Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā

    ๕. ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนา

    5. Pañcakaniddesavaṇṇanā

    ๑๙๑. ปญฺจเก – ตตฺราติ เตสุ ‘‘อารภติ จ วิปฺปฎิสารี จ โหตี’’ติอาทินา นเยน เหฎฺฐา อุทฺทิฎฺฐปุคฺคเลสุฯ ยฺวายนฺติ โย อยํฯ อารภตีติ เอตฺถ อารมฺภสโทฺท กมฺมกิริยาหิํสนวีริยวิโกปนาปตฺติวีติกฺกเมสุ วตฺตติฯ ตถา เหส ‘‘ยํกิญฺจิ ทุกฺขํ สโมฺภติ, สพฺพํ อารมฺภปจฺจยา’’ติ (สุ. นิ. ๗๔๘) กเมฺม อาคโตฯ ‘‘มหายญฺญา มหารมฺภา, น เต โหนฺติ มหปฺผลา’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๙) กิริยายํฯ ‘‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๕๑-๕๒) หิํสเนฯ ‘‘อารภถ, นิกฺขมถ, ยุญฺชถ พุทฺธสาสเน’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๘๕) วีริเยฯ ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฎิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๓) วิโกปเนฯ ‘‘อารภติ จ วิปฺปฎิสารี จ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๔๒) อยํ ปน อาปตฺติวีติกฺกเม อาคโตฯ ตสฺมา อาปตฺติวีติกฺกมวเสน อารภติ เจว ตปฺปจฺจยา วิปฺปฎิสารี จ โหตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ

    191. Pañcake – tatrāti tesu ‘‘ārabhati ca vippaṭisārī ca hotī’’tiādinā nayena heṭṭhā uddiṭṭhapuggalesu. Yvāyanti yo ayaṃ. Ārabhatīti ettha ārambhasaddo kammakiriyāhiṃsanavīriyavikopanāpattivītikkamesu vattati. Tathā hesa ‘‘yaṃkiñci dukkhaṃ sambhoti, sabbaṃ ārambhapaccayā’’ti (su. ni. 748) kamme āgato. ‘‘Mahāyaññā mahārambhā, na te honti mahapphalā’’ti (a. ni. 4.39) kiriyāyaṃ. ‘‘Samaṇaṃ gotamaṃ uddissa pāṇaṃ ārabhantī’’ti (ma. ni. 2.51-52) hiṃsane. ‘‘Ārabhatha, nikkhamatha, yuñjatha buddhasāsane’’ti (saṃ. ni. 1.185) vīriye. ‘‘Bījagāmabhūtagāmasamārambhā paṭivirato hotī’’ti (dī. ni. 1.10, 194; ma. ni. 1.293) vikopane. ‘‘Ārabhati ca vippaṭisārī ca hotī’’ti (a. ni. 5.142) ayaṃ pana āpattivītikkame āgato. Tasmā āpattivītikkamavasena ārabhati ceva tappaccayā vippaṭisārī ca hotīti ayamettha attho.

    ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ อนธิคตตฺตา ยถาสภาวโต น ชานาติฯ ยตฺถสฺสาติ ยสฺมิํ อสฺส, ยํ ฐานํ ปตฺวา เอตสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ อโตฺถฯ กิํ ปน ปตฺวา เต นิรุชฺฌนฺตีติ? อรหตฺตมคฺคํฯ ผลปฺปตฺตสฺส ปน นิรุทฺธา นาม โหนฺติฯ เอวํ สเนฺตปิ อิธ มคฺคกิจฺจวเสน ผลเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อารมฺภชาติ อาปตฺติวีติกฺกมสมฺภวาฯ วิปฺปฎิสารชาติ วิปฺปฎิสารโต ชาตาฯ ปวฑฺฒนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชเนน วฑฺฒนฺติฯ สาธูติ อายาจนสาธุฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาว อปรทฺธญฺจ วต อายสฺมตา, เอวํ สเนฺตปิ มยํ อายสฺมนฺตํ ยาจาม – ‘‘เทเสตพฺพยุตฺตกสฺส เทสนาย, วุฎฺฐาตพฺพยุตฺตกสฺส วุฎฺฐาเนน, อาวิกาตพฺพยุตฺตกสฺส อาวิกิริยาย, อารมฺภเช อาสเว ปหาย, สุทฺธเนฺต ฐิตภาวปจฺจเวกฺขเณน วิปฺปฎิสารเช อาสเว ปฎิวิโนเทตฺวา นีหริตฺวา วิปสฺสนาจิตฺตเญฺจว วิปสฺสนาปญฺญญฺจ ภาเวตู’’ติฯ อมุนา ปญฺจเมน ปุคฺคเลนาติ เอเตน ปญฺจเมน ขีณาสวปุคฺคเลนฯ สมสโม ภวิสฺสตีติ โลกุตฺตรคุเณหิ สมภาเวเนว สโม ภวิสฺสตีติ เอวํ ขีณาสเวน โอวทิตโพฺพติ อโตฺถฯ

    Yathābhūtaṃ nappajānātīti anadhigatattā yathāsabhāvato na jānāti. Yatthassāti yasmiṃ assa, yaṃ ṭhānaṃ patvā etassa puggalassa uppannā pāpakā akusalā dhammā aparisesā nirujjhantīti attho. Kiṃ pana patvā te nirujjhantīti? Arahattamaggaṃ. Phalappattassa pana niruddhā nāma honti. Evaṃ santepi idha maggakiccavasena phalameva vuttanti veditabbaṃ. Ārambhajāti āpattivītikkamasambhavā. Vippaṭisārajāti vippaṭisārato jātā. Pavaḍḍhantīti punappunaṃ uppajjanena vaḍḍhanti. Sādhūti āyācanasādhu. Idaṃ vuttaṃ hoti – yāva aparaddhañca vata āyasmatā, evaṃ santepi mayaṃ āyasmantaṃ yācāma – ‘‘desetabbayuttakassa desanāya, vuṭṭhātabbayuttakassa vuṭṭhānena, āvikātabbayuttakassa āvikiriyāya, ārambhaje āsave pahāya, suddhante ṭhitabhāvapaccavekkhaṇena vippaṭisāraje āsave paṭivinodetvā nīharitvā vipassanācittañceva vipassanāpaññañca bhāvetū’’ti. Amunā pañcamena puggalenāti etena pañcamena khīṇāsavapuggalena. Samasamo bhavissatīti lokuttaraguṇehi samabhāveneva samo bhavissatīti evaṃ khīṇāsavena ovaditabboti attho.

    อารภติ น วิปฺปฎิสารี โหตีติ อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ ตํ ปน เทเสตุํ สภาคปุคฺคลํ ปริเยสติฯ ตสฺมา น วิปฺปฎิสารี โหติฯ องฺคุตฺตรฎฺฐกถายํ ปน ‘‘วุฎฺฐิตตฺตา น วิปฺปฎิสารี โหตี’’ติ วุตฺตํฯ น อารภติ วิปฺปฎิสารี โหตีติ อาปตฺติํ นาปชฺชติ, วินยปญฺญตฺติยํ ปน อโกวิทตฺตา อนาปตฺติยํ อาปตฺติสญฺญี หุตฺวา วิปฺปฎิสารี โหติฯ องฺคุตฺตรฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สกิํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย ปจฺฉา กิญฺจาปิ นาปชฺชติ, วิปฺปฎิสารํ ปน วิโนเทตุํ น สโกฺกตี’’ติ วุตฺตํฯ น อารภติ น วิปฺปฎิสารี โหตีติ เนว อาปตฺติํ อาปชฺชติ, น วิปฺปฎิสารี โหติฯ กตโม ปเนส ปุคฺคโลติ? โอสฺสฎฺฐวีริยปุคฺคโลฯ โส หิ ‘‘กิํ เม อิมสฺมิํ พุทฺธกาเล ปรินิพฺพาเนน, อนาคเต เมเตฺตยฺยสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วิสุทฺธสีโลปิ ปฎิปตฺติํ น ปูเรติฯ โสปิ ‘‘กิมตฺถํ อายสฺมา ปมโตฺต วิหรติ ปุถุชฺชนสฺส นาม คติ อนิพทฺธาฯ อายสฺมา หิ เมเตฺตยฺยสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขภาวํ ลเภยฺยปิ น ลเภยฺยาปีติ อรหตฺตตฺถาย วิปสฺสนํ ภาเวหี’’ติ โอวทิตโพฺพวฯ เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Ārabhati na vippaṭisārī hotīti āpattiṃ āpajjati. Taṃ pana desetuṃ sabhāgapuggalaṃ pariyesati. Tasmā na vippaṭisārī hoti. Aṅguttaraṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘vuṭṭhitattā na vippaṭisārī hotī’’ti vuttaṃ. Na ārabhati vippaṭisārī hotīti āpattiṃ nāpajjati, vinayapaññattiyaṃ pana akovidattā anāpattiyaṃ āpattisaññī hutvā vippaṭisārī hoti. Aṅguttaraṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sakiṃ āpattiṃ āpajjitvā tato vuṭṭhāya pacchā kiñcāpi nāpajjati, vippaṭisāraṃ pana vinodetuṃ na sakkotī’’ti vuttaṃ. Na ārabhati na vippaṭisārī hotīti neva āpattiṃ āpajjati, na vippaṭisārī hoti. Katamo panesa puggaloti? Ossaṭṭhavīriyapuggalo. So hi ‘‘kiṃ me imasmiṃ buddhakāle parinibbānena, anāgate metteyyasammāsambuddhakāle parinibbāyissāmī’’ti visuddhasīlopi paṭipattiṃ na pūreti. Sopi ‘‘kimatthaṃ āyasmā pamatto viharati puthujjanassa nāma gati anibaddhā. Āyasmā hi metteyyasammāsambuddhassa sammukhabhāvaṃ labheyyapi na labheyyāpīti arahattatthāya vipassanaṃ bhāvehī’’ti ovaditabbova. Sesaṃ sabbattha vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ๑๙๒. ทตฺวา อวชานาตีติอาทีสุ – เอโก ภิกฺขุ มหาปุโญฺญ จตุปจฺจยลาภี โหติฯ โส จีวราทีนิ ลภิตฺวา อญฺญํ อปฺปปุญฺญํ อาปุจฺฉติฯ โสปิ ตสฺมิํ ปุนปฺปุนํ อาปุจฺฉเนฺตปิ คณฺหาติเยวฯ อถสฺส อิตโร โถกํ กุปิโต หุตฺวา มงฺกุภาวํ อุปฺปาเทตุกาโม วทติ – ‘‘อยํ อตฺตโน ธมฺมตาย จีวราทีนิ น ลภติ, อเมฺห นิสฺสาย ลภตี’’ติฯ เอวํ ปุคฺคโล ทตฺวา อวชานาติ นามฯ เอโก ปน เอเกน สทฺธิํ เทฺว ตีณิ วสฺสานิ วสโนฺต ปุเพฺพ ตํ ปุคฺคลํ ครุํ กตฺวา ปจฺฉา คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล จิตฺตีการํ น กโรติ, อาสนาปิ น วุฎฺฐาติ, อุปฎฺฐานมฺปิ น คจฺฉติฯ เอวํ ปุคฺคโล สํวาเสน อวชานาติ นามฯ

    192. Datvā avajānātītiādīsu – eko bhikkhu mahāpuñño catupaccayalābhī hoti. So cīvarādīni labhitvā aññaṃ appapuññaṃ āpucchati. Sopi tasmiṃ punappunaṃ āpucchantepi gaṇhātiyeva. Athassa itaro thokaṃ kupito hutvā maṅkubhāvaṃ uppādetukāmo vadati – ‘‘ayaṃ attano dhammatāya cīvarādīni na labhati, amhe nissāya labhatī’’ti. Evaṃ puggalo datvā avajānāti nāma. Eko pana ekena saddhiṃ dve tīṇi vassāni vasanto pubbe taṃ puggalaṃ garuṃ katvā pacchā gacchante gacchante kāle cittīkāraṃ na karoti, āsanāpi na vuṭṭhāti, upaṭṭhānampi na gacchati. Evaṃ puggalo saṃvāsena avajānāti nāma.

    อาเธยฺยมุโขติ อาทิโต เธยฺยมุโขฯ ปฐมวจนสฺมิํเยว ฐปิตมุโขติ อโตฺถฯ อธิมุจฺจิตา โหตีติ สทฺธาตา โหติฯ ตตฺรายํ นโย – เอโก ปุคฺคโล สารุปฺปํเยว ภิกฺขุํ ‘อสารุโปฺป เอโส’ติ กเถติ, ตํ สุตฺวา เอส นิฎฺฐํ คจฺฉติฯ ปุน อเญฺญน สภาเคน ภิกฺขุนา ‘สารุโปฺป อย’นฺติ วุเตฺตปิ ตสฺส วจนํ น คณฺหาติ ‘‘อสุเกน นาม ‘อสารุโปฺป อย’นฺติ อมฺหากํ กถิต’’นฺติ ปุริมภิกฺขุโนว กถํ คณฺหาติฯ อปโรปิสฺส ทุสฺสีลํ ‘สีลวา’ติ กเถติฯ ตสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา ปุน อเญฺญน ‘‘อสารุโปฺป เอส ภิกฺขุ, นายํ ตุมฺหากํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ ยุโตฺต’’ติ วุโตฺตปิ ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ปุริมเสฺสว กถํ คณฺหาติฯ อปโร วณฺณมฺปิ กถิตํ คณฺหาติ, อวณฺณมฺปิ กถิตํ คณฺหาติเยวฯ อยมฺปิ อาเธยฺยมุโขเยว นามฯ อาธาตพฺพมุโข ยํ ยํ สุณาติ, ตตฺถ ตตฺถ ฐปิตมุโขติ อโตฺถฯ

    Ādheyyamukhoti ādito dheyyamukho. Paṭhamavacanasmiṃyeva ṭhapitamukhoti attho. Adhimuccitā hotīti saddhātā hoti. Tatrāyaṃ nayo – eko puggalo sāruppaṃyeva bhikkhuṃ ‘asāruppo eso’ti katheti, taṃ sutvā esa niṭṭhaṃ gacchati. Puna aññena sabhāgena bhikkhunā ‘sāruppo aya’nti vuttepi tassa vacanaṃ na gaṇhāti ‘‘asukena nāma ‘asāruppo aya’nti amhākaṃ kathita’’nti purimabhikkhunova kathaṃ gaṇhāti. Aparopissa dussīlaṃ ‘sīlavā’ti katheti. Tassa vacanaṃ saddahitvā puna aññena ‘‘asāruppo esa bhikkhu, nāyaṃ tumhākaṃ santikaṃ upasaṅkamituṃ yutto’’ti vuttopi tassa vacanaṃ aggahetvā purimasseva kathaṃ gaṇhāti. Aparo vaṇṇampi kathitaṃ gaṇhāti, avaṇṇampi kathitaṃ gaṇhātiyeva. Ayampi ādheyyamukhoyeva nāma. Ādhātabbamukho yaṃ yaṃ suṇāti, tattha tattha ṭhapitamukhoti attho.

    โลโลติ สทฺธาทีนํ อิตฺตรกาลฎฺฐิติกตฺตา อสฺสทฺธิยาทีหิ ลุลิตภาเวน โลโลฯ อิตฺตรสโทฺธติ ปริตฺตสโทฺธ, อปริปุณฺณสโทฺธฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน ปุนปฺปุนํ ภชนวเสน สทฺธาว ภตฺติฯ เปมํ สทฺธาเปมํ เคหสิตเปมมฺปิ วฎฺฎติฯ ปสาโท สทฺธาปสาโทวฯ เอวํ ปุคฺคโล โลโล โหตีติ เอวํ อิตฺตรสทฺธาทิตาย ปุคฺคโล โลโล นาม โหติฯ หลิทฺทิราโค วิย , ถุสราสิมฺหิ โกฎฺฎิตขาณุโก วิย, อสฺสปิฎฺฐิยํ ฐปิตกุมฺภณฺฑํ วิย จ อนิพทฺธฎฺฐาโน มุหุเตฺตน ปสีทติ, มุหุเตฺตน กุปฺปติฯ

    Loloti saddhādīnaṃ ittarakālaṭṭhitikattā assaddhiyādīhi lulitabhāvena lolo. Ittarasaddhoti parittasaddho, aparipuṇṇasaddho. Sesesupi eseva nayo. Ettha pana punappunaṃ bhajanavasena saddhāva bhatti. Pemaṃ saddhāpemaṃ gehasitapemampi vaṭṭati. Pasādo saddhāpasādova. Evaṃ puggalo lolo hotīti evaṃ ittarasaddhāditāya puggalo lolo nāma hoti. Haliddirāgo viya , thusarāsimhi koṭṭitakhāṇuko viya, assapiṭṭhiyaṃ ṭhapitakumbhaṇḍaṃ viya ca anibaddhaṭṭhāno muhuttena pasīdati, muhuttena kuppati.

    มโนฺท โมมูโหติ อญฺญาณภาเวน มโนฺท อวิสทตาย โมมูโหฯ มหามูโฬฺหติ อโตฺถฯ

    Mando momūhoti aññāṇabhāvena mando avisadatāya momūho. Mahāmūḷhoti attho.

    ๑๙๓. โยธาชีวูปเมสุ – โยธาชีวาติ ยุทฺธูปชีวิโนฯ รชคฺคนฺติ หตฺถิอสฺสาทีนํ ปาทปฺปหารภินฺนาย ภูมิยา อุคฺคตํ รชกฺขนฺธํฯ น สนฺถมฺภตีติ สนฺถมฺภิตฺวา ฐาตุํ น สโกฺกติฯ สหติ รชคฺคนฺติ รชกฺขนฺธํ ทิสฺวาปิ อธิวาเสติฯ ธชคฺคนฺติ หตฺถิอสฺสาทิปิเฎฺฐสุ วา รเถสุ วา อุสฺสาปิตานํ ธชานํ อคฺคํฯ อุสฺสารณนฺติ หตฺถิอสฺสรถาทีนเญฺจว พลกายสฺส จ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํฯ สมฺปหาเรติ สมาคเต อปฺปมตฺตเกปิ ปหาเรฯ หญฺญตีติ วิหญฺญติ, วิฆาตํ อาปชฺชติฯ พฺยาปชฺชตีติ วิปตฺติํ อาปชฺชติ, ปกติภาวํ ชหติฯ สหติ สมฺปหารนฺติ เทฺว ตโย ปหาเร ปตฺวาปิ สหติ, อธิวาเสติ ฯ ตเมว สงฺคามสีสนฺติ ตเมว ชยขนฺธาวารฎฺฐานํฯ อชฺฌาวสตีติ สตฺตาหมตฺตํ อภิภวิตฺวา อาวสติฯ กิํ การณา? ลทฺธปฺปหารานํ ปหารชคฺคนตฺถเญฺจว กตกมฺมานํ วิเสสํ ญตฺวา ฐานนฺตรทานตฺถญฺจ อิสฺสริยสุขานุภวนตฺถญฺจฯ

    193. Yodhājīvūpamesu – yodhājīvāti yuddhūpajīvino. Rajagganti hatthiassādīnaṃ pādappahārabhinnāya bhūmiyā uggataṃ rajakkhandhaṃ. Na santhambhatīti santhambhitvā ṭhātuṃ na sakkoti. Sahati rajagganti rajakkhandhaṃ disvāpi adhivāseti. Dhajagganti hatthiassādipiṭṭhesu vā rathesu vā ussāpitānaṃ dhajānaṃ aggaṃ. Ussāraṇanti hatthiassarathādīnañceva balakāyassa ca uccāsaddamahāsaddaṃ. Sampahāreti samāgate appamattakepi pahāre. Haññatīti vihaññati, vighātaṃ āpajjati. Byāpajjatīti vipattiṃ āpajjati, pakatibhāvaṃ jahati. Sahati sampahāranti dve tayo pahāre patvāpi sahati, adhivāseti . Tameva saṅgāmasīsanti tameva jayakhandhāvāraṭṭhānaṃ. Ajjhāvasatīti sattāhamattaṃ abhibhavitvā āvasati. Kiṃ kāraṇā? Laddhappahārānaṃ pahārajagganatthañceva katakammānaṃ visesaṃ ñatvā ṭhānantaradānatthañca issariyasukhānubhavanatthañca.

    ๑๙๔. อิทานิ ยสฺมา สตฺถุ โยธาชีเวหิ กิจฺจํ นตฺถิ, อิมสฺมิํ ปน สาสเน ตถารูเป ปญฺจ ปุคฺคเล ทเสฺสตุํ อิทํ โอปมฺมํ อาภตํ, ตสฺมา เต ปุคฺคเล ทเสฺสโนฺต เอวเมวนฺติอาทิมาหฯ

    194. Idāni yasmā satthu yodhājīvehi kiccaṃ natthi, imasmiṃ pana sāsane tathārūpe pañca puggale dassetuṃ idaṃ opammaṃ ābhataṃ, tasmā te puggale dassento evamevantiādimāha.

    ตตฺถ สํสีทตีติ มิจฺฉาวิตกฺกสฺมิํ วิสีทติ, อนุปวิสติฯ น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุนฺติ พฺรหฺมจริยวาสํ อนุปจฺฉิชฺชมานํ โคเปตุํ น สโกฺกติฯ สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวาติ สิกฺขาย ทุพฺพลภาวํ ปกาเสตฺวาฯ กิมสฺส รชคฺคสฺมินฺติ กิํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส รชคฺคํ นามาติ วทติฯ อภิรูปาติ อภิรูปวตีฯ ทสฺสนียาติ ทสฺสนโยคฺคาฯ ปาสาทิกาติ ทสฺสเนเนว จิตฺตปฺปสาทาวหาฯ ปรมายาติ อุตฺตมายฯ วณฺณโปกฺขรตายาติ สรีรวเณฺณน เจว องฺคสณฺฐาเนน จฯ

    Tattha saṃsīdatīti micchāvitakkasmiṃ visīdati, anupavisati. Na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretunti brahmacariyavāsaṃ anupacchijjamānaṃ gopetuṃ na sakkoti. Sikkhādubbalyaṃ āvikatvāti sikkhāya dubbalabhāvaṃ pakāsetvā. Kimassa rajaggasminti kiṃ tassa puggalassa rajaggaṃ nāmāti vadati. Abhirūpāti abhirūpavatī. Dassanīyāti dassanayoggā. Pāsādikāti dassaneneva cittappasādāvahā. Paramāyāti uttamāya. Vaṇṇapokkharatāyāti sarīravaṇṇena ceva aṅgasaṇṭhānena ca.

    ๑๙๖. อูหสตีติ อวหสติฯ อุลฺลปตีติ กเถติฯ อุชฺชคฺฆตีติ ปาณิํ ปหริตฺวา มหาหสิตํ หสติฯ อุปฺปเณฺฑตีติ อุปฺปณฺฑนกถํ กเถติฯ

    196. Ūhasatīti avahasati. Ullapatīti katheti. Ujjagghatīti pāṇiṃ paharitvā mahāhasitaṃ hasati. Uppaṇḍetīti uppaṇḍanakathaṃ katheti.

    ๑๙๗. อภินิสีทตีติ อภิภวิตฺวา สนฺติเก วา เอกาสเน วา นิสีทติฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ อโชฺฌตฺถรตีติ อวตฺถรติฯ

    197. Abhinisīdatīti abhibhavitvā santike vā ekāsane vā nisīdati. Dutiyapadepi eseva nayo. Ajjhottharatīti avattharati.

    ๑๙๘. วินิเวเฐตฺวา วินิโมเจตฺวาติ คหิตฎฺฐานโต ตสฺส หตฺถํ วินิเวเฐตฺวา เจว, โมเจตฺวา จฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    198. Viniveṭhetvā vinimocetvāti gahitaṭṭhānato tassa hatthaṃ viniveṭhetvā ceva, mocetvā ca. Sesamettha uttānatthameva.

    ๑๙๙. ปิณฺฑปาติเกสุ – มนฺทตฺตา โมมูหตฺตาติ เนว สมาทานํ ชานาติ, น อานิสํสํ; อตฺตโน ปน มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา อญฺญาเณเนว ปิณฺฑปาติโก โหติฯ ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโตติ ปิณฺฑปาติกสฺส เม สโต ‘‘อยํ ปิณฺฑปาติโก’’ติ จตุปจฺจยสกฺการํ กริสฺสนฺติฯ ลชฺชี, อปฺปิโจฺฉติอาทีหิ จ คุเณหิ สมฺภาเวสฺสนฺตีติฯ เอวํ ปาปิกาย อิจฺฉาย ฐตฺวา ตาย ปาปิจฺฉาย อภิภูโต หุตฺวา ปิณฺฑปาติโก โหติฯ อุมฺมาทวเสน ปิณฺฑาย จรโนฺต ปน อุมฺมาทา จิตฺตวิเกฺขปา ปิณฺฑปาติโก นาม โหติฯ วณฺณิตนฺติ อิทํ ปิณฺฑปาติกงฺคํ นาม พุเทฺธหิ จ พุทฺธสาวเกหิ จ วณฺณิตํ ปสตฺถนฺติ ปิณฺฑปาติโก โหติฯ อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสายาติอาทีสุ – ‘‘อิติ อปฺปิโจฺฉ ภวิสฺสามิ, อิทํ เม ปิณฺฑปาติกงฺคํ อปฺปิจฺฉตาย สํวตฺติสฺสติ; ‘อิติ สนฺตุโฎฺฐ ภวิสฺสามิ อิทํ เม ปิณฺฑปาติกงฺคํ สนฺตุฎฺฐิยา สํวตฺติสฺสติ’; ‘อิติ กิเลเส สํลิขิสฺสามิ’, อิทํ เม ปิณฺฑปาติกงฺคํ กิเลสสเลฺลขนตฺถาย สํวตฺติสฺสตี’’ติ ปิณฺฑปาติโก โหติฯ อิทมตฺถิตนฺติ อิมาย กลฺยาณาย ปฎิปตฺติยา อตฺถิกภาวํ, อิมินา วา ปิณฺฑปาตมเตฺตน อตฺถิกภาวํฯ ยํ ยํ ลทฺธํ เตน เตเนว ยาปนภาวํ นิสฺสายาติ อโตฺถฯ อโคฺคติ เชฎฺฐโกฯ เสสานิ ตเสฺสว เววจนานิฯ

    199. Piṇḍapātikesu – mandattā momūhattāti neva samādānaṃ jānāti, na ānisaṃsaṃ; attano pana mandattā momūhattā aññāṇeneva piṇḍapātiko hoti. Pāpiccho icchāpakatoti piṇḍapātikassa me sato ‘‘ayaṃ piṇḍapātiko’’ti catupaccayasakkāraṃ karissanti. Lajjī, appicchotiādīhi ca guṇehi sambhāvessantīti. Evaṃ pāpikāya icchāya ṭhatvā tāya pāpicchāya abhibhūto hutvā piṇḍapātiko hoti. Ummādavasena piṇḍāya caranto pana ummādā cittavikkhepā piṇḍapātiko nāma hoti. Vaṇṇitanti idaṃ piṇḍapātikaṅgaṃ nāma buddhehi ca buddhasāvakehi ca vaṇṇitaṃ pasatthanti piṇḍapātiko hoti. Appicchataṃyeva nissāyātiādīsu – ‘‘iti appiccho bhavissāmi, idaṃ me piṇḍapātikaṅgaṃ appicchatāya saṃvattissati; ‘iti santuṭṭho bhavissāmi idaṃ me piṇḍapātikaṅgaṃ santuṭṭhiyā saṃvattissati’; ‘iti kilese saṃlikhissāmi’, idaṃ me piṇḍapātikaṅgaṃ kilesasallekhanatthāya saṃvattissatī’’ti piṇḍapātiko hoti. Idamatthitanti imāya kalyāṇāya paṭipattiyā atthikabhāvaṃ, iminā vā piṇḍapātamattena atthikabhāvaṃ. Yaṃ yaṃ laddhaṃ tena teneva yāpanabhāvaṃ nissāyāti attho. Aggoti jeṭṭhako. Sesāni tasseva vevacanāni.

    ควา ขีรนฺติ คาวิโต ขีรํ นาม โหติ, น วินา คาวิยาฯ ขีรมฺหา ทธีติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวเมวนฺติ ยถา เอเตสุ ปญฺจสุ โครเสสุ สปฺปิมโณฺฑ อโคฺค; เอวเมวํ อิเมสุ ปญฺจสุ ปิณฺฑปาติเกสุ ยฺวายํ อปฺปิจฺฉตาทีนิ นิสฺสาย ปิณฺฑปาติโก โหติฯ อยํ อโคฺค จ เสโฎฺฐ จ ปาโมโกฺข จ อุตฺตโม จ ปวโร จฯ อิเมสุ ปน ปญฺจสุ ปิณฺฑปาติเกสุ เทฺวว ชนา ปิณฺฑปาติกา , ตโย น ปิณฺฑปาติกาฯ นามมเตฺตน ปน ปิณฺฑปาติกาติ เวทิตพฺพาฯ ขลุปจฺฉาภตฺติกาทีสุปิ เอเสว นโยติฯ

    Gavā khīranti gāvito khīraṃ nāma hoti, na vinā gāviyā. Khīramhā dadhītiādīsupi eseva nayo. Evamevanti yathā etesu pañcasu gorasesu sappimaṇḍo aggo; evamevaṃ imesu pañcasu piṇḍapātikesu yvāyaṃ appicchatādīni nissāya piṇḍapātiko hoti. Ayaṃ aggo ca seṭṭho ca pāmokkho ca uttamo ca pavaro ca. Imesu pana pañcasu piṇḍapātikesu dveva janā piṇḍapātikā , tayo na piṇḍapātikā. Nāmamattena pana piṇḍapātikāti veditabbā. Khalupacchābhattikādīsupi eseva nayoti.

    ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนาฯ

    Pañcakaniddesavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิ • Puggalapaññattipāḷi / ๕. ปญฺจกปุคฺคลปญฺญตฺติ • 5. Pañcakapuggalapaññatti

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๕. ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนา • 5. Pañcakaniddesavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๕. ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนา • 5. Pañcakaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact