Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๑๐. ปํสุโธวกสุตฺตวณฺณนา
10. Paṃsudhovakasuttavaṇṇanā
๑๐๒. ทสเม อนีหตโทสนฺติ อนปนีตถูลกาฬกํฯ อนปนีตกสาวนฺติ อนปคตสุขุมกาฬกํฯ ปหฎมตฺตนฺติ อาหฎมตฺตํฯ
102. Dasame anīhatadosanti anapanītathūlakāḷakaṃ. Anapanītakasāvanti anapagatasukhumakāḷakaṃ. Pahaṭamattanti āhaṭamattaṃ.
ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมว, วิปสฺสนาปาทกอฎฺฐสมาปตฺติจิตฺตํ วิปสฺสนาจิตฺตญฺจ ตโต จิตฺตโต อธิกํ จิตฺตนฺติ อธิจิตฺตนฺติ อาห ‘‘อธิจิตฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาจิตฺต’’นฺติฯ อนุยุตฺตสฺสาติ อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทนวเสน อุปฺปนฺนสฺส ปฎิพฺรูหนวเสน อนุ อนุ ยุตฺตสฺส, ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปุเรภตฺตํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต นิสีทนํ อาทาย ‘‘อสุกสฺมิํ รุกฺขมูเล วา วนสเณฺฑ วา ปพฺภาเร วา สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมโนฺตปิ ตตฺถ คนฺตฺวา หเตฺถหิ วา ปาเทหิ วา นิสชฺชฎฺฐานโต ติณปณฺณานิ อปเนโนฺตปิ อธิจิตฺตํ อนุยุโตฺตเยวฯ นิสีทิตฺวา ปน หตฺถปาเท โธวิตฺวา มูลกมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยุญฺชโนฺต ภาวนาย อปฺปนํ อปฺปตฺตายปิ อธิจิตฺตมนุยุโตฺตเยว ตทเตฺถนปิ ตํสทฺทโวหารโตฯ จิตฺตสมฺปโนฺนติ ธมฺมจิตฺตสฺส สมนฺนาคตตฺตา สมฺปนฺนจิโตฺตฯ ปณฺฑิตชาติโกติ ปณฺฑิตสภาโวฯ
Dasakusalakammapathavasena uppannaṃ cittaṃ cittameva, vipassanāpādakaaṭṭhasamāpatticittaṃ vipassanācittañca tato cittato adhikaṃ cittanti adhicittanti āha ‘‘adhicittanti samathavipassanācitta’’nti. Anuyuttassāti anuppannassa uppādanavasena uppannassa paṭibrūhanavasena anu anu yuttassa, tattha yuttappayuttassāti attho. Ettha ca purebhattaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto nisīdanaṃ ādāya ‘‘asukasmiṃ rukkhamūle vā vanasaṇḍe vā pabbhāre vā samaṇadhammaṃ karissāmī’’ti nikkhamantopi tattha gantvā hatthehi vā pādehi vā nisajjaṭṭhānato tiṇapaṇṇāni apanentopi adhicittaṃ anuyuttoyeva. Nisīditvā pana hatthapāde dhovitvā mūlakammaṭṭhānaṃ gahetvā bhāvanaṃ anuyuñjanto bhāvanāya appanaṃ appattāyapi adhicittamanuyuttoyeva tadatthenapi taṃsaddavohārato. Cittasampannoti dhammacittassa samannāgatattā sampannacitto. Paṇḍitajātikoti paṇḍitasabhāvo.
กาเม อารพฺภาติ วตฺถุกาเม อารพฺภฯ กามราคสงฺขาเตน วา กาเมน ปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก กามวิตโกฺกฯ พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, โทโสฯ วิหิํสนฺติ เอตาย สเตฺต, วิหิํสนํ วา เตสํ เอตนฺติ วิหิํสา, ปเรสํ วิเหฐนากาเรน ปวตฺตสฺส กรุณาปฎิปกฺขสฺส ปาปธมฺมเสฺสตํ อธิวจนํฯ ญาตเก อารพฺภ อุปฺปโนฺน วิตโกฺกติ ญาตเก อารพฺภ เคหสฺสิตเปมวเสน อุปฺปโนฺน วิตโกฺกฯ ชนปทมารพฺภ อุปฺปโนฺน วิตโกฺกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อโห วต มํ…เป.… อุปฺปโนฺน วิตโกฺกติ ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุํ, น เหฎฺฐา กตฺวา มเญฺญยฺยุํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กเรยฺยุ’’นฺติ เอวํ อุปฺปนฺนวิตโกฺกฯ ทสวิปสฺสนุปกฺกิเลสวิตกฺกาติ โอภาสาทิทสวิปสฺสนุปกฺกิเลเส อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺกาฯ
Kāme ārabbhāti vatthukāme ārabbha. Kāmarāgasaṅkhātena vā kāmena paṭisaṃyutto vitakko kāmavitakko. Byāpajjati cittaṃ etenāti byāpādo, doso. Vihiṃsanti etāya satte, vihiṃsanaṃ vā tesaṃ etanti vihiṃsā, paresaṃ viheṭhanākārena pavattassa karuṇāpaṭipakkhassa pāpadhammassetaṃ adhivacanaṃ. Ñātake ārabbha uppanno vitakkoti ñātake ārabbha gehassitapemavasena uppanno vitakko. Janapadamārabbha uppanno vitakkoti etthāpi eseva nayo. Aho vata maṃ…pe… uppanno vitakkoti ‘‘aho vata maṃ pare na avajāneyyuṃ, na heṭṭhā katvā maññeyyuṃ, pāsāṇacchattaṃ viya garuṃ kareyyu’’nti evaṃ uppannavitakko. Dasavipassanupakkilesavitakkāti obhāsādidasavipassanupakkilese ārabbha uppannavitakkā.
อวสิฎฺฐา ธมฺมวิตกฺกา เอตสฺสาติ อวสิฎฺฐธมฺมวิตโกฺก, วิปสฺสนาสมาธิฯ น เอกคฺคภาวปฺปโตฺต น เอกคฺคตํ ปโตฺตฯ เอกํ อุเทตีติ หิ เอโกทิ, ปฎิปเกฺขหิ อนภิภูตตฺตา อคฺคํ เสฎฺฐํ หุตฺวา อุเทตีติ อโตฺถฯ เสโฎฺฐปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจติ, เอกสฺมิํ อารมฺมเณ สมาธานวเสน ปวตฺตจิตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ เอโกทิสฺส ภาโว เอโกทิภาโว, เอกคฺคตาเยตํ อธิวจนํฯ
Avasiṭṭhā dhammavitakkā etassāti avasiṭṭhadhammavitakko, vipassanāsamādhi. Na ekaggabhāvappatto na ekaggataṃ patto. Ekaṃ udetīti hi ekodi, paṭipakkhehi anabhibhūtattā aggaṃ seṭṭhaṃ hutvā udetīti attho. Seṭṭhopi hi loke ekoti vuccati, ekasmiṃ ārammaṇe samādhānavasena pavattacittassetaṃ adhivacanaṃ. Ekodissa bhāvo ekodibhāvo, ekaggatāyetaṃ adhivacanaṃ.
นิยกชฺฌตฺตนฺติ อตฺตสนฺตานเสฺสตํ อธิวจนํฯ โคจรชฺฌตฺตนฺติ อิธ นิพฺพานํ อธิเปฺปตํฯ เตนาห ‘‘เอกสฺมิํ นิพฺพานโคจเรเยว ติฎฺฐตี’’ติฯ สุฎฺฐุ นิสีทตีติ สมาธิปฎิปเกฺข กิเลเส สนฺนิสีเทโนฺต สุฎฺฐุ นิสีทติฯ เอกคฺคํ โหตีติ อพฺยคฺคภาวปฺปตฺติยา เอกคฺคํ โหติฯ สมฺมา อาธิยตีติ ยถา อารมฺมเณ สุฎฺฐุ อปฺปิตํ โหติ, เอวํ สมฺมา สมฺมเทว อาธิยติฯ
Niyakajjhattanti attasantānassetaṃ adhivacanaṃ. Gocarajjhattanti idha nibbānaṃ adhippetaṃ. Tenāha ‘‘ekasmiṃ nibbānagocareyeva tiṭṭhatī’’ti. Suṭṭhu nisīdatīti samādhipaṭipakkhe kilese sannisīdento suṭṭhu nisīdati. Ekaggaṃ hotīti abyaggabhāvappattiyā ekaggaṃ hoti. Sammā ādhiyatīti yathā ārammaṇe suṭṭhu appitaṃ hoti, evaṃ sammā sammadeva ādhiyati.
อภิญฺญา สจฺฉิกรณียสฺสาติ เอตฺถ ‘‘อภิญฺญาย สจฺฉิกรณียสฺสา’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘อภิญฺญา’’ติ ย-การโลเปน ปน ปุน กาลกิริยานิเทฺทโส กโตติ อาห ‘‘อภิชานิตฺวา ปจฺจกฺขํ กาตพฺพสฺสา’’ติฯ อภิญฺญาย อิทฺธิวิธาทิญาเณน สจฺฉิกิริยํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิกํ อภิญฺญาสจฺฉิกรณียนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาตีติ เอตฺถ ปน ยสฺส ปจฺจกฺขํ อตฺถิ, โส สกฺขี, สกฺขิโน ภพฺพตา สกฺขิภพฺพตา, สกฺขิภวนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สกฺขี จ โส ภโพฺพ จาติ สกฺขิภโพฺพฯ อยญฺหิ อิทฺธิวิธาทีนํ ภโพฺพ ตตฺถ จ สกฺขีติ สกฺขิภโพฺพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ ปาปุณาตีติ อโตฺถฯ
Abhiññāsacchikaraṇīyassāti ettha ‘‘abhiññāya sacchikaraṇīyassā’’ti vattabbe ‘‘abhiññā’’ti ya-kāralopena pana puna kālakiriyāniddeso katoti āha ‘‘abhijānitvā paccakkhaṃ kātabbassā’’ti. Abhiññāya iddhividhādiñāṇena sacchikiriyaṃ iddhividhapaccanubhavanādikaṃ abhiññāsacchikaraṇīyanti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Sakkhibhabbataṃ pāpuṇātīti ettha pana yassa paccakkhaṃ atthi, so sakkhī, sakkhino bhabbatā sakkhibhabbatā, sakkhibhavananti vuttaṃ hoti. Sakkhī ca so bhabbo cāti sakkhibhabbo. Ayañhi iddhividhādīnaṃ bhabbo tattha ca sakkhīti sakkhibhabbo, tassa bhāvo sakkhibhabbatā, taṃ pāpuṇātīti attho.
อภิญฺญาปาทกชฺฌานาทิเภเทติ เอตฺถ อภิญฺญาปาทา จ อภิญฺญาปาทกชฺฌานญฺจ อภิญฺญาปาทกชฺฌานานิฯ อาทิ-สเทฺทน อรหตฺตญฺจ อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา จ สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนว มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๙๘) –
Abhiññāpādakajjhānādibhedeti ettha abhiññāpādā ca abhiññāpādakajjhānañca abhiññāpādakajjhānāni. Ādi-saddena arahattañca arahattassa vipassanā ca saṅgahitāti daṭṭhabbaṃ. Teneva majjhimanikāyaṭṭhakathāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 2.198) –
‘‘สติ สติอายตเนติ สติ สติการเณฯ กิเญฺจตฺถ การณํ? อภิญฺญา วา อภิญฺญาปาทกชฺฌานํ วา, อวสาเน ปน อรหตฺตํ วา การณํ อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วาติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ
‘‘Sati satiāyataneti sati satikāraṇe. Kiñcettha kāraṇaṃ? Abhiññā vā abhiññāpādakajjhānaṃ vā, avasāne pana arahattaṃ vā kāraṇaṃ arahattassa vipassanā vāti veditabba’’nti vuttaṃ.
ยญฺหิ ตํ ตตฺร ตตฺร สกฺขิภพฺพตาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ, ตสฺส อภิญฺญา การณํ ฯ อถ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ อภิญฺญา, เอวํ สติ อภิญฺญาปาทกชฺฌานํ การณํฯ อวสาเน ฉฎฺฐาภิญฺญาย ปน อรหตฺตํ, อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วา การณํฯ อรหตฺตญฺหิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕; ๓.๓๐๗) อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐเปตฺวา อภิญฺญา นิพฺพเตฺตนฺตสฺส การณํฯ อิทญฺจ สาธารณํ น โหติ, สาธารณวเสน ปน อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา การณํฯ อิมสฺมิญฺหิ สุเตฺต อรหตฺตผลวเสน ฉฎฺฐาภิญฺญา วุตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘อาสวานํ ขยาติอาทิ เจตฺถ ผลสมาปตฺติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติฯ
Yañhi taṃ tatra tatra sakkhibhabbatāsaṅkhātaṃ iddhividhapaccanubhavanādi, tassa abhiññā kāraṇaṃ . Atha iddhividhapaccanubhavanādi abhiññā, evaṃ sati abhiññāpādakajjhānaṃ kāraṇaṃ. Avasāne chaṭṭhābhiññāya pana arahattaṃ, arahattassa vipassanā vā kāraṇaṃ. Arahattañhi ‘‘kudāssu nāmāhaṃ tadāyatanaṃ upasampajja viharissāmi, yadariyā etarahi upasampajja viharantī’’ti (ma. ni. 1.465; 3.307) anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhapetvā abhiññā nibbattentassa kāraṇaṃ. Idañca sādhāraṇaṃ na hoti, sādhāraṇavasena pana arahattassa vipassanā kāraṇaṃ. Imasmiñhi sutte arahattaphalavasena chaṭṭhābhiññā vuttā. Tenevāha ‘‘āsavānaṃ khayātiādi cettha phalasamāpattivasena vuttanti veditabba’’nti.
ปํสุโธวกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṃsudhovakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. ปํสุโธวกสุตฺตํ • 10. Paṃsudhovakasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ปํสุโธวกสุตฺตวณฺณนา • 10. Paṃsudhovakasuttavaṇṇanā