Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา

    Pālileyyakagamanakathāvaṇṇanā

    ๔๖๗. ธมฺมิยา กถายาติ สมคฺควาเส อานิสํสปฎิสํยุตฺตาย ธมฺมกถายฯ อนุปุเพฺพน (อุทา. อฎฺฐ. ๓๕) จาริกํ จรมาโนติ อนุกฺกเมน คามนิคมปฎิปาฎิยา จาริกํ จรมาโนฯ เยน ปาลิเลยฺยกํ ตทวสรีติ เอกโกว เยน ปาลิเลยฺยกคาโม, ตํ อวสริฯ ปาลิเลยฺยกคามวาสิโนปิ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควโต ทานํ ทตฺวา ปาลิเลยฺยกคามสฺส อวิทูเร รกฺขิตวนสโณฺฑ นาม อตฺถิ, ตตฺถ ภควโต ปณฺณสาลํ กตฺวา ‘‘เอตฺถ ภควา วสตู’’ติ ยาจิตฺวา วาสยิํสุฯ ภทฺทสาโลติ ปน ตเตฺถโก มนาโป ลฎฺฐิโก สาลรุโกฺขฯ ภควา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วนสเณฺฑ ปณฺณสาลาย สมีเป ตสฺมิํ รุกฺขมูเล วิหาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสเณฺฑ ภทฺทสาลมูเล’’ติฯ

    467.Dhammiyākathāyāti samaggavāse ānisaṃsapaṭisaṃyuttāya dhammakathāya. Anupubbena (udā. aṭṭha. 35) cārikaṃ caramānoti anukkamena gāmanigamapaṭipāṭiyā cārikaṃ caramāno. Yena pālileyyakaṃ tadavasarīti ekakova yena pālileyyakagāmo, taṃ avasari. Pālileyyakagāmavāsinopi paccuggantvā bhagavato dānaṃ datvā pālileyyakagāmassa avidūre rakkhitavanasaṇḍo nāma atthi, tattha bhagavato paṇṇasālaṃ katvā ‘‘ettha bhagavā vasatū’’ti yācitvā vāsayiṃsu. Bhaddasāloti pana tattheko manāpo laṭṭhiko sālarukkho. Bhagavā taṃ gāmaṃ upanissāya vanasaṇḍe paṇṇasālāya samīpe tasmiṃ rukkhamūle vihāsi. Tena vuttaṃ ‘‘pālileyyake viharati rakkhitavanasaṇḍe bhaddasālamūle’’ti.

    อถ โข ภควโต รโหคตสฺสาติอาทิ ภควโต วิเวกสุขปจฺจเวกฺขณทสฺสนํฯ อากิโณฺณ น ผาสุ วิหาสินฺติ สมฺพาธปฺปโตฺต อากิโณฺณ วิหาสิํฯ กิํ ปน ภควโต สมฺพาโธ อตฺถิ สํสโคฺค วาติ? นตฺถิฯ น หิ โกจิ ภควนฺตํ อนิจฺฉาย อุปสงฺกมิตุํ สโกฺกติฯ ทุราสทา หิ พุทฺธา ภควโนฺต สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตา, หิเตสิตาย ปน สเตฺตสุ อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘มุโตฺต โมเจสฺสามี’’ติ ปฎิญฺญานุรูปํ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถํ อฎฺฐนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน สนฺติกํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ อธิวาเสติ, สยญฺจ มหากรุณาสมุสฺสาหิโต กาลญฺญู หุตฺวา ตตฺถ อุปสงฺกมีติ อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณํฯ นายมิธ อากิณฺณวิหาโร อธิเปฺปโต, อิธ ปน เตหิ กลหการเกหิ โกสมฺพกภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกวิหาเร วาสํ วิหาสิ, ตทา วิเนตพฺพาภาวโต อากิณฺณวิหารํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อหํ โข ปุเพฺพ อากิโณฺณ น ผาสุ วิหาสิ’’นฺติฯ เตเนวาห ‘‘เตหิ โกสมฺพเกหิ ภิกฺขูหิ ภณฺฑนการเกหี’’ติอาทิฯ

    Atha kho bhagavato rahogatassātiādi bhagavato vivekasukhapaccavekkhaṇadassanaṃ. Ākiṇṇo na phāsu vihāsinti sambādhappatto ākiṇṇo vihāsiṃ. Kiṃ pana bhagavato sambādho atthi saṃsaggo vāti? Natthi. Na hi koci bhagavantaṃ anicchāya upasaṅkamituṃ sakkoti. Durāsadā hi buddhā bhagavanto sabbattha ca anupalittā, hitesitāya pana sattesu anukampaṃ upādāya ‘‘mutto mocessāmī’’ti paṭiññānurūpaṃ caturoghanittharaṇatthaṃ aṭṭhannaṃ parisānaṃ attano santikaṃ kālena kālaṃ upasaṅkamanaṃ adhivāseti, sayañca mahākaruṇāsamussāhito kālaññū hutvā tattha upasaṅkamīti idaṃ sabbabuddhānaṃ āciṇṇaṃ. Nāyamidha ākiṇṇavihāro adhippeto, idha pana tehi kalahakārakehi kosambakabhikkhūhi saddhiṃ ekavihāre vāsaṃ vihāsi, tadā vinetabbābhāvato ākiṇṇavihāraṃ katvā vuttaṃ ‘‘ahaṃ kho pubbe ākiṇṇo na phāsu vihāsi’’nti. Tenevāha ‘‘tehi kosambakehi bhikkhūhi bhaṇḍanakārakehī’’tiādi.

    ทหรโปตเกหีติ ทหเรหิ หตฺถิโปตเกหิ, เย ภิงฺกาติปิ วุจฺจนฺติฯ เตหีติ หตฺถิอาทีหิฯ กทฺทโมทกานีติ กทฺทมมิสฺสานิ อุทกานิฯ โอคาหาติ เอตฺถ ‘‘โอคาห’’นฺติปิ ปาฬิฯ อสฺสาติ หตฺถินาคสฺสฯ อุปนิฆํสนฺติโยติ ฆเฎฺฎนฺติโยฯ อุปนิฆํสิยมาโนปิ อตฺตโน อุฬารภาเวน น กุชฺฌติ, เตน ตา ฆํสนฺติเยวฯ วูปกโฎฺฐติ วูปกโฎฺฐ ทูรีภูโตฯ

    Daharapotakehīti daharehi hatthipotakehi, ye bhiṅkātipi vuccanti. Tehīti hatthiādīhi. Kaddamodakānīti kaddamamissāni udakāni. Ogāhāti ettha ‘‘ogāha’’ntipi pāḷi. Assāti hatthināgassa. Upanighaṃsantiyoti ghaṭṭentiyo. Upanighaṃsiyamānopi attano uḷārabhāvena na kujjhati, tena tā ghaṃsantiyeva. Vūpakaṭṭhoti vūpakaṭṭho dūrībhūto.

    ยูถาติ หตฺถิฆฎายฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิร หตฺถินาโค ยูถวาเส อุกฺกณฺฐิโต ตํ วนสณฺฑํ ปวิโฎฺฐฯ ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ฆฎสหเสฺสน นิพฺพาปิตสนฺตาโป วิย นิพฺพุโต หุตฺวา ปสนฺนจิโตฺต ภควโต สนฺติเก อฎฺฐาสิ, ตโต ปฎฺฐาย วตฺตสีเส ฐตฺวา ภทฺทสาลสฺส ปณฺณสาลาย จ สมนฺตโต อปฺปหริตํ กตฺวา สาขาภเงฺคน สมฺมชฺชติ, ภควโต มุขโธวนํ เทติ, นหาโนทกํ อาหรติ, ทนฺตกฎฺฐํ เทติ, อรญฺญโต มธุรานิ ผลาผลานิ อาหริตฺวา สตฺถุ อุปเนติฯ สตฺถา ตานิ ปริภุญฺชติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตี’’ติอาทิฯ โส กิร โสณฺฑาย ทารูนิ อาหริตฺวา อญฺญมญฺญํ ฆํสิตฺวา อคฺคิํ อุฎฺฐาเปตฺวา ทารูนิ ชาลาเปตฺวา ตตฺถ ปาสาณขณฺฑานิ ตาเปตฺวา ตานิ ทณฺฑเกหิ วเฎฺฎตฺวา โสณฺฑิยํ ขิปิตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ญตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐติฯ ภควา ‘‘หตฺถินาโค มม นหานํ อิจฺฉตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นหานกิจฺจํ กโรติฯ ปานีเยปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมิํ ปน สีตเล ชาเต อุปสงฺกมติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตี’’ติฯ

    Yūthāti hatthighaṭāya. Yena bhagavā tenupasaṅkamīti so kira hatthināgo yūthavāse ukkaṇṭhito taṃ vanasaṇḍaṃ paviṭṭho. Tattha bhagavantaṃ disvā ghaṭasahassena nibbāpitasantāpo viya nibbuto hutvā pasannacitto bhagavato santike aṭṭhāsi, tato paṭṭhāya vattasīse ṭhatvā bhaddasālassa paṇṇasālāya ca samantato appaharitaṃ katvā sākhābhaṅgena sammajjati, bhagavato mukhadhovanaṃ deti, nahānodakaṃ āharati, dantakaṭṭhaṃ deti, araññato madhurāni phalāphalāni āharitvā satthu upaneti. Satthā tāni paribhuñjati. Tena vuttaṃ ‘‘soṇḍāya bhagavato pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetī’’tiādi. So kira soṇḍāya dārūni āharitvā aññamaññaṃ ghaṃsitvā aggiṃ uṭṭhāpetvā dārūni jālāpetvā tattha pāsāṇakhaṇḍāni tāpetvā tāni daṇḍakehi vaṭṭetvā soṇḍiyaṃ khipitvā udakassa tattabhāvaṃ ñatvā bhagavato santikaṃ upagantvā tiṭṭhati. Bhagavā ‘‘hatthināgo mama nahānaṃ icchatī’’ti tattha gantvā nahānakiccaṃ karoti. Pānīyepi eseva nayo. Tasmiṃ pana sītale jāte upasaṅkamati. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘soṇḍāya bhagavato pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetī’’ti.

    อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวาติ เกหิจิ อนากิณฺณภาวลทฺธํ กายวิเวกํ ชานิตฺวาฯ อิตเร ปน วิเวกา ภควโต สพฺพกาลํ วิชฺชนฺติเยวฯ อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิมํ อตฺตโน หตฺถินาคสฺส จ วิเวกาภิรติยา สมานชฺฌาสยภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Attano ca pavivekaṃ viditvāti kehici anākiṇṇabhāvaladdhaṃ kāyavivekaṃ jānitvā. Itare pana vivekā bhagavato sabbakālaṃ vijjantiyeva. Imaṃ udānaṃ udānesīti imaṃ attano hatthināgassa ca vivekābhiratiyā samānajjhāsayabhāvadīpanaṃ udānaṃ udānesi.

    คาถาย ปน เอวมตฺถโยชนา เวทิตพฺพา (อุทา. อฎฺฐ. ๓๕) – เอตํ อีสาทนฺตสฺส รถอีสาสทิสทนฺตสฺส หตฺถินาคสฺส จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส จิเตฺตน สเมติ สํสนฺทติฯ กถํ สเมติ เจ? ยเทโก รมตี วเน, ยสฺมา พุทฺธนาโค ‘‘อหํ โข ปุเพฺพ อากิโณฺณ วิหาสิ’’นฺติ ปุริมํ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ ยถา เอโก อทุติโย วเน อรเญฺญ รมติ อภิรมติ, เอวํ อยมฺปิ หตฺถินาโค ปุเพฺพ อตฺตโน หตฺถิอาทีหิ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา อิทานิ เอโก อสหาโย วเน เอกวิหารํ รมติ อภินนฺทติ, ตสฺมาสฺส จิตฺตํ นาเคน สเมติ, ตสฺส จิเตฺตน สเมตีติ กตฺวา เอกีภาวรติยา เอกสทิสํ โหตีติ อโตฺถฯ

    Gāthāya pana evamatthayojanā veditabbā (udā. aṭṭha. 35) – etaṃ īsādantassa rathaīsāsadisadantassa hatthināgassa cittaṃ nāgena buddhanāgassa cittena sameti saṃsandati. Kathaṃ sameti ce? Yadeko ramatī vane, yasmā buddhanāgo ‘‘ahaṃ kho pubbe ākiṇṇo vihāsi’’nti purimaṃ ākiṇṇavihāraṃ jigucchitvā vivekaṃ upabrūhayamāno idāni yathā eko adutiyo vane araññe ramati abhiramati, evaṃ ayampi hatthināgo pubbe attano hatthiādīhi ākiṇṇavihāraṃ jigucchitvā idāni eko asahāyo vane ekavihāraṃ ramati abhinandati, tasmāssa cittaṃ nāgena sameti, tassa cittena sametīti katvā ekībhāvaratiyā ekasadisaṃ hotīti attho.

    ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pālileyyakagamanakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๒๗๕. ปาลิเลยฺยกคมนกถา • 275. Pālileyyakagamanakathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ปาลิเลยฺยกคมนกถา • Pālileyyakagamanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา • Pālileyyakagamanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาลิเลยฺยกคมนกถาวณฺณนา • Pālileyyakagamanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒๗๕. ปาลิเลยฺยกคมนกถา • 275. Pālileyyakagamanakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact