Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา
Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉเยสุ ตญฺจ โข…เป.… น วณฺณมฎฺฐตฺถายาติ อิทํ ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกสลากปญฺชรวินนฺธนํ สนฺธายาติ วทนฺติฯ สพฺพตฺถาติ ฉตฺตทเณฺฑ สพฺพตฺถฯ อารเคฺคนาติ นิขาทนมุเขนฯ ฆฎกมฺปิ วาฬรูปมฺปิ ภินฺทิตฺวา ธาเรตพฺพนฺติ สเจ ตาทิสํ อกปฺปิยฉตฺตํ ลภติ, ฆฎกมฺปิ วาฬรูปมฺปิ ภินฺทิตฺวา ตเจฺฉตฺวา ธาเรตพฺพํฯ สุตฺตเกน วา ทโณฺฑ เวเฐตโพฺพติ ยถา ฉตฺตทเณฺฑ เลขา น ปญฺญายติ, ตถา เวเฐตโพฺพฯ ทณฺฑพุเนฺทติ ทณฺฑมูเล, ฉตฺตทณฺฑสฺส เหฎฺฐิมตเลติ อโตฺถฯ ฉตฺตมณฺฑลิกนฺติ ฉตฺตสฺส อโนฺต ขุทฺทกมณฺฑลํฯ อุกฺกิริตฺวาติ อุฎฺฐเปตฺวาฯ สา วฎฺฎตีติ ยทิปิ รชฺชุเกหิ น พนฺธนฺติ, พนฺธิตุํ ปน ยุตฺตฎฺฐานตฺตา วฎฺฎติฯ
Pāḷimuttakavinicchayesu tañca kho…pe… na vaṇṇamaṭṭhatthāyāti idaṃ chattadaṇḍaggāhakasalākapañjaravinandhanaṃ sandhāyāti vadanti. Sabbatthāti chattadaṇḍe sabbattha. Āraggenāti nikhādanamukhena. Ghaṭakampi vāḷarūpampi bhinditvā dhāretabbanti sace tādisaṃ akappiyachattaṃ labhati, ghaṭakampi vāḷarūpampi bhinditvā tacchetvā dhāretabbaṃ. Suttakena vā daṇḍo veṭhetabboti yathā chattadaṇḍe lekhā na paññāyati, tathā veṭhetabbo. Daṇḍabundeti daṇḍamūle, chattadaṇḍassa heṭṭhimataleti attho. Chattamaṇḍalikanti chattassa anto khuddakamaṇḍalaṃ. Ukkiritvāti uṭṭhapetvā. Sā vaṭṭatīti yadipi rajjukehi na bandhanti, bandhituṃ pana yuttaṭṭhānattā vaṭṭati.
นานาสุตฺตเกหีติ นานาวเณฺณหิ สุเตฺตหิฯ อิทญฺจ ตถา กโรนฺตานํ กรณปฺปการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เอกวณฺณสุตฺตเกนปิ วุตฺตปฺปกาเรน สิพฺพิตุํ น วฎฺฎติเยวฯ ปฎฺฎมุเขติ ปฎฺฎโกฎิยํฯ ทฺวินฺนํ ปฎฺฎานํ สงฺฆฎฺฎิตฎฺฐานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ปริยเนฺตติ จีวรปริยเนฺตฯ จีวรอนุวาตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เวณินฺติ วรกสีสากาเรน สิพฺพนํฯ สงฺขลิกนฺติ พิฬาลพนฺธนากาเรน สิพฺพนํฯ ‘‘เวณิํ สงฺขลิก’’นฺติ เจตฺถ อุปโยควจนํ ‘‘กโรนฺตี’’ติ กรณกิริยาเปกฺขํฯ อคฺฆิยคยมุคฺคราทีนีติ เอตฺถ อคฺฆิยํ นาม เจติยสณฺฐาเนน สิพฺพนํ, มูเล ตนุกํ อเคฺค มหนฺตํ กตฺวา คทากาเรน สิพฺพนํ คยา, มูเล จ อเคฺค จ เอกสทิสํ กตฺวา มุคฺครากาเรน สิพฺพนํ มุคฺคโรฯ กกฺกฎกฺขีนิ อุกฺกิรนฺตีติ คณฺฐิกปฎฺฎปาสกปฎฺฎานํ อเนฺต ปาฬิพทฺธํ กตฺวา กกฺกฎกานํ อกฺขิสณฺฐานํ อุฎฺฐเปนฺติ, กโรนฺตีติ อโตฺถฯ ‘‘โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺฐิกปาสกปฎฺฎานํ โกเณหิ นีหฎสุตฺตานํ โกฎิโย’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ กถํ ปน ตา ปิฬกา ทุวิเญฺญยฺยรูปา กาตพฺพาติ? โกเณหิ นีหฎสุตฺตานํ อเนฺตสุ เอกวารํ คณฺฐิกกรเณน วา ปุน นิวเตฺตตฺวา สิพฺพเนน วา ทุวิเญฺญยฺยสภาวํ กตฺวา สุตฺตโกฎิโย รสฺสํ กตฺวา ฉินฺทิตพฺพาฯ ธมฺมสิริเตฺถเรน ปน –
Nānāsuttakehīti nānāvaṇṇehi suttehi. Idañca tathā karontānaṃ karaṇappakāradassanatthaṃ vuttaṃ, ekavaṇṇasuttakenapi vuttappakārena sibbituṃ na vaṭṭatiyeva. Paṭṭamukheti paṭṭakoṭiyaṃ. Dvinnaṃ paṭṭānaṃ saṅghaṭṭitaṭṭhānaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Pariyanteti cīvarapariyante. Cīvaraanuvātaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Veṇinti varakasīsākārena sibbanaṃ. Saṅkhalikanti biḷālabandhanākārena sibbanaṃ. ‘‘Veṇiṃ saṅkhalika’’nti cettha upayogavacanaṃ ‘‘karontī’’ti karaṇakiriyāpekkhaṃ. Agghiyagayamuggarādīnīti ettha agghiyaṃ nāma cetiyasaṇṭhānena sibbanaṃ, mūle tanukaṃ agge mahantaṃ katvā gadākārena sibbanaṃ gayā, mūle ca agge ca ekasadisaṃ katvā muggarākārena sibbanaṃ muggaro. Kakkaṭakkhīni ukkirantīti gaṇṭhikapaṭṭapāsakapaṭṭānaṃ ante pāḷibaddhaṃ katvā kakkaṭakānaṃ akkhisaṇṭhānaṃ uṭṭhapenti, karontīti attho. ‘‘Koṇasuttapiḷakāti gaṇṭhikapāsakapaṭṭānaṃ koṇehi nīhaṭasuttānaṃ koṭiyo’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Kathaṃ pana tā piḷakā duviññeyyarūpā kātabbāti? Koṇehi nīhaṭasuttānaṃ antesu ekavāraṃ gaṇṭhikakaraṇena vā puna nivattetvā sibbanena vā duviññeyyasabhāvaṃ katvā suttakoṭiyo rassaṃ katvā chinditabbā. Dhammasirittherena pana –
‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกา, ทุวิเญฺญยฺยาว กปฺปเร’’ติ –
‘‘Koṇasuttā ca piḷakā, duviññeyyāva kappare’’ti –
วุตฺตํฯ ตถา อาจริยพุทฺธทตฺตเตฺถเรนปิ –
Vuttaṃ. Tathā ācariyabuddhadattattherenapi –
‘‘สุตฺตา จ ปิฬกา ตตฺถ, ทุวิเญฺญยฺยาว ทีปิตา’’ติ –
‘‘Suttā ca piḷakā tattha, duviññeyyāva dīpitā’’ti –
วุตฺตํ ฯ ตสฺมา เตสํ มเตน โกณสุตฺตา จ ปิฬกา จ โกณสุตฺตปิฬกาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Vuttaṃ . Tasmā tesaṃ matena koṇasuttā ca piḷakā ca koṇasuttapiḷakāti evamettha attho daṭṭhabbo.
มณินาติ มสารคลฺลาทิปาสาเณนฯ น ฆเฎฺฎตพฺพนฺติ น ฆํสิตพฺพํ, อํสพทฺธกกายพนฺธนานิ ปน สงฺขาทีหิ ฆํสิตุํ วฎฺฎติฯ ปาสกํ กตฺวา พนฺธิตพฺพนฺติ รชนกาเล พนฺธิตพฺพํ, เสสกาเล โมเจตฺวา ฐเปตพฺพํฯ คณฺฐิเกติ ทนฺตมยาทิคณฺฐิเกฯ ปิฬกาติ พินฺทุํ พินฺทุํ กตฺวา อุฎฺฐาเปตพฺพปิฬกาฯ
Maṇināti masāragallādipāsāṇena. Na ghaṭṭetabbanti na ghaṃsitabbaṃ, aṃsabaddhakakāyabandhanāni pana saṅkhādīhi ghaṃsituṃ vaṭṭati. Pāsakaṃ katvā bandhitabbanti rajanakāle bandhitabbaṃ, sesakāle mocetvā ṭhapetabbaṃ. Gaṇṭhiketi dantamayādigaṇṭhike. Piḷakāti binduṃ binduṃ katvā uṭṭhāpetabbapiḷakā.
‘‘เตลวโณฺณติ สมณสารุปฺปวณฺณํ สนฺธาย วุตฺตํ, มณิวณฺณํ ปน ปตฺตํ อเญฺญน กตํ ลภิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ ปตฺตมณฺฑเลติ ติปุสีสาทิมเย ปตฺตมณฺฑเลฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, จิตฺรานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ‘‘ภิตฺติกมฺมํ น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มกรทนฺตกํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ วจนโต ‘‘มกรทนฺตกํ ปน วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ
‘‘Telavaṇṇoti samaṇasāruppavaṇṇaṃ sandhāya vuttaṃ, maṇivaṇṇaṃ pana pattaṃ aññena kataṃ labhitvā paribhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Pattamaṇḍaleti tipusīsādimaye pattamaṇḍale. ‘‘Na, bhikkhave, citrāni pattamaṇḍalāni dhāretabbāni rūpakākiṇṇāni bhittikammakatānī’’ti (cūḷava. 253) vuttattā ‘‘bhittikammaṃ na vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, makaradantakaṃ chinditu’’nti vacanato ‘‘makaradantakaṃ pana vaṭṭatī’’ti vuttaṃ.
มกรมุขนฺติ มกรมุขสณฺฐานํฯ เทฑฺฒุภสีสนฺติ อุทกสปฺปสีสสณฺฐานํฯ อจฺฉีนีติ กุญฺชรจฺฉิสณฺฐานานิฯ รชฺชุกกายพนฺธนํ เอกเมว วฎฺฎตีติ รชฺชุกํ พนฺธเนฺตน เอกคุณเมว กตฺวา พนฺธิตุํ วฎฺฎติ, มเชฺฌ ภินฺทิตฺวา ทิคุณํ กตฺวา พนฺธิตุํ น วฎฺฎติ, ทิคุณํ ปน อกตฺวา เอกรชฺชุกเมว สตวารมฺปิ ปุนปฺปุนํ อาวิชฺชิตฺวา พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ เอกมฺปิ น วฎฺฎตีติ เอกคุณมฺปิ กตฺวา พนฺธิตุํ น วฎฺฎติฯ พหุรชฺชุเก…เป... วฎฺฎตีติ อิทํ กายพนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ทสา สนฺธายฯ อีทิสญฺหิ กายพนฺธนํ พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ เตเนว อาจริยพุทฺธทตฺตเตฺถเรน วุตฺตํ –
Makaramukhanti makaramukhasaṇṭhānaṃ. Deḍḍhubhasīsanti udakasappasīsasaṇṭhānaṃ. Acchīnīti kuñjaracchisaṇṭhānāni. Rajjukakāyabandhanaṃ ekameva vaṭṭatīti rajjukaṃ bandhantena ekaguṇameva katvā bandhituṃ vaṭṭati, majjhe bhinditvā diguṇaṃ katvā bandhituṃ na vaṭṭati, diguṇaṃ pana akatvā ekarajjukameva satavārampi punappunaṃ āvijjitvā bandhituṃ vaṭṭati. Ekampi na vaṭṭatīti ekaguṇampi katvā bandhituṃ na vaṭṭati. Bahurajjuke…pe... vaṭṭatīti idaṃ kāyabandhanaṃ sandhāya vuttaṃ, na dasā sandhāya. Īdisañhi kāyabandhanaṃ bandhituṃ vaṭṭati. Teneva ācariyabuddhadattattherena vuttaṃ –
‘‘เอกรชฺชุมยํ วุตฺตํ, มุนินา กายพนฺธนํ;
‘‘Ekarajjumayaṃ vuttaṃ, muninā kāyabandhanaṃ;
ปญฺจปามงฺคสณฺฐานํ, เอกมฺปิ จ น วฎฺฎติฯ
Pañcapāmaṅgasaṇṭhānaṃ, ekampi ca na vaṭṭati.
‘‘รชฺชุเก เอกโต กตฺวา, พหู เอกาย รชฺชุยา;
‘‘Rajjuke ekato katvā, bahū ekāya rajjuyā;
นิรนฺตรญฺหิ เวเฐตฺวา, กตํ วฎฺฎติ พนฺธิตุ’’นฺติฯ
Nirantarañhi veṭhetvā, kataṃ vaṭṭati bandhitu’’nti.
มุรชํ ปน กายพนฺธนํ น วฎฺฎติ ‘‘น, ภิกฺขเว, อุจฺจาวจานิ กายพนฺธนานิ ธาเรตพฺพานิ กลาพุกํ เทฑฺฒุภกํ มุรชํ มทฺทวีณํ, โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตาฯ กิํ ปน พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเฐตฺวา กตํ มุรชสงฺขฺยํ น คจฺฉตีติ? อาม น คจฺฉติฯ มุรชญฺหิ นาม นานาวเณฺณหิ สุเตฺตหิ มุรชวฎฺฎิสณฺฐานํ เวเฐตฺวา กตํฯ เกจิ ปน ‘‘มุรชนฺติ พหุรชฺชุเก เอกโต สงฺกฑฺฒิตฺวา เอกาย รชฺชุยา ปลิเวเฐตฺวา กตรชฺชู’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ ยทิ เจตํ มุรชํ สิยา, ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเฐตฺวา กตํ พหุรชฺชุก’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, ‘‘ตํ วฎฺฎตี’’ติ อิทํ วิรุเชฺฌยฺยฯ มุรชํ ปน ปามงฺคสณฺฐานญฺจ ทสาสุ วฎฺฎติ ‘‘กายพนฺธนสฺส ทสา ชีรนฺติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตาฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณนฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนุญฺญาต’’นฺติฯ
Murajaṃ pana kāyabandhanaṃ na vaṭṭati ‘‘na, bhikkhave, uccāvacāni kāyabandhanāni dhāretabbāni kalābukaṃ deḍḍhubhakaṃ murajaṃ maddavīṇaṃ, yo dhāreyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (cūḷava. 278) vuttattā. Kiṃ pana bahurajjuke ekato katvā ekena nirantaraṃ veṭhetvā kataṃ murajasaṅkhyaṃ na gacchatīti? Āma na gacchati. Murajañhi nāma nānāvaṇṇehi suttehi murajavaṭṭisaṇṭhānaṃ veṭhetvā kataṃ. Keci pana ‘‘murajanti bahurajjuke ekato saṅkaḍḍhitvā ekāya rajjuyā paliveṭhetvā katarajjū’’ti vadanti, taṃ na gahetabbaṃ. Yadi cetaṃ murajaṃ siyā, ‘‘bahurajjuke ekato katvā ekena nirantaraṃ veṭhetvā kataṃ bahurajjuka’’nti na vattabbaṃ, ‘‘taṃ vaṭṭatī’’ti idaṃ virujjheyya. Murajaṃ pana pāmaṅgasaṇṭhānañca dasāsu vaṭṭati ‘‘kāyabandhanassa dasā jīranti. Anujānāmi, bhikkhave, murajaṃ maddavīṇa’’nti (cūḷava. 278) vuttattā. Teneva vakkhati ‘‘anujānāmi, bhikkhave, murajaṃ maddavīṇanti idaṃ dasāsuyeva anuññāta’’nti.
กายพนฺธนวิเธติ ‘‘กายพนฺธนสฺส ปวนโนฺต ชีรติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิธ’’นฺติ วุตฺตตฺตา กายพนฺธนสฺส ปาสเนฺต ทสามูเล ตสฺส ถิรภาวตฺถํ กตฺตเพฺพ ทนฺตวิสาณาทิมเย วิเธฯ ‘‘อฎฺฐ มงฺคลานิ นาม สโงฺข จกฺกํ ปุณฺณกุโมฺภ คยา สิรีวโจฺฉ องฺกุโส ธชํ โสวตฺถิก’’นฺติ วทนฺติฯ ปริเจฺฉทเลขามตฺตนฺติ อุโภสุ โกฎีสุ กาตพฺพปริเจฺฉทราชิมตฺตํฯ ‘‘อุชุกเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา จตุรสฺสาทิวงฺกคติกํ น วฎฺฎติฯ ‘‘ฉตฺตทณฺฑธมฺมกรณอญฺชนนาฬิกา นานาวณฺณเลขาปอกมฺมกตา น วฎฺฎนฺตี’’ติ วทนฺติฯ
Kāyabandhanavidheti ‘‘kāyabandhanassa pavananto jīrati. Anujānāmi, bhikkhave, vidha’’nti vuttattā kāyabandhanassa pāsante dasāmūle tassa thirabhāvatthaṃ kattabbe dantavisāṇādimaye vidhe. ‘‘Aṭṭha maṅgalāni nāma saṅkho cakkaṃ puṇṇakumbho gayā sirīvaccho aṅkuso dhajaṃ sovatthika’’nti vadanti. Paricchedalekhāmattanti ubhosu koṭīsu kātabbaparicchedarājimattaṃ. ‘‘Ujukamevā’’ti vuttattā caturassādivaṅkagatikaṃ na vaṭṭati. ‘‘Chattadaṇḍadhammakaraṇaañjananāḷikā nānāvaṇṇalekhāpaakammakatā na vaṭṭantī’’ti vadanti.
อารกณฺฎเกติ โปตฺถกาทิอภิสงฺขรณตฺถํ กเต ทีฆมุขสตฺถเกฯ วฎฺฎมณิกนฺติ วฎฺฎํ กตฺวา อคฺคโกฎิยํ อุฎฺฐาเปตพฺพปุพฺพุฬํฯ อญฺญํ วา วณฺณมฎฺฐนฺติ อิมินา ปิฬกาทิํ สงฺคณฺหาติฯ มณิกนฺติ เอกาวฎฺฎมณิฯ ปิฬกนฺติ สาสปมตฺติกา มุตฺตราชิสทิสา พหุวฎฺฎเลขาฯ ‘‘อิมสฺมิํ อธิกาเร อวุตฺตตฺตา เลขนิยํ ยํ กิญฺจิ วณฺณมฎฺฐํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ วลิตกนฺติ มเชฺฌ วลิํ อุฎฺฐาเปตฺวาฯ มณฺฑลํ โหตีติ อุตฺตรารณิยา ปเวสนตฺถํ อาหฎมณฺฑลํ โหติฯ
Ārakaṇṭaketi potthakādiabhisaṅkharaṇatthaṃ kate dīghamukhasatthake. Vaṭṭamaṇikanti vaṭṭaṃ katvā aggakoṭiyaṃ uṭṭhāpetabbapubbuḷaṃ. Aññaṃ vā vaṇṇamaṭṭhanti iminā piḷakādiṃ saṅgaṇhāti. Maṇikanti ekāvaṭṭamaṇi. Piḷakanti sāsapamattikā muttarājisadisā bahuvaṭṭalekhā. ‘‘Imasmiṃ adhikāre avuttattā lekhaniyaṃ yaṃ kiñci vaṇṇamaṭṭhaṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Valitakanti majjhe valiṃ uṭṭhāpetvā. Maṇḍalaṃ hotīti uttarāraṇiyā pavesanatthaṃ āhaṭamaṇḍalaṃ hoti.
กิญฺจาปิ เอตฺถ ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนวาสิเยว วุตฺตา, มหาวาสิยมฺปิ ปน น วฎฺฎติเยวฯ อุชุกเมว พนฺธิตุนฺติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘อุโภสุ วา ปเสฺสสุ เอกปเสฺสวา’’ติ วจนเสโสฯ กตฺตรยฎฺฐิโกฎิยํ กตอโยวลยานิปิ วฎฺฎนฺติ, เยสํ อญฺญมญฺญสงฺฆฎฺฎเนน สโทฺท นิจฺฉรติฯ
Kiñcāpi ettha dantakaṭṭhacchedanavāsiyeva vuttā, mahāvāsiyampi pana na vaṭṭatiyeva. Ujukameva bandhitunti sambandho. ‘‘Ubhosu vā passesu ekapassevā’’ti vacanaseso. Kattarayaṭṭhikoṭiyaṃ kataayovalayānipi vaṭṭanti, yesaṃ aññamaññasaṅghaṭṭanena saddo niccharati.
อามณฺฑสารเกติ อามลเกหิ กตภาชเนฯ ภูมตฺถรเณติ จิตฺตกฎสารกจิตฺตตฺถรณาทิเก ปริกมฺมกตาย ภูมิยา อตฺถริตพฺพอตฺถรเณฯ ปานียฆเฎติ อิมินา กุณฺฑิกสรเกปิ สงฺคณฺหาติฯ พีชเนติ จตุรสฺสพีชเนฯ สพฺพํ…เป.… วฎฺฎตีติ ยถาวุเตฺตสุ มญฺจปีฐาทีสุ อิตฺถิรูปํ วินา สพฺพํ มาลากมฺมลตากมฺมาทิ วณฺณมฎฺฐํ ภิกฺขุโน วฎฺฎติฯ เสนาสเน กิญฺจิ ปฎิเสเธตพฺพํ นตฺถิ อญฺญตฺร วิรุทฺธเสนาสนาติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – เสนาสนปริกฺขาเรสุ ปฎิเสเธตพฺพํ นาม กิญฺจิ นตฺถิ, วิรุทฺธเสนาสนํ ปน สยเมว ปฎิกฺขิปิตพฺพนฺติฯ อเญฺญสนฺติ สีมสามิโน วุตฺตาฯ ราชวลฺลภา ปรนิกายิกาปิ เอกนิกายิกาปิ อุโปสถปวารณานํ อนฺตรายกรา อลชฺชิโน ราชกุลูปคา วุจฺจนฺติฯ เตสํ ลชฺชิปริสาติ เตสํ สีมสามิกานํ ปกฺขา หุตฺวา อนุพลํ ทาตุํ สมตฺถา ลชฺชิปริสาฯ สุกตเมวาติ อเญฺญสํ สนฺตเกปิ อตฺตโน สีมาย อโนฺตวุตฺตวิธินา กตํ สุกตเมวฯ
Āmaṇḍasāraketi āmalakehi katabhājane. Bhūmattharaṇeti cittakaṭasārakacittattharaṇādike parikammakatāya bhūmiyā attharitabbaattharaṇe. Pānīyaghaṭeti iminā kuṇḍikasarakepi saṅgaṇhāti. Bījaneti caturassabījane. Sabbaṃ…pe… vaṭṭatīti yathāvuttesu mañcapīṭhādīsu itthirūpaṃ vinā sabbaṃ mālākammalatākammādi vaṇṇamaṭṭhaṃ bhikkhuno vaṭṭati. Senāsane kiñci paṭisedhetabbaṃ natthi aññatra viruddhasenāsanāti etthāyamadhippāyo – senāsanaparikkhāresu paṭisedhetabbaṃ nāma kiñci natthi, viruddhasenāsanaṃ pana sayameva paṭikkhipitabbanti. Aññesanti sīmasāmino vuttā. Rājavallabhā paranikāyikāpi ekanikāyikāpi uposathapavāraṇānaṃ antarāyakarā alajjino rājakulūpagā vuccanti. Tesaṃ lajjiparisāti tesaṃ sīmasāmikānaṃ pakkhā hutvā anubalaṃ dātuṃ samatthā lajjiparisā. Sukatamevāti aññesaṃ santakepi attano sīmāya antovuttavidhinā kataṃ sukatameva.
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘๖. เทเวน คหิตทารูนีติ รญฺญา ปริคฺคหิตทารูนิ, รโญฺญ สนฺตกานีติ วุตฺตํ โหติฯ ขณฺฑาขณฺฑํ กโรโนฺตติ ขุทฺทกํ มหนฺตญฺจ ขณฺฑํ กโรโนฺตฯ
86.Devena gahitadārūnīti raññā pariggahitadārūni, rañño santakānīti vuttaṃ hoti. Khaṇḍākhaṇḍaṃ karontoti khuddakaṃ mahantañca khaṇḍaṃ karonto.
๘๗. กุลโภคอิสฺสริยาทีหิ มหตี มตฺตา ปมาณํ เอตสฺสาติ มหามโตฺตฯ เตนาห – ‘‘มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคโต’’ติฯ
87. Kulabhogaissariyādīhi mahatī mattā pamāṇaṃ etassāti mahāmatto. Tenāha – ‘‘mahatiyā issariyamattāya samannāgato’’ti.
๘๘. อวชฺฌายนฺตีติ เหฎฺฐา กตฺวา โอโลเกนฺติ, จิเนฺตนฺติ วาฯ เตนาห ‘‘อวชานนฺตา’’ติอาทิฯ ลามกโต วา จิเนฺตนฺตีติ นิหีนโต จิเนฺตนฺติฯ กเถนฺตีติ ‘‘กิํ นาเมตํ กิํ นาเมต’’นฺติ อญฺญมญฺญํ กเถนฺติฯ
88.Avajjhāyantīti heṭṭhā katvā olokenti, cintenti vā. Tenāha ‘‘avajānantā’’tiādi. Lāmakato vā cintentīti nihīnato cintenti. Kathentīti ‘‘kiṃ nāmetaṃ kiṃ nāmeta’’nti aññamaññaṃ kathenti.
กถํ ปเนตฺถ ‘‘ทารูนี’’ติ พหุวจนํ ‘‘อทินฺน’’นฺติ เอกวจเนน สทฺธิํ สมฺพนฺธมุปคจฺฉตีติ อาห – ‘‘อทินฺนํ อาทิยิสฺสตีติ อยํ อุชฺฌายนโตฺถ’’ติอาทิฯ อุชฺฌายนสฺส อทินฺนาทานวิสยตฺตา อทินฺนาทานํ อุชฺฌายนโตฺถติ วุตฺตํฯ สติปิ ปเนตฺถ โคปเกน ทินฺนทารูนํ คหเณ อุชุกํ อวตฺวา เลเสน คหิตตฺตา เถโร ‘‘อทินฺนํ อาทิยี’’ติ เวทิตโพฺพฯ วจนเภเทติ เอกวจนพหุวจนานํ เภเทฯ
Kathaṃ panettha ‘‘dārūnī’’ti bahuvacanaṃ ‘‘adinna’’nti ekavacanena saddhiṃ sambandhamupagacchatīti āha – ‘‘adinnaṃ ādiyissatīti ayaṃ ujjhāyanattho’’tiādi. Ujjhāyanassa adinnādānavisayattā adinnādānaṃ ujjhāyanatthoti vuttaṃ. Satipi panettha gopakena dinnadārūnaṃ gahaṇe ujukaṃ avatvā lesena gahitattā thero ‘‘adinnaṃ ādiyī’’ti veditabbo. Vacanabhedeti ekavacanabahuvacanānaṃ bhede.
สพฺพาวนฺตํ ปริสนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีอาทิสพฺพาวยววนฺตํ ปริสํฯ สพฺพา จตุปริสสงฺขอาตา ปชา เอตฺถ อตฺถีติ สพฺพาวนฺตา, ปริสาฯ เสนา เอตสฺส อตฺถีติ เสนิโก, เสนิโก เอว เสนิโยฯ พิมฺพิสาโรติ ตสฺส นามนฺติ เอตฺถ พิมฺพีติ สุวณฺณํ, ตสฺมา สารสุวณฺณสทิสวณฺณตาย พิมฺพิสาโรติ วุจฺจตีติ เวทิตโพฺพฯ จตุโตฺถ ภาโค ปาโทติ เวทิตโพฺพติ อิมินาว สพฺพชนปเทสุ กหาปณสฺส วีสติโม ภาโค มาสโกติ อิทญฺจ วุตฺตเมว โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ โปราณสตฺถานุรูปํ ลกฺขณสมฺปนฺนา อุปฺปาทิตา นีลกหาปณาติ เวทิตพฺพาฯ รุทฺรทาเมน อุปฺปาทิโต รุทฺรทามโกฯ โส กิร นีลกหาปณสฺส ติภาคํ อคฺฆติฯ ยสฺมิํ ปเทเส นีลกหาปณา น สนฺติ, ตตฺถาปิ นีลกหาปณานํ วฬญฺชนฎฺฐาเน จ อวฬญฺชนฎฺฐาเน จ สมานอคฺฆวเสน ปวตฺตมานํ ภณฺฑํ คเหตฺวา นีลกหาปณวเสเนว ปริเจฺฉโท กาตโพฺพติ วทนฺติฯ
Sabbāvantaṃparisanti bhikkhubhikkhunīādisabbāvayavavantaṃ parisaṃ. Sabbā catuparisasaṅkhaātā pajā ettha atthīti sabbāvantā, parisā. Senā etassa atthīti seniko, seniko eva seniyo. Bimbisāroti tassa nāmanti ettha bimbīti suvaṇṇaṃ, tasmā sārasuvaṇṇasadisavaṇṇatāya bimbisāroti vuccatīti veditabbo. Catuttho bhāgo pādoti veditabboti imināva sabbajanapadesu kahāpaṇassa vīsatimo bhāgo māsakoti idañca vuttameva hotīti daṭṭhabbaṃ. Porāṇasatthānurūpaṃ lakkhaṇasampannā uppāditā nīlakahāpaṇāti veditabbā. Rudradāmena uppādito rudradāmako. So kira nīlakahāpaṇassa tibhāgaṃ agghati. Yasmiṃ padese nīlakahāpaṇā na santi, tatthāpi nīlakahāpaṇānaṃ vaḷañjanaṭṭhāne ca avaḷañjanaṭṭhāne ca samānaagghavasena pavattamānaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā nīlakahāpaṇavaseneva paricchedo kātabboti vadanti.
ธนิยวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dhaniyavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
ตสฺสโตฺถ…เป.… วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ อิมินา ‘‘ภควตา ภิกฺขูนํ อิทํ สิกฺขาปทํ เอวํ ปญฺญตฺตํ โหติ จ, อิทญฺจ อญฺญํ วตฺถุ อุทปาที’’ติ เอวํ ปฐมปาราชิกวณฺณนายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๓๙) วุตฺตนเยน ตสฺสโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘อิทานิ ยํ ตํ อญฺญํ วตฺถุ อุปฺปนฺนํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘เตน โข ปน สมเยนา’ติอาทิมาหา’’ติ เอวํ อนุปญฺญตฺติสมฺพโนฺธ จ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ ทเสฺสติฯ
Tassattho…pe… vuttanayeneva veditabboti iminā ‘‘bhagavatā bhikkhūnaṃ idaṃ sikkhāpadaṃ evaṃ paññattaṃ hoti ca, idañca aññaṃ vatthu udapādī’’ti evaṃ paṭhamapārājikavaṇṇanāyaṃ (pārā. aṭṭha. 1.39) vuttanayena tassattho veditabbo. ‘‘Idāni yaṃ taṃ aññaṃ vatthu uppannaṃ, taṃ dassetuṃ ‘tena kho pana samayenā’tiādimāhā’’ti evaṃ anupaññattisambandho ca tattha vuttanayeneva veditabboti dasseti.
๙๐-๙๑. รชกา อตฺถรนฺติ เอตฺถาติ รชกตฺถรณํ, รชกตฺถรณนฺติ รชกติตฺถํ วุจฺจตีติ อาห ‘‘รชกติตฺถํ คนฺตฺวา’’ติฯ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวโนฺต อาห ‘‘ตญฺหี’’ติอาทิฯ
90-91. Rajakā attharanti etthāti rajakattharaṇaṃ, rajakattharaṇanti rajakatitthaṃ vuccatīti āha ‘‘rajakatitthaṃ gantvā’’ti. Vuttamevatthaṃ vibhāvento āha ‘‘tañhī’’tiādi.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา • Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา • Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā