Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๓-๕. ปญฺจสิกฺขาปทสุตฺตาทิวณฺณนา
3-5. Pañcasikkhāpadasuttādivaṇṇanā
๑๐๙-๑๑๑. สุราเมรยสงฺขาตนฺติ ปิฎฺฐสุราทิสุราสงฺขาตํ ปุปฺผาสวาทิเมรยสงฺขาตญฺจฯ มชฺชนเฎฺฐน มชฺชํฯ สุราเมรยมชฺชปฺปมาโทติ วุจฺจติ ‘‘มชฺชติ เตนา’’ติ กตฺวาฯ ตสฺมิํ ติฎฺฐนฺตีติ ตสฺมิํ ปมาเท ปมชฺชนวเสน ติฎฺฐนฺตีติ อโตฺถฯ เสสํ ตติยจตุเตฺถสุ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ
109-111.Surāmerayasaṅkhātanti piṭṭhasurādisurāsaṅkhātaṃ pupphāsavādimerayasaṅkhātañca. Majjanaṭṭhena majjaṃ. Surāmerayamajjappamādoti vuccati ‘‘majjati tenā’’ti katvā. Tasmiṃ tiṭṭhantīti tasmiṃ pamāde pamajjanavasena tiṭṭhantīti attho. Sesaṃ tatiyacatutthesu suviññeyyamevāti.
ปญฺจเม ตานิ ปทานิ สํวเณฺณตุํ ‘‘ปญฺจเม’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปาโณ นาม โวหารโต สโตฺต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ, ตํ ปาณํ อติปาเตนฺติ อติจฺจ อนฺตเรเยว, อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาเตนฺติ สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาเตนฺตีติ อโตฺถฯ กาเยน วาจาย วา อทินฺนํ ปรสนฺตกํฯ อาทิยนฺตีติ คณฺหนฺติฯ มิจฺฉาติ น สมฺมา, คารยฺหวเสนฯ มุสาติ อตถํ วตฺถุฯ วทนฺตีติ วิสํวาทนวเสน วทนฺติฯ ปิยสุญฺญกรณโต ปิสุณา, ปิสติ วา ปเร สเตฺต, หิํสตีติ อโตฺถฯ มมฺมเจฺฉทิกาติ เอเตน ปรสฺส มมฺมเจฺฉทวเสน เอกนฺตผรุสสเญฺจตนา ผรุสวาจา นามาติ ทเสฺสติฯ อภิชฺฌาสโทฺท ลุพฺภเน นิรุโฬฺหติ อาห ‘‘ปรภเณฺฑ ลุพฺภนสีลาติ อโตฺถ’’ติฯ พฺยาปนฺนนฺติ โทสวเสน วิปนฺนํฯ ปกติวิชหเนน ปูติภูตํฯ สาธูหิ ครหิตพฺพตํ ปตฺตา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา นตฺถิกาเหตุกอกิริยทิฎฺฐิ กมฺมปถปริยาปนฺนา นามฯ มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนา สพฺพาปิ โลกุตฺตรมคฺคปฎิปกฺขา วิปรีตทิฎฺฐิฯ
Pañcame tāni padāni saṃvaṇṇetuṃ ‘‘pañcame’’tiādi āraddhaṃ. Tattha pāṇo nāma vohārato satto, paramatthato jīvitindriyaṃ, taṃ pāṇaṃ atipātenti aticca antareyeva, atikkamma vā satthādīhi abhibhavitvā pātenti saṇikaṃ patituṃ adatvā sīghaṃ pātentīti attho. Kāyena vācāya vā adinnaṃ parasantakaṃ. Ādiyantīti gaṇhanti. Micchāti na sammā, gārayhavasena. Musāti atathaṃ vatthu. Vadantīti visaṃvādanavasena vadanti. Piyasuññakaraṇato pisuṇā, pisati vā pare satte, hiṃsatīti attho. Mammacchedikāti etena parassa mammacchedavasena ekantapharusasañcetanā pharusavācā nāmāti dasseti. Abhijjhāsaddo lubbhane niruḷhoti āha ‘‘parabhaṇḍe lubbhanasīlāti attho’’ti. Byāpannanti dosavasena vipannaṃ. Pakativijahanena pūtibhūtaṃ. Sādhūhi garahitabbataṃ pattā ‘‘natthi dinna’’ntiādinayappavattā natthikāhetukaakiriyadiṭṭhi kammapathapariyāpannā nāma. Micchattapariyāpannā sabbāpi lokuttaramaggapaṭipakkhā viparītadiṭṭhi.
เตสนฺติ กมฺมปถานํฯ โวหารโตติ อินฺทฺริยพทฺธํ อุปาทาย ปญฺญตฺติมตฺตโตฯ ติรจฺฉานคตาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน เปตานํ สงฺคโหฯ ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโตฯ ยถาวุตฺตปจฺจยวิปริยาเยปิ ตํตํปจฺจเยหิ เจตนาย พลวภาววเสน อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา วา เวทิตพฺพาฯ อิทฺธิมโยติ กมฺมวิปากิทฺธิมโย ทาฐาโกฎนาทีนํ วิยฯ
Tesanti kammapathānaṃ. Vohāratoti indriyabaddhaṃ upādāya paññattimattato. Tiracchānagatādīsūti ādi-saddena petānaṃ saṅgaho. Payogavatthumahantatādīhi mahāsāvajjatā tehi paccayehi uppajjamānāya cetanāya balavabhāvato. Yathāvuttapaccayavipariyāyepi taṃtaṃpaccayehi cetanāya balavabhāvavasena appasāvajjamahāsāvajjatā vā veditabbā. Iddhimayoti kammavipākiddhimayo dāṭhākoṭanādīnaṃ viya.
เมถุนสมาจาเรสูติ สทารปรทารคมนวเสน ทุวิเธสุ เมถุนสมาจาเรสุฯ เตปิ หีนาธิมุตฺติเกหิ กตฺตพฺพโต กามา นามฯ มิจฺฉาจาโรติ คารยฺหาจาโรฯ คารยฺหตา จสฺส เอกนฺตนิหีนตายาติ อาห ‘‘เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร’’ติ อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยนาติ อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยนฯ โคตฺตรกฺขิตาติ สโคเตฺตหิ รกฺขิตาฯ ธมฺมรกฺขิตาติ สหธเมฺมหิ รกฺขิตาฯ สสฺสามิกา นาม สารกฺขาฯ ยสฺสา คมเน ทโณฺฑ ฐปิโต, สา สปริทณฺฑาฯ ภริยภาวาย ธเนน กีตา ธนกฺกีตาฯ ฉเนฺทน วสตีติ ฉนฺทวาสินีฯ โภคตฺถํ วสตีติ โภควาสินีฯ ปฎตฺถํ วสตีติ ปฎวาสินีฯ อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตา โอทปตฺตกินีฯ จุมฺพฎํ อปเนตฺวา คหิตา โอภฎจุมฺพฎาฯ กรมรานีตา ธชาหฎาฯ ตงฺขณิกํ คหิตา มุหุตฺติกาฯ อภิภวิตฺวา วีติกฺกโม มิจฺฉาจาโร มหาสาวโชฺช, น ตถา ทฺวินฺนํ สมานจฺฉนฺทตายฯ อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน สติปิ มเคฺคนมคฺคปฎิปตฺติอธิวาสเน ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น โหติ อภิภุยฺยมานสฺสาติ วทนฺติฯ เสวนาจิเตฺต สติ ปโยคาภาโว อปฺปมาณํ เยภุเยฺยน อิตฺถิยา เสวนาปโยคสฺส อภาวโตฯ ตถา สติ ปุเรตรํ เสวนาจิตฺตสฺส อุปฎฺฐาเนปิ ตสฺสา มิจฺฉาจาโร น สิยา, ตถา ปุริสสฺสปิ เสวนาปโยคาภาเวฯ ตสฺมา อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส วเสน ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส วเสน ตโยติ สเพฺพปิ อคฺคหิตคฺคหเณน ‘‘จตฺตาโร สมฺภารา’’ติ วุตฺตํฯ
Methunasamācāresūti sadāraparadāragamanavasena duvidhesu methunasamācāresu. Tepi hīnādhimuttikehi kattabbato kāmā nāma. Micchācāroti gārayhācāro. Gārayhatā cassa ekantanihīnatāyāti āha ‘‘ekantanindito lāmakācāro’’ti asaddhammādhippāyenāti asaddhammasevanādhippāyena. Gottarakkhitāti sagottehi rakkhitā. Dhammarakkhitāti sahadhammehi rakkhitā. Sassāmikā nāma sārakkhā. Yassā gamane daṇḍo ṭhapito, sā saparidaṇḍā. Bhariyabhāvāya dhanena kītā dhanakkītā. Chandena vasatīti chandavāsinī. Bhogatthaṃ vasatīti bhogavāsinī. Paṭatthaṃ vasatīti paṭavāsinī. Udakapattaṃ āmasitvā gahitā odapattakinī. Cumbaṭaṃ apanetvā gahitā obhaṭacumbaṭā. Karamarānītā dhajāhaṭā. Taṅkhaṇikaṃ gahitā muhuttikā. Abhibhavitvā vītikkamo micchācāro mahāsāvajjo, na tathā dvinnaṃ samānacchandatāya. Abhibhavitvā vītikkamane satipi maggenamaggapaṭipattiadhivāsane purimuppannasevanābhisandhipayogābhāvato micchācāro na hoti abhibhuyyamānassāti vadanti. Sevanācitte sati payogābhāvo appamāṇaṃ yebhuyyena itthiyā sevanāpayogassa abhāvato. Tathā sati puretaraṃ sevanācittassa upaṭṭhānepi tassā micchācāro na siyā, tathā purisassapi sevanāpayogābhāve. Tasmā attano ruciyā pavattitassa vasena tayo, balakkārena pavattitassa vasena tayoti sabbepi aggahitaggahaṇena ‘‘cattāro sambhārā’’ti vuttaṃ.
อาเสวนมนฺทตายาติ ยาย อกุสลเจตนาย สมฺผํ ปลปติ, ตสฺสา อิตฺตรกาลตาย ปวตฺติยา อนาเสวนาติ ปริทุพฺพลา โหติ เจตนาฯ
Āsevanamandatāyāti yāya akusalacetanāya samphaṃ palapati, tassā ittarakālatāya pavattiyā anāsevanāti paridubbalā hoti cetanā.
อุปสคฺควเสน อตฺถวิเสสวาจิโน ธาตุสทฺทาติ อภิชฺฌายตีติ ปทสฺส ปรภณฺฑาภิมุขีติอาทิอโตฺถ วุโตฺตฯ ตนฺนินฺนตายาติ ตสฺมิํ ปรภเณฺฑ ลุพฺภนวเสน นินฺนตายฯ อภิปุโพฺพ เฌ-สโทฺท ลุพฺภเน นิรุโฬฺหติ ทฎฺฐโพฺพฯ ยสฺส ภณฺฑํ อภิชฺฌายติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชาติอาทินา นเยน ตตฺถ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชวิภาโค เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘อทินฺนาทานํ วิยา’’ติอาทิฯ อตฺตโน ปริณามนํ จิเตฺตเนวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Upasaggavasena atthavisesavācino dhātusaddāti abhijjhāyatīti padassa parabhaṇḍābhimukhītiādiattho vutto. Tanninnatāyāti tasmiṃ parabhaṇḍe lubbhanavasena ninnatāya. Abhipubbo jhe-saddo lubbhane niruḷhoti daṭṭhabbo. Yassa bhaṇḍaṃ abhijjhāyati, tassa appaguṇatāya appasāvajjā, mahāguṇatāya mahāsāvajjātiādinā nayena tattha appasāvajjamahāsāvajjavibhāgo veditabbo. Tenāha ‘‘adinnādānaṃ viyā’’tiādi. Attano pariṇāmanaṃ cittenevāti daṭṭhabbaṃ.
หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ โย นํ อุปฺปาเทติ, ยสฺส อุปฺปาเทติ, ตสฺส สติ สมวาเย หิตสุขํ วินาเสติฯ อโห วตาติ อิมินา ยถา อภิชฺฌาเน วตฺถุโน เอกนฺตโต อตฺตโน ปริณามนํ ทสฺสิตํ , เอวมิธาปิ วตฺถุโน ‘‘อโห วตา’’ติ อิมินา ปรสฺส วินาสจินฺตาย เอกนฺตโต นิยมิตภาวํ ทเสฺสติฯ เอวญฺหิ เนสํ ทารุณปฺปวตฺติยา กมฺมปถปฺปวตฺติฯ
Hitasukhaṃ byāpādayatīti yo naṃ uppādeti, yassa uppādeti, tassa sati samavāye hitasukhaṃ vināseti. Aho vatāti iminā yathā abhijjhāne vatthuno ekantato attano pariṇāmanaṃ dassitaṃ , evamidhāpi vatthuno ‘‘aho vatā’’ti iminā parassa vināsacintāya ekantato niyamitabhāvaṃ dasseti. Evañhi nesaṃ dāruṇappavattiyā kammapathappavatti.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวนาติ ยถาตจฺฉคหณสฺส อภาเวน อนิจฺจาทิสภาวสฺส นิจฺจาทิโต คหเณนฯ มิจฺฉา ปสฺสตีติ วิตถํ ปสฺสติฯ สมฺผปฺปลาโป วิยาติ อิมินา อาเสวนสฺส อปฺปมหนฺตตาหิ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตาฯ วตฺถุโนติ คหิตวตฺถุโนฯ คหิตาการวิปรีตตาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา คหิตาการสฺส วิปรีตตาฯ ตถาภาเวนาติ อตฺตโน คหิตากาเรเนว ตสฺสา ทิฎฺฐิยา, คหิตสฺส วา วตฺถุโน อุปฎฺฐานํ ‘‘เอวเมตํ, น อิโต อญฺญถา’’ติฯ
Yathābhuccagahaṇābhāvenāti yathātacchagahaṇassa abhāvena aniccādisabhāvassa niccādito gahaṇena. Micchā passatīti vitathaṃ passati. Samphappalāpo viyāti iminā āsevanassa appamahantatāhi micchādiṭṭhiyā appasāvajjamahāsāvajjatā. Vatthunoti gahitavatthuno. Gahitākāraviparītatāti micchādiṭṭhiyā gahitākārassa viparītatā. Tathābhāvenāti attano gahitākāreneva tassā diṭṭhiyā, gahitassa vā vatthuno upaṭṭhānaṃ ‘‘evametaṃ, na ito aññathā’’ti.
ธมฺมโตติ สภาวโตฯ โกฎฺฐาสโตติ จิตฺตงฺคโกฎฺฐาสโต, ยํโกฎฺฐาสา โหนฺติ, ตโตติ อโตฺถฯ เจตนาธมฺมาวาติ เจตนาสภาวา เอวฯ ปฎิปาฎิยา สตฺตาติ เอตฺถ นนุ เจตนา อภิธเมฺม กมฺมปเถสุ น วุตฺตาติ ปฎิปาฎิยา สตฺตนฺนํ กมฺมปถภาโว น ยุโตฺตติ? น, อวจนสฺส อญฺญเหตุกตฺตาฯ น หิ ตตฺถ เจตนาย อกมฺมปถตฺตา กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, กทาจิ ปน กมฺมปโถ โหติ, น สพฺพทาติ กมฺมปถภาวสฺส อนิยตตฺตา อวจนํฯ ยทา, ปนสฺส กมฺมปถภาโว โหติ, ตทา กมฺมปถราสิสงฺคโห น นิวาริโตฯ เอตฺถาห – ยทิ เจตนาย สพฺพทา กมฺมปถภาวาภาวโต อนิยโต กมฺมปถภาโวติ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, นนุ อภิชฺฌาทีนมฺปิ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตานํ อตฺถิตาย อนิยโต กมฺมปถภาโวติ เตสมฺปิ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, กมฺมปถตาตํสภาคตาหิ เตสํ ตตฺถ วุตฺตตฺตาฯ ยทิ เอวํ เจตนาปิ ตตฺถ วตฺตพฺพา สิยา? สจฺจเมตํฯ สา ปน ปาณาติปาตาทิกาติ ปากโฎ ตสฺสา กมฺมปถภาโวติ น วุตฺตา สิยาฯ เจตนาย หิ ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ (อ. นิ. ๖.๖๓; กถา. ๕๓๙) ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสเญฺจตนา อกุสลํ กายกมฺม’’นฺติอาทิวจนโต (กถา. ๕๓๙) กมฺมภาโว ปากโฎฯ กมฺมํเยว จ สุคติทุคฺคตีนํ ตตฺถุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขานญฺจ ปถภาเวน ปวตฺตํ กมฺมปโถติ วุจฺจตีติ ปากโฎ, ตสฺสา กมฺมปถภาโวฯ อภิชฺฌาทีนํ ปน เจตนาสมีหนภาเวน สุจริตทุจฺจริตภาโว, เจตนาชนิตปิฎฺฐิวฎฺฎกภาเวน สุคติทุคฺคติตทุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขานํ ปถภาโว จาติ, น ตถา ปากโฎ กมฺมปถภาโวติ, เต เอว เตน สภาเวน ทเสฺสตุํ อภิธเมฺม กมฺมปถราสิภาเวน วุตฺตาฯ อตถาชาติยกตฺตา วา เจตนา เตหิ สทฺธิํ น วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ มูลํ ปตฺวาติ มูลเทสนํ ปตฺวา, มูลสภาเวสุ ธเมฺมสุ เทสิยมาเนสูติ อโตฺถฯ
Dhammatoti sabhāvato. Koṭṭhāsatoti cittaṅgakoṭṭhāsato, yaṃkoṭṭhāsā honti, tatoti attho. Cetanādhammāvāti cetanāsabhāvā eva. Paṭipāṭiyā sattāti ettha nanu cetanā abhidhamme kammapathesu na vuttāti paṭipāṭiyā sattannaṃ kammapathabhāvo na yuttoti? Na, avacanassa aññahetukattā. Na hi tattha cetanāya akammapathattā kammapatharāsimhi avacanaṃ, kadāci pana kammapatho hoti, na sabbadāti kammapathabhāvassa aniyatattā avacanaṃ. Yadā, panassa kammapathabhāvo hoti, tadā kammapatharāsisaṅgaho na nivārito. Etthāha – yadi cetanāya sabbadā kammapathabhāvābhāvato aniyato kammapathabhāvoti kammapatharāsimhi avacanaṃ, nanu abhijjhādīnampi kammapathabhāvaṃ appattānaṃ atthitāya aniyato kammapathabhāvoti tesampi kammapatharāsimhi avacanaṃ āpajjatīti? Nāpajjati, kammapathatātaṃsabhāgatāhi tesaṃ tattha vuttattā. Yadi evaṃ cetanāpi tattha vattabbā siyā? Saccametaṃ. Sā pana pāṇātipātādikāti pākaṭo tassā kammapathabhāvoti na vuttā siyā. Cetanāya hi ‘‘cetanāhaṃ, bhikkhave, kammaṃ vadāmi (a. ni. 6.63; kathā. 539) tividhā, bhikkhave, kāyasañcetanā akusalaṃ kāyakamma’’ntiādivacanato (kathā. 539) kammabhāvo pākaṭo. Kammaṃyeva ca sugatiduggatīnaṃ tatthuppajjanakasukhadukkhānañca pathabhāvena pavattaṃ kammapathoti vuccatīti pākaṭo, tassā kammapathabhāvo. Abhijjhādīnaṃ pana cetanāsamīhanabhāvena sucaritaduccaritabhāvo, cetanājanitapiṭṭhivaṭṭakabhāvena sugatiduggatitaduppajjanakasukhadukkhānaṃ pathabhāvo cāti, na tathā pākaṭo kammapathabhāvoti, te eva tena sabhāvena dassetuṃ abhidhamme kammapatharāsibhāvena vuttā. Atathājātiyakattā vā cetanā tehi saddhiṃ na vuttāti daṭṭhabbaṃ. Mūlaṃ patvāti mūladesanaṃ patvā, mūlasabhāvesu dhammesu desiyamānesūti attho.
อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณนฺติ อิทํ ‘‘ปญฺจ สิกฺขาปทา ปริตฺตารมฺมณา เอวา’’ติ อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌติฯ ยญฺหิ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยสฺส อารมฺมณํ, ตเทว ตํ เวรมณิยา อารมฺมณํฯ วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต เอว หิ วิรตีติฯ ‘‘สตฺตารมฺมณ’’นฺติ วา สตฺตสงฺขาตํ สงฺขารารมฺมณเมว อุปาทาย วุตฺตตฺตา น โกจิ วิโรโธฯ ตถา หิ วุตฺตํ สโมฺมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๑๔) ‘‘ยานิ สิกฺขาปทานิ เอตฺถ ‘สตฺตารมฺมณานี’ติ วุตฺตานิ, ตานิ ยสฺมา ‘สโตฺตติ’ติ สงฺขํ คเต สงฺขาเรเยว อารมฺมณํ กโรนฺตี’’ติฯ อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโยฯ วิสภาควตฺถุโน ‘‘อิตฺถิปุริสา’’ติ คเหตพฺพโต สตฺตารมฺมโณติปิ เอเกฯ ‘‘เอโก ทิโฎฺฐ, เทฺว สุตา’’ติอาทินา สมฺผปฺปลปเน ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสนฯ ตถา อภิชฺฌาติ เอตฺถ ตถา-สโทฺท ‘‘ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสนา’’ติ อิทมฺปิ อุปสํหรติ, น สตฺตสงฺขารารมฺมณตํ เอว ทสฺสนาทิวเสน อภิชฺฌายนโตฯ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ ปวตฺตมานาปิ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เตภูมกธมฺมารมฺมณา เอวาติ อธิปฺปาเยน ตสฺสา สงฺขารารมฺมณตา วุตฺตาฯ กถํ ปน มิจฺฉาทิฎฺฐิยา มหคฺคตปฺปตฺตา ธมฺมา อารมฺมณํ โหนฺตีติ? สาธารณโตฯ นตฺถิ สุกฎทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโกติ หิ ปวตฺตมานาย อตฺถโต รูปารูปาวจรธมฺมาปิ คหิตาว โหนฺตีติฯ
Adinnādānaṃ sattārammaṇanti idaṃ ‘‘pañca sikkhāpadā parittārammaṇā evā’’ti imāya pāḷiyā virujjhati. Yañhi pāṇātipātādidussīlyassa ārammaṇaṃ, tadeva taṃ veramaṇiyā ārammaṇaṃ. Vītikkamitabbavatthuto eva hi viratīti. ‘‘Sattārammaṇa’’nti vā sattasaṅkhātaṃ saṅkhārārammaṇameva upādāya vuttattā na koci virodho. Tathā hi vuttaṃ sammohavinodaniyaṃ (vibha. aṭṭha. 714) ‘‘yāni sikkhāpadāni ettha ‘sattārammaṇānī’ti vuttāni, tāni yasmā ‘sattoti’ti saṅkhaṃ gate saṅkhāreyeva ārammaṇaṃ karontī’’ti. Ito paresupi eseva nayo. Visabhāgavatthuno ‘‘itthipurisā’’ti gahetabbato sattārammaṇotipi eke. ‘‘Eko diṭṭho, dve sutā’’tiādinā samphappalapane diṭṭhasutamutaviññātavasena. Tathā abhijjhāti ettha tathā-saddo ‘‘diṭṭhasutamutaviññātavasenā’’ti idampi upasaṃharati, na sattasaṅkhārārammaṇataṃ eva dassanādivasena abhijjhāyanato. ‘‘Natthi sattā opapātikā’’ti pavattamānāpi micchādiṭṭhi tebhūmakadhammārammaṇā evāti adhippāyena tassā saṅkhārārammaṇatā vuttā. Kathaṃ pana micchādiṭṭhiyā mahaggatappattā dhammā ārammaṇaṃ hontīti? Sādhāraṇato. Natthi sukaṭadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipākoti hi pavattamānāya atthato rūpārūpāvacaradhammāpi gahitāva hontīti.
สุขพหุลตาย ราชาโน หสมานาปิ ‘‘โจรํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, หาโส ปน เตสํ อญฺญวิสโยติ อาห ‘‘สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา ปน เนสํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหตี’’ติฯ มชฺฌตฺตเวทโน น โหติ, สุขเวทโนวฯ ตตฺถ ‘‘กามานํ สมุทยา’’ติอาทินา เวทนาเภโท เวทิตโพฺพฯ โลภสมุฎฺฐาโน มุสาวาโท สุขเวทโน วา สิยา มชฺฌตฺตเวทโน วา, โทสสมุฎฺฐาโน ทุกฺขเวทโน วาติ มุสาวาโท ติเวทโน สิยาฯ อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ เวทนานํ ‘‘โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทินา เภโท เวทิตโพฺพฯ
Sukhabahulatāya rājāno hasamānāpi ‘‘coraṃ ghātethā’’ti vadanti, hāso pana tesaṃ aññavisayoti āha ‘‘sanniṭṭhāpakacetanā pana nesaṃ dukkhasampayuttāva hotī’’ti. Majjhattavedano na hoti, sukhavedanova. Tattha ‘‘kāmānaṃ samudayā’’tiādinā vedanābhedo veditabbo. Lobhasamuṭṭhāno musāvādo sukhavedano vā siyā majjhattavedano vā, dosasamuṭṭhāno dukkhavedano vāti musāvādo tivedano siyā. Iminā nayena sesesupi yathārahaṃ vedanānaṃ ‘‘lobho nidānaṃ kammānaṃ samudayāyā’’tiādinā bhedo veditabbo.
ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโกติ สมฺปยุตฺตมูลเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ตสฺส หิ มูลเฎฺฐน อุปการภาโว โทสวิเสโส, นิทานมูเล ปน คยฺหมาเน โลภโมหวเสนปิ วฎฺฎติฯ สมฺมูโฬฺห อามิสกิญฺชกฺขกาโมปิ หิ ปาณํ หนติฯ เตเนวาห ‘‘โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๓๔)ฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ
Pāṇātipāto dosamohavasena dvimūlakoti sampayuttamūlameva sandhāya vuttaṃ. Tassa hi mūlaṭṭhena upakārabhāvo dosaviseso, nidānamūle pana gayhamāne lobhamohavasenapi vaṭṭati. Sammūḷho āmisakiñjakkhakāmopi hi pāṇaṃ hanati. Tenevāha ‘‘lobho nidānaṃ kammānaṃ samudayāyā’’tiādi (a. ni. 3.34). Sesesupi eseva nayo.
อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถาอุปฎฺฐิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติฯ สมาทาเนน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติฯ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน ปวตฺตา มคฺคสมฺปยุตฺตา วิรติ สมุเจฺฉทวิรติฯ กามเญฺจตฺถ ปาฬิยํ วิรติโยว อาคตา, สิกฺขาปทวิภเงฺค ปน เจตนาปิ อาหริตฺวา ทสฺสิตาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหโนฺต ‘‘เจตนาปิ วฎฺฎนฺติ วิรติโยปี’’ติ อาหฯ
Asamādinnasīlassa sampattato yathāupaṭṭhitavītikkamitabbavatthuto virati sampattavirati. Samādānena uppannā virati samādānavirati. Kilesānaṃ samucchindanavasena pavattā maggasampayuttā virati samucchedavirati. Kāmañcettha pāḷiyaṃ viratiyova āgatā, sikkhāpadavibhaṅge pana cetanāpi āharitvā dassitāti tadubhayampi gaṇhanto ‘‘cetanāpi vaṭṭanti viratiyopī’’ti āha.
อทุสฺสีลฺยารมฺมณา ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณา กถํ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมณวเสน ปวตฺตนโต ตทารมฺมณภาเวเนว ตานิ ปชหนฺติฯ น หิ ตเทว อารพฺภ ตํ ปชหิตุํ สกฺกา ตโต อนิสฺสฎภาวโตฯ
Adussīlyārammaṇā jīvitindriyādiārammaṇā kathaṃ dussīlyāni pajahantīti dassetuṃ ‘‘yathā panā’’tiādi vuttaṃ. Pāṇātipātādīhi viramaṇavasena pavattanato tadārammaṇabhāveneva tāni pajahanti. Na hi tadeva ārabbha taṃ pajahituṃ sakkā tato anissaṭabhāvato.
อนภิชฺฌา…เป.… วิรมนฺตสฺสาติ อภิชฺฌํ ปชหนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ น หิ มโนทุจฺจริตโต วิรติ อตฺถิ อนภิชฺฌาทีเหว ตปฺปหานสิทฺธิโตฯ
Anabhijjhā…pe… viramantassāti abhijjhaṃ pajahantassāti attho. Na hi manoduccaritato virati atthi anabhijjhādīheva tappahānasiddhito.
ปญฺจสิกฺขาปทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañcasikkhāpadasuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya
๓. ปญฺจสิกฺขาปทสุตฺตํ • 3. Pañcasikkhāpadasuttaṃ
๔. สตฺตกมฺมปถสุตฺตํ • 4. Sattakammapathasuttaṃ
๕. ทสกมฺมปถสุตฺตํ • 5. Dasakammapathasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓-๕. ปญฺจสิกฺขาปทสุตฺตาทิวณฺณนา • 3-5. Pañcasikkhāpadasuttādivaṇṇanā