Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา
Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā
ฉตฺตทณฺฑคฺคาหกํ สลากปญฺชรนฺติ เอตฺถ โย ปญฺชรสลากานํ มชฺฌโฎฺฐ พุเนฺท ปุถุโล อหิจฺฉตฺตกสทิโส อเคฺค สฉิโทฺท ยตฺถ ทณฺฑนฺตรํ ปเวเสตฺวา ฉตฺตํ คณฺหนฺติ, โย วา สยเมว ทีฆตาย คหณทโณฺฑ โหติ, อยํ ฉตฺตทโณฺฑ นาม, ตสฺส อปริคฬนตฺถาย ฉตฺตสลากานํ มูลปฺปเทสทณฺฑสฺส สมนฺตโต ทฬฺหปญฺชรํ กตฺวา สุเตฺตหิ วินนฺธนฺติ, โส ปเทโส ฉตฺตทณฺฑคาหกสลากปญฺชรํ นาม, ตํ วินนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ น วณฺณมฎฺฐตฺถายาติ อิมินา ถิรกรณตฺถเมว เอกวณฺณสุเตฺตน วินนฺธิยมานํ ยทิ วณฺณมฎฺฐํ โหติ, น ตตฺถ โทโสติ ทเสฺสติฯ อารเคฺคนาติ นิขาทนมุเขนฯ ทณฺฑพุเนฺทติ ทณฺฑมูเล โกฎิยํฯ ฉตฺตมณฺฑลิกนฺติ ฉตฺตปญฺชเร มณฺฑลากาเรน พทฺธทณฺฑวลยํฯ อุกฺกิริตฺวาติ นินฺนํ, อุนฺนตํ วา กตฺวาฯ
Chattadaṇḍaggāhakaṃsalākapañjaranti ettha yo pañjarasalākānaṃ majjhaṭṭho bunde puthulo ahicchattakasadiso agge sachiddo yattha daṇḍantaraṃ pavesetvā chattaṃ gaṇhanti, yo vā sayameva dīghatāya gahaṇadaṇḍo hoti, ayaṃ chattadaṇḍo nāma, tassa aparigaḷanatthāya chattasalākānaṃ mūlappadesadaṇḍassa samantato daḷhapañjaraṃ katvā suttehi vinandhanti, so padeso chattadaṇḍagāhakasalākapañjaraṃ nāma, taṃ vinandhituṃ vaṭṭati. Na vaṇṇamaṭṭhatthāyāti iminā thirakaraṇatthameva ekavaṇṇasuttena vinandhiyamānaṃ yadi vaṇṇamaṭṭhaṃ hoti, na tattha dosoti dasseti. Āraggenāti nikhādanamukhena. Daṇḍabundeti daṇḍamūle koṭiyaṃ. Chattamaṇḍalikanti chattapañjare maṇḍalākārena baddhadaṇḍavalayaṃ. Ukkiritvāti ninnaṃ, unnataṃ vā katvā.
นานาสุตฺตเกหีติ นานาวเณฺณหิ สุเตฺตหิฯ อิทญฺจ ตถา กโรนฺตานํ วเสน วุตฺตํ, เอกวณฺณสุตฺตเกนาปิ น วฎฺฎติเยว, ‘‘ปกติสูจิกมฺมเมว วฎฺฎตี’’ติ หิ วุตฺตํฯ ปฎฺฎมุเขติ ทฺวินฺนํ ปฎฺฎานํ สงฺฆฎิตฎฺฐานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ปริยเนฺตติ จีวรปริยเนฺต, อนุวาตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เวณินฺติ วรกสีสากาเรน สิพฺพนํฯ สงฺขลิกนฺติ ทิคุณสงฺขลิกากาเรน สิพฺพนํ, เวณิํ วา สงฺขลิกํ วา กโรนฺตีติ ปกเตน สมฺพโนฺธฯ อคฺฆิยํ นาม เจติยสณฺฐานํ, ยํ อคฺฆิยตฺถโมฺภติ วทนฺติฯ อุกฺกิรนฺตีติ อุฎฺฐเปนฺติฯ จตุโกณเมว วฎฺฎตีติ คณฺฐิกปาสกปฎฺฎานิ สนฺธาย วุตฺตํฯ โกณสุตฺตปิฬกาติ คณฺฐิกปาสกปฎฺฎานํ โกเณหิ พหิ นิคฺคตสุตฺตานํ ปิฬกากาเรน ฐปิตโกฎิโยติ เกจิ วทนฺติ, เต ปิฬเก ฉินฺทิตฺวา ทุวิเญฺญยฺยา กาตพฺพาติ เตสํ อธิปฺปาโยฯ เกจิ ปน ‘‘โกณสุตฺตา จ ปิฬกาติ เทฺวเยวา’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน คณฺฐิกปาสกปฎฺฎานํ โกณโต โกเณหิ นีหตสุตฺตา โกณสุตฺตา นามฯ สมนฺตโต ปน ปริยเนฺตน กตา จตุรสฺสสุตฺตา ปิฬกา นามฯ ตํ ทุวิธมฺปิ เกจิ จีวรโต วิสุํ ปญฺญายนตฺถาย วิการยุตฺตํ กโรนฺติ, ตํ นิเสธาย ‘‘ทุวิเญฺญยฺยรูปา วฎฺฎนฺตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน สพฺพถา อจกฺขุโคจรภาเวน สิพฺพนตฺถาย ตถาสิพฺพนสฺส อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ ยถา ปกติจีวรโต วิกาโร น ปญฺญายติ, เอวํ สิพฺพิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ รชนกมฺมโต ปุเพฺพ ปญฺญายมาโนปิ วิเสโส จีวเร รเตฺต เอกวณฺณตาย น ปญฺญายตีติ อาห ‘‘จีวเร รเตฺต’’ติฯ มณินาติ นีลมณิอาทิมฎฺฐปาสาเณน, อํสวทฺธกกายพนฺธนาทิกํ ปน อจีวรตฺตา สงฺขาทีหิ ฆํสิตุํ วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ กณฺณสุตฺตกนฺติ จีวรสฺส ทีฆโต ติริยญฺจ สิพฺพิตานํ จตูสุ กเณฺณสุ โกเณสุ จ นิกฺขนฺตานํ สุตฺตสีสานเมตํ นามํ, ตํ ฉินฺทิตฺวาว ปารุปิตพฺพํ, เตนาห ‘‘รชิตกาเล ฉินฺทิตพฺพ’’นฺติฯ ภควตา อนุญฺญาตํ เอกํ กณฺณสุตฺตมฺปิ อตฺถิ, ตํ ปน นาเมน สทิสมฺปิ อิโต อญฺญเมวาติ ทเสฺสตุํ ยํ ปนาติอาทิ วุตฺตํฯ ลคฺคนตฺถายาติ จีวรรชฺชุยํ จีวรพนฺธนตฺถายฯ คณฺฐิเกติ ทนฺตาทิมเยฯ ปีฬกาติ พินฺทุํ พินฺทุํ กตฺวา อุฎฺฐาเปตพฺพปีฬกาฯ
Nānāsuttakehīti nānāvaṇṇehi suttehi. Idañca tathā karontānaṃ vasena vuttaṃ, ekavaṇṇasuttakenāpi na vaṭṭatiyeva, ‘‘pakatisūcikammameva vaṭṭatī’’ti hi vuttaṃ. Paṭṭamukheti dvinnaṃ paṭṭānaṃ saṅghaṭitaṭṭhānaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Pariyanteti cīvarapariyante, anuvātaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Veṇinti varakasīsākārena sibbanaṃ. Saṅkhalikanti diguṇasaṅkhalikākārena sibbanaṃ, veṇiṃ vā saṅkhalikaṃ vā karontīti pakatena sambandho. Agghiyaṃ nāma cetiyasaṇṭhānaṃ, yaṃ agghiyatthambhoti vadanti. Ukkirantīti uṭṭhapenti. Catukoṇameva vaṭṭatīti gaṇṭhikapāsakapaṭṭāni sandhāya vuttaṃ. Koṇasuttapiḷakāti gaṇṭhikapāsakapaṭṭānaṃ koṇehi bahi niggatasuttānaṃ piḷakākārena ṭhapitakoṭiyoti keci vadanti, te piḷake chinditvā duviññeyyā kātabbāti tesaṃ adhippāyo. Keci pana ‘‘koṇasuttā ca piḷakāti dveyevā’’ti vadanti, tesaṃ matena gaṇṭhikapāsakapaṭṭānaṃ koṇato koṇehi nīhatasuttā koṇasuttā nāma. Samantato pana pariyantena katā caturassasuttā piḷakā nāma. Taṃ duvidhampi keci cīvarato visuṃ paññāyanatthāya vikārayuttaṃ karonti, taṃ nisedhāya ‘‘duviññeyyarūpā vaṭṭantī’’ti vuttaṃ, na pana sabbathā acakkhugocarabhāvena sibbanatthāya tathāsibbanassa asakkuṇeyyattā. Yathā pakaticīvarato vikāro na paññāyati, evaṃ sibbitabbanti adhippāyo. Rajanakammato pubbe paññāyamānopi viseso cīvare ratte ekavaṇṇatāya na paññāyatīti āha ‘‘cīvare ratte’’ti. Maṇināti nīlamaṇiādimaṭṭhapāsāṇena, aṃsavaddhakakāyabandhanādikaṃ pana acīvarattā saṅkhādīhi ghaṃsituṃ vaṭṭatīti vadanti. Kaṇṇasuttakanti cīvarassa dīghato tiriyañca sibbitānaṃ catūsu kaṇṇesu koṇesu ca nikkhantānaṃ suttasīsānametaṃ nāmaṃ, taṃ chinditvāva pārupitabbaṃ, tenāha ‘‘rajitakāle chinditabba’’nti. Bhagavatā anuññātaṃ ekaṃ kaṇṇasuttampi atthi, taṃ pana nāmena sadisampi ito aññamevāti dassetuṃ yaṃ panātiādi vuttaṃ. Lagganatthāyāti cīvararajjuyaṃ cīvarabandhanatthāya. Gaṇṭhiketi dantādimaye. Pīḷakāti binduṃ binduṃ katvā uṭṭhāpetabbapīḷakā.
ถาลเก วาติ ตมฺพาทิมเย ปุคฺคลิเก ติวิเธปิ กปฺปิยถาลเกฯ น วฎฺฎตีติ มณิวณฺณกรณปฺปโยโค น วฎฺฎติ, เตลวณฺณกรณตฺถํ ปน วฎฺฎติฯ ปตฺตมณฺฑเลติ ติปุสีสาทิมเยฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, จิตฺตานิ ปตฺตมณฺฑลานิ ธาเรตพฺพานิ รูปกากิณฺณานิ ภิตฺติกมฺมกตานี’’ติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ‘‘ภิตฺติกมฺมํ น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มกรทนฺตกํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๓) วุตฺตตฺตา ‘‘มกรทนฺตกํ ปน วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํ, อิทํ ปน ปาฬิยา ลทฺธมฺปิ อิธ ปาฬิยา มุตฺตตฺตา ปาฬิมุตฺตกนเย วุตฺตํฯ เอวมญฺญมฺปิ อีทิสํฯ
Thālake vāti tambādimaye puggalike tividhepi kappiyathālake. Na vaṭṭatīti maṇivaṇṇakaraṇappayogo na vaṭṭati, telavaṇṇakaraṇatthaṃ pana vaṭṭati. Pattamaṇḍaleti tipusīsādimaye. ‘‘Na, bhikkhave, cittāni pattamaṇḍalāni dhāretabbāni rūpakākiṇṇāni bhittikammakatānī’’ti (cūḷava. 253) vuttattā ‘‘bhittikammaṃ na vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, makaradantakaṃ chinditu’’nti (cūḷava. 253) vuttattā ‘‘makaradantakaṃ pana vaṭṭatī’’ti vuttaṃ, idaṃ pana pāḷiyā laddhampi idha pāḷiyā muttattā pāḷimuttakanaye vuttaṃ. Evamaññampi īdisaṃ.
เลขา น วฎฺฎตีติ อารเคฺคน ทินฺนเลขาว น วฎฺฎติ, ชาติหิงฺคุลิกาทิวเณฺณหิ กตเลขา วฎฺฎติฯ ฉตฺตมุขวฎฺฎิยนฺติ ธมกรณสฺส หเตฺถน คหณฉตฺตาการสฺส มุขวฎฺฎิยํ, ‘‘ปริสฺสาวนโจฬพนฺธนฎฺฐาเน’’ติ เกจิฯ
Lekhā na vaṭṭatīti āraggena dinnalekhāva na vaṭṭati, jātihiṅgulikādivaṇṇehi katalekhā vaṭṭati. Chattamukhavaṭṭiyanti dhamakaraṇassa hatthena gahaṇachattākārassa mukhavaṭṭiyaṃ, ‘‘parissāvanacoḷabandhanaṭṭhāne’’ti keci.
เทฑฺฑุภสีสนฺติ อุทกสปฺปสีสํฯ อจฺฉีนีติ กุญฺชรจฺฉิสณฺฐานานิฯ เอกเมว วฎฺฎตีติ เอตฺถ เอกรชฺชุกํ ทิคุณํ ติคุณํ กตฺวาปิ พนฺธิตุํ น วฎฺฎติ, เอกเมว ปน สตวารมฺปิ สรีรํ ปริกฺขิปิตฺวา พนฺธิตุํ วฎฺฎติ, พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเฐตฺวา กตํ ‘‘พหุรชฺชุก’’นฺติ น วตฺตพฺพํ ‘‘วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตํ มุรชสงฺขํ น คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํฯ มุรชญฺหิ นานาวเณฺณหิ สุเตฺตหิ มุรชวฎฺฎิสณฺฐานํ เวเฐตฺวา กตํ, อิทํ ปน มุรชํ มทฺทวีณสงฺขาตํ ปามงฺคสณฺฐานญฺจ ทสาสุ วฎฺฎติ ‘‘กายพนฺธนสฺส ทสา ชีรนฺติ; อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มุรชํ มทฺทวีณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๘) วุตฺตตฺตาฯ
Deḍḍubhasīsanti udakasappasīsaṃ. Acchīnīti kuñjaracchisaṇṭhānāni. Ekameva vaṭṭatīti ettha ekarajjukaṃ diguṇaṃ tiguṇaṃ katvāpi bandhituṃ na vaṭṭati, ekameva pana satavārampi sarīraṃ parikkhipitvā bandhituṃ vaṭṭati, bahurajjuke ekato katvā ekena nirantaraṃ veṭhetvā kataṃ ‘‘bahurajjuka’’nti na vattabbaṃ ‘‘vaṭṭatī’’ti vuttattā, taṃ murajasaṅkhaṃ na gacchatīti veditabbaṃ. Murajañhi nānāvaṇṇehi suttehi murajavaṭṭisaṇṭhānaṃ veṭhetvā kataṃ, idaṃ pana murajaṃ maddavīṇasaṅkhātaṃ pāmaṅgasaṇṭhānañca dasāsu vaṭṭati ‘‘kāyabandhanassa dasā jīranti; anujānāmi, bhikkhave, murajaṃ maddavīṇa’’nti (cūḷava. 278) vuttattā.
วิเธติ ทสาปริโยสาเน ถิรภาวาย ทนฺตวิสาณสุตฺตาทีหิ กตฺตเพฺพ วิเธฯ อฎฺฐ มงฺคลานิ นาม สโงฺข จกฺกํ ปุณฺณกุโมฺภ คยา สิรีวโจฺฉ องฺกุโส ธชํ โสวตฺติกนฺติ วทนฺติฯ มจฺฉยุคฬฉตฺตนนฺทิยาวฎฺฎาทิวเสนปิ วทนฺติฯ ปริเจฺฉทเลขามตฺตนฺติ ทนฺตาทีหิ กตวิธสฺส อุโภสุ โกฎีสุ กตปริเจฺฉทราชิมตฺตํฯ
Vidheti dasāpariyosāne thirabhāvāya dantavisāṇasuttādīhi kattabbe vidhe. Aṭṭha maṅgalāni nāma saṅkho cakkaṃ puṇṇakumbho gayā sirīvaccho aṅkuso dhajaṃ sovattikanti vadanti. Macchayugaḷachattanandiyāvaṭṭādivasenapi vadanti. Paricchedalekhāmattanti dantādīhi katavidhassa ubhosu koṭīsu kataparicchedarājimattaṃ.
‘‘อุชุกเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา จตุรสฺสาทิสณฺฐานาปิ อญฺชนี วงฺกคติกา น วฎฺฎติฯ สิปาฎิกายาติ วาสิอาทิภณฺฑนิกฺขิปนปสิพฺพเกฯ อารกณฺฎกํ นาม โปตฺถกาทิออสงฺขารณตฺถํ กตทีฆมุขสตฺถกนฺติ วทนฺติฯ ‘‘ภมการานํ ทารุอาทิลิขนสตฺถก’’นฺติ เกจิฯ วฎฺฎมณิกนฺติ วฎฺฎํ กตฺวา อุฎฺฐเปตพฺพํ ปุปฺผุฬกํฯ อญฺญนฺติ อิมินา ปิฬกาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ปิปฺผลิเกติ ยํ กิญฺจิ เฉทนเก ขุทฺทกสเตฺถฯ วลิตกนฺติ นขเจฺฉทนกาเล ทฬฺหคฺคหณตฺถํ วลีหิ ยุตฺตเมว กโรนฺติฯ ตสฺมา ตํ วฎฺฎตีติ อิมินา ยํ อญฺญมฺปิ วิการํ ทฬฺหีกมฺมาทิอตฺถาย กโรนฺติ, น วณฺณมฎฺฐตฺถาย, ตํ วฎฺฎตีติ ทีปิตํ, เตน จ กตฺตรทณฺฑโกฎิยํ อญฺญมญฺญมฺปิ ฆฎฺฎเนน สทฺทนิจฺฉรณตฺถาย กตํ อโยวลยาทิกํ สํยุตฺตมฺปิ กปฺปิยโต อุปปนฺนํ โหติฯ มณฺฑลนฺติ อุตฺตรารณิยา ปเวสนตฺถํ อาวาฎมณฺฑลํ โหติฯ อุชุกเมว พนฺธิตุนฺติ สมฺพโนฺธ, อุโภสุ วา ปเสฺสสุ เอกปเสฺส วาติ วจนเสโสฯ วาสิทณฺฑสฺส อุโภสุ ปเสฺสสุ ทณฺฑโกฎีนํ อจลนตฺถํ พนฺธิตุนฺติ อโตฺถฯ
‘‘Ujukamevā’’ti vuttattā caturassādisaṇṭhānāpi añjanī vaṅkagatikā na vaṭṭati. Sipāṭikāyāti vāsiādibhaṇḍanikkhipanapasibbake. Ārakaṇṭakaṃ nāma potthakādiaasaṅkhāraṇatthaṃ katadīghamukhasatthakanti vadanti. ‘‘Bhamakārānaṃ dāruādilikhanasatthaka’’nti keci. Vaṭṭamaṇikanti vaṭṭaṃ katvā uṭṭhapetabbaṃ pupphuḷakaṃ. Aññanti iminā piḷakādiṃ saṅgaṇhāti. Pipphaliketi yaṃ kiñci chedanake khuddakasatthe. Valitakanti nakhacchedanakāle daḷhaggahaṇatthaṃ valīhi yuttameva karonti. Tasmā taṃ vaṭṭatīti iminā yaṃ aññampi vikāraṃ daḷhīkammādiatthāya karonti, na vaṇṇamaṭṭhatthāya, taṃ vaṭṭatīti dīpitaṃ, tena ca kattaradaṇḍakoṭiyaṃ aññamaññampi ghaṭṭanena saddaniccharaṇatthāya kataṃ ayovalayādikaṃ saṃyuttampi kappiyato upapannaṃ hoti. Maṇḍalanti uttarāraṇiyā pavesanatthaṃ āvāṭamaṇḍalaṃ hoti. Ujukameva bandhitunti sambandho, ubhosu vā passesu ekapasse vāti vacanaseso. Vāsidaṇḍassa ubhosu passesu daṇḍakoṭīnaṃ acalanatthaṃ bandhitunti attho.
อามณฺฑสารเกติ อามลกผลานิ ปิสิตฺวา เตน กเกฺกน กตเตลภาชเนฯ ตตฺถ กิร ปกฺขิตฺตํ เตลํ สีตลํ โหติฯ ภูมตฺถรเณติ กฎสาราทิมเย ปริกมฺมกตาย ภูมิยา อตฺถริตพฺพอตฺถรเณฯ ปานียฆเฎติ สพฺพํ ภาชนวิกติํ สงฺคณฺหาติฯ สพฺพํ…เป.… วฎฺฎตีติ ยถาวุเตฺตสุ มญฺจาทีสุ อิตฺถิปุริสรูปมฺปิ วฎฺฎติ เตลภาชเนสุเยว อิตฺถิปุริสรูปานํ ปฎิกฺขิตฺตตฺตา, เตลภาชเนน สห อคเณตฺวา วิสุํ มญฺจาทีนํ คหิตตฺตา จาติ วทนฺติ, กิญฺจาปิ วทนฺติ, เอเตสํ ปน มญฺจาทีนํ หเตฺถน อามสิตพฺพภณฺฑตฺตา อิตฺถิรูปเมเวตฺถ น วฎฺฎตีติ คเหตพฺพํฯ อเญฺญสนฺติ สีมสามิกานํฯ ราชวลฺลเภหีติ ลชฺชีเปสลาทีนํ อุโปสถาทิอนฺตรายกรา อลชฺชิโน ภินฺนลทฺธิกา จ ภิกฺขู อธิเปฺปตา เตหิ สห อุโปสถาทิกรณาโยคา, เตเนว ‘‘สีมายา’’ติ วุตฺตํฯ เตสํ ลชฺชีปริสาติ เตสํ สีมาสามิกานํ อนุพลํ ทาตุํ สมตฺถา ลชฺชีปริสาฯ ภิกฺขูหิ กตนฺติ ยํ อลชฺชีนํ เสนาสนเภทนาทิกํ ลชฺชีภิกฺขูหิ กตํ, สพฺพเญฺจตํ สุกตเมว อลชฺชีนิคฺคหตฺถาย ปวตฺติตพฺพโตฯ
Āmaṇḍasāraketi āmalakaphalāni pisitvā tena kakkena katatelabhājane. Tattha kira pakkhittaṃ telaṃ sītalaṃ hoti. Bhūmattharaṇeti kaṭasārādimaye parikammakatāya bhūmiyā attharitabbaattharaṇe. Pānīyaghaṭeti sabbaṃ bhājanavikatiṃ saṅgaṇhāti. Sabbaṃ…pe… vaṭṭatīti yathāvuttesu mañcādīsu itthipurisarūpampi vaṭṭati telabhājanesuyeva itthipurisarūpānaṃ paṭikkhittattā, telabhājanena saha agaṇetvā visuṃ mañcādīnaṃ gahitattā cāti vadanti, kiñcāpi vadanti, etesaṃ pana mañcādīnaṃ hatthena āmasitabbabhaṇḍattā itthirūpamevettha na vaṭṭatīti gahetabbaṃ. Aññesanti sīmasāmikānaṃ. Rājavallabhehīti lajjīpesalādīnaṃ uposathādiantarāyakarā alajjino bhinnaladdhikā ca bhikkhū adhippetā tehi saha uposathādikaraṇāyogā, teneva ‘‘sīmāyā’’ti vuttaṃ. Tesaṃ lajjīparisāti tesaṃ sīmāsāmikānaṃ anubalaṃ dātuṃ samatthā lajjīparisā. Bhikkhūhi katanti yaṃ alajjīnaṃ senāsanabhedanādikaṃ lajjībhikkhūhi kataṃ, sabbañcetaṃ sukatameva alajjīniggahatthāya pavattitabbato.
๘๘. อวชฺฌายนฺตีติ นีจโต จิเนฺตนฺติฯ อุชฺฌายนโตฺถติ ภิกฺขุโน เถยฺยกมฺมนินฺทนโตฺถ ‘‘กถญฺหิ นาม อทินฺนํ อาทิยิสฺสตี’’ติ, น ปน ทารุ-สทฺทวิเสสนโตฺถ ตสฺส พหุวจนตฺตาฯ วจนเภเทติ เอกวจนพหุวจนานํ เภเทฯ สพฺพาวนฺตนฺติ ภิกฺขุภิกฺขุนีอาทิสพฺพาวยววนฺตํฯ พิมฺพิสาโรติ ตสฺส นามนฺติ เอตฺถ พิมฺพีติ สุวณฺณํฯ ตสฺมา สารสุวณฺณสทิสวณฺณตาย ‘‘พิมฺพิสาโร’’ติ วุจฺจตีติ เวทิตพฺพํฯ โปราณสตฺถานุรูปํ อุปฺปาทิโต วีสติมาสปฺปมาณอุตฺตมสุวณฺณคฺฆนโก ลกฺขณสมฺปโนฺน นีลกหาปโณติ เวทิตโพฺพฯ รุทฺรทาเมน นาม เกนจิ อุปฺปาทิโต รุทฺรทามโกฯ โส กิร นีลกหาปณสฺส ติภาคํ อคฺฆติฯ ยสฺมิํ ปน เทเส นีลกหาปณา น สนฺติ, ตตฺถาปิ กาฬกวิรหิตสฺส นิทฺธนฺตสุวณฺณสฺส ปญฺจมาสคฺฆนเกน ภเณฺฑน ปาทปริเจฺฉโท กาตโพฺพฯ เตนาติ นีลกหาปณสฺส จตุตฺถภาคภูเตนฯ ปาราชิกวตฺถุมฺหิ วาติอาทิ ปาราชิกานํ สพฺพพุเทฺธหิ ปญฺญตฺตภาเวน วุตฺตํ, สงฺฆาทิเสสาทีสุ ปน อิตราปตฺตีสุปิ ตพฺพตฺถูสุ จ นานตฺตํ นเตฺถว, เกวลํ เกจิ สพฺพากาเรน ปญฺญเปนฺติ, เกจิ เอกเทเสนาติ เอตฺตกเมว วิเสโสฯ น หิ กทาจิปิ สมฺมาสมฺพุทฺธา ยถาปราธํ อติกฺกมฺม อูนมธิกํ วา สิกฺขาปทํ ปญฺญเปนฺติฯ
88.Avajjhāyantīti nīcato cintenti. Ujjhāyanatthoti bhikkhuno theyyakammanindanattho ‘‘kathañhi nāma adinnaṃ ādiyissatī’’ti, na pana dāru-saddavisesanattho tassa bahuvacanattā. Vacanabhedeti ekavacanabahuvacanānaṃ bhede. Sabbāvantanti bhikkhubhikkhunīādisabbāvayavavantaṃ. Bimbisāroti tassa nāmanti ettha bimbīti suvaṇṇaṃ. Tasmā sārasuvaṇṇasadisavaṇṇatāya ‘‘bimbisāro’’ti vuccatīti veditabbaṃ. Porāṇasatthānurūpaṃ uppādito vīsatimāsappamāṇauttamasuvaṇṇagghanako lakkhaṇasampanno nīlakahāpaṇoti veditabbo. Rudradāmena nāma kenaci uppādito rudradāmako. So kira nīlakahāpaṇassa tibhāgaṃ agghati. Yasmiṃ pana dese nīlakahāpaṇā na santi, tatthāpi kāḷakavirahitassa niddhantasuvaṇṇassa pañcamāsagghanakena bhaṇḍena pādaparicchedo kātabbo. Tenāti nīlakahāpaṇassa catutthabhāgabhūtena. Pārājikavatthumhi vātiādi pārājikānaṃ sabbabuddhehi paññattabhāvena vuttaṃ, saṅghādisesādīsu pana itarāpattīsupi tabbatthūsu ca nānattaṃ nattheva, kevalaṃ keci sabbākārena paññapenti, keci ekadesenāti ettakameva viseso. Na hi kadācipi sammāsambuddhā yathāparādhaṃ atikkamma ūnamadhikaṃ vā sikkhāpadaṃ paññapenti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา • Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉยวณฺณนา • Pāḷimuttakavinicchayavaṇṇanā