Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi |
๑๗. ปณามิตกถา
17. Paṇāmitakathā
๖๘. เตน โข ปน สมเยน สทฺธิวิหาริกา อุปชฺฌาเยสุ น สมฺมา วตฺตนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม สทฺธิวิหาริกา อุปชฺฌาเยสุ น สมฺมา วตฺติสฺสนฺตี’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริกา อุปชฺฌาเยสุ น สมฺมา วตฺตนฺตีติ? สจฺจํ ภควาติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริกา อุปชฺฌาเยสุ น สมฺมา วตฺติสฺสนฺตีติ…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริเกน อุปชฺฌายมฺหิ น สมฺมา วตฺติตพฺพํฯ โย น สมฺมา วเตฺตยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ ฯ เนว สมฺมา วตฺตนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อสมฺมาวตฺตนฺตํ ปณาเมตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปณาเมตโพฺพ – ‘‘ปณาเมมิ ต’’นฺติ วา, ‘‘มายิธ ปฎิกฺกมี’’ติ วา, ‘‘นีหร เต ปตฺตจีวร’’นฺติ วา, ‘‘นาหํ ตยา อุปฎฺฐาตโพฺพ’’ติ วา, กาเยน วิญฺญาเปติ, วาจาย วิญฺญาเปติ, กาเยน วาจาย วิญฺญาเปติ, ปณามิโต โหติ สทฺธิวิหาริโก; น กาเยน วิญฺญาเปติ, น วาจาย วิญฺญาเปติ, น กาเยน วาจาย วิญฺญาเปติ, น ปณามิโต โหติ สทฺธิวิหาริโกติฯ
68. Tena kho pana samayena saddhivihārikā upajjhāyesu na sammā vattanti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma saddhivihārikā upajjhāyesu na sammā vattissantī’’ti. Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… saccaṃ kira, bhikkhave, saddhivihārikā upajjhāyesu na sammā vattantīti? Saccaṃ bhagavāti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma, bhikkhave, saddhivihārikā upajjhāyesu na sammā vattissantīti…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘na, bhikkhave, saddhivihārikena upajjhāyamhi na sammā vattitabbaṃ. Yo na sammā vatteyya, āpatti dukkaṭassā’’ti . Neva sammā vattanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, asammāvattantaṃ paṇāmetuṃ. Evañca pana, bhikkhave, paṇāmetabbo – ‘‘paṇāmemi ta’’nti vā, ‘‘māyidha paṭikkamī’’ti vā, ‘‘nīhara te pattacīvara’’nti vā, ‘‘nāhaṃ tayā upaṭṭhātabbo’’ti vā, kāyena viññāpeti, vācāya viññāpeti, kāyena vācāya viññāpeti, paṇāmito hoti saddhivihāriko; na kāyena viññāpeti, na vācāya viññāpeti, na kāyena vācāya viññāpeti, na paṇāmito hoti saddhivihārikoti.
เตน โข ปน สมเยน สทฺธิวิหาริกา ปณามิตา น ขมาเปนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ขมาเปตุนฺติฯ เนว ขมาเปนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ ฯ น, ภิกฺขเว, ปณามิเตน น ขมาเปตโพฺพฯ โย น ขมาเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติฯ
Tena kho pana samayena saddhivihārikā paṇāmitā na khamāpenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, khamāpetunti. Neva khamāpenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ . Na, bhikkhave, paṇāmitena na khamāpetabbo. Yo na khamāpeyya, āpatti dukkaṭassāti.
เตน โข ปน สมเยน อุปชฺฌายา ขมาปิยมานา น ขมนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ขมิตุนฺติฯ เนว ขมนฺติฯ สทฺธิวิหาริกา ปกฺกมนฺติปิ วิพฺภมนฺติปิ ติตฺถิเยสุปิ สงฺกมนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, ขมาปิยมาเนน น ขมิตพฺพํฯ โย น ขเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติฯ
Tena kho pana samayena upajjhāyā khamāpiyamānā na khamanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, khamitunti. Neva khamanti. Saddhivihārikā pakkamantipi vibbhamantipi titthiyesupi saṅkamanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, khamāpiyamānena na khamitabbaṃ. Yo na khameyya, āpatti dukkaṭassāti.
เตน โข ปน สมเยน อุปชฺฌายา สมฺมาวตฺตนฺตํ ปณาเมนฺติ, อสมฺมาวตฺตนฺตํ น ปณาเมนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, สมฺมาวตฺตโนฺต ปณาเมตโพฺพฯ โย ปณาเมยฺย , อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ น จ, ภิกฺขเว, อสมฺมาวตฺตโนฺต น ปณาเมตโพฺพฯ โย น ปณาเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติฯ
Tena kho pana samayena upajjhāyā sammāvattantaṃ paṇāmenti, asammāvattantaṃ na paṇāmenti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, sammāvattanto paṇāmetabbo. Yo paṇāmeyya , āpatti dukkaṭassa . Na ca, bhikkhave, asammāvattanto na paṇāmetabbo. Yo na paṇāmeyya, āpatti dukkaṭassāti.
‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก ปณาเมตโพฺพฯ อุปชฺฌายมฺหิ นาธิมตฺตํ เปมํ โหติ, นาธิมโตฺต ปสาโท โหติ, นาธิมตฺตา หิรี โหติ, นาธิมโตฺต คารโว โหติ, นาธิมตฺตา ภาวนา โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก ปณาเมตโพฺพฯ
‘‘Pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato saddhivihāriko paṇāmetabbo. Upajjhāyamhi nādhimattaṃ pemaṃ hoti, nādhimatto pasādo hoti, nādhimattā hirī hoti, nādhimatto gāravo hoti, nādhimattā bhāvanā hoti – imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgato saddhivihāriko paṇāmetabbo.
‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก น ปณาเมตโพฺพฯ อุปชฺฌายมฺหิ อธิมตฺตํ เปมํ โหติ, อธิมโตฺต ปสาโท โหติ, อธิมตฺตา หิรี โหติ, อธิมโตฺต คารโว โหติ, อธิมตฺตา ภาวนา โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก น ปณาเมตโพฺพฯ
‘‘Pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato saddhivihāriko na paṇāmetabbo. Upajjhāyamhi adhimattaṃ pemaṃ hoti, adhimatto pasādo hoti, adhimattā hirī hoti, adhimatto gāravo hoti, adhimattā bhāvanā hoti – imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgato saddhivihāriko na paṇāmetabbo.
‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก อลํ ปณาเมตุํฯ อุปชฺฌายมฺหิ นาธิมตฺตํ เปมํ โหติ, นาธิมโตฺต ปสาโท โหติ, นาธิมตฺตา หิรี โหติ, นาธิมตฺตา คารโว โหติ, นาธิมตฺตา ภาวนา โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก อลํ ปณาเมตุํฯ
‘‘Pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato saddhivihāriko alaṃ paṇāmetuṃ. Upajjhāyamhi nādhimattaṃ pemaṃ hoti, nādhimatto pasādo hoti, nādhimattā hirī hoti, nādhimattā gāravo hoti, nādhimattā bhāvanā hoti – imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgato saddhivihāriko alaṃ paṇāmetuṃ.
‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก นาลํ ปณาเมตุํฯ อุปชฺฌายมฺหิ อธิมตฺตํ เปมํ โหติ, อธิมโตฺต ปสาโท โหติ, อธิมตฺตา หิรี โหติ, อธิมโตฺต คารโว โหติ, อธิมตฺตา ภาวนา โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคโต สทฺธิวิหาริโก นาลํ ปณาเมตุํฯ
‘‘Pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato saddhivihāriko nālaṃ paṇāmetuṃ. Upajjhāyamhi adhimattaṃ pemaṃ hoti, adhimatto pasādo hoti, adhimattā hirī hoti, adhimatto gāravo hoti, adhimattā bhāvanā hoti – imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgato saddhivihāriko nālaṃ paṇāmetuṃ.
‘‘ปญฺจหิ , ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ สทฺธิวิหาริกํ อปฺปณาเมโนฺต อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติ, ปณาเมโนฺต อนติสาโร โหติฯ อุปชฺฌายมฺหิ นาธิมตฺตํ เปมํ โหติ, นาธิมโตฺต ปสาโท โหติ, นาธิมตฺตา หิรี โหติ, นาธิมโตฺต คารโว โหติ, นาธิมตฺตา ภาวนา โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ สทฺธิวิหาริกํ อปฺปณาเมโนฺต อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติ, ปณาเมโนฺต อนติสาโร โหติฯ
‘‘Pañcahi , bhikkhave, aṅgehi samannāgataṃ saddhivihārikaṃ appaṇāmento upajjhāyo sātisāro hoti, paṇāmento anatisāro hoti. Upajjhāyamhi nādhimattaṃ pemaṃ hoti, nādhimatto pasādo hoti, nādhimattā hirī hoti, nādhimatto gāravo hoti, nādhimattā bhāvanā hoti – imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgataṃ saddhivihārikaṃ appaṇāmento upajjhāyo sātisāro hoti, paṇāmento anatisāro hoti.
‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ สทฺธิวิหาริกํ ปณาเมโนฺต อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติ, อปฺปณาเมโนฺต อนติสาโร โหติฯ อุปชฺฌายมฺหิ อธิมตฺตํ เปมํ โหติ, อธิมโตฺต ปสาโท โหติ, อธิมตฺตา หิรี โหติ, อธิมโตฺต คารโว โหติ, อธิมตฺตา ภาวนา โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตํ สทฺธิวิหาริกํ ปณาเมโนฺต อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติ, อปฺปณาเมโนฺต อนติสาโร โหตี’’ติฯ
‘‘Pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgataṃ saddhivihārikaṃ paṇāmento upajjhāyo sātisāro hoti, appaṇāmento anatisāro hoti. Upajjhāyamhi adhimattaṃ pemaṃ hoti, adhimatto pasādo hoti, adhimattā hirī hoti, adhimatto gāravo hoti, adhimattā bhāvanā hoti – imehi kho, bhikkhave, pañcahaṅgehi samannāgataṃ saddhivihārikaṃ paṇāmento upajjhāyo sātisāro hoti, appaṇāmento anatisāro hotī’’ti.
๖๙. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร พฺราหฺมโณ ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ ตํ ภิกฺขู น อิจฺฉิํสุ ปพฺพาเชตุํฯ โส ภิกฺขูสุ ปพฺพชฺชํ อลภมาโน กิโส อโหสิ ลูโข ทุพฺพโณฺณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคโตฺตฯ อทฺทสา โข ภควา ตํ พฺราหฺมณํ กิสํ ลูขํ ทุพฺพณฺณํ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตํ ธมนิสนฺถตคตฺตํ, ทิสฺวาน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข โส, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ กิโส ลูโข ทุพฺพโณฺณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคโตฺต’’ติ? เอโส, ภเนฺต, พฺราหฺมโณ ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ ตํ ภิกฺขู น อิจฺฉิํสุ ปพฺพาเชตุํฯ โส ภิกฺขูสุ ปพฺพชฺชํ อลภมาโน กิโส ลูโข ทุพฺพโณฺณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคโตฺตติฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรสี’’ติ? เอวํ วุเตฺต อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภเนฺต, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรามี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, สาริปุตฺต, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรสี’’ติ? ‘‘อิธ เม, ภเนฺต, โส พฺราหฺมโณ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส กฎจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิฯ อิมํ โข อหํ, ภเนฺต, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรามี’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต, กตญฺญุโน หิ, สาริปุตฺต, สปฺปุริสา กตเวทิโนฯ เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชหิ อุปสมฺปาเทหี’’ติ ฯ ‘‘กถาหํ, ภเนฺต , ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชมิ อุปสมฺปาเทมี’’ติ? อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ยา สา, ภิกฺขเว, มยา ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปทา อนุญฺญาตา, ตํ อชฺชตเคฺค ปฎิกฺขิปามิฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อุปสมฺปาเทตุํ 1ฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
69. Tena kho pana samayena aññataro brāhmaṇo bhikkhū upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Taṃ bhikkhū na icchiṃsu pabbājetuṃ. So bhikkhūsu pabbajjaṃ alabhamāno kiso ahosi lūkho dubbaṇṇo uppaṇḍuppaṇḍukajāto dhamanisanthatagatto. Addasā kho bhagavā taṃ brāhmaṇaṃ kisaṃ lūkhaṃ dubbaṇṇaṃ uppaṇḍuppaṇḍukajātaṃ dhamanisanthatagattaṃ, disvāna bhikkhū āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho so, bhikkhave, brāhmaṇo kiso lūkho dubbaṇṇo uppaṇḍuppaṇḍukajāto dhamanisanthatagatto’’ti? Eso, bhante, brāhmaṇo bhikkhū upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Taṃ bhikkhū na icchiṃsu pabbājetuṃ. So bhikkhūsu pabbajjaṃ alabhamāno kiso lūkho dubbaṇṇo uppaṇḍuppaṇḍukajāto dhamanisanthatagattoti. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘ko nu kho, bhikkhave, tassa brāhmaṇassa adhikāraṃ sarasī’’ti? Evaṃ vutte āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ahaṃ kho, bhante, tassa brāhmaṇassa adhikāraṃ sarāmī’’ti. ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, sāriputta, tassa brāhmaṇassa adhikāraṃ sarasī’’ti? ‘‘Idha me, bhante, so brāhmaṇo rājagahe piṇḍāya carantassa kaṭacchubhikkhaṃ dāpesi. Imaṃ kho ahaṃ, bhante, tassa brāhmaṇassa adhikāraṃ sarāmī’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, sāriputta, kataññuno hi, sāriputta, sappurisā katavedino. Tena hi tvaṃ, sāriputta, taṃ brāhmaṇaṃ pabbājehi upasampādehī’’ti . ‘‘Kathāhaṃ, bhante , taṃ brāhmaṇaṃ pabbājemi upasampādemī’’ti? Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – yā sā, bhikkhave, mayā tīhi saraṇagamanehi upasampadā anuññātā, taṃ ajjatagge paṭikkhipāmi. Anujānāmi, bhikkhave, ñatticatutthena kammena upasampādetuṃ 2. Evañca pana, bhikkhave, upasampādetabbo. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๗๐. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺย อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ เอสา ญตฺติฯ
70. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmaṃ upasampādeyya itthannāmena upajjhāyena. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Saṅgho itthannāmaṃ upasampādeti itthannāmena upajjhāyena. Yassāyasmato khamati itthannāmassa upasampadā itthannāmena upajjhāyena, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย ฯ
‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi – suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Saṅgho itthannāmaṃ upasampādeti itthannāmena upajjhāyena. Yassāyasmato khamati itthannāmassa upasampadā itthannāmena upajjhāyena, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya .
‘‘ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Tatiyampi etamatthaṃ vadāmi – suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Saṅgho itthannāmaṃ upasampādeti itthannāmena upajjhāyena. Yassāyasmato khamati itthannāmassa upasampadā itthannāmena upajjhāyena, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘อุปสมฺปโนฺน สเงฺฆน อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Upasampanno saṅghena itthannāmo itthannāmena upajjhāyena. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
๗๑. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรา อนาจารํ อาจรติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘มาวุโส, เอวรูปํ อกาสิ, เนตํ กปฺปตี’’ติฯ โส เอวมาห – ‘‘เนวาหํ อายสฺมเนฺต ยาจิํ อุปสมฺปาเทถ มนฺติฯ กิสฺส มํ ตุเมฺห อยาจิตา อุปสมฺปาทิตฺถา’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ ฯ น, ภิกฺขเว, อยาจิเตน อุปสมฺปาเทตโพฺพ ฯ โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยาจิเตน อุปสมฺปาเทตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ยาจิตโพฺพฯ เตน อุปสมฺปทาเปเกฺขน สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, อุปสมฺปทํ ยาจามิ, อุลฺลุมฺปตุ มํ, ภเนฺต, สโงฺฆ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ ทุติยมฺปิ ยาจิตโพฺพฯ ตติยมฺปิ ยาจิตโพฺพฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
71. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu upasampannasamanantarā anācāraṃ ācarati. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘māvuso, evarūpaṃ akāsi, netaṃ kappatī’’ti. So evamāha – ‘‘nevāhaṃ āyasmante yāciṃ upasampādetha manti. Kissa maṃ tumhe ayācitā upasampāditthā’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ . Na, bhikkhave, ayācitena upasampādetabbo . Yo upasampādeyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, yācitena upasampādetuṃ. Evañca pana, bhikkhave, yācitabbo. Tena upasampadāpekkhena saṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā bhikkhūnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘‘saṅghaṃ, bhante, upasampadaṃ yācāmi, ullumpatu maṃ, bhante, saṅgho anukampaṃ upādāyā’’ti. Dutiyampi yācitabbo. Tatiyampi yācitabbo. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๗๒. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต , สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺย อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ เอสา ญตฺติฯ
72. ‘‘Suṇātu me, bhante , saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācati itthannāmena upajjhāyena. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmaṃ upasampādeyya itthannāmena upajjhāyena. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācati itthannāmena upajjhāyena. Saṅgho itthannāmaṃ upasampādeti itthannāmena upajjhāyena. Yassāyasmato khamati itthannāmassa upasampadā itthannāmena upajjhāyena, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.…ฯ
‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe….
‘‘อุปสมฺปโนฺน สเงฺฆน อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Upasampanno saṅghena itthannāmo itthannāmena upajjhāyena. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
๗๓. เตน โข ปน สมเยน ราชคเห ปณีตานํ ภตฺตานํ ภตฺตปฎิปาฎิ อฎฺฐิตา 3 โหติฯ อถ โข อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม โข สมณา สกฺยปุตฺติยา สุขสีลา สุขสมาจารา, สุโภชนานิ ภุญฺชิตฺวา นิวาเตสุ สยเนสุ สยนฺติฯ ยํนูนาหํ สมเณสุ สกฺยปุตฺติเยสุ ปพฺพเชยฺย’’นฺติฯ อถ โข โส พฺราหฺมโณ ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ ตํ ภิกฺขู ปพฺพาเชสุํ อุปสมฺปาเทสุํฯ ตสฺมิํ ปพฺพชิเต ภตฺตปฎิปาฎิ ขียิตฺถฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘เอหิ ทานิ, อาวุโส, ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติฯ โส เอวมาห – ‘‘นาหํ, อาวุโส, เอตํการณา ปพฺพชิโต ปิณฺฑาย จริสฺสามีติฯ สเจ เม ทสฺสถ ภุญฺชิสฺสามิ , โน เจ เม ทสฺสถ วิพฺภมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, อาวุโส, อุทรสฺส การณา ปพฺพชิโต’’ติ ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – กถญฺหิ นาม ภิกฺขุ เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย อุทรสฺส การณา ปพฺพชิสฺสตีติฯ เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุทรสฺส การณา ปพฺพชิโตติ? สจฺจํ ภควาติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… ‘‘กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย อุทรสฺส การณา ปพฺพชิสฺสสิฯ เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย ปสนฺนานํ วา ภิโยฺยภาวาย’’…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุปสมฺปาเทเนฺตน จตฺตาโร นิสฺสเย อาจิกฺขิตุํ – ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย; อติเรกลาโภ – สงฺฆภตฺตํ, อุเทฺทสภตฺตํ, นิมนฺตนํ, สลากภตฺตํ, ปกฺขิกํ, อุโปสถิกํ, ปาฎิปทิกํฯ ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย; อติเรกลาโภ – โขมํ, กปฺปาสิกํ, โกเสยฺยํ, กมฺพลํ, สาณํ, ภงฺคํฯ รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย; อติเรกลาโภ – วิหาโร , อฑฺฒโยโค, ปาสาโท, หมฺมิยํ, คุหาฯ ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย; อติเรกลาโภ – สปฺปิ, นวนีตํ, เตลํ, มธุ, ผาณิต’’นฺติฯ
73. Tena kho pana samayena rājagahe paṇītānaṃ bhattānaṃ bhattapaṭipāṭi aṭṭhitā 4 hoti. Atha kho aññatarassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘ime kho samaṇā sakyaputtiyā sukhasīlā sukhasamācārā, subhojanāni bhuñjitvā nivātesu sayanesu sayanti. Yaṃnūnāhaṃ samaṇesu sakyaputtiyesu pabbajeyya’’nti. Atha kho so brāhmaṇo bhikkhū upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Taṃ bhikkhū pabbājesuṃ upasampādesuṃ. Tasmiṃ pabbajite bhattapaṭipāṭi khīyittha. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘ehi dāni, āvuso, piṇḍāya carissāmā’’ti. So evamāha – ‘‘nāhaṃ, āvuso, etaṃkāraṇā pabbajito piṇḍāya carissāmīti. Sace me dassatha bhuñjissāmi , no ce me dassatha vibbhamissāmī’’ti. ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, āvuso, udarassa kāraṇā pabbajito’’ti ? ‘‘Evamāvuso’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – kathañhi nāma bhikkhu evaṃ svākkhāte dhammavinaye udarassa kāraṇā pabbajissatīti. Te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, udarassa kāraṇā pabbajitoti? Saccaṃ bhagavāti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… ‘‘kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, evaṃ svākkhāte dhammavinaye udarassa kāraṇā pabbajissasi. Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya pasannānaṃ vā bhiyyobhāvāya’’…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, upasampādentena cattāro nissaye ācikkhituṃ – piṇḍiyālopabhojanaṃ nissāya pabbajjā, tattha te yāvajīvaṃ ussāho karaṇīyo; atirekalābho – saṅghabhattaṃ, uddesabhattaṃ, nimantanaṃ, salākabhattaṃ, pakkhikaṃ, uposathikaṃ, pāṭipadikaṃ. Paṃsukūlacīvaraṃ nissāya pabbajjā, tattha te yāvajīvaṃ ussāho karaṇīyo; atirekalābho – khomaṃ, kappāsikaṃ, koseyyaṃ, kambalaṃ, sāṇaṃ, bhaṅgaṃ. Rukkhamūlasenāsanaṃ nissāya pabbajjā, tattha te yāvajīvaṃ ussāho karaṇīyo; atirekalābho – vihāro , aḍḍhayogo, pāsādo, hammiyaṃ, guhā. Pūtimuttabhesajjaṃ nissāya pabbajjā, tattha te yāvajīvaṃ ussāho karaṇīyo; atirekalābho – sappi, navanītaṃ, telaṃ, madhu, phāṇita’’nti.
ปณามิตกถา นิฎฺฐิตาฯ
Paṇāmitakathā niṭṭhitā.
อุปชฺฌายวตฺตภาณวาโร นิฎฺฐิโต ปญฺจโมฯ
Upajjhāyavattabhāṇavāro niṭṭhito pañcamo.
ปญฺจมภาณวาโร
Pañcamabhāṇavāro
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā
นสมฺมาวตฺตนาทิกถา • Nasammāvattanādikathā
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถา • Rādhabrāhmaṇavatthukathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา • Nasammāvattanādikathāvaṇṇanā
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา • Rādhabrāhmaṇavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา • Nasammāvattanādikathāvaṇṇanā
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา • Rādhabrāhmaṇavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
นสมฺมาวตฺตนาทิกถาวณฺณนา • Nasammāvattanādikathāvaṇṇanā
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถาวณฺณนา • Rādhabrāhmaṇavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi
นสมฺมาวตฺตนาทิกถา • Nasammāvattanādikathā
ราธพฺราหฺมณวตฺถุกถา • Rādhabrāhmaṇavatthukathā