Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. ปญฺจตฺตยสุตฺตวณฺณนา
2. Pañcattayasuttavaṇṇanā
๒๑. เอวํ เม สุตนฺติ ปญฺจตฺตยสุตฺตํฯ ตตฺถ เอเกติ เอกเจฺจฯ สมณพฺราหฺมณาติ ปริพฺพชุปคตภาเวน สมณา ชาติยา พฺราหฺมณา, โลเกน วา สมณาติ จ พฺราหฺมณาติ จ เอวํ สมฺมตาฯ อปรนฺตํ กเปฺปตฺวา วิกเปฺปตฺวา คณฺหนฺตีติ อปรนฺตกปฺปิกาฯ อปรนฺตกโปฺป วา เอเตสํ อตฺถีติปิ อปรนฺตกปฺปิกาฯ เอตฺถ จ อโนฺตติ ‘‘สกฺกาโย โข, อาวุโส, เอโก อโนฺต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๖.๖๑) วิย อิธ โกฎฺฐาโส อธิเปฺปโตฯ กโปฺปติ ตณฺหาทิฎฺฐิโยฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘กโปฺปติ อุทฺทานโต เทฺว กปฺปา ตณฺหากโปฺป จ ทิฎฺฐิกโปฺป จา’’ติฯ ตสฺมา ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน อนาคตํ ขนฺธโกฎฺฐาสํ กเปฺปตฺวา ฐิตาติ อปรนฺตกปฺปิกาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เตสํ เอวํ อปรนฺตํ กเปฺปตฺวา ฐิตานํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนวเสน อปรนฺตเมว อนุคตา ทิฎฺฐีติ อปรนฺตานุทิฎฺฐิโนฯ เต เอวํทิฎฺฐิโน ตํ อปรนฺตํ อารพฺภ อาคมฺม ปฎิจฺจ อญฺญมฺปิ ชนํ ทิฎฺฐิคติกํ กโรนฺตา อเนกวิหิตานิ อธิวุตฺติปทานิ อภิวทนฺติฯ อเนกวิหิตานีติ อเนกวิธานิฯ อธิวุตฺติปทานีติ อธิวจนปทานิฯ อถ วา ภูตมตฺถํ อธิภวิตฺวา ยถาสภาวโต อคฺคเหตฺวา วตฺตนโต อธิวุตฺติโยติ ทิฎฺฐิโย วุจฺจนฺติ, อธิวุตฺตีนํ ปทานิ อธิวุตฺติปทานิ, ทิฎฺฐิทีปกานิ วจนานีติ อโตฺถฯ
21.Evaṃme sutanti pañcattayasuttaṃ. Tattha eketi ekacce. Samaṇabrāhmaṇāti paribbajupagatabhāvena samaṇā jātiyā brāhmaṇā, lokena vā samaṇāti ca brāhmaṇāti ca evaṃ sammatā. Aparantaṃ kappetvā vikappetvā gaṇhantīti aparantakappikā. Aparantakappo vā etesaṃ atthītipi aparantakappikā. Ettha ca antoti ‘‘sakkāyo kho, āvuso, eko anto’’tiādīsu (a. ni. 6.61) viya idha koṭṭhāso adhippeto. Kappoti taṇhādiṭṭhiyo. Vuttampi cetaṃ ‘‘kappoti uddānato dve kappā taṇhākappo ca diṭṭhikappo cā’’ti. Tasmā taṇhādiṭṭhivasena anāgataṃ khandhakoṭṭhāsaṃ kappetvā ṭhitāti aparantakappikāti evamettha attho daṭṭhabbo. Tesaṃ evaṃ aparantaṃ kappetvā ṭhitānaṃ punappunaṃ uppajjanavasena aparantameva anugatā diṭṭhīti aparantānudiṭṭhino. Te evaṃdiṭṭhino taṃ aparantaṃ ārabbha āgamma paṭicca aññampi janaṃ diṭṭhigatikaṃ karontā anekavihitāni adhivuttipadāni abhivadanti. Anekavihitānīti anekavidhāni. Adhivuttipadānīti adhivacanapadāni. Atha vā bhūtamatthaṃ adhibhavitvā yathāsabhāvato aggahetvā vattanato adhivuttiyoti diṭṭhiyo vuccanti, adhivuttīnaṃ padāni adhivuttipadāni, diṭṭhidīpakāni vacanānīti attho.
สญฺญีติ สญฺญาสมงฺคีฯ อโรโคติ นิโจฺจฯ อิเตฺถเกติ อิตฺถํ เอเก, เอวเมเกติ อโตฺถฯ อิมินา โสฬส สญฺญีวาทา กถิตา, อสญฺญีติ อิมินา อฎฺฐ อสญฺญีวาทา, เนวสญฺญีนาสญฺญีติ อิมินา อฎฺฐ เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา, สโต วา ปน สตฺตสฺสาติ อิมินา สตฺต อุเจฺฉทวาทาฯ ตตฺถ สโตติ วิชฺชมานสฺสฯ อุเจฺฉทนฺติ อุปเจฺฉทํฯ วินาสนฺติ อทสฺสนํฯ วิภวนฺติ ภววิคมํฯ สพฺพาเนตานิ อญฺญมญฺญเววจนาเนวฯ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ วาติ อิมินา ปญฺจ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา กถิตาฯ ตตฺถ ทิฎฺฐธโมฺมติ ปจฺจกฺขธโมฺม วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ปฎิลทฺธอตฺตภาวเสฺสตํ อธิวจนํฯ ทิฎฺฐธเมฺม นิพฺพานํ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ, อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสมนฺติ อโตฺถฯ สนฺตํ วาติ สญฺญีติอาทิวเสน ตีหากาเรหิ สนฺตํฯ ตีณิ โหนฺตีติ สญฺญี อตฺตาติอาทีนิ สนฺตอตฺตวเสน เอกํ, อิตรานิ เทฺวติ เอวํ ตีณิฯ
Saññīti saññāsamaṅgī. Arogoti nicco. Ittheketi itthaṃ eke, evameketi attho. Iminā soḷasa saññīvādā kathitā, asaññīti iminā aṭṭha asaññīvādā, nevasaññīnāsaññīti iminā aṭṭha nevasaññīnāsaññīvādā, sato vā pana sattassāti iminā satta ucchedavādā. Tattha satoti vijjamānassa. Ucchedanti upacchedaṃ. Vināsanti adassanaṃ. Vibhavanti bhavavigamaṃ. Sabbānetāni aññamaññavevacanāneva. Diṭṭhadhammanibbānaṃvāti iminā pañca diṭṭhadhammanibbānavādā kathitā. Tattha diṭṭhadhammoti paccakkhadhammo vuccati, tattha tattha paṭiladdhaattabhāvassetaṃ adhivacanaṃ. Diṭṭhadhamme nibbānaṃ diṭṭhadhammanibbānaṃ, imasmiṃyeva attabhāve dukkhavūpasamanti attho. Santaṃ vāti saññītiādivasena tīhākārehi santaṃ. Tīṇi hontīti saññī attātiādīni santaattavasena ekaṃ, itarāni dveti evaṃ tīṇi.
๒๒. รูปิํ วาติ กรชรูเปน วา กสิณรูเปน วา รูปิํฯ ตตฺถ ลาภี กสิณรูปํ อตฺตาติ คณฺหาติ, ตกฺกี อุโภปิ รูปานิ คณฺหาติเยวฯ อรูปินฺติ อรูปสมาปตฺตินิมิตฺตํ วา, ฐเปตฺวา สญฺญากฺขนฺธํ เสสอรูปธเมฺม วา อตฺตาติ ปญฺญเปนฺตา ลาภิโนปิ ตกฺกิกาปิ เอวํ ปญฺญเปนฺติฯ ตติยทิฎฺฐิ ปน มิสฺสกคาหวเสน ปวตฺตา, จตุตฺถา ตกฺกคาเหเนวฯ ทุติยจตุเกฺก ปฐมทิฎฺฐิ สมาปนฺนกวาเรน กถิตา, ทุติยทิฎฺฐิ อสมาปนฺนกวาเรน, ตติยทิฎฺฐิ สุปฺปมเตฺตน วา สราวมเตฺตน วา กสิณปริกมฺมวเสน, จตุตฺถทิฎฺฐิ วิปุลกสิณวเสน กถิตาติ เวทิตพฺพาฯ
22.Rūpiṃvāti karajarūpena vā kasiṇarūpena vā rūpiṃ. Tattha lābhī kasiṇarūpaṃ attāti gaṇhāti, takkī ubhopi rūpāni gaṇhātiyeva. Arūpinti arūpasamāpattinimittaṃ vā, ṭhapetvā saññākkhandhaṃ sesaarūpadhamme vā attāti paññapentā lābhinopi takkikāpi evaṃ paññapenti. Tatiyadiṭṭhi pana missakagāhavasena pavattā, catutthā takkagāheneva. Dutiyacatukke paṭhamadiṭṭhi samāpannakavārena kathitā, dutiyadiṭṭhi asamāpannakavārena, tatiyadiṭṭhi suppamattena vā sarāvamattena vā kasiṇaparikammavasena, catutthadiṭṭhi vipulakasiṇavasena kathitāti veditabbā.
เอตํ วา ปเนเกสํ อุปาติวตฺตตนฺติ สญฺญีติปเทน สเงฺขปโต วุตฺตํ สญฺญาสตฺตกํ อติกฺกนฺตานนฺติ อโตฺถฯ อปเร อฎฺฐกนฺติ วทนฺติฯ ตทุภยํ ปรโต อาวิภวิสฺสติฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – เกจิ หิ เอตา สตฺต วา อฎฺฐ วา สญฺญา สมติกฺกมิตุํ สโกฺกนฺติ, เกจิ ปน น สโกฺกนฺติฯ ตตฺถ เย สโกฺกนฺติ, เตว คหิตาฯ เตสํ ปน เอเกสํ อุปาติวตฺตตํ อติกฺกมิตุํ สโกฺกนฺตานํ ยถาปิ นาม คงฺคํ อุตฺติเณฺณสุ มนุเสฺสสุ เอโก ทีฆวาปิํ คนฺตฺวา ติเฎฺฐยฺย, เอโก ตโต ปรํ มหาคามํ; เอวเมว เอเก วิญฺญาณญฺจายตนํ อปฺปมาณํ อาเนญฺชนฺติ วตฺวา ติฎฺฐนฺติ, เอเก อากิญฺจญฺญายตนํฯ ตตฺถ วิญฺญาณญฺจายตนํ ตาว ทเสฺสตุํ วิญฺญาณกสิณเมเกติ วุตฺตํฯ ปรโต ‘‘อากิญฺจญฺญายตนเมเก’’ติ วกฺขติฯ ตยิทนฺติ ตํ อิทํ ทิฎฺฐิคตญฺจ ทิฎฺฐิปจฺจยญฺจ ทิฎฺฐารมฺมณญฺจฯ ตถาคโต อภิชานาตีติฯ อิมินา ปจฺจเยน อิทํ นาม ทสฺสนํ คหิตนฺติ อภิวิสิเฎฺฐน ญาเณน ชานาติฯ
Etaṃ vā panekesaṃ upātivattatanti saññītipadena saṅkhepato vuttaṃ saññāsattakaṃ atikkantānanti attho. Apare aṭṭhakanti vadanti. Tadubhayaṃ parato āvibhavissati. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – keci hi etā satta vā aṭṭha vā saññā samatikkamituṃ sakkonti, keci pana na sakkonti. Tattha ye sakkonti, teva gahitā. Tesaṃ pana ekesaṃ upātivattataṃ atikkamituṃ sakkontānaṃ yathāpi nāma gaṅgaṃ uttiṇṇesu manussesu eko dīghavāpiṃ gantvā tiṭṭheyya, eko tato paraṃ mahāgāmaṃ; evameva eke viññāṇañcāyatanaṃ appamāṇaṃ āneñjanti vatvā tiṭṭhanti, eke ākiñcaññāyatanaṃ. Tattha viññāṇañcāyatanaṃ tāva dassetuṃ viññāṇakasiṇameketi vuttaṃ. Parato ‘‘ākiñcaññāyatanameke’’ti vakkhati. Tayidanti taṃ idaṃ diṭṭhigatañca diṭṭhipaccayañca diṭṭhārammaṇañca. Tathāgato abhijānātīti. Iminā paccayena idaṃ nāma dassanaṃ gahitanti abhivisiṭṭhena ñāṇena jānāti.
อิทานิ ตเทว วิตฺถาเรโนฺต เย โข เต โภโนฺตติอาทิมาหฯ ยา วา ปน เอตาสํ สญฺญานนฺติ ยา วา ปน เอตาสํ ‘‘ยทิ รูปสญฺญาน’’นฺติ เอวํ วุตฺตสญฺญานํฯ ปริสุทฺธาติ นิรุปกฺกิเลสาฯ ปรมาติ อุตฺตมาฯ อคฺคาติ เสฎฺฐาฯ อนุตฺตริยา อกฺขายตีติ อสทิสา กถียติฯ ยทิ รูปสญฺญานนฺติ อิมินา จตโสฺส รูปาวจรสญฺญา กถิตาฯ ยทิ อรูปสญฺญานนฺติ อิมินา อากาสานญฺจายตนวิญฺญาณญฺจายตนสญฺญาฯ อิตเรหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ สมาปนฺนกวาโร จ อสมาปนฺนกวาโร จ กถิโตติ เอวเมตา โกฎฺฐาสโต อฎฺฐ, อตฺถโต ปน สตฺต สญฺญา โหนฺติฯ สมาปนฺนกวาโร หิ ปุริมาหิ ฉหิสงฺคหิโตเยวฯ ตยิทํ สงฺขตนฺติ ตํ อิทํ สพฺพมฺปิ สญฺญาคตํ สทฺธิํ ทิฎฺฐิคเตน สงฺขตํ ปจฺจเยหิ สมาคนฺตฺวา กตํฯ โอฬาริกนฺติ สงฺขตตฺตาว โอฬาริกํฯ อตฺถิ โข ปน สงฺขารานํ นิโรโธติ เอเตสํ ปน สงฺขตนฺติ วุตฺตานํ สงฺขารานํ นิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ นาม อตฺถิฯ อเตฺถตนฺติ อิติ วิทิตฺวาติ ตํ โข ปน นิพฺพานํ ‘‘อตฺถิ เอต’’นฺติ เอวํ ชานิตฺวาฯ ตสฺส นิสฺสรณทสฺสาวีติ ตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณทสฺสี นิพฺพานทสฺสีฯ ตถาคโต ตทุปาติวโตฺตติ ตํ สงฺขตํ อติกฺกโนฺต สมติกฺกโนฺตติ อโตฺถฯ
Idāni tadeva vitthārento ye kho te bhontotiādimāha. Yā vā pana etāsaṃ saññānanti yā vā pana etāsaṃ ‘‘yadi rūpasaññāna’’nti evaṃ vuttasaññānaṃ. Parisuddhāti nirupakkilesā. Paramāti uttamā. Aggāti seṭṭhā. Anuttariyā akkhāyatīti asadisā kathīyati. Yadi rūpasaññānanti iminā catasso rūpāvacarasaññā kathitā. Yadi arūpasaññānanti iminā ākāsānañcāyatanaviññāṇañcāyatanasaññā. Itarehi pana dvīhi padehi samāpannakavāro ca asamāpannakavāro ca kathitoti evametā koṭṭhāsato aṭṭha, atthato pana satta saññā honti. Samāpannakavāro hi purimāhi chahisaṅgahitoyeva. Tayidaṃ saṅkhatanti taṃ idaṃ sabbampi saññāgataṃ saddhiṃ diṭṭhigatena saṅkhataṃ paccayehi samāgantvā kataṃ. Oḷārikanti saṅkhatattāva oḷārikaṃ. Atthi kho pana saṅkhārānaṃ nirodhoti etesaṃ pana saṅkhatanti vuttānaṃ saṅkhārānaṃ nirodhasaṅkhātaṃ nibbānaṃ nāma atthi. Atthetanti iti viditvāti taṃ kho pana nibbānaṃ ‘‘atthi eta’’nti evaṃ jānitvā. Tassa nissaraṇadassāvīti tassa saṅkhatassa nissaraṇadassī nibbānadassī. Tathāgato tadupātivattoti taṃ saṅkhataṃ atikkanto samatikkantoti attho.
๒๓. ตตฺราติ เตสุ อฎฺฐสุ อสญฺญีวาเทสุฯ รูปิํ วาติอาทีนิ สญฺญีวาเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ อยญฺจ ยสฺมา อสญฺญีวาโท, ตสฺมา อิธ ทุติยจตุกฺกํ น วุตฺตํฯ ปฎิโกฺกสนฺตีติ ปฎิพาหนฺติ ปฎิเสเธนฺติฯ สญฺญา โรโคติอาทีสุ อาพาธเฎฺฐน โรโค, สโทสเฎฺฐน คโณฺฑ, อนุปวิฎฺฐเฎฺฐน สลฺลํฯ อาคติํ วา คติํ วาติอาทีสุ ปฎิสนฺธิวเสน อาคติํ, จุติวเสน คติํ, จวนวเสน จุติํ, อุปปชฺชนวเสน อุปปตฺติํ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชิตฺวา อปราปรํ วฑฺฒนวเสน วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํฯ กามญฺจ จตุโวการภเว รูปํ วินาปิ วิญฺญาณสฺส ปวตฺติ อตฺถิ, เสเส ปน ตโย ขเนฺธ วินา นตฺถิฯ อยํ ปน ปโญฺห ปญฺจโวการภววเสน กถิโตฯ ปญฺจโวกาเร หิ เอตฺตเก ขเนฺธ วินา วิญฺญาณสฺส ปวตฺติ นาม นตฺถิฯ วิตณฺฑวาที ปเนตฺถ ‘‘อญฺญตฺร รูปาติอาทิวจนโต อรูปภเวปิ รูปํ, อสญฺญาภเว จ วิญฺญาณํ อตฺถิ, ตถา นิโรธสมาปนฺนสฺสา’’ติ วทติฯ โส วตฺตโพฺพ – พฺยญฺชนจฺฉายาย เจ อตฺถํ ปฎิพาหสิ, อาคติํ วาติอาทิวจนโต ตํ วิญฺญาณํ ปกฺขิทฺวิปทจตุปฺปทา วิย อุปฺปติตฺวาปิ คจฺฉติ, ปทสาปิ คจฺฉติ, โควิสาณวลฺลิอาทีนิ วิย จ วฑฺฒตีติ อาปชฺชติฯ เย จ ภควตา อเนกสเตสุ สุเตฺตสุ ตโย ภวา วุตฺตา, เต อรูปภวสฺส อภาวา เทฺวว อาปชฺชนฺติฯ ตสฺมา มา เอวํ อวจ, ยถา วุตฺตมตฺถํ ธาเรหีติฯ
23.Tatrāti tesu aṭṭhasu asaññīvādesu. Rūpiṃ vātiādīni saññīvāde vuttanayeneva veditabbāni. Ayañca yasmā asaññīvādo, tasmā idha dutiyacatukkaṃ na vuttaṃ. Paṭikkosantīti paṭibāhanti paṭisedhenti. Saññārogotiādīsu ābādhaṭṭhena rogo, sadosaṭṭhena gaṇḍo, anupaviṭṭhaṭṭhena sallaṃ. Āgatiṃ vā gatiṃ vātiādīsu paṭisandhivasena āgatiṃ, cutivasena gatiṃ, cavanavasena cutiṃ, upapajjanavasena upapattiṃ, punappunaṃ uppajjitvā aparāparaṃ vaḍḍhanavasena vuḍḍhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ. Kāmañca catuvokārabhave rūpaṃ vināpi viññāṇassa pavatti atthi, sese pana tayo khandhe vinā natthi. Ayaṃ pana pañho pañcavokārabhavavasena kathito. Pañcavokāre hi ettake khandhe vinā viññāṇassa pavatti nāma natthi. Vitaṇḍavādī panettha ‘‘aññatra rūpātiādivacanato arūpabhavepi rūpaṃ, asaññābhave ca viññāṇaṃ atthi, tathā nirodhasamāpannassā’’ti vadati. So vattabbo – byañjanacchāyāya ce atthaṃ paṭibāhasi, āgatiṃ vātiādivacanato taṃ viññāṇaṃ pakkhidvipadacatuppadā viya uppatitvāpi gacchati, padasāpi gacchati, govisāṇavalliādīni viya ca vaḍḍhatīti āpajjati. Ye ca bhagavatā anekasatesu suttesu tayo bhavā vuttā, te arūpabhavassa abhāvā dveva āpajjanti. Tasmā mā evaṃ avaca, yathā vuttamatthaṃ dhārehīti.
๒๔. ตตฺราติ อฎฺฐสุ เนวสญฺญีนาสญฺญีวาเทสุ ภุมฺมํฯ อิธาปิ รูปิํ วาติอาทีนิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ อสญฺญา สโมฺมโหติ นิสฺสญฺญภาโว นาเมส สโมฺมหฎฺฐานํฯ โย หิ กิญฺจิ น ชานาติ, ตํ อสญฺญี เอโสติ วทนฺติฯ ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตพฺพสงฺขารมเตฺตนาติ ทิฎฺฐวิญฺญาตพฺพมเตฺตน สุตวิญฺญาตพฺพมเตฺตน มุตวิญฺญาตพฺพมเตฺตนฯ เอตฺถ จ วิชานาตีติ วิญฺญาตพฺพํ, ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตพฺพมเตฺตน ปญฺจทฺวาริกสญฺญาปวตฺติมเตฺตนาติ อยญฺหิ เอตฺถ อโตฺถฯ สงฺขารมเตฺตนาติ โอฬาริกสงฺขารปวตฺติมเตฺตนาติ อโตฺถฯ เอตสฺส อายตนสฺสาติ เอตสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺส ฯ อุปสมฺปทนฺติ ปฎิลาภํฯ พฺยสนํ เหตนฺติ วินาโส เหส, วุฎฺฐานํ เหตนฺติ อโตฺถฯ ปญฺจทฺวาริกสญฺญาปวตฺตญฺหิ โอฬาริกสงฺขารปวตฺตํ วา อปฺปวตฺตํ กตฺวา ตํ สมาปชฺชิตพฺพํฯ ตสฺส ปน ปวเตฺตน ตโต วุฎฺฐานํ โหตีติ ทเสฺสติฯ สงฺขารสมาปตฺติปตฺตพฺพมกฺขายตีติ โอฬาริกสงฺขารปวตฺติยา ปตฺตพฺพนฺติ น อกฺขายติฯ สงฺขาราวเสสสมาปตฺติปตฺตพฺพนฺติ สงฺขารานํเยว อวเสสา ภาวนาวเสน สพฺพสุขุมภาวํ ปตฺตา สงฺขารา, เตสํ ปวตฺติยา เอตํ ปตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เอวรูเปสุ หิ สงฺขาเรสุ ปวเตฺตสุ เอตํ ปตฺตพฺพํ นาม โหติฯ ตยิทนฺติ ตํ อิทํ เอตํ สุขุมมฺปิ สมานํ สงฺขตํ สงฺขตตฺตา จ โอฬาริกํฯ
24.Tatrāti aṭṭhasu nevasaññīnāsaññīvādesu bhummaṃ. Idhāpi rūpiṃ vātiādīni vuttanayeneva veditabbāni. Asaññā sammohoti nissaññabhāvo nāmesa sammohaṭṭhānaṃ. Yo hi kiñci na jānāti, taṃ asaññī esoti vadanti. Diṭṭhasutamutaviññātabbasaṅkhāramattenāti diṭṭhaviññātabbamattena sutaviññātabbamattena mutaviññātabbamattena. Ettha ca vijānātīti viññātabbaṃ, diṭṭhasutamutaviññātabbamattena pañcadvārikasaññāpavattimattenāti ayañhi ettha attho. Saṅkhāramattenāti oḷārikasaṅkhārapavattimattenāti attho. Etassaāyatanassāti etassa nevasaññānāsaññāyatanassa . Upasampadanti paṭilābhaṃ. Byasanaṃ hetanti vināso hesa, vuṭṭhānaṃ hetanti attho. Pañcadvārikasaññāpavattañhi oḷārikasaṅkhārapavattaṃ vā appavattaṃ katvā taṃ samāpajjitabbaṃ. Tassa pana pavattena tato vuṭṭhānaṃ hotīti dasseti. Saṅkhārasamāpattipattabbamakkhāyatīti oḷārikasaṅkhārapavattiyā pattabbanti na akkhāyati. Saṅkhārāvasesasamāpattipattabbanti saṅkhārānaṃyeva avasesā bhāvanāvasena sabbasukhumabhāvaṃ pattā saṅkhārā, tesaṃ pavattiyā etaṃ pattabbanti attho. Evarūpesu hi saṅkhāresu pavattesu etaṃ pattabbaṃ nāma hoti. Tayidanti taṃ idaṃ etaṃ sukhumampi samānaṃ saṅkhataṃ saṅkhatattā ca oḷārikaṃ.
๒๕. ตตฺราติ สตฺตสุ อุเจฺฉทวาเทสุ ภุมฺมํฯ อุทฺธํ สรนฺติ อุทฺธํ วุจฺจติ อนาคตสํสารวาโท, อนาคตํ สํสารวาทํ สรนฺตีติ อโตฺถฯ อาสตฺติํเยว อภิวทนฺติ ลคฺคนกํเยว วทนฺติฯ ‘‘อาสตฺต’’นฺติปิ ปาโฐ, ตณฺหํเยว วทนฺตีติ อโตฺถฯ อิติ เปจฺจ ภวิสฺสามาติ เอวํ เปจฺจ ภวิสฺสามฯ ขตฺติยา ภวิสฺสาม, พฺราหฺมณา ภวิสฺสามาติ เอวเมตฺถ นโย เนตโพฺพฯ วาณิชูปมา มเญฺญติ วาณิชูปมา วิย วาณิชปฎิภาคา วาณิชสทิสา มยฺหํ อุปฎฺฐหนฺติฯ สกฺกายภยาติ สกฺกายสฺส ภยาฯ เต หิ ยเถว ‘‘จตฺตาโร โข, มหาราช, อภยสฺส ภายนฺติฯ กตเม จตฺตาโร? คณฺฑุปฺปาโท โข, มหาราช, ภยา ปถวิํ น ขาทติ ‘มา ปถวี ขิยี’ติ, โกโนฺต โข, มหาราช, เอกปาเทน ติฎฺฐติ ‘มา ปถวี โอสีที’ติ, กิกี โข, มหาราช, อุตฺตานา เสติ ‘มา อมฺภา อุนฺทฺริยี’ติ, พฺราหฺมณธมฺมิโก โข, มหาราช, พฺรหฺมจริยํ น จรติ ‘มา โลโก อุจฺฉิชฺชี’ติ อิเม จตฺตาโร อภยสฺส ภายนฺติ, เอวํ สกฺกายสฺส ภายนฺติ’’ฯ สกฺกายปริเชคุจฺฉาติ ตเมว เตภูมกสงฺขาตํ สกฺกายํ ปริชิคุจฺฉมานาฯ สา คทฺทุลพโทฺธติ ทณฺฑเก รชฺชุํ ปเวเสตฺวา พทฺธสุนโขฯ เอวเมวิเมติ เอตฺถ ทฬฺหตฺถโมฺภ วิย ขีโล วิย จ เตภูมกธมฺมสงฺขาโต สกฺกาโย ทฎฺฐโพฺพ, สา วิย ทิฎฺฐิคติโก, ทณฺฑโก วิย ทิฎฺฐิ, รชฺชุ วิย ตณฺหา, คทฺทุเลน พนฺธิตฺวา ถเมฺภ วา ขีเล วา อุปนิพทฺธสุนขสฺส อตฺตโน ธมฺมตาย ฉินฺทิตฺวา คนฺตุํ อสมตฺถสฺส อนุปริธาวนํ วิย ทิฎฺฐิคติกสฺส ทิฎฺฐิทณฺฑเก ปเวสิตาย ตณฺหารชฺชุยา พนฺธิตฺวา สกฺกาเย อุปนิพทฺธสฺส อนุปริธาวนํ เวทิตพฺพํฯ
25.Tatrāti sattasu ucchedavādesu bhummaṃ. Uddhaṃ saranti uddhaṃ vuccati anāgatasaṃsāravādo, anāgataṃ saṃsāravādaṃ sarantīti attho. Āsattiṃyeva abhivadanti lagganakaṃyeva vadanti. ‘‘Āsatta’’ntipi pāṭho, taṇhaṃyeva vadantīti attho. Iti pecca bhavissāmāti evaṃ pecca bhavissāma. Khattiyā bhavissāma, brāhmaṇā bhavissāmāti evamettha nayo netabbo. Vāṇijūpamāmaññeti vāṇijūpamā viya vāṇijapaṭibhāgā vāṇijasadisā mayhaṃ upaṭṭhahanti. Sakkāyabhayāti sakkāyassa bhayā. Te hi yatheva ‘‘cattāro kho, mahārāja, abhayassa bhāyanti. Katame cattāro? Gaṇḍuppādo kho, mahārāja, bhayā pathaviṃ na khādati ‘mā pathavī khiyī’ti, konto kho, mahārāja, ekapādena tiṭṭhati ‘mā pathavī osīdī’ti, kikī kho, mahārāja, uttānā seti ‘mā ambhā undriyī’ti, brāhmaṇadhammiko kho, mahārāja, brahmacariyaṃ na carati ‘mā loko ucchijjī’ti ime cattāro abhayassa bhāyanti, evaṃ sakkāyassa bhāyanti’’. Sakkāyaparijegucchāti tameva tebhūmakasaṅkhātaṃ sakkāyaṃ parijigucchamānā. Sā gaddulabaddhoti daṇḍake rajjuṃ pavesetvā baddhasunakho. Evamevimeti ettha daḷhatthambho viya khīlo viya ca tebhūmakadhammasaṅkhāto sakkāyo daṭṭhabbo, sā viya diṭṭhigatiko, daṇḍako viya diṭṭhi, rajju viya taṇhā, gaddulena bandhitvā thambhe vā khīle vā upanibaddhasunakhassa attano dhammatāya chinditvā gantuṃ asamatthassa anuparidhāvanaṃ viya diṭṭhigatikassa diṭṭhidaṇḍake pavesitāya taṇhārajjuyā bandhitvā sakkāye upanibaddhassa anuparidhāvanaṃ veditabbaṃ.
๒๖. อิมาเนว ปญฺจายตนานีติ อิมาเนว ปญฺจ การณานิฯ อิติ มาติกํ ฐเปเนฺตนปิ ปเญฺจว ฐปิตานิ, นิคเมเนฺตนปิ ปเญฺจว นิคมิตานิ, ภาเชเนฺตน ปน จตฺตาริ ภาชิตานิฯ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ กุหิํ ปวิฎฺฐนฺติฯ เอกตฺตนานตฺตวเสน ทฺวีสุ ปเทสุ ปวิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ
26.Imāneva pañcāyatanānīti imāneva pañca kāraṇāni. Iti mātikaṃ ṭhapentenapi pañceva ṭhapitāni, nigamentenapi pañceva nigamitāni, bhājentena pana cattāri bhājitāni. Diṭṭhadhammanibbānaṃ kuhiṃ paviṭṭhanti. Ekattanānattavasena dvīsu padesu paviṭṭhanti veditabbaṃ.
๒๗. เอวญฺจ จตุจตฺตาลีส อปรนฺตกปฺปิเก ทเสฺสตฺวา อิทานิ อฎฺฐารส ปุพฺพนฺตกปฺปิเก ทเสฺสตุํ สนฺติ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตีตโกฎฺฐาสสงฺขาตํ ปุพฺพนฺตํ กเปฺปตฺวา วิกเปฺปตฺวา คณฺหนฺตีติ ปุพฺพนฺตกปฺปิกาฯ ปุพฺพนฺตกโปฺป วา เอเตสํ อตฺถีติ ปุพฺพนฺตกปฺปิกาฯ เอวํ เสสมฺปิ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ รูปาทีสุ อญฺญตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา สสฺสโต อมโร นิโจฺจ ธุโวติ อภิวทนฺติฯ ยถาห ‘‘รูปํ อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺตี’’ติ วิตฺถาโรฯ อสสฺสตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ ปฐมวาเทน จตฺตาโร สสฺสตวาทา วุตฺตา, ทุติยวาเทน สตฺต อุเจฺฉทวาทาฯ
27. Evañca catucattālīsa aparantakappike dassetvā idāni aṭṭhārasa pubbantakappike dassetuṃ santi, bhikkhavetiādimāha. Tattha atītakoṭṭhāsasaṅkhātaṃ pubbantaṃ kappetvā vikappetvā gaṇhantīti pubbantakappikā. Pubbantakappo vā etesaṃ atthīti pubbantakappikā. Evaṃ sesampi pubbe vuttappakāraṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Sassato attā ca loko cāti rūpādīsu aññataraṃ attāti ca lokoti ca gahetvā sassato amaro nicco dhuvoti abhivadanti. Yathāha ‘‘rūpaṃ attā ceva loko ca sassato cāti attānañca lokañca paññapentī’’ti vitthāro. Asassatādīsupi eseva nayo. Ettha ca paṭhamavādena cattāro sassatavādā vuttā, dutiyavādena satta ucchedavādā.
นนุ เจเต เหฎฺฐา อาคตา, อิธ กสฺมา ปุน คหิตาติฯ เหฎฺฐา ตตฺถ ตตฺถ มโต ตตฺถ ตเตฺถว อุจฺฉิชฺชตีติ ทสฺสนตฺถํ อาคตาฯ อิธ ปน ปุเพฺพนิวาสลาภี ทิฎฺฐิคติโก อตีตํ ปสฺสติ, น อนาคตํ, ตสฺส เอวํ โหติ ‘‘ปุพฺพนฺตโต อาคโต อตฺตา อิเธว อุจฺฉิชฺชติ, อิโต ปรํ น คจฺฉตี’’ติ อิมสฺสตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ คหิตาฯ ตติยวาเทน จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา วุตฺตา, จตุตฺถวาเทน จตฺตาโร อมราวิเกฺขปิกา วุตฺตาฯ อนฺตวาติ สปริยโนฺต ปริจฺฉิโนฺน ปริวฎุโมฯ อวฑฺฒิตกสิณสฺส ตํ กสิณํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา เอวํ โหติฯ ทุติยวาโท วฑฺฒิตกสิณสฺส วเสน วุโตฺต, ตติยวาโท ติริยํ วเฑฺฒตฺวา อุทฺธมโธ อวฑฺฒิตกสิณสฺส, จตุตฺถวาโท ตกฺกิวเสน วุโตฺตฯ อนนฺตรจตุกฺกํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ
Nanu cete heṭṭhā āgatā, idha kasmā puna gahitāti. Heṭṭhā tattha tattha mato tattha tattheva ucchijjatīti dassanatthaṃ āgatā. Idha pana pubbenivāsalābhī diṭṭhigatiko atītaṃ passati, na anāgataṃ, tassa evaṃ hoti ‘‘pubbantato āgato attā idheva ucchijjati, ito paraṃ na gacchatī’’ti imassatthassa dassanatthaṃ gahitā. Tatiyavādena cattāro ekaccasassatavādā vuttā, catutthavādena cattāro amarāvikkhepikā vuttā. Antavāti sapariyanto paricchinno parivaṭumo. Avaḍḍhitakasiṇassa taṃ kasiṇaṃ attāti ca lokoti ca gahetvā evaṃ hoti. Dutiyavādo vaḍḍhitakasiṇassa vasena vutto, tatiyavādo tiriyaṃ vaḍḍhetvā uddhamadho avaḍḍhitakasiṇassa, catutthavādo takkivasena vutto. Anantaracatukkaṃ heṭṭhā vuttanayameva.
เอกนฺตสุขีติ นิรนฺตรสุขีฯ อยํ ทิฎฺฐิ ลาภีชาติสฺสรตกฺกีนํ วเสน อุปฺปชฺชติฯ ลาภิโน หิ ปุเพฺพนิวาสญาเณน ขตฺติยาทิกุเล เอกนฺตสุขเมว อตฺตโน ชาติํ อนุสฺสรนฺตสฺส เอวํ ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติฯ ตถา ชาติสฺสรสฺส ปจฺจุปฺปนฺนํ สุขมนุภวโต อตีตาสุ สตฺตสุ ชาตีสุ ตาทิสเมว อตฺตภาวํ อนุสฺสรนฺตสฺสฯ ตกฺกิสฺส ปน อิธ สุขสมงฺคิโน ‘‘อตีเตปาหํ เอวเมว อโหสิ’’นฺติ ตเกฺกเนว อุปฺปชฺชติฯ
Ekantasukhīti nirantarasukhī. Ayaṃ diṭṭhi lābhījātissaratakkīnaṃ vasena uppajjati. Lābhino hi pubbenivāsañāṇena khattiyādikule ekantasukhameva attano jātiṃ anussarantassa evaṃ diṭṭhi uppajjati. Tathā jātissarassa paccuppannaṃ sukhamanubhavato atītāsu sattasu jātīsu tādisameva attabhāvaṃ anussarantassa. Takkissa pana idha sukhasamaṅgino ‘‘atītepāhaṃ evameva ahosi’’nti takkeneva uppajjati.
เอกนฺตทุกฺขีติ อยํ ทิฎฺฐิ ลาภิโน นุปฺปชฺชติฯ โส หิ เอกเนฺตเนว อิธ ฌานสุเขน สุขี โหติฯ อิธ ทุเกฺขน ผุฎฺฐสฺส ปน ชาติสฺสรสฺส ตกฺกิเสฺสว จ สา อุปฺปชฺชติฯ ตติยา อิธ โวกิณฺณสุขทุกฺขานํ สเพฺพสมฺปิ เตสํ อุปฺปชฺชติ, ตถา จตุตฺถา ทิฎฺฐิฯ ลาภิโน หิ อิทานิ จตุตฺถชฺฌานวเสน อทุกฺขมสุขสฺส, ปุเพฺพ จตุตฺถชฺฌานิกเมว พฺรหฺมโลกํ อนุสฺสรนฺตสฺส ฯ ชาติสฺสรสฺสาปิ ปจฺจุปฺปเนฺน มชฺฌตฺตสฺส, อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ มชฺฌตฺตภูตฎฺฐานเมว อนุสฺสรนฺตสฺส, ตกฺกิโนปิ ปจฺจุปฺปเนฺน มชฺฌตฺตสฺส, อตีเตปิ เอวํ ภวิสฺสตีติ ตเกฺกเนว คณฺหนฺตสฺส เอสา ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติฯ เอตฺตาวตา จตฺตาโร สสฺสตวาทา, จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสติกา, จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา, จตฺตาโร อมราวิเกฺขปิกา , เทฺว อธิจฺจ-สมุปฺปนฺนิกาติ อฎฺฐารสปิ ปุพฺพนฺตกปฺปิกา กถิตา โหนฺติฯ
Ekantadukkhīti ayaṃ diṭṭhi lābhino nuppajjati. So hi ekanteneva idha jhānasukhena sukhī hoti. Idha dukkhena phuṭṭhassa pana jātissarassa takkisseva ca sā uppajjati. Tatiyā idha vokiṇṇasukhadukkhānaṃ sabbesampi tesaṃ uppajjati, tathā catutthā diṭṭhi. Lābhino hi idāni catutthajjhānavasena adukkhamasukhassa, pubbe catutthajjhānikameva brahmalokaṃ anussarantassa . Jātissarassāpi paccuppanne majjhattassa, anussarantassāpi majjhattabhūtaṭṭhānameva anussarantassa, takkinopi paccuppanne majjhattassa, atītepi evaṃ bhavissatīti takkeneva gaṇhantassa esā diṭṭhi uppajjati. Ettāvatā cattāro sassatavādā, cattāro ekaccasassatikā, cattāro antānantikā, cattāro amarāvikkhepikā , dve adhicca-samuppannikāti aṭṭhārasapi pubbantakappikā kathitā honti.
๒๘. อิทานิ ทิฎฺฐุทฺธารํ อุทฺธรโนฺต ตตฺร, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปจฺจตฺตํเยว ญาณนฺติ ปจฺจกฺขญาณํฯ ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํฯ ปริโยทาตนฺติ ปภสฺสรํฯ สพฺพปเทหิ วิปสฺสนาญาณํเยว กถิตํฯ สทฺธาทโย หิ ปญฺจ ธมฺมา พาหิรสมยสฺมิมฺปิ โหนฺติ, วิปสฺสนาญาณํ สาสนสฺมิํเยวฯ ตตฺถ ญาณภาคมตฺตเมว ปริโยทเปนฺตีติ มยมิทํ ชานามาติ เอวํ ตตฺถ ญาณโกฎฺฐาสํ โอตาเรนฺติเยวฯ อุปาทานมกฺขายตีติ น ตํ ญาณํ, มิจฺฉาทสฺสนํ นาเมตํ, ตสฺมา ตทปิ เตสํ ภวนฺตานํ ทิฎฺฐุปาทานํ อกฺขายตีติ อโตฺถฯ อถาปิ ตํ ชานนมตฺตลกฺขณตฺตา ญาณภาคมตฺตเมว, ตถาปิ ตสฺส ทสฺสนสฺส อนุปาติวตฺตนโต อุปาทานปจฺจยโต จ อุปาทานเมวฯ ตทุปาติวโตฺตติ ตํ ทิฎฺฐิํ อติกฺกโนฺตฯ เอตฺตาวตา จตฺตาโร สสฺสตวาทา, จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสติกา, จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา, จตฺตาโร อมราวิเกฺขปิกา, เทฺว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา, โสฬส สญฺญีวาทา, อฎฺฐ อสญฺญีวาทา, อฎฺฐ เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา, สตฺต อุเจฺฉทวาทา, ปญฺจ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทาติ พฺรหฺมชาเล อาคตา ทฺวาสฎฺฐิปิ ทิฎฺฐิโย กถิตา โหนฺติฯ พฺรหฺมชาเล ปน กถิเต อิทํ สุตฺตํ อกถิตเมว โหติฯ กสฺมา? อิธ ตโต อติเรกาย สกฺกายทิฎฺฐิยา อาคตตฺตาฯ อิมสฺมิํ ปน กถิเต พฺรหฺมชาลํ กถิตเมว โหติฯ
28. Idāni diṭṭhuddhāraṃ uddharanto tatra, bhikkhavetiādimāha. Tattha paccattaṃyeva ñāṇanti paccakkhañāṇaṃ. Parisuddhanti nirupakkilesaṃ. Pariyodātanti pabhassaraṃ. Sabbapadehi vipassanāñāṇaṃyeva kathitaṃ. Saddhādayo hi pañca dhammā bāhirasamayasmimpi honti, vipassanāñāṇaṃ sāsanasmiṃyeva. Tattha ñāṇabhāgamattameva pariyodapentīti mayamidaṃ jānāmāti evaṃ tattha ñāṇakoṭṭhāsaṃ otārentiyeva. Upādānamakkhāyatīti na taṃ ñāṇaṃ, micchādassanaṃ nāmetaṃ, tasmā tadapi tesaṃ bhavantānaṃ diṭṭhupādānaṃ akkhāyatīti attho. Athāpi taṃ jānanamattalakkhaṇattā ñāṇabhāgamattameva, tathāpi tassa dassanassa anupātivattanato upādānapaccayato ca upādānameva. Tadupātivattoti taṃ diṭṭhiṃ atikkanto. Ettāvatā cattāro sassatavādā, cattāro ekaccasassatikā, cattāro antānantikā, cattāro amarāvikkhepikā, dve adhiccasamuppannikā, soḷasa saññīvādā, aṭṭha asaññīvādā, aṭṭha nevasaññīnāsaññīvādā, satta ucchedavādā, pañca diṭṭhadhammanibbānavādāti brahmajāle āgatā dvāsaṭṭhipi diṭṭhiyo kathitā honti. Brahmajāle pana kathite idaṃ suttaṃ akathitameva hoti. Kasmā? Idha tato atirekāya sakkāyadiṭṭhiyā āgatattā. Imasmiṃ pana kathite brahmajālaṃ kathitameva hoti.
๓๐. อิทานิ อิมา ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย อุปฺปชฺชมานา สกฺกายทิฎฺฐิปมุเขเนว อุปฺปชฺชนฺตีติ ทเสฺสตุํ อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปฎินิสฺสคฺคาติ ปริจฺจาเคนฯ กามสํโยชนานํ อนธิฎฺฐานาติ ปญฺจกามคุณตณฺหานํ นิสฺสฎฺฐตฺตาฯ ปวิเวกํ ปีตินฺติ สปฺปีติกชฺฌานทฺวยปีติํฯ นิรุชฺฌตีติ ฌานนิโรเธน นิรุชฺฌติฯ สมาปตฺติโต ปน วุฎฺฐิตสฺส นิรุทฺธา นาม โหติฯ ยเถว หิ ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ นิรามิสํ สุขํ, นิรามิสสุขสฺส นิโรธา อุปฺปชฺชติ อทุกฺขมสุขา เวทนา’’ติ เอตฺถ น อยมโตฺถ โหติ – จตุตฺถชฺฌานนิโรธา ตติยชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – จตุตฺถชฺฌานา วุฎฺฐาย ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชติ, ตติยชฺฌานา วุฎฺฐาย จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชตีติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสนฺติ หีนชฺฌานปริยาทานกโทมนสฺสํฯ สมาปตฺติโต วุฎฺฐิตจิตฺตสฺส ปน กมฺมนียภาโว กถิโตฯ
30. Idāni imā dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo uppajjamānā sakkāyadiṭṭhipamukheneva uppajjantīti dassetuṃ idha, bhikkhave, ekaccotiādimāha. Tattha paṭinissaggāti pariccāgena. Kāmasaṃyojanānaṃanadhiṭṭhānāti pañcakāmaguṇataṇhānaṃ nissaṭṭhattā. Pavivekaṃ pītinti sappītikajjhānadvayapītiṃ. Nirujjhatīti jhānanirodhena nirujjhati. Samāpattito pana vuṭṭhitassa niruddhā nāma hoti. Yatheva hi ‘‘adukkhamasukhāya vedanāya nirodhā uppajjati nirāmisaṃ sukhaṃ, nirāmisasukhassa nirodhā uppajjati adukkhamasukhā vedanā’’ti ettha na ayamattho hoti – catutthajjhānanirodhā tatiyajjhānaṃ upasampajja viharatīti. Ayaṃ panettha attho – catutthajjhānā vuṭṭhāya tatiyaṃ jhānaṃ samāpajjati, tatiyajjhānā vuṭṭhāya catutthaṃ jhānaṃ samāpajjatīti, evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ. Uppajjati domanassanti hīnajjhānapariyādānakadomanassaṃ. Samāpattito vuṭṭhitacittassa pana kammanīyabhāvo kathito.
ปวิเวกา ปีตีติ สา เอว ฌานทฺวยปีติฯ ยํ ฉายา ชหตีติ ยํ ฐานํ ฉายา ชหติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมิํ ฐาเน ฉายา อตฺถิ, ตสฺมิํ อาตโป นตฺถิฯ ยสฺมิํ อาตโป อตฺถิ, ตสฺมิํ ฉายา นตฺถีติฯ
Pavivekā pītīti sā eva jhānadvayapīti. Yaṃ chāyā jahatīti yaṃ ṭhānaṃ chāyā jahati. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yasmiṃ ṭhāne chāyā atthi, tasmiṃ ātapo natthi. Yasmiṃ ātapo atthi, tasmiṃ chāyā natthīti.
๓๑. นิรามิสํ สุขนฺติ ตติยชฺฌานสุขํฯ
31.Nirāmisaṃ sukhanti tatiyajjhānasukhaṃ.
๓๒. อทุกฺขมสุขนฺติ จตุตฺถชฺฌานเวทนํฯ
32.Adukkhamasukhanti catutthajjhānavedanaṃ.
๓๓. อนุปาทาโนหมสฺมีติ นิคฺคหโณ อหมสฺมิฯ นิพฺพานสปฺปายนฺติ นิพฺพานสฺส สปฺปายํ อุปการภูตํ ฯ นนุ จ มคฺคทสฺสนํ นาม สพฺพตฺถ นิกนฺติยา สุกฺขาปิตาย อุปฺปชฺชติ, กถเมตํ นิพฺพานสฺส อุปการปฎิปทา นาม ชาตนฺติ, สพฺพตฺถ อนุปาทิยนวเสน อคฺคณฺหนวเสน อุปการปฎิปทา นาม ชาตํฯ อภิวทตีติ อภิมาเนน อุปวทติฯ ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐินฺติ อฎฺฐารสวิธมฺปิ ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิํฯ อปรนฺตานุทิฎฺฐินฺติ จตุจตฺตารีสวิธมฺปิ อปรนฺตานุทิฎฺฐิํฯ อุปาทานมกฺขายตีติ อหมสฺมีติ คหณสฺส สกฺกายทิฎฺฐิปริยาปนฺนตฺตา ทิฎฺฐุปาทานํ อกฺขายติฯ
33.Anupādānohamasmīti niggahaṇo ahamasmi. Nibbānasappāyanti nibbānassa sappāyaṃ upakārabhūtaṃ . Nanu ca maggadassanaṃ nāma sabbattha nikantiyā sukkhāpitāya uppajjati, kathametaṃ nibbānassa upakārapaṭipadā nāma jātanti, sabbattha anupādiyanavasena aggaṇhanavasena upakārapaṭipadā nāma jātaṃ. Abhivadatīti abhimānena upavadati. Pubbantānudiṭṭhinti aṭṭhārasavidhampi pubbantānudiṭṭhiṃ. Aparantānudiṭṭhinti catucattārīsavidhampi aparantānudiṭṭhiṃ. Upādānamakkhāyatīti ahamasmīti gahaṇassa sakkāyadiṭṭhipariyāpannattā diṭṭhupādānaṃ akkhāyati.
สนฺติวรปทนฺติ วูปสนฺตกิเลสตฺตา สนฺตํ อุตฺตมปทํฯ ฉนฺนํ ผสฺสายตนานนฺติ ภควตา ‘‘ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ โส อายตโน เวทิตโพฺพ’’ติ เอตฺถ ทฺวินฺนํ อายตนานํ ปฎิเกฺขเปน นิพฺพานํ ทสฺสิตํฯ
Santivarapadanti vūpasantakilesattā santaṃ uttamapadaṃ. Channaṃ phassāyatanānanti bhagavatā ‘‘yattha cakkhu ca nirujjhati rūpasaññā ca nirujjhati so āyatano veditabbo’’ti ettha dvinnaṃ āyatanānaṃ paṭikkhepena nibbānaṃ dassitaṃ.
‘‘ยตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;
‘‘Yattha āpo ca pathavī, tejo vāyo na gādhati;
อโต สรา นิวตฺตนฺติ, เอตฺถ วฎฺฎํ น วตฺตติ;
Ato sarā nivattanti, ettha vaṭṭaṃ na vattati;
เอตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌตี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๗) –
Ettha nāmañca rūpañca, asesaṃ uparujjhatī’’ti. (saṃ. ni. 1.27) –
เอตฺถ ปน สงฺขารปฎิเกฺขเปน นิพฺพานํ ทสฺสิตํฯ
Ettha pana saṅkhārapaṭikkhepena nibbānaṃ dassitaṃ.
‘‘กตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;
‘‘Kattha āpo ca pathavī, tejo vāyo na gādhati;
กตฺถ ทีฆญฺจ รสฺสญฺจ, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;
Kattha dīghañca rassañca, aṇuṃ thūlaṃ subhāsubhaṃ;
กตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌตี’’ติฯ (ที. นิ. ๑.๔๙๘);
Kattha nāmañca rūpañca, asesaṃ uparujjhatī’’ti. (dī. ni. 1.498);
ตตฺร เวยฺยากรณํ ภวติ –
Tatra veyyākaraṇaṃ bhavati –
‘‘วิญฺญาณํ อนิทสฺสนํ, อนนฺตํ สพฺพโต ปภ’’นฺติ –
‘‘Viññāṇaṃ anidassanaṃ, anantaṃ sabbato pabha’’nti –
เอตฺถ สงฺขารปฎิเกฺขเปน นิพฺพานํ ทสฺสิตํฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต ฉอายตนปฎิเกฺขเปน ทสฺสิตํฯ อญฺญตฺถ จ อนุปาทาวิโมโกฺขติ นิพฺพานเมว ทสฺสิตํ, อิธ ปน อรหตฺตผลสมาปตฺติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Ettha saṅkhārapaṭikkhepena nibbānaṃ dassitaṃ. Imasmiṃ pana sutte chaāyatanapaṭikkhepena dassitaṃ. Aññattha ca anupādāvimokkhoti nibbānameva dassitaṃ, idha pana arahattaphalasamāpatti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
ปญฺจตฺตยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañcattayasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. ปญฺจตฺตยสุตฺตํ • 2. Pañcattayasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. ปญฺจตฺตยสุตฺตวณฺณนา • 2. Pañcattayasuttavaṇṇanā