Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā

    ปญฺจกวารวณฺณนา

    Pañcakavāravaṇṇanā

    ๓๒๕. ปญฺจเกสุ ปญฺจ ปุคฺคลา นิยตาติ อานนฺตริยานเมเวตํ คหณํฯ ปญฺจ เฉทนกา อาปตฺติโย นาม ปมาณาติกฺกเนฺต มญฺจปีเฐ นิสีทนกณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิวสฺสิกสาฎิกาสุ สุคตจีวเร จ เวทิตพฺพาฯ ปญฺจหากาเรหีติ อลชฺชิตา, อญฺญาณตา, กุกฺกุจฺจปฺปกตตา, อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตา, กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตาติ อิเมหิ ปญฺจหิฯ ปญฺจ อาปตฺติโย มุสาวาทปจฺจยาติ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกฎสงฺฆาทิเสสปาจิตฺติยาฯ อนามนฺตจาโรติ ‘‘สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปเชฺชยฺยา’’ติ อิมสฺส อาปุจฺฉิตฺวา จารสฺส อภาโวฯ อนธิฎฺฐานนฺติ ‘‘คณโภชเน อญฺญตฺร สมยา’’ติ วุตฺตํ สมยํ อธิฎฺฐหิตฺวา โภชนํ อธิฎฺฐานํ นาม; ตถา อกรณํ อนธิฎฺฐานํอวิกปฺปนา นาม ยา ปรมฺปรโภชเน วิกปฺปนา วุตฺตา, ตสฺสา อกรณํฯ อิมานิ หิ ปญฺจ ปิณฺฑปาติกสฺส ธุตเงฺคเนว ปฎิกฺขิตฺตานิฯ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโตติ เย ปสฺสนฺติ, เย สุณนฺติ, เตหิ อุสฺสงฺกิโต เจว ปริสงฺกิโต จฯ อปิ อกุปฺปธโมฺม ขีณาสโวปิ สมาโน, ตสฺมา อโคจรา ปริหริตพฺพาฯ น หิ เอเตสุ สนฺทิสฺสมาโน อยสโต วา ครหโต วา มุจฺจติฯ โสสานิกนฺติ สุสาเน ปติตกํฯ ปาปณิกนฺติ อาปณทฺวาเร ปติตกํฯ ถูปจีวรนฺติ วมฺมิกํ ปริกฺขิปิตฺวา พลิกมฺมกตํฯ อาภิเสกิกนฺติ นหานฎฺฐาเน วา รโญฺญ อภิเสกฎฺฐาเน วา ฉฑฺฑิตจีวรํฯ ภตปฎิยาภตนฺติ สุสานํ เนตฺวา ปุน อานีตกํฯ ปญฺจ มหาโจรา อุตฺตริมนุสฺสธเมฺม วุตฺตาฯ

    325.Pañcakesupañca puggalā niyatāti ānantariyānamevetaṃ gahaṇaṃ. Pañca chedanakā āpattiyo nāma pamāṇātikkante mañcapīṭhe nisīdanakaṇḍuppaṭicchādivassikasāṭikāsu sugatacīvare ca veditabbā. Pañcahākārehīti alajjitā, aññāṇatā, kukkuccappakatatā, akappiye kappiyasaññitā, kappiye akappiyasaññitāti imehi pañcahi. Pañca āpattiyo musāvādapaccayāti pārājikathullaccayadukkaṭasaṅghādisesapācittiyā. Anāmantacāroti ‘‘santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā purebhattaṃ pacchābhattaṃ kulesu cārittaṃ āpajjeyyā’’ti imassa āpucchitvā cārassa abhāvo. Anadhiṭṭhānanti ‘‘gaṇabhojane aññatra samayā’’ti vuttaṃ samayaṃ adhiṭṭhahitvā bhojanaṃ adhiṭṭhānaṃ nāma; tathā akaraṇaṃ anadhiṭṭhānaṃ. Avikappanā nāma yā paramparabhojane vikappanā vuttā, tassā akaraṇaṃ. Imāni hi pañca piṇḍapātikassa dhutaṅgeneva paṭikkhittāni. Ussaṅkitaparisaṅkitoti ye passanti, ye suṇanti, tehi ussaṅkito ceva parisaṅkito ca. Api akuppadhammo khīṇāsavopi samāno, tasmā agocarā pariharitabbā. Na hi etesu sandissamāno ayasato vā garahato vā muccati. Sosānikanti susāne patitakaṃ. Pāpaṇikanti āpaṇadvāre patitakaṃ. Thūpacīvaranti vammikaṃ parikkhipitvā balikammakataṃ. Ābhisekikanti nahānaṭṭhāne vā rañño abhisekaṭṭhāne vā chaḍḍitacīvaraṃ. Bhatapaṭiyābhatanti susānaṃ netvā puna ānītakaṃ. Pañca mahācorā uttarimanussadhamme vuttā.

    ปญฺจาปตฺติโย กายโต สมุฎฺฐนฺตีติ ปฐเมน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน ปญฺจ อาปตฺติโย อาปชฺชติ, ‘‘ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี สญฺญาจิกาย กุฎิํ กโรตี’’ติ เอวํ อนฺตรเปยฺยาเล วุตฺตาปตฺติโยฯ ปญฺจ อาปตฺติโย กายโต จ วาจโต จาติ ตติเยน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน ปญฺจ อาปตฺติโย อาปชฺชติ, ‘‘ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี สํวิทหิตฺวา กุฎิํ กโรตี’’ติ เอวํ ตเตฺถว วุตฺตา อาปตฺติโยฯ เทสนาคามินิโยติ ฐเปตฺวา ปาราชิกญฺจ สงฺฆาทิเสสญฺจ อวเสสาฯ

    Pañcāpattiyo kāyato samuṭṭhantīti paṭhamena āpattisamuṭṭhānena pañca āpattiyo āpajjati, ‘‘bhikkhu kappiyasaññī saññācikāya kuṭiṃ karotī’’ti evaṃ antarapeyyāle vuttāpattiyo. Pañca āpattiyo kāyato ca vācato cāti tatiyena āpattisamuṭṭhānena pañca āpattiyo āpajjati, ‘‘bhikkhu kappiyasaññī saṃvidahitvā kuṭiṃ karotī’’ti evaṃ tattheva vuttā āpattiyo. Desanāgāminiyoti ṭhapetvā pārājikañca saṅghādisesañca avasesā.

    ปญฺจ กมฺมานีติ ตชฺชนียนิยสฺสปพฺพาชนียปฎิสารณียานิ จตฺตาริ อุเกฺขปนียญฺจ ติวิธมฺปิ เอกนฺติ ปญฺจฯ ยาวตติยเก ปญฺจาติ อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาย ภิกฺขุนิยา ยาวตติยํ สมนุภาสนาย อปฺปฎินิสฺสชฺชนฺติยา ปาราชิกํ ถุลฺลจฺจยํ ทุกฺกฎนฺติ ติโสฺส , เภทกานุวตฺตกาทิสมนุภาสนาสุ สงฺฆาทิเสโส, ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสเคฺค ปาจิตฺติยํฯ อทินฺนนฺติ อเญฺญน อทินฺนํฯ อวิทิตนฺติ ปฎิคฺคณฺหามีติ เจตนาย อภาเวน อวิทิตํฯ อกปฺปิยนฺติ ปญฺจหิ สมณกเปฺปหิ อกปฺปิยกตํ; ยํ วา ปนญฺญมฺปิ อกปฺปิยมํสํ อกปฺปิยโภชนํฯ อกตาติริตฺตนฺติ ปวาเรตฺวา อติริตฺตํ อกตํฯ สมชฺชทานนฺติ นฎสมชฺชาทิทานํฯ อุสภทานนฺติ โคคณสฺส อนฺตเร อุสภวิสฺสชฺชนํฯ จิตฺตกมฺมทานนฺติ อาวาสํ กาเรตฺวา ตตฺถ จิตฺตกมฺมํ กาเรตุํ วฎฺฎติฯ อิทํ ปน ปฎิภานจิตฺตกมฺมทานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อิมานิ หิ ปญฺจ กิญฺจาปิ โลกสฺส ปุญฺญสมฺมตานิ, อถ โข อปุญฺญานิ อกุสลานิเยว ฯ อุปฺปนฺนํ ปฎิภานนฺติ เอตฺถ ปฎิภานนฺติ กเถตุกมฺยตา วุจฺจติฯ อิเม ปญฺจ ทุปฺปฎิวิโนทยาติ น สุปฎิวิโนทยา; อุปาเยน ปน การเณน อนุรูปาหิ ปจฺจเวกฺขนาอนุสาสนาทีหิ สกฺกา ปฎิวิโนเทตุนฺติ อโตฺถฯ

    Pañca kammānīti tajjanīyaniyassapabbājanīyapaṭisāraṇīyāni cattāri ukkhepanīyañca tividhampi ekanti pañca. Yāvatatiyake pañcāti ukkhittānuvattikāya bhikkhuniyā yāvatatiyaṃ samanubhāsanāya appaṭinissajjantiyā pārājikaṃ thullaccayaṃ dukkaṭanti tisso , bhedakānuvattakādisamanubhāsanāsu saṅghādiseso, pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissagge pācittiyaṃ. Adinnanti aññena adinnaṃ. Aviditanti paṭiggaṇhāmīti cetanāya abhāvena aviditaṃ. Akappiyanti pañcahi samaṇakappehi akappiyakataṃ; yaṃ vā panaññampi akappiyamaṃsaṃ akappiyabhojanaṃ. Akatātirittanti pavāretvā atirittaṃ akataṃ. Samajjadānanti naṭasamajjādidānaṃ. Usabhadānanti gogaṇassa antare usabhavissajjanaṃ. Cittakammadānanti āvāsaṃ kāretvā tattha cittakammaṃ kāretuṃ vaṭṭati. Idaṃ pana paṭibhānacittakammadānaṃ sandhāya vuttaṃ. Imāni hi pañca kiñcāpi lokassa puññasammatāni, atha kho apuññāni akusalāniyeva . Uppannaṃ paṭibhānanti ettha paṭibhānanti kathetukamyatā vuccati. Ime pañca duppaṭivinodayāti na supaṭivinodayā; upāyena pana kāraṇena anurūpāhi paccavekkhanāanusāsanādīhi sakkā paṭivinodetunti attho.

    สกจิตฺตํ ปสีทตีติ เอตฺถ อิมานิ วตฺถูนิ – กฎอนฺธการวาสี ผุสฺสเทวเตฺถโร กิร เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา สินฺทุวารกุสุมสนฺถตมิว สมวิปฺปกิณฺณวาลิกํ เจติยงฺคณํ โอโลเกโนฺต พุทฺธารมฺมณํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ มาโร ปพฺพตปาเท นิพฺพตฺตกาฬมกฺกโฎ วิย หุตฺวา เจติยงฺคเณ โคมยํ วิปฺปกิรโนฺต คโตฯ เถโร นาสกฺขิ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ, สมฺมชฺชิตฺวา อคมาสิฯ ทุติยทิวเสปิ ชรคฺคโว หุตฺวา ตาทิสเมว วิปฺปการํ อกาสิฯ ตติยทิวเส วงฺกปาทํ มนุสฺสตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา ปาเทน ปริกสโนฺต อคมาสิฯ เถโร ‘‘เอวรูโป พีภจฺฉปุริโส สมนฺตา โยชนปฺปมาเณสุ โคจรคาเมสุ นตฺถิ, สิยา นุ โข มาโร’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มาโรสิ ตฺว’’นฺติ อาหฯ ‘‘อาม, ภเนฺต, มาโรมฺหิ, น ทานิ เต วเญฺจตุํ อสกฺขิ’’นฺติฯ ‘‘ทิฎฺฐปุโพฺพ ตยา ตถาคโต’’ติ? ‘‘อาม, ทิฎฺฐปุโพฺพ’’ติฯ ‘‘มาโร นาม มหานุภาโว โหติ, อิงฺฆ ตาว พุทฺธสฺส ภควโต อตฺตภาวสทิสํ อตฺตภาวํ นิมฺมินาหี’’ติ? ‘‘น สกฺกา, ภเนฺต, ตาทิสํ รูปํ นิมฺมินิตุํ; อปิจ โข ปน ตํสริกฺขกํ ปติรูปกํ นิมฺมินิสฺสามี’’ติ สกภาวํ วิชหิตฺวา พุทฺธรูปสทิเสน อตฺตภาเวน อฎฺฐาสิ ฯ เถโร มารํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ตาว สราคโทสโมโห เอวํ โสภติ, กถํ นุ โข ภควา น โสภติ สพฺพโส วีตราคโทสโมโห’’ติ พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ ปฎิลภิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ มาโร ‘‘วญฺจิโตมฺหิ ตยา, ภเนฺต’’ติ อาหฯ เถโรปิ ‘‘กิํ อตฺถิ ชรมาร, ตาทิสํ วเญฺจตุ’’นฺติ อาหฯ โลกนฺตรวิหาเรปิ ทโตฺต นาม ทหรภิกฺขุ เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา โอโลเกโนฺต โอทาตกสิณํ ปฎิลภิฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตสิฯ ตโต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ผลตฺตยํ สจฺฉากาสิฯ

    Sakacittaṃ pasīdatīti ettha imāni vatthūni – kaṭaandhakāravāsī phussadevatthero kira cetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā sinduvārakusumasanthatamiva samavippakiṇṇavālikaṃ cetiyaṅgaṇaṃ olokento buddhārammaṇaṃ pītipāmojjaṃ uppādetvā aṭṭhāsi. Tasmiṃ khaṇe māro pabbatapāde nibbattakāḷamakkaṭo viya hutvā cetiyaṅgaṇe gomayaṃ vippakiranto gato. Thero nāsakkhi arahattaṃ pāpuṇituṃ, sammajjitvā agamāsi. Dutiyadivasepi jaraggavo hutvā tādisameva vippakāraṃ akāsi. Tatiyadivase vaṅkapādaṃ manussattabhāvaṃ nimminitvā pādena parikasanto agamāsi. Thero ‘‘evarūpo bībhacchapuriso samantā yojanappamāṇesu gocaragāmesu natthi, siyā nu kho māro’’ti cintetvā ‘‘mārosi tva’’nti āha. ‘‘Āma, bhante, māromhi, na dāni te vañcetuṃ asakkhi’’nti. ‘‘Diṭṭhapubbo tayā tathāgato’’ti? ‘‘Āma, diṭṭhapubbo’’ti. ‘‘Māro nāma mahānubhāvo hoti, iṅgha tāva buddhassa bhagavato attabhāvasadisaṃ attabhāvaṃ nimmināhī’’ti? ‘‘Na sakkā, bhante, tādisaṃ rūpaṃ nimminituṃ; apica kho pana taṃsarikkhakaṃ patirūpakaṃ nimminissāmī’’ti sakabhāvaṃ vijahitvā buddharūpasadisena attabhāvena aṭṭhāsi . Thero māraṃ oloketvā ‘‘ayaṃ tāva sarāgadosamoho evaṃ sobhati, kathaṃ nu kho bhagavā na sobhati sabbaso vītarāgadosamoho’’ti buddhārammaṇaṃ pītiṃ paṭilabhitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. Māro ‘‘vañcitomhi tayā, bhante’’ti āha. Theropi ‘‘kiṃ atthi jaramāra, tādisaṃ vañcetu’’nti āha. Lokantaravihārepi datto nāma daharabhikkhu cetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā olokento odātakasiṇaṃ paṭilabhi. Aṭṭha samāpattiyo nibbattesi. Tato vipassanaṃ vaḍḍhetvā phalattayaṃ sacchākāsi.

    ปรจิตฺตํ ปสีทตีติ เอตฺถ อิมานิ วตฺถูนิ – ติโสฺส นาม ทหรภิกฺขุ ชมฺพุโกลเจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา สงฺการฉฑฺฑนิํ หเตฺถน คเหตฺวาว อฎฺฐาสิ ฯ ตสฺมิํ ขเณ ติสฺสทตฺตเตฺถโร นาม นาวาโต โอรุยฺห เจติยงฺคณํ โอโลเกโนฺต ภาวิตจิเตฺตน สมฺมฎฺฐฎฺฐานนฺติ ญตฺวา ปญฺหาสหสฺสํ ปุจฺฉิ, อิตโร สพฺพํ วิสฺสเชฺชสิฯ อญฺญตรสฺมิมฺปิ วิหาเร เถโร เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา วตฺตํ ปริจฺฉินฺทิฯ โยนกวิสยโต เจติยวนฺทกา จตฺตาโร เถรา อาคนฺตฺวา เจติยงฺคณํ ทิสฺวา อโนฺต อปฺปวิสิตฺวา ทฺวาเรเยว ฐตฺวา เอโก เถโร อฎฺฐ กเปฺป อนุสฺสริ, เอโก โสฬส, เอโก วีสติ, เอโก ติํส กเปฺป อนุสฺสริฯ

    Paracittaṃpasīdatīti ettha imāni vatthūni – tisso nāma daharabhikkhu jambukolacetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā saṅkārachaḍḍaniṃ hatthena gahetvāva aṭṭhāsi . Tasmiṃ khaṇe tissadattatthero nāma nāvāto oruyha cetiyaṅgaṇaṃ olokento bhāvitacittena sammaṭṭhaṭṭhānanti ñatvā pañhāsahassaṃ pucchi, itaro sabbaṃ vissajjesi. Aññatarasmimpi vihāre thero cetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā vattaṃ paricchindi. Yonakavisayato cetiyavandakā cattāro therā āgantvā cetiyaṅgaṇaṃ disvā anto appavisitvā dvāreyeva ṭhatvā eko thero aṭṭha kappe anussari, eko soḷasa, eko vīsati, eko tiṃsa kappe anussari.

    เทวตา อตฺตมนา โหนฺตีติ เอตฺถ อิทํ วตฺถุ – เอกสฺมิํ กิร วิหาเร เอโก ภิกฺขุ เจติยงฺคณญฺจ โพธิยงฺคณญฺจ สมฺมชฺชิตฺวา นหายิตุํ คโตฯ เทวตา ‘‘อิมสฺส วิหารสฺส กตกาลโต ปฎฺฐาย เอวํ วตฺตํ ปูเรตฺวา สมฺมฎฺฐปุโพฺพ ภิกฺขุ นตฺถี’’ติ ปสนฺนจิตฺตา ปุปฺผหตฺถา อฎฺฐํสุฯ เถโร อาคนฺตฺวา ‘‘กตรคามวาสิกาตฺถา’’ติ อาหฯ ‘‘ภเนฺต, อิเธว วสาม, อิมสฺส วิหารสฺส กตกาลโต ปฎฺฐาย เอวํ วตฺตํ ปูเรตฺวา สมฺมฎฺฐปุโพฺพ ภิกฺขุ นตฺถีติ ตุมฺหากํ, ภเนฺต, วเตฺต ปสีทิตฺวา ปุปฺผหตฺถา ฐิตามฺหา’’ติ เทวตา อาหํสุฯ

    Devatā attamanā hontīti ettha idaṃ vatthu – ekasmiṃ kira vihāre eko bhikkhu cetiyaṅgaṇañca bodhiyaṅgaṇañca sammajjitvā nahāyituṃ gato. Devatā ‘‘imassa vihārassa katakālato paṭṭhāya evaṃ vattaṃ pūretvā sammaṭṭhapubbo bhikkhu natthī’’ti pasannacittā pupphahatthā aṭṭhaṃsu. Thero āgantvā ‘‘kataragāmavāsikātthā’’ti āha. ‘‘Bhante, idheva vasāma, imassa vihārassa katakālato paṭṭhāya evaṃ vattaṃ pūretvā sammaṭṭhapubbo bhikkhu natthīti tumhākaṃ, bhante, vatte pasīditvā pupphahatthā ṭhitāmhā’’ti devatā āhaṃsu.

    ปาสาทิกสํวตฺตนิกนฺติ เอตฺถ อิทํ วตฺถุ – เอกํ กิร อมจฺจปุตฺตํ อภยเตฺถรญฺจ อารพฺภ อยํ กถา อุทปาทิ ‘‘กิํ นุ โข อมจฺจปุโตฺต ปาสาทิโก, อภยเตฺถโรติ อุโภปิ เน เอกสฺมิํ ฐาเน โอโลเกสฺสามา’’ติฯ ญาตกา อมจฺจปุตฺตํ อลงฺกริตฺวา มหาเจติยํ วนฺทาเปสฺสามาติ อคมํสุฯ เถรมาตาปิ ปาสาทิกํ จีวรํ กาเรตฺวา ปุตฺตสฺส ปหิณิ, ‘‘ปุโตฺต เม เกเส ฉินฺทาเปตฺวา อิมํ จีวรํ ปารุปิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต มหาเจติยํ วนฺทตู’’ติฯ อมจฺจปุโตฺต ญาติปริวุโต ปาจีนทฺวาเรน เจติยงฺคณํ อารุโฬฺห, อภยเตฺถโร ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ทกฺขิณทฺวาเรน เจติยงฺคณํ อารุหิตฺวา เจติยงฺคเณ เตน สทฺธิํ สมาคนฺตฺวา อาห – ‘‘กิํ ตฺวํ, อาวุโส, มหลฺลกเตฺถรสฺส สมฺมฎฺฐฎฺฐาเน กจวรํ ฉเฑฺฑตฺวา มยา สทฺธิํ ยุคคฺคาหํ คณฺหาสี’’ติฯ อตีตตฺตภาเว กิร อภยเตฺถโร มหลฺลกเตฺถโร นาม หุตฺวา โคจรคาเม เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิ, อมจฺจปุโตฺต มหาอุปาสโก หุตฺวา สมฺมฎฺฐฎฺฐาเน กจวรํ คเหตฺวา ฉเฑฺฑสิฯ

    Pāsādikasaṃvattanikanti ettha idaṃ vatthu – ekaṃ kira amaccaputtaṃ abhayattherañca ārabbha ayaṃ kathā udapādi ‘‘kiṃ nu kho amaccaputto pāsādiko, abhayattheroti ubhopi ne ekasmiṃ ṭhāne olokessāmā’’ti. Ñātakā amaccaputtaṃ alaṅkaritvā mahācetiyaṃ vandāpessāmāti agamaṃsu. Theramātāpi pāsādikaṃ cīvaraṃ kāretvā puttassa pahiṇi, ‘‘putto me kese chindāpetvā imaṃ cīvaraṃ pārupitvā bhikkhusaṅghaparivuto mahācetiyaṃ vandatū’’ti. Amaccaputto ñātiparivuto pācīnadvārena cetiyaṅgaṇaṃ āruḷho, abhayatthero bhikkhusaṅghaparivuto dakkhiṇadvārena cetiyaṅgaṇaṃ āruhitvā cetiyaṅgaṇe tena saddhiṃ samāgantvā āha – ‘‘kiṃ tvaṃ, āvuso, mahallakattherassa sammaṭṭhaṭṭhāne kacavaraṃ chaḍḍetvā mayā saddhiṃ yugaggāhaṃ gaṇhāsī’’ti. Atītattabhāve kira abhayatthero mahallakatthero nāma hutvā gocaragāme cetiyaṅgaṇaṃ sammajji, amaccaputto mahāupāsako hutvā sammaṭṭhaṭṭhāne kacavaraṃ gahetvā chaḍḍesi.

    สตฺถุสาสนํ กตํ โหตีติ อิทํ สมฺมชฺชนวตฺตํ นาม พุเทฺธหิ วณฺณิตํ, ตสฺมา ตํ กโรเนฺตน สตฺถุสาสนํ กตํ โหติฯ ตตฺริทํ วตฺถุ – อายสฺมา กิร สาริปุโตฺต หิมวนฺตํ คนฺตฺวา เอกสฺมิํ ปพฺภาเร อสมฺมชฺชิตฺวาว นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิฯ ภควา อาวชฺชโนฺต เถรสฺส อสมฺมชฺชิตฺวา นิสินฺนภาวํ ญตฺวา อากาเสน คนฺตฺวา เถรสฺส ปุรโต อสมฺมฎฺฐฎฺฐาเน ปาทานิ ทเสฺสตฺวา ปจฺจาคญฺฉิฯ เถโร สมาปตฺติโต วุฎฺฐิโต ภควโต ปาทานิ ทิสฺวา พลวหิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา ชณฺณุเกหิ ปติฎฺฐาย ‘‘อสมฺมชฺชิตฺวา นิสินฺนภาวํ วต เม สตฺถา อญฺญาสิ, สงฺฆมเชฺฌ ทานิ โจทนํ กาเรสฺสามี’’ติ ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิฯ ภควา ‘‘กุหิํ คโตสิ, สาริปุตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘น ปติรูปํ ทานิ เต มยฺหํ อนนฺตเร ฐาเน ฐตฺวา วิจรนฺตสฺส อสมฺมชฺชิตฺวา นิสีทิตุ’’นฺติ อาหฯ ตโต ปฎฺฐาย เถโร คณฺฐิกปฎิมุญฺจนฎฺฐาเนปิ ติฎฺฐโนฺต ปาเทน กจวรํ วิยูหิตฺวาว ติฎฺฐติฯ

    Satthusāsanaṃ kataṃ hotīti idaṃ sammajjanavattaṃ nāma buddhehi vaṇṇitaṃ, tasmā taṃ karontena satthusāsanaṃ kataṃ hoti. Tatridaṃ vatthu – āyasmā kira sāriputto himavantaṃ gantvā ekasmiṃ pabbhāre asammajjitvāva nirodhaṃ samāpajjitvā nisīdi. Bhagavā āvajjanto therassa asammajjitvā nisinnabhāvaṃ ñatvā ākāsena gantvā therassa purato asammaṭṭhaṭṭhāne pādāni dassetvā paccāgañchi. Thero samāpattito vuṭṭhito bhagavato pādāni disvā balavahirottappaṃ paccupaṭṭhāpetvā jaṇṇukehi patiṭṭhāya ‘‘asammajjitvā nisinnabhāvaṃ vata me satthā aññāsi, saṅghamajjhe dāni codanaṃ kāressāmī’’ti dasabalassa santikaṃ gantvā vanditvā nisīdi. Bhagavā ‘‘kuhiṃ gatosi, sāriputtā’’ti vatvā ‘‘na patirūpaṃ dāni te mayhaṃ anantare ṭhāne ṭhatvā vicarantassa asammajjitvā nisīditu’’nti āha. Tato paṭṭhāya thero gaṇṭhikapaṭimuñcanaṭṭhānepi tiṭṭhanto pādena kacavaraṃ viyūhitvāva tiṭṭhati.

    อตฺตโน ภาสปริยนฺตํ น อุคฺคณฺหาตีติ ‘‘อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ เอตฺตกํ สุตฺตํ อุปลพฺภติ, เอตฺตโก วินิจฺฉโย, เอตฺตกํ สุตฺตญฺจ วินิจฺฉยญฺจ วกฺขามี’’ติ เอวํ อตฺตโน ภาสปริยนฺตํ น อุคฺคณฺหาติฯ ‘‘อยํ โจทกสฺส ปุริมกถา, อยํ ปจฺฉิมกถา, อยํ จุทิตกสฺส ปุริมกถา, อยํ ปจฺฉิมกถา, เอตฺตกํ คยฺหูปคํ, เอตฺตกํ น คยฺหูปค’’นฺติ เอวํ อนุคฺคณฺหโนฺต ปน ปรสฺส ภาสปริยนฺตํ น อุคฺคณฺหาติ นามฯ อาปตฺติํ น ชานาตีติ ปาราชิกํ วา สงฺฆาทิเสสํ วาติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ นานากรณํ น ชานาติฯ มูลนฺติ เทฺว อาปตฺติยา มูลานิ กาโย จ วาจา จ, ตานิ น ชานาติฯ สมุทยนฺติ ฉ อาปตฺติสมุฎฺฐานานิ อาปตฺติสมุทโย นาม, ตานิ น ชานาติฯ ปาราชิกาทีนํ วตฺถุํ น ชานาตีติปิ วุตฺตํ โหติฯ นิโรธนฺติ อยํ อาปตฺติ เทสนาย นิรุชฺฌติ, วูปสมฺมติ, อยํ วุฎฺฐาเนนาติ เอวํ อาปตฺตินิโรธํ น ชานาติฯ สตฺต สมเถ อชานโนฺต ปน อาปตฺตินิโรธคามินิปฎิปทํ น ชานาติฯ

    Attano bhāsapariyantaṃ na uggaṇhātīti ‘‘imasmiṃ vatthusmiṃ ettakaṃ suttaṃ upalabbhati, ettako vinicchayo, ettakaṃ suttañca vinicchayañca vakkhāmī’’ti evaṃ attano bhāsapariyantaṃ na uggaṇhāti. ‘‘Ayaṃ codakassa purimakathā, ayaṃ pacchimakathā, ayaṃ cuditakassa purimakathā, ayaṃ pacchimakathā, ettakaṃ gayhūpagaṃ, ettakaṃ na gayhūpaga’’nti evaṃ anuggaṇhanto pana parassa bhāsapariyantaṃ na uggaṇhāti nāma. Āpattiṃ na jānātīti pārājikaṃ vā saṅghādisesaṃ vāti sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ nānākaraṇaṃ na jānāti. Mūlanti dve āpattiyā mūlāni kāyo ca vācā ca, tāni na jānāti. Samudayanti cha āpattisamuṭṭhānāni āpattisamudayo nāma, tāni na jānāti. Pārājikādīnaṃ vatthuṃ na jānātītipi vuttaṃ hoti. Nirodhanti ayaṃ āpatti desanāya nirujjhati, vūpasammati, ayaṃ vuṭṭhānenāti evaṃ āpattinirodhaṃ na jānāti. Satta samathe ajānanto pana āpattinirodhagāminipaṭipadaṃ na jānāti.

    อธิกรณปญฺจเก อธิกรณํ นาม จตฺตาริ อธิกรณานิฯ อธิกรณสฺส มูลํ นาม เตตฺติํส มูลานิ – วิวาทาธิกรณสฺส ทฺวาทส มูลานิ, อนุวาทาธิกรณสฺส จุทฺทส, อาปตฺตาธิกรณสฺส ฉ, กิจฺจาธิกรณสฺส เอกํ; ตานิ ปรโต อาวิ ภวิสฺสนฺติฯ อธิกรณสมุทโย นาม อธิกรณสมุฎฺฐานํฯ วิวาทาธิกรณํ อฎฺฐารส เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ; อนุวาทาธิกรณํ จตโสฺส วิปตฺติโย; อาปตฺตาธิกรณํ สตฺตาปตฺติกฺขเนฺธ; กิจฺจาธิกรณํ จตฺตาริ สงฺฆกิจฺจานีติ อิมํ วิภาคํ น ชานาตีติ อโตฺถ ฯ อธิกรณนิโรธํ น ชานาตีติ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน มูลามูลํ คนฺตฺวา วินิจฺฉยสมถํ ปาเปตุํ น สโกฺกติ ; ‘‘อิทํ อธิกรณํ ทฺวีหิ, อิทํ จตูหิ, อิทํ ตีหิ อิทํ เอเกน สมเถน สมฺมตี’’ติ เอวํ สตฺต สมเถ อชานโนฺต ปน อธิกรณนิโรธคามินิปฎิปทํ น ชานาติ นามฯ วตฺถุํ น ชานาตีติ ‘‘อิทํ ปาราชิกสฺส วตฺถุ, อิทํ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ เอวํ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ วตฺถุํ น ชานาติฯ นิทานนฺติ ‘‘สตฺตนฺนํ นิทานานํ อิทํ สิกฺขาปทํ เอตฺถ ปญฺญตฺตํ, อิทํ เอตฺถา’’ติ น ชานาติฯ ปญฺญตฺติํ น ชานาตีติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สิกฺขาปเท ปฐมปญฺญตฺติํ น ชานาติฯ อนุปญฺญตฺตินฺติ ปุนปฺปุนํ ปญฺญตฺติํ น ชานาติฯ อนุสนฺธิวจนปถนฺติ กถานุสนฺธิ-วินิจฺฉยานุสนฺธิวเสน วตฺถุํ น ชานาติฯ ญตฺติํ น ชานาตีติ สเพฺพน สพฺพํ ญตฺติํ น ชานาติฯ ญตฺติยา กรณํ น ชานาตีติ ญตฺติกิจฺจํ น ชานาติ, โอสารณาทีสุ นวสุ ฐาเนสุ ญตฺติกมฺมํ นาม โหติ, ญตฺติทุติยญตฺติจตุตฺถกเมฺมสุ ญตฺติยา กมฺมปฺปโตฺต หุตฺวา ติฎฺฐตีติ น ชานาติฯ น ปุพฺพกุสโล โหติ น อปรกุสโลติ ปุเพฺพ กเถตพฺพญฺจ ปจฺฉา กเถตพฺพญฺจ น ชานาติ, ญตฺติ นาม ปุเพฺพ ฐเปตพฺพา, ปจฺฉา น ฐเปตพฺพาติปิ น ชานาติฯ อกาลญฺญู จ โหตีติ กาลํ น ชานาติ, อนชฺฌิโฎฺฐ อยาจิโต ภาสติ, ญตฺติกาลมฺปิ ญตฺติเขตฺตมฺปิ ญตฺติโอกาสมฺปิ น ชานาติฯ

    Adhikaraṇapañcake adhikaraṇaṃ nāma cattāri adhikaraṇāni. Adhikaraṇassa mūlaṃ nāma tettiṃsa mūlāni – vivādādhikaraṇassa dvādasa mūlāni, anuvādādhikaraṇassa cuddasa, āpattādhikaraṇassa cha, kiccādhikaraṇassa ekaṃ; tāni parato āvi bhavissanti. Adhikaraṇasamudayo nāma adhikaraṇasamuṭṭhānaṃ. Vivādādhikaraṇaṃ aṭṭhārasa bhedakaravatthūni nissāya uppajjati; anuvādādhikaraṇaṃ catasso vipattiyo; āpattādhikaraṇaṃ sattāpattikkhandhe; kiccādhikaraṇaṃ cattāri saṅghakiccānīti imaṃ vibhāgaṃ na jānātīti attho . Adhikaraṇanirodhaṃ na jānātīti dhammena vinayena satthusāsanena mūlāmūlaṃ gantvā vinicchayasamathaṃ pāpetuṃ na sakkoti ; ‘‘idaṃ adhikaraṇaṃ dvīhi, idaṃ catūhi, idaṃ tīhi idaṃ ekena samathena sammatī’’ti evaṃ satta samathe ajānanto pana adhikaraṇanirodhagāminipaṭipadaṃ na jānāti nāma. Vatthuṃ na jānātīti ‘‘idaṃ pārājikassa vatthu, idaṃ saṅghādisesassā’’ti evaṃ sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ vatthuṃ na jānāti. Nidānanti ‘‘sattannaṃ nidānānaṃ idaṃ sikkhāpadaṃ ettha paññattaṃ, idaṃ etthā’’ti na jānāti. Paññattiṃ na jānātīti tasmiṃ tasmiṃ sikkhāpade paṭhamapaññattiṃ na jānāti. Anupaññattinti punappunaṃ paññattiṃ na jānāti. Anusandhivacanapathanti kathānusandhi-vinicchayānusandhivasena vatthuṃ na jānāti. Ñattiṃ na jānātīti sabbena sabbaṃ ñattiṃ na jānāti. Ñattiyā karaṇaṃ na jānātīti ñattikiccaṃ na jānāti, osāraṇādīsu navasu ṭhānesu ñattikammaṃ nāma hoti, ñattidutiyañatticatutthakammesu ñattiyā kammappatto hutvā tiṭṭhatīti na jānāti. Na pubbakusalo hoti na aparakusaloti pubbe kathetabbañca pacchā kathetabbañca na jānāti, ñatti nāma pubbe ṭhapetabbā, pacchā na ṭhapetabbātipi na jānāti. Akālaññū ca hotīti kālaṃ na jānāti, anajjhiṭṭho ayācito bhāsati, ñattikālampi ñattikhettampi ñattiokāsampi na jānāti.

    มนฺทตฺตา โมมูหตฺตาติ เกวลํ อญฺญาเณน โมมูหภาเวน ธุตเงฺค อานิสํสํ อชานิตฺวาฯ ปาปิโจฺฉติ เตน อรญฺญวาเสน ปจฺจยลาภํ ปตฺถยมาโนฯ ปวิเวกนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกํฯ อิทมตฺถิตนฺติ อิมาย กลฺยาณาย ปฎิปตฺติยา อโตฺถ เอตสฺสาติ อิทมตฺถิ, อิทมตฺถิโน ภาโว อิทมตฺถิตา; ตํ อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย น อญฺญํ กิญฺจิ โลกามิสนฺติ อโตฺถฯ

    Mandattā momūhattāti kevalaṃ aññāṇena momūhabhāvena dhutaṅge ānisaṃsaṃ ajānitvā. Pāpicchoti tena araññavāsena paccayalābhaṃ patthayamāno. Pavivekanti kāyacittaupadhivivekaṃ. Idamatthitanti imāya kalyāṇāya paṭipattiyā attho etassāti idamatthi, idamatthino bhāvo idamatthitā; taṃ idamatthitaṃyeva nissāya na aññaṃ kiñci lokāmisanti attho.

    อุโปสถํ น ชานาตีติ นววิธํ อุโปสถํ น ชานาติฯ อุโปสถกมฺมนฺติ อธเมฺมนวคฺคาทิเภทํ จตุพฺพิธํ อุโปสถกมฺมํ น ชานาติฯ ปาติโมกฺขนฺติ เทฺว มาติกา น ชานาติฯ ปาติโมกฺขุเทฺทสนฺติ สพฺพมฺปิ นววิธํ ปาติโมกฺขุเทฺทสํ น ชานาติฯ ปวารณนฺติ นววิธํ ปวารณํ น ชานาติฯ ปวารณากมฺมํ อุโปสถกมฺมสทิสเมวฯ

    Uposathaṃ na jānātīti navavidhaṃ uposathaṃ na jānāti. Uposathakammanti adhammenavaggādibhedaṃ catubbidhaṃ uposathakammaṃ na jānāti. Pātimokkhanti dve mātikā na jānāti. Pātimokkhuddesanti sabbampi navavidhaṃ pātimokkhuddesaṃ na jānāti. Pavāraṇanti navavidhaṃ pavāraṇaṃ na jānāti. Pavāraṇākammaṃ uposathakammasadisameva.

    อปาสาทิกปญฺจเก – อปาสาทิกนฺติ กายทุจฺจริตาทิ อกุสลกมฺมํ วุจฺจติฯ ปาสาทิกนฺติ กายสุจริตาทิ กุสลกมฺมํ วุจฺจติฯ อติเวลนฺติ เวลํ อติกฺกมฺม พหุตรํ กาลํ กุเลสุ อปฺปํ วิหาเรติ อโตฺถฯ โอตาโรติ กิเลสานํ อโนฺต โอตรณํฯ สํกิลิฎฺฐนฺติ ทุฎฺฐุลฺลาปตฺติกายสํสคฺคาทิเภทํ ฯ วิสุทฺธิปญฺจเกปวารณาคฺคหเณน นววิธาปิ ปวารณา เวทิตพฺพาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Apāsādikapañcake – apāsādikanti kāyaduccaritādi akusalakammaṃ vuccati. Pāsādikanti kāyasucaritādi kusalakammaṃ vuccati. Ativelanti velaṃ atikkamma bahutaraṃ kālaṃ kulesu appaṃ vihāreti attho. Otāroti kilesānaṃ anto otaraṇaṃ. Saṃkiliṭṭhanti duṭṭhullāpattikāyasaṃsaggādibhedaṃ . Visuddhipañcakepavāraṇāggahaṇena navavidhāpi pavāraṇā veditabbā. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปญฺจกวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcakavāravaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / ๕. ปญฺจกวาโร • 5. Pañcakavāro

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ปญฺจกวารวณฺณนา • Pañcakavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปญฺจกวารวณฺณนา • Pañcakavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปญฺจกวารวณฺณนา • Pañcakavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / เอกุตฺตริกนโย ปญฺจกวารวณฺณนา • Ekuttarikanayo pañcakavāravaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact