Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๖. ปญฺจปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา

    6. Pañcaputtakhādakapetivatthuvaṇṇanā

    นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต ปญฺจปุตฺตขาทกเปติํ อารพฺภ วุตฺตํฯ สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร คามเก อญฺญตรสฺส กุฎุมฺพิกสฺส ภริยา วญฺฌา อโหสิฯ ตสฺส ญาตกา เอตทโวจุํ – ‘‘ตว ปชาปติ วญฺฌา, อญฺญํ เต กญฺญํ อาเนมา’’ติฯ โส ตโสฺส ภริยาย สิเนเหน น อิจฺฉิฯ อถสฺส ภริยา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา สามิกํ เอวมาห – ‘‘สามิ, อหํ วญฺฌา, อญฺญา กญฺญา อาเนตพฺพา, มา เต กุลวํโส อุปจฺฉิชฺชี’’ติฯ โส ตาย นิปฺปีฬิยมาโน อญฺญํ กญฺญํ อาเนสิฯ สา อปเรน สมเยน คพฺภินี อโหสิฯ วญฺฌิตฺถี – ‘‘อยํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา อิมสฺส เคหสฺส อิสฺสรา ภวิสฺสตี’’ติ อิสฺสาปกตา ตสฺสา คพฺภปาตนูปายํ ปริเยสนฺตี อญฺญตรํ ปริพฺพาชิกํ อนฺนปานาทีหิ สงฺคณฺหิตฺวา ตาย ตสฺสา คพฺภปาตนํ ทาเปสิฯ สา คเพฺภ ปติเต อตฺตโน มาตุยา อาโรเจสิ, มาตา อตฺตโน ญาตเก สโมธาเนตฺวา ตมตฺถํ นิเวเทสิฯ เต วญฺฌิตฺถิํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตยา อิมิสฺสา คโพฺภ ปาติโต’’ติ? ‘‘นาหํ ปาเตมี’’ติฯ ‘‘สเจ ตยา คโพฺภ น ปาติโต, สปถํ กโรหี’’ติ ฯ ‘‘สเจ มยา คโพฺภ ปาติโต, ทุคฺคติปรายณา ขุปฺปิปาสาภิภูตา สายํ ปาตํ ปญฺจ ปญฺจ ปุเตฺต วิชายิตฺวา ขาทิตฺวา ติตฺติํ น คเจฺฉยฺยํ, นิจฺจํ ทุคฺคนฺธา มกฺขิกาปริกิณฺณา จ ภเวยฺย’’นฺติ มุสา วตฺวา สปถํ อกาสิฯ สา นจิรเสฺสว กาลํ กตฺวา ตเสฺสว คามสฺส อวิทูเร ทุพฺพณฺณรูปา เปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ

    Naggā dubbaṇṇarūpāsīti idaṃ satthari sāvatthiyaṃ viharante pañcaputtakhādakapetiṃ ārabbha vuttaṃ. Sāvatthiyā kira avidūre gāmake aññatarassa kuṭumbikassa bhariyā vañjhā ahosi. Tassa ñātakā etadavocuṃ – ‘‘tava pajāpati vañjhā, aññaṃ te kaññaṃ ānemā’’ti. So tasso bhariyāya sinehena na icchi. Athassa bhariyā taṃ pavattiṃ sutvā sāmikaṃ evamāha – ‘‘sāmi, ahaṃ vañjhā, aññā kaññā ānetabbā, mā te kulavaṃso upacchijjī’’ti. So tāya nippīḷiyamāno aññaṃ kaññaṃ ānesi. Sā aparena samayena gabbhinī ahosi. Vañjhitthī – ‘‘ayaṃ puttaṃ labhitvā imassa gehassa issarā bhavissatī’’ti issāpakatā tassā gabbhapātanūpāyaṃ pariyesantī aññataraṃ paribbājikaṃ annapānādīhi saṅgaṇhitvā tāya tassā gabbhapātanaṃ dāpesi. Sā gabbhe patite attano mātuyā ārocesi, mātā attano ñātake samodhānetvā tamatthaṃ nivedesi. Te vañjhitthiṃ etadavocuṃ – ‘‘tayā imissā gabbho pātito’’ti? ‘‘Nāhaṃ pātemī’’ti. ‘‘Sace tayā gabbho na pātito, sapathaṃ karohī’’ti . ‘‘Sace mayā gabbho pātito, duggatiparāyaṇā khuppipāsābhibhūtā sāyaṃ pātaṃ pañca pañca putte vijāyitvā khāditvā tittiṃ na gaccheyyaṃ, niccaṃ duggandhā makkhikāparikiṇṇā ca bhaveyya’’nti musā vatvā sapathaṃ akāsi. Sā nacirasseva kālaṃ katvā tasseva gāmassa avidūre dubbaṇṇarūpā petī hutvā nibbatti.

    ตทา ชนปเท วุตฺถวสฺสา อฎฺฐ เถรา สตฺถุ ทสฺสนตฺถํ สาวตฺถิํ อาคจฺฉนฺตา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร ฉายูทกสมฺปเนฺน อรญฺญฎฺฐาเน วาสํ อุปคจฺฉิํสุฯ อถ สา เปตี เถรานํ อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ เตสุ สงฺฆเตฺถโร ตํ เปติํ –

    Tadā janapade vutthavassā aṭṭha therā satthu dassanatthaṃ sāvatthiṃ āgacchantā tassa gāmassa avidūre chāyūdakasampanne araññaṭṭhāne vāsaṃ upagacchiṃsu. Atha sā petī therānaṃ attānaṃ dassesi. Tesu saṅghatthero taṃ petiṃ –

    ๒๖.

    26.

    ‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ทุคฺคนฺธา ปูติ วายสิ;

    ‘‘Naggā dubbaṇṇarūpāsi, duggandhā pūti vāyasi;

    มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฎฺฐสี’’ติฯ –

    Makkhikāhi parikiṇṇā, kā nu tvaṃ idha tiṭṭhasī’’ti. –

    คาถาย ปฎิปุจฺฉิฯ ตตฺถ นคฺคาติ นิโจฺจฬาฯ ทุพฺพณฺณรูปาสีติ ณวิรูปา อติวิย พีภจฺฉรูเปน สมนฺนาคตา อสิฯ ทุคฺคนฺธาติ อนิฎฺฐคนฺธาฯ ปูติ วายสีติ สรีรโต กุณปคนฺธํ วายสิฯ มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณาติ นีลมกฺขิกาหิ สมนฺตโต อากิณฺณาฯ กา นุ ตฺวํ อิธ ติฎฺฐสีติ กา นาม เอวรูปา อิมสฺมิํ ฐาเน ติฎฺฐสิ, อิโต จิโต จ วิจรสีติ อโตฺถฯ

    Gāthāya paṭipucchi. Tattha naggāti niccoḷā. Dubbaṇṇarūpāsīti ṇavirūpā ativiya bībhaccharūpena samannāgatā asi. Duggandhāti aniṭṭhagandhā. Pūti vāyasīti sarīrato kuṇapagandhaṃ vāyasi. Makkhikāhi parikiṇṇāti nīlamakkhikāhi samantato ākiṇṇā. Kā nu tvaṃ idha tiṭṭhasīti kā nāma evarūpā imasmiṃ ṭhāne tiṭṭhasi, ito cito ca vicarasīti attho.

    อถ สา เปตี มหาเถเรน เอวํ ปุฎฺฐา อตฺตานํ ปกาเสนฺตี สตฺตานํ สํเวคํ ชเนนฺตี –

    Atha sā petī mahātherena evaṃ puṭṭhā attānaṃ pakāsentī sattānaṃ saṃvegaṃ janentī –

    ๒๗.

    27.

    ‘‘อหํ ภทเนฺต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

    ‘‘Ahaṃ bhadante petīmhi, duggatā yamalokikā;

    ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตาฯ

    Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘กาเลน ปญฺจ ปุตฺตานิ, สายํ ปญฺจ ปุนาปเร;

    ‘‘Kālena pañca puttāni, sāyaṃ pañca punāpare;

    วิชายิตฺวาน ขาทามิ, เตปิ นา โหนฺติ เม อลํฯ

    Vijāyitvāna khādāmi, tepi nā honti me alaṃ.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘ปริฑยฺหติ ธูมายติ, ขุทาย หทยํ มม;

    ‘‘Pariḍayhati dhūmāyati, khudāya hadayaṃ mama;

    ปานียํ น ลเภ ปาตุํ, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติฯ –

    Pānīyaṃ na labhe pātuṃ, passa maṃ byasanaṃ gata’’nti. –

    อิมา ติโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Imā tisso gāthā abhāsi.

    ๒๗. ตตฺถ ภทเนฺตติ เถรํ คารเวน อาลปติฯ ทุคฺคตาติ ทุคฺคติํ คตาฯ ยมโลกิกาติ ‘‘ยมโลโก’’ติ ลทฺธนาเม เปตโลเก ตตฺถ ปริยาปนฺนภาเวน วิทิตาฯ อิโต คตาติ อิโต มนุสฺสโลกโต เปตโลกํ อุปปชฺชนวเสน คตา, อุปปนฺนาติ อโตฺถฯ

    27. Tattha bhadanteti theraṃ gāravena ālapati. Duggatāti duggatiṃ gatā. Yamalokikāti ‘‘yamaloko’’ti laddhanāme petaloke tattha pariyāpannabhāvena viditā. Ito gatāti ito manussalokato petalokaṃ upapajjanavasena gatā, upapannāti attho.

    ๒๘. กาเลนาติ รตฺติยา วิภาตกาเลฯ ภุมฺมเตฺถ หิ เอตํ กรณวจนํฯ ปญฺจ ปุตฺตานีติ ปญฺจ ปุเตฺตฯ ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํฯ สายํ ปญฺจ ปุนาปเรติ สายนฺหกาเล ปุน อปเร ปญฺจ ปุเตฺต ขาทามีติ โยชนาฯ วิชายิตฺวานาติ ทิวเส ทิวเส ทส ทส ปุเตฺต วิชายิตฺวาฯ เตปิ นา โหนฺติ เม อลนฺติ เตปิ ทสปุตฺตา เอกทิวสํ มยฺหํ ขุทาย ปฎิฆาตาย อหํ ปริยตฺตา น โหนฺติฯ คาถาสุขตฺถเญฺหตฺถ นา-อิติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํฯ

    28.Kālenāti rattiyā vibhātakāle. Bhummatthe hi etaṃ karaṇavacanaṃ. Pañca puttānīti pañca putte. Liṅgavipallāsena hetaṃ vuttaṃ. Sāyaṃ pañca punāpareti sāyanhakāle puna apare pañca putte khādāmīti yojanā. Vijāyitvānāti divase divase dasa dasa putte vijāyitvā. Tepi nā honti me alanti tepi dasaputtā ekadivasaṃ mayhaṃ khudāya paṭighātāya ahaṃ pariyattā na honti. Gāthāsukhatthañhettha nā-iti dīghaṃ katvā vuttaṃ.

    ๒๙. ปริฑยฺหติ ธูมายติ ขุทาย หทยํ มมาติ ขุทาย ชิฆจฺฉาย พาธิยมานาย มม หทยปเทโส อุทรคฺคินา ปริสมนฺตโต ฌายติ ธูมายติ สนฺตปฺปติฯ ปานียํ น ลเภ ปาตุนฺติ ปิปาสาภิภูตา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺตี ปานียมฺปิ ปาตุํ น ลภามิฯ ปสฺส มํ พฺยสนํ คตนฺติ เปตูปปตฺติยา สาธารณํ อสาธารณญฺจ อิมํ อีทิสํ พฺยสนํ อุปคตํ มํ ปสฺส, ภเนฺตติ อตฺตนา อนุภวิยมานํ ทุกฺขํ เถรสฺส ปเวเทสิฯ

    29.Pariḍayhati dhūmāyati khudāya hadayaṃ mamāti khudāya jighacchāya bādhiyamānāya mama hadayapadeso udaragginā parisamantato jhāyati dhūmāyati santappati. Pānīyaṃ na labhe pātunti pipāsābhibhūtā tattha tattha vicarantī pānīyampi pātuṃ na labhāmi. Passa maṃ byasanaṃ gatanti petūpapattiyā sādhāraṇaṃ asādhāraṇañca imaṃ īdisaṃ byasanaṃ upagataṃ maṃ passa, bhanteti attanā anubhaviyamānaṃ dukkhaṃ therassa pavedesi.

    ตํ สุตฺวา เถโร ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉโนฺต –

    Taṃ sutvā thero tāya katakammaṃ pucchanto –

    ๓๐.

    30.

    ‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;

    ‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;

    กิสฺส กมฺมวิปาเกน, ปุตฺตมํสานิ ขาทสี’’ติฯ –

    Kissa kammavipākena, puttamaṃsāni khādasī’’ti. –

    คาถมาหฯ ตตฺถ ทุกฺกฎนฺติ ทุจฺจริตํฯ กิสฺส กมฺมวิปาเกนาติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, กิํ ปาณาติปาตสฺส, อุทาหุ อทินฺนาทานาทีสุ อญฺญตรสฺสาติ อโตฺถฯ ‘‘เกน กมฺมวิปาเกนา’’ติ เกจิ ปฐนฺติฯ

    Gāthamāha. Tattha dukkaṭanti duccaritaṃ. Kissa kammavipākenāti kīdisassa kammassa vipākena, kiṃ pāṇātipātassa, udāhu adinnādānādīsu aññatarassāti attho. ‘‘Kena kammavipākenā’’ti keci paṭhanti.

    อถ สา เปตี อตฺตนา กตกมฺมํ เถรสฺส กเถนฺตี –

    Atha sā petī attanā katakammaṃ therassa kathentī –

    ๓๑.

    31.

    ‘‘สปตี เม คพฺภินี อาสิ, ตสฺสา ปาปํ อเจตยิํ;

    ‘‘Sapatī me gabbhinī āsi, tassā pāpaṃ acetayiṃ;

    สาหํ ปทุฎฺฐมนสา, อกริํ คพฺภปาตนํฯ

    Sāhaṃ paduṭṭhamanasā, akariṃ gabbhapātanaṃ.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘ตสฺส เทฺวมาสิโก คโพฺภ, โลหิตเญฺญว ปคฺฆริ;

    ‘‘Tassa dvemāsiko gabbho, lohitaññeva pagghari;

    ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ ญาตี สมานยิ;

    Tadassā mātā kupitā, mayhaṃ ñātī samānayi;

    สปถญฺจ มํ อกาเรสิ, ปริภาสาปยี จ มํฯ

    Sapathañca maṃ akāresi, paribhāsāpayī ca maṃ.

    ๓๓.

    33.

    ‘‘สาหํ โฆรญฺจ สปถํ, มุสาวาทํ อภาสิสํ;

    ‘‘Sāhaṃ ghorañca sapathaṃ, musāvādaṃ abhāsisaṃ;

    ‘ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจ ตํ ปกตํ มยา’ฯ

    ‘Puttamaṃsāni khādāmi, sace taṃ pakataṃ mayā’.

    ๓๔.

    34.

    ‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

    ‘‘Tassa kammassa vipākena, musāvādassa cūbhayaṃ;

    ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา’’ติฯ – คาถาโย อภาสิ;

    Puttamaṃsāni khādāmi, pubbalohitamakkhitā’’ti. – gāthāyo abhāsi;

    ๓๑-๓๒. ตตฺถ สปตีติ สมานปติกา อิตฺถี วุจฺจติฯ ตสฺสา ปาปํ อเจตยินฺติ ตสฺส สปติยา ปาปํ ลุทฺทกํ กมฺมํ อเจตยิํฯ ปทุฎฺฐมนสาติ ปทุฎฺฐจิตฺตา, ปทุเฎฺฐน วา มนสาฯ เทฺวมาสิโกติ เทฺวมาสชาโต ปติฎฺฐิโต หุตฺวา เทฺวมาสิกาฯ โลหิตเญฺญว ปคฺฆรีติ วิปชฺชมาโน รุหิรเญฺญว หุตฺวา วิสฺสนฺทิฯ ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ ญาตี สมานยีติ ตทา อสฺสา สปติยา มาตา มยฺหํ กุปิตา อตฺตโน ญาตเก สโมธาเนสิฯ ‘‘ตตสฺสา’’ติ วา ปาโฐ, ตโต อสฺสาติ ปทวิภาโคฯ

    31-32. Tattha sapatīti samānapatikā itthī vuccati. Tassā pāpaṃ acetayinti tassa sapatiyā pāpaṃ luddakaṃ kammaṃ acetayiṃ. Paduṭṭhamanasāti paduṭṭhacittā, paduṭṭhena vā manasā. Dvemāsikoti dvemāsajāto patiṭṭhito hutvā dvemāsikā. Lohitaññeva paggharīti vipajjamāno ruhiraññeva hutvā vissandi. Tadassā mātā kupitā, mayhaṃ ñātī samānayīti tadā assā sapatiyā mātā mayhaṃ kupitā attano ñātake samodhānesi. ‘‘Tatassā’’ti vā pāṭho, tato assāti padavibhāgo.

    ๓๓-๓๔. สปถนฺติ สปนํฯ ปริภาสาปยีติ ภเยน ตชฺชาเปสิฯ สปถํ มุสาวาทํ อภาสิสนฺติ ‘‘สเจ ตํ มยา กตํ, อีทิสี ภเวยฺย’’นฺติ กตเมว ปาปํ อกตํ กตฺวา ทเสฺสนฺตี มุสาวาทํ อภูตํ สปถํ อภาสิํฯ มุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจตํ ปกตํ มยาติ อิทํ ตทา สปถสฺส กตาการทสฺสนํฯ ยทิ เอตํ คพฺภปาตนปาปํ มยา กตํ, อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยํ มยฺหํ ปุตฺตมํสานิเยว ขาเทยฺยนฺติ อโตฺถฯ ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตสฺส คพฺภปาตนวเสน ปกตสฺส ปาณาติปาตกมฺมสฺสฯ มุสาวาทสฺส จาติ มุสาวาทกมฺมสฺส จฯ อุภยนฺติ อุภยสฺสปิ กมฺมสฺส อุภเยน วิปาเกนฯ กรณเตฺถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํฯ ปุพฺพโลหิตมกฺขิตาติ ปสวนวเสน ปริภิชฺชนวเสน จ ปุเพฺพน จ โลหิเตน จ มกฺขิตา หุตฺวา ปุตฺตมํสานิ ขาทามีติ โยชนาฯ

    33-34.Sapathanti sapanaṃ. Paribhāsāpayīti bhayena tajjāpesi. Sapathaṃ musāvādaṃ abhāsisanti ‘‘sace taṃ mayā kataṃ, īdisī bhaveyya’’nti katameva pāpaṃ akataṃ katvā dassentī musāvādaṃ abhūtaṃ sapathaṃ abhāsiṃ. Muttamaṃsāni khādāmi, sacetaṃ pakataṃ mayāti idaṃ tadā sapathassa katākāradassanaṃ. Yadi etaṃ gabbhapātanapāpaṃ mayā kataṃ, āyatiṃ punabbhavābhinibbattiyaṃ mayhaṃ puttamaṃsāniyeva khādeyyanti attho. Tassa kammassāti tassa gabbhapātanavasena pakatassa pāṇātipātakammassa. Musāvādassa cāti musāvādakammassa ca. Ubhayanti ubhayassapi kammassa ubhayena vipākena. Karaṇatthe hi idaṃ paccattavacanaṃ. Pubbalohitamakkhitāti pasavanavasena paribhijjanavasena ca pubbena ca lohitena ca makkhitā hutvā puttamaṃsāni khādāmīti yojanā.

    เอวํ สา เปตี อตฺตโน กมฺมวิปากํ ปเวเทตฺวา ปุน เถเร เอวมาห – ‘‘อหํ, ภเนฺต, อิมสฺมิํเยว คาเม อสุกสฺส กุฎุมฺพิกสฺส ภริยา อิสฺสาปกตา หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตฺวา เอวํ เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตาฯ สาธุ, ภเนฺต, ตสฺส กุฎุมฺพิกสฺส เคหํ คจฺฉถ, โส ตุมฺหากํ ทานํ ทสฺสติ, ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อุทฺทิสาเปยฺยาถ, เอวํ เม อิโต เปตโลกโต มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติฯ เถรา ตํ สุตฺวา ตํ อนุกมฺปมานา อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺฐิตา ตสฺส กุฎุมฺพิกสฺส เคหํ ปิณฺฑาย ปวิสิํสุฯ กุฎมฺพิโก เถเร ทิสฺวา สญฺชาตปฺปสาโท ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตานิ คเหตฺวา เถเร อาสเนสุ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน อาหาเรน โภเชตุํ อารภิฯ เถรา ตํ ปวตฺติํ กุฎุมฺพิกสฺส อาโรเจตฺวา ตํ ทานํ ตสฺสา เปติยา อุทฺทิสาเปสุํฯ ตงฺขณเญฺญว จ สา เปตี ตโต ทุกฺขโต อเปตา อุฬารสมฺปตฺติํ ปฎิลภิตฺวา รตฺติยํ กุฎุมฺพิกสฺส อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ อถ เถรา อนุกฺกเมน สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ภควา จ ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนาวสาเน มหาชโน ปฎิลทฺธสํเวโค อิสฺสามเจฺฉรโต ปฎิวิรมิฯ เอวํ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Evaṃ sā petī attano kammavipākaṃ pavedetvā puna there evamāha – ‘‘ahaṃ, bhante, imasmiṃyeva gāme asukassa kuṭumbikassa bhariyā issāpakatā hutvā pāpakammaṃ katvā evaṃ petayoniyaṃ nibbattā. Sādhu, bhante, tassa kuṭumbikassa gehaṃ gacchatha, so tumhākaṃ dānaṃ dassati, taṃ dakkhiṇaṃ mayhaṃ uddisāpeyyātha, evaṃ me ito petalokato mutti bhavissatī’’ti. Therā taṃ sutvā taṃ anukampamānā ullumpanasabhāvasaṇṭhitā tassa kuṭumbikassa gehaṃ piṇḍāya pavisiṃsu. Kuṭambiko there disvā sañjātappasādo paccuggantvā pattāni gahetvā there āsanesu nisīdāpetvā paṇītena āhārena bhojetuṃ ārabhi. Therā taṃ pavattiṃ kuṭumbikassa ārocetvā taṃ dānaṃ tassā petiyā uddisāpesuṃ. Taṅkhaṇaññeva ca sā petī tato dukkhato apetā uḷārasampattiṃ paṭilabhitvā rattiyaṃ kuṭumbikassa attānaṃ dassesi. Atha therā anukkamena sāvatthiṃ gantvā bhagavato tamatthaṃ ārocesuṃ. Bhagavā ca tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Desanāvasāne mahājano paṭiladdhasaṃvego issāmaccherato paṭivirami. Evaṃ sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    ปญฺจปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcaputtakhādakapetivatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๖. ปญฺจปุตฺตขาทเปติวตฺถุ • 6. Pañcaputtakhādapetivatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact