อสุกสฺมิํ อสุกสฺมิญฺจ ฐาเน นิทหิสฺสามิ, ตฺวํ เอตํ ธนํ ยาวชีวํ ปริภุญฺชโนฺต ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหี’’ติ พฺราหฺมณสฺส โอวาทํ ทตฺวา ตํ ธนํ อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ฆเร ปติฎฺฐาเปสิฯ

    Evañca pana vatvā sā devatā ‘‘brāhmaṇa, tvaṃ etaṃ uddharitvā gaṇhanto kilamissasi, gaccha tvaṃ, ahameva taṃ tava gharaṃ netvā asukasmiṃ asukasmiñca ṭhāne nidahissāmi, tvaṃ etaṃ dhanaṃ yāvajīvaṃ paribhuñjanto dānaṃ dehi, sīlaṃ rakkhāhī’’ti brāhmaṇassa ovādaṃ datvā taṃ dhanaṃ attano ānubhāvena tassa ghare patiṭṭhāpesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานโนฺท อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā brāhmaṇo ānando ahosi, rukkhadevatā pana ahameva ahosi’’nti.

    ปลาสชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Palāsajātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๐๗. ปลาสชาตกํ • 307. Palāsajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact