Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๒. ปญฺจราชสุตฺตวณฺณนา

    2. Pañcarājasuttavaṇṇanā

    ๑๒๓. รูปาติ รูปสงฺขาตา กามคุณาฯ เต ปน นีลาทิวเสน อเนกเภทภินฺนาปิ รูปายตนตฺตา จกฺขุวิเญฺญยฺยตํ นาติวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘นีลปีตาทิเภทํ รูปารมฺมณ’’นฺติฯ โต-สโทฺทปิ ทา-สโทฺท วิย กาลโตฺถ โหตีติ อาห ‘‘ยโตติ ยทา’’ติฯ มนํ อาปยติ วเฑฺฒตีติ มนาปํ, มโนรมํฯ มนาปนิปฺผตฺติตนฺติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส มนสา ปิยายิตํ, ตสฺส อคฺคภาเวน ปริยนฺตํ ปรมํ โกฎิํ กตฺวา ปวตฺติตนฺติ อโตฺถฯ ปุคฺคลมนาปนฺติ อารมฺมณสภาวํ อจิเนฺตตฺวา ปุคฺคลสฺส วเสน มนาปภาเวเนว อิฎฺฐตาย อิฎฺฐนฺติฯ สมฺมุตีติ สมญฺญาฯ ปุคฺคลมนาปํ นาม สญฺญาวิปลฺลาสวเสน วิปรีตมฺปิ คณฺหาติ อิตรสภาวโตติ อาห ‘‘ยํ เอกสฺส…เป.… อิฎฺฐํ กนฺต’’นฺติฯ อิทานิ ตํ ชิวฺหาวิเญฺญยฺยวเสน โยเชตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺจนฺตวาสีน’’นฺติอาทิมาหฯ อิทํ ปุคฺคลมนาปนฺติ อิทํ ยถาวุตฺตํ ชิวฺหาวิเญฺญยฺยํ วิย อญฺญมฺปิ เอวํชาติกํ เตน เตน ปุคฺคเลน มนาปนฺติ คเหตพฺพารมฺมณํ ปุคฺคลมนาปํ นามฯ

    123.Rūpāti rūpasaṅkhātā kāmaguṇā. Te pana nīlādivasena anekabhedabhinnāpi rūpāyatanattā cakkhuviññeyyataṃ nātivattantīti āha ‘‘nīlapītādibhedaṃ rūpārammaṇa’’nti. To-saddopi dā-saddo viya kālattho hotīti āha ‘‘yatoti yadā’’ti. Manaṃ āpayati vaḍḍhetīti manāpaṃ, manoramaṃ. Manāpanipphattitanti tassa puggalassa manasā piyāyitaṃ, tassa aggabhāvena pariyantaṃ paramaṃ koṭiṃ katvā pavattitanti attho. Puggalamanāpanti ārammaṇasabhāvaṃ acintetvā puggalassa vasena manāpabhāveneva iṭṭhatāya iṭṭhanti. Sammutīti samaññā. Puggalamanāpaṃ nāma saññāvipallāsavasena viparītampi gaṇhāti itarasabhāvatoti āha ‘‘yaṃ ekassa…pe… iṭṭhaṃ kanta’’nti. Idāni taṃ jivhāviññeyyavasena yojetvā dassento ‘‘paccantavāsīna’’ntiādimāha. Idaṃ puggalamanāpanti idaṃ yathāvuttaṃ jivhāviññeyyaṃ viya aññampi evaṃjātikaṃ tena tena puggalena manāpanti gahetabbārammaṇaṃ puggalamanāpaṃ nāma.

    โลเก ปฎิวิภตฺตํ นตฺถิ, วิภชิตฺวา ทสฺสเนน โลเกน มธุรชาเตนปิ ปฎิวิภตฺตํ กตฺวา คเหตุํ น สกฺกุเณยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘วิภชิตฺวา ปน ทเสฺสตพฺพ’’นฺติฯ ทิพฺพกปฺปมฺปีติ เทวโลกปริยาปนฺนสทิสมฺปิ อมนาปํ อุปฎฺฐาติ อุฬารปณีตารมฺมณปริจยโตฯ มชฺฌิมานํ ปน…เป.… วิภชิตพฺพํ เตสํ มนาปสฺส มนาปโต, อมนาปสฺส อมนาปโต อุปฎฺฐานโตฯ ตตฺถปิ อิฎฺฐานิฎฺฐปริเจฺฉโท นิปฺปริยายโต เอวํ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ตญฺจ ปเนต’’นฺติอาทิฯ ตญฺจ ปเนตํ อิฎฺฐานิฎฺฐภูตํ อารมฺมณํ กามาวจรชวเนสุ อกุสลสฺส วเสน เยภุเยฺยน ปวตฺตตีติ กตฺวา ตตฺถ ‘‘รชฺชติ ทุสฺสตี’’ติ อกุสลเสฺสว ปวตฺติ ทสฺสิตาฯ เสสกามาวจรสฺสปิ วเสน ปวตฺติ ลพฺภเตวฯ ตถา หิ ตํ อปฺปฎิกูเลปิ ปฎิกูลาการโต, ปฎิกูเลปิ อปฺปฎิกูลาการโต ปวตฺตตีติฯ วิปากจิตฺตํ อิฎฺฐานิฎฺฐํ ปริจฺฉินฺทติ, น สกฺกา วิปากํ วเญฺจตุนฺติฯ กุสลกมฺมํ หิ เอกนฺตโต อิฎฺฐเมว, อกุสลกมฺมญฺจ อนิฎฺฐเมว, ตสฺมา ตตฺถ อุปฺปชฺชมานํ วิปากจิตฺตํ ยถาสภาวโต ปวตฺตตีติฯ

    Loke paṭivibhattaṃ natthi, vibhajitvā dassanena lokena madhurajātenapi paṭivibhattaṃ katvā gahetuṃ na sakkuṇeyyāti adhippāyo. Tenāha ‘‘vibhajitvā pana dassetabba’’nti. Dibbakappampīti devalokapariyāpannasadisampi amanāpaṃ upaṭṭhāti uḷārapaṇītārammaṇaparicayato. Majjhimānaṃ pana…pe… vibhajitabbaṃ tesaṃ manāpassa manāpato, amanāpassa amanāpato upaṭṭhānato. Tatthapi iṭṭhāniṭṭhaparicchedo nippariyāyato evaṃ veditabboti dassento āha ‘‘tañca paneta’’ntiādi. Tañca panetaṃ iṭṭhāniṭṭhabhūtaṃ ārammaṇaṃ kāmāvacarajavanesu akusalassa vasena yebhuyyena pavattatīti katvā tattha ‘‘rajjati dussatī’’ti akusalasseva pavatti dassitā. Sesakāmāvacarassapi vasena pavatti labbhateva. Tathā hi taṃ appaṭikūlepi paṭikūlākārato, paṭikūlepi appaṭikūlākārato pavattatīti. Vipākacittaṃ iṭṭhāniṭṭhaṃ paricchindati, na sakkā vipākaṃ vañcetunti. Kusalakammaṃ hi ekantato iṭṭhameva, akusalakammañca aniṭṭhameva, tasmā tattha uppajjamānaṃ vipākacittaṃ yathāsabhāvato pavattatīti.

    ยํ ปน สโมฺมหวิโนทนิยํ ‘‘กุสลกมฺมชํ อนิฎฺฐํ นาม นตฺถี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ เตน โสภนํ อกุสลกมฺมชมฺปิ เอกจฺจานํ สตฺตานํ อิฎฺฐนฺติ อนุญฺญาตํ สิยาฯ กุสลกมฺมชํ ปน สเพฺพสํ อิฎฺฐเมวาติ วทนฺติฯ ติรจฺฉานคตานํ เกสญฺจิ มนุสฺสรูปํ อมนาปํ, ยโต เต ทิสฺวาว ปลายนฺติฯ มนุสฺสา จ เทวตานํ รูปํ ทิสฺวา ภายนฺติ, เตสมฺปิ วิปากวิญฺญาณํ ตํ รูปํ อารพฺภ กุสลวิปากเมว อุปฺปชฺชติ, ตาทิสสฺส ปน ปุญฺญสฺส อภาวา น เตสํ ตตฺถ อภิรติ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ กุสลกมฺมชสฺส ปน อนิฎฺฐสฺส อภาโว วิย อกุสลกมฺมชสฺส โสภนสฺส อิฎฺฐสฺส อภาโว วตฺตโพฺพฯ หตฺถิอาทีนมฺปิ หิ อกุสลกมฺมชํ มนุสฺสานํ อกุสลวิปากเสฺสว อารมฺมณํ, กุสลกมฺมชํ ปน ปวเตฺต สมุฎฺฐิตํ กุสลวิปากสฺส, อิฎฺฐารมฺมเณน โวมิสฺสกตฺตา อปฺปกํ อกุสลกมฺมชํ พหุลํ อกุสลวิปากุปฺปตฺติยา การณํ น ภวิสฺสตีติ สกฺกา วตฺตุํฯ อิทานิ ตเมว วิปากวเสน อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณววตฺถานํ วิภาเวตุํ ‘‘กิญฺจาปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตยิทํ สมฺมุติมนาปสํวิภาคตฺถํ วุตฺตํ, อิธ ปน น ตถา วิภตฺตนฺติ อาห ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิฯ

    Yaṃ pana sammohavinodaniyaṃ ‘‘kusalakammajaṃ aniṭṭhaṃ nāma natthī’’ti ettakameva vuttaṃ, taṃ pana nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ. Tena sobhanaṃ akusalakammajampi ekaccānaṃ sattānaṃ iṭṭhanti anuññātaṃ siyā. Kusalakammajaṃ pana sabbesaṃ iṭṭhamevāti vadanti. Tiracchānagatānaṃ kesañci manussarūpaṃ amanāpaṃ, yato te disvāva palāyanti. Manussā ca devatānaṃ rūpaṃ disvā bhāyanti, tesampi vipākaviññāṇaṃ taṃ rūpaṃ ārabbha kusalavipākameva uppajjati, tādisassa pana puññassa abhāvā na tesaṃ tattha abhirati hotīti daṭṭhabbaṃ. Kusalakammajassa pana aniṭṭhassa abhāvo viya akusalakammajassa sobhanassa iṭṭhassa abhāvo vattabbo. Hatthiādīnampi hi akusalakammajaṃ manussānaṃ akusalavipākasseva ārammaṇaṃ, kusalakammajaṃ pana pavatte samuṭṭhitaṃ kusalavipākassa, iṭṭhārammaṇena vomissakattā appakaṃ akusalakammajaṃ bahulaṃ akusalavipākuppattiyā kāraṇaṃ na bhavissatīti sakkā vattuṃ. Idāni tameva vipākavasena iṭṭhāniṭṭhārammaṇavavatthānaṃ vibhāvetuṃ ‘‘kiñcāpi hī’’tiādi vuttaṃ. Tayidaṃ sammutimanāpasaṃvibhāgatthaṃ vuttaṃ, idha pana na tathā vibhattanti āha ‘‘bhagavā panā’’tiādi.

    โส อุปาสโก จนฺทนงฺคลคาเม ชาตตฺตา ‘‘จนฺทนงฺคลิโก’’ติ ปญฺญายติ, ‘‘จนฺทนวิลาโส’’ติ เกจิฯ ตสฺส อุปาสกสฺส ปฎิภานํ อุทปาทีติ โยชนาฯ เต ราชาโน หตปฺปเภ หตโสเภ ทิสฺวาติ สมฺพโนฺธฯ อุทกาภิสิเตฺตติ อุทเกน อภิสิญฺจิเตฯ องฺคาเร วิยาติ องฺคารกฺขเณ วิยฯ

    So upāsako candanaṅgalagāme jātattā ‘‘candanaṅgaliko’’ti paññāyati, ‘‘candanavilāso’’ti keci. Tassa upāsakassa paṭibhānaṃ udapādīti yojanā. Te rājāno hatappabhe hatasobhe disvāti sambandho. Udakābhisitteti udakena abhisiñcite. Aṅgāre viyāti aṅgārakkhaṇe viya.

    กาลเสฺสวาติ ปเควฯ อวิคตคนฺธํ ตงฺขณวิกสิตตายฯ อีทิสํ วจนนฺติ ‘‘อจฺฉาเทสี’’ติ เอวรูปํ วจนนฺติฯ

    Kālassevāti pageva. Avigatagandhaṃ taṅkhaṇavikasitatāya. Īdisaṃ vacananti ‘‘acchādesī’’ti evarūpaṃ vacananti.

    ปญฺจราชสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcarājasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. ปญฺจราชสุตฺตํ • 2. Pañcarājasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ปญฺจราชสุตฺตวณฺณนา • 2. Pañcarājasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact