Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๒. ปญฺจราชสุตฺตํ

    2. Pañcarājasuttaṃ

    ๑๒๓. สาวตฺถินิทานํ ฯ เตน โข ปน สมเยน ปญฺจนฺนํ ราชูนํ ปเสนทิปมุขานํ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตานํ สมงฺคีภูตานํ ปริจารยมานานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘กิํ นุ โข กามานํ อคฺค’’นฺติ? ตเตฺรกเจฺจ 1 เอวมาหํสุ – ‘‘รูปา กามานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘สทฺทา กามานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘คนฺธา กามานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘รสา กามานํ อคฺค’’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘‘โผฎฺฐพฺพา กามานํ อคฺค’’นฺติฯ ยโต โข เต ราชาโน นาสกฺขิํสุ อญฺญมญฺญํ สญฺญาเปตุํฯ

    123. Sāvatthinidānaṃ . Tena kho pana samayena pañcannaṃ rājūnaṃ pasenadipamukhānaṃ pañcahi kāmaguṇehi samappitānaṃ samaṅgībhūtānaṃ paricārayamānānaṃ ayamantarākathā udapādi – ‘‘kiṃ nu kho kāmānaṃ agga’’nti? Tatrekacce 2 evamāhaṃsu – ‘‘rūpā kāmānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘saddā kāmānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘gandhā kāmānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘rasā kāmānaṃ agga’’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘‘phoṭṭhabbā kāmānaṃ agga’’nti. Yato kho te rājāno nāsakkhiṃsu aññamaññaṃ saññāpetuṃ.

    อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เต ราชาโน เอตทโวจ – ‘‘อายาม, มาริสา, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิสฺสามฯ ยถา โน ภควา พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติ 3ฯ ‘‘เอวํ, มาริสา’’ติ โข เต ราชาโน รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ

    Atha kho rājā pasenadi kosalo te rājāno etadavoca – ‘‘āyāma, mārisā, yena bhagavā tenupasaṅkamissāma; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etamatthaṃ paṭipucchissāma. Yathā no bhagavā byākarissati tathā naṃ dhāressāmā’’ti 4. ‘‘Evaṃ, mārisā’’ti kho te rājāno rañño pasenadissa kosalassa paccassosuṃ.

    อถ โข เต ปญฺจ ราชาโน ปเสนทิปมุขา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปญฺจนฺนํ ราชูนํ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตานํ สมงฺคีภูตานํ ปริจารยมานานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘กิํ นุ โข กามานํ อคฺค’นฺติ? เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘รูปา กามานํ อคฺค’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘สทฺทา กามานํ อคฺค’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘คนฺธา กามานํ อคฺค’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘รสา กามานํ อคฺค’นฺติฯ เอกเจฺจ เอวมาหํสุ – ‘โผฎฺฐพฺพา กามานํ อคฺค’นฺติฯ กิํ นุ โข, ภเนฺต, กามานํ อคฺค’’นฺติ?

    Atha kho te pañca rājāno pasenadipamukhā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idha, bhante, amhākaṃ pañcannaṃ rājūnaṃ pañcahi kāmaguṇehi samappitānaṃ samaṅgībhūtānaṃ paricārayamānānaṃ ayamantarākathā udapādi – ‘kiṃ nu kho kāmānaṃ agga’nti? Ekacce evamāhaṃsu – ‘rūpā kāmānaṃ agga’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘saddā kāmānaṃ agga’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘gandhā kāmānaṃ agga’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘rasā kāmānaṃ agga’nti. Ekacce evamāhaṃsu – ‘phoṭṭhabbā kāmānaṃ agga’nti. Kiṃ nu kho, bhante, kāmānaṃ agga’’nti?

    ‘‘มนาปปริยนฺตํ ขฺวาหํ, มหาราช, ปญฺจสุ กามคุเณสุ อคฺคนฺติ วทามิฯ เตว 5, มหาราช, รูปา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว 6 รูปา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติฯ เยหิ จ โย รูเปหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป, โส เตหิ รูเปหิ อญฺญํ รูปํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปเตฺถติฯ เต ตสฺส รูปา ปรมา โหนฺติฯ เต ตสฺส รูปา อนุตฺตรา โหนฺติฯ

    ‘‘Manāpapariyantaṃ khvāhaṃ, mahārāja, pañcasu kāmaguṇesu agganti vadāmi. Teva 7, mahārāja, rūpā ekaccassa manāpā honti, teva 8 rūpā ekaccassa amanāpā honti. Yehi ca yo rūpehi attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo, so tehi rūpehi aññaṃ rūpaṃ uttaritaraṃ vā paṇītataraṃ vā na pattheti. Te tassa rūpā paramā honti. Te tassa rūpā anuttarā honti.

    ‘‘เตว , มหาราช, สทฺทา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว สทฺทา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติฯ เยหิ จ โย สเทฺทหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป, โส เตหิ สเทฺทหิ อญฺญํ สทฺทํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปเตฺถติฯ เต ตสฺส สทฺทา ปรมา โหนฺติฯ เต ตสฺส สทฺทา อนุตฺตรา โหนฺติฯ

    ‘‘Teva , mahārāja, saddā ekaccassa manāpā honti, teva saddā ekaccassa amanāpā honti. Yehi ca yo saddehi attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo, so tehi saddehi aññaṃ saddaṃ uttaritaraṃ vā paṇītataraṃ vā na pattheti. Te tassa saddā paramā honti. Te tassa saddā anuttarā honti.

    ‘‘เตว, มหาราช, คนฺธา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว คนฺธา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติฯ เยหิ จ โย คเนฺธหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป, โส เตหิ คเนฺธหิ อญฺญํ คนฺธํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปเตฺถติฯ เต ตสฺส คนฺธา ปรมา โหนฺติฯ เต ตสฺส คนฺธา อนุตฺตรา โหนฺติฯ

    ‘‘Teva, mahārāja, gandhā ekaccassa manāpā honti, teva gandhā ekaccassa amanāpā honti. Yehi ca yo gandhehi attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo, so tehi gandhehi aññaṃ gandhaṃ uttaritaraṃ vā paṇītataraṃ vā na pattheti. Te tassa gandhā paramā honti. Te tassa gandhā anuttarā honti.

    ‘‘เตว, มหาราช, รสา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว รสา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติฯ เยหิ จ โย รเสหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป, โส เตหิ รเสหิ อญฺญํ รสํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปเตฺถติฯ เต ตสฺส รสา ปรมา โหนฺติฯ เต ตสฺส รสา อนุตฺตรา โหนฺติฯ

    ‘‘Teva, mahārāja, rasā ekaccassa manāpā honti, teva rasā ekaccassa amanāpā honti. Yehi ca yo rasehi attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo, so tehi rasehi aññaṃ rasaṃ uttaritaraṃ vā paṇītataraṃ vā na pattheti. Te tassa rasā paramā honti. Te tassa rasā anuttarā honti.

    ‘‘เตว, มหาราช, โผฎฺฐพฺพา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว โผฎฺฐพฺพา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติฯ เยหิ จ โย โผฎฺฐเพฺพหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป, โส เตหิ โผฎฺฐเพฺพหิ อญฺญํ โผฎฺฐพฺพํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปเตฺถติฯ เต ตสฺส โผฎฺฐพฺพา ปรมา โหนฺติฯ เต ตสฺส โผฎฺฐพฺพา อนุตฺตรา โหนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Teva, mahārāja, phoṭṭhabbā ekaccassa manāpā honti, teva phoṭṭhabbā ekaccassa amanāpā honti. Yehi ca yo phoṭṭhabbehi attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo, so tehi phoṭṭhabbehi aññaṃ phoṭṭhabbaṃ uttaritaraṃ vā paṇītataraṃ vā na pattheti. Te tassa phoṭṭhabbā paramā honti. Te tassa phoṭṭhabbā anuttarā hontī’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก ตสฺสํ ปริสายํ นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฎิภาติ มํ ภควา, ปฎิภาติ มํ สุคตา’’ติฯ ‘‘ปฎิภาตุ ตํ จนฺทนงฺคลิกา’’ติ ภควา อโวจฯ

    Tena kho pana samayena candanaṅgaliko upāsako tassaṃ parisāyaṃ nisinno hoti. Atha kho candanaṅgaliko upāsako uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘paṭibhāti maṃ bhagavā, paṭibhāti maṃ sugatā’’ti. ‘‘Paṭibhātu taṃ candanaṅgalikā’’ti bhagavā avoca.

    อถ โข จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก ภควโต สมฺมุขา ตทนุรูปาย คาถาย อภิตฺถวิ –

    Atha kho candanaṅgaliko upāsako bhagavato sammukhā tadanurūpāya gāthāya abhitthavi –

    ‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ,

    ‘‘Padumaṃ yathā kokanadaṃ sugandhaṃ,

    ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;

    Pāto siyā phullamavītagandhaṃ;

    องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ,

    Aṅgīrasaṃ passa virocamānaṃ,

    ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิเกฺข’’ติฯ

    Tapantamādiccamivantalikkhe’’ti.

    อถ โข เต ปญฺจ ราชาโน จนฺทนงฺคลิกํ อุปาสกํ ปญฺจหิ อุตฺตราสเงฺคหิ อจฺฉาเทสุํฯ อถ โข จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก เตหิ ปญฺจหิ อุตฺตราสเงฺคหิ ภควนฺตํ อจฺฉาเทสีติฯ

    Atha kho te pañca rājāno candanaṅgalikaṃ upāsakaṃ pañcahi uttarāsaṅgehi acchādesuṃ. Atha kho candanaṅgaliko upāsako tehi pañcahi uttarāsaṅgehi bhagavantaṃ acchādesīti.







    Footnotes:
    1. ตเตฺรเก (สี. ปี.)
    2. tatreke (sī. pī.)
    3. ธาเรยฺยามาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    4. dhāreyyāmāti (sī. syā. kaṃ. pī.)
    5. เต จ (สี. ปี. ก.), เย จ (สฺยา. กํ.)
    6. เต จ (สี. ปี. ก.)
    7. te ca (sī. pī. ka.), ye ca (syā. kaṃ.)
    8. te ca (sī. pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ปญฺจราชสุตฺตวณฺณนา • 2. Pañcarājasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ปญฺจราชสุตฺตวณฺณนา • 2. Pañcarājasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact