Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๕] ๕. ปญฺจาวุธชาตกวณฺณนา
[55] 5. Pañcāvudhajātakavaṇṇanā
โย อลีเนน จิเตฺตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โอสฺสฎฺฐวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา อามเนฺตตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โอสฺสฎฺฐวีริโยสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ ปุเพฺพ ปณฺฑิตา วีริยํ กาตุํ ยุตฺตฎฺฐาเน วีริยํ กตฺวา รชฺชสมฺปตฺติํ ปาปุณิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yoalīnena cittenāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ ossaṭṭhavīriyaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tañhi bhikkhuṃ satthā āmantetvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ossaṭṭhavīriyosī’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhagavā’’ti vutte ‘‘bhikkhu pubbe paṇḍitā vīriyaṃ kātuṃ yuttaṭṭhāne vīriyaṃ katvā rajjasampattiṃ pāpuṇiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส รโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติฯ ตสฺส นามคฺคหณทิวเส อฎฺฐสเต พฺราหฺมเณ สพฺพกาเมหิ สนฺตเปฺปตฺวา ลกฺขณานิ ปุจฺฉิํสุฯ ลกฺขณกุสลา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘ปุญฺญสมฺปโนฺน, มหาราช, กุมาโร ตุมฺหากํ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิสฺสติ, ปญฺจาวุธกเมฺม ปญฺญาโต ปากโฎ ชมฺพุทีเป อคฺคปุริโส ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริํสุฯ ราชา พฺราหฺมณานํ วจนํ สุตฺวา กุมารสฺส นามํ คณฺหโนฺต ‘‘ปญฺจาวุธกุมาโร’’ติ นามํ อกาสิฯ อถ นํ วิญฺญุตํ ปตฺวา โสฬสวสฺสุเทฺทเส ฐิตํ ราชา อามเนฺตตฺวา ‘‘ตาต, สิปฺปํ อุคฺคณฺหาหี’’ติ อาหฯ ‘‘กสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหามิ, เทวา’’ติ? ‘‘คจฺฉ, ตาต, คนฺธารรเฎฺฐ ตกฺกสิลนคเร ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺห, อิทญฺจสฺส อาจริยภาคํ ทเชฺชยฺยาสี’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา อุโยฺยเชสิฯ โส ตตฺถ คนฺตฺวา สิปฺปํ สิกฺขิตฺวา อาจริเยน ทินฺนํ ปญฺจาวุธํ คเหตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา ตกฺกสิลนครโต นิกฺขมิตฺวา สนฺนทฺธปญฺจาวุโธ พาราณสิมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa rañño aggamahesiyā kucchismiṃ nibbatti. Tassa nāmaggahaṇadivase aṭṭhasate brāhmaṇe sabbakāmehi santappetvā lakkhaṇāni pucchiṃsu. Lakkhaṇakusalā brāhmaṇā lakkhaṇasampattiṃ disvā ‘‘puññasampanno, mahārāja, kumāro tumhākaṃ accayena rajjaṃ pāpuṇissati, pañcāvudhakamme paññāto pākaṭo jambudīpe aggapuriso bhavissatī’’ti byākariṃsu. Rājā brāhmaṇānaṃ vacanaṃ sutvā kumārassa nāmaṃ gaṇhanto ‘‘pañcāvudhakumāro’’ti nāmaṃ akāsi. Atha naṃ viññutaṃ patvā soḷasavassuddese ṭhitaṃ rājā āmantetvā ‘‘tāta, sippaṃ uggaṇhāhī’’ti āha. ‘‘Kassa santike uggaṇhāmi, devā’’ti? ‘‘Gaccha, tāta, gandhāraraṭṭhe takkasilanagare disāpāmokkhassa ācariyassa santike uggaṇha, idañcassa ācariyabhāgaṃ dajjeyyāsī’’ti sahassaṃ datvā uyyojesi. So tattha gantvā sippaṃ sikkhitvā ācariyena dinnaṃ pañcāvudhaṃ gahetvā ācariyaṃ vanditvā takkasilanagarato nikkhamitvā sannaddhapañcāvudho bārāṇasimaggaṃ paṭipajji.
โส อนฺตรามเคฺค สิเลสโลมยเกฺขน นาม อธิฎฺฐิตํ เอกํ อฎวิํ ปาปุณิฯ อถ นํ อฎวิมุเข มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘โภ มาณว, มา อิมํ อฎวิํ ปวิส, สิเลสโลมยโกฺข นาเมตฺถ อตฺถิ, โส ทิฎฺฐทิเฎฺฐ มนุเสฺส ชีวิตกฺขยํ ปาเปตี’’ติ วารยิํสุฯ โพธิสโตฺต อตฺตานํ ตเกฺกโนฺต อสมฺภีตเกสรสีโห วิย อฎวิํ ปาวิสิเยวฯ ตสฺมิํ อฎวิมชฺฌํ สมฺปเตฺต โส ยโกฺข ตาลมโตฺต หุตฺวา กูฎาคารมตฺตํ สีสํ ปตฺตปฺปมาณานิ อกฺขีนิ, ทกลิมกุฬมตฺตา เทฺว ทาฐา จ มาเปตฺวา เสตมุโข กพรกุจฺฉิ นีลหตฺถปาโท หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘กหํ ยาสิ, ติฎฺฐ ภโกฺขสิ เม’’ติ อาหฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ‘‘ยกฺข, อหํ อตฺตานํ ตเกฺกตฺวา อิธ ปวิโฎฺฐ, ตฺวํ อปฺปมโตฺต หุตฺวา มํ อุปคเจฺฉยฺยาสิฯ วิสปีเตน หิ สเรน ตํ วิชฺฌิตฺวา เอเตฺถว ปาเตสฺสามี’’ติ สนฺตเชฺชตฺวา หลาหลวิสปีตํ สรํ สนฺนยฺหิตฺวา มุญฺจิ, โส ยกฺขสฺส โลเมสุเยว อลฺลียิฯ ตโต อญฺญํ, ตโต อญฺญนฺติ เอวํ ปญฺญาส สเร มุญฺจิ, สเพฺพ ตสฺส โลเมสุเยว อลฺลียิํสุฯ ยโกฺข สเพฺพปิ เต สเร โผเฎตฺวา อตฺตโน ปาทมูเลเยว ปาเตตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิฯ
So antarāmagge silesalomayakkhena nāma adhiṭṭhitaṃ ekaṃ aṭaviṃ pāpuṇi. Atha naṃ aṭavimukhe manussā disvā ‘‘bho māṇava, mā imaṃ aṭaviṃ pavisa, silesalomayakkho nāmettha atthi, so diṭṭhadiṭṭhe manusse jīvitakkhayaṃ pāpetī’’ti vārayiṃsu. Bodhisatto attānaṃ takkento asambhītakesarasīho viya aṭaviṃ pāvisiyeva. Tasmiṃ aṭavimajjhaṃ sampatte so yakkho tālamatto hutvā kūṭāgāramattaṃ sīsaṃ pattappamāṇāni akkhīni, dakalimakuḷamattā dve dāṭhā ca māpetvā setamukho kabarakucchi nīlahatthapādo hutvā bodhisattassa attānaṃ dassetvā ‘‘kahaṃ yāsi, tiṭṭha bhakkhosi me’’ti āha. Atha naṃ bodhisatto ‘‘yakkha, ahaṃ attānaṃ takketvā idha paviṭṭho, tvaṃ appamatto hutvā maṃ upagaccheyyāsi. Visapītena hi sarena taṃ vijjhitvā ettheva pātessāmī’’ti santajjetvā halāhalavisapītaṃ saraṃ sannayhitvā muñci, so yakkhassa lomesuyeva allīyi. Tato aññaṃ, tato aññanti evaṃ paññāsa sare muñci, sabbe tassa lomesuyeva allīyiṃsu. Yakkho sabbepi te sare phoṭetvā attano pādamūleyeva pātetvā bodhisattaṃ upasaṅkami.
โพธิสโตฺต ปุนปิ ตํ ตเชฺชตฺวา ขคฺคํ กฑฺฒิตฺวา ปหริ, เตตฺติํสงฺคุลายโต ขโคฺค โลเมสุเยว อลฺลียิฯ อถ นํ กณเยน ปหริ, โสปิ โลเมสุเยว อลฺลียิฯ ตสฺส อลฺลีนภาวํ ญตฺวา มุคฺคเรน ปหริ, โสปิ โลเมสุเยว อลฺลียิฯ ตสฺส อลฺลีนภาวํ ญตฺวา กุเนฺตน ปหริ, โสปิ โลเมสุเยว อลฺลียิฯ ตสฺส อลฺลีนภาวํ ญตฺวา ‘‘โภ ยกฺขน, เต อหํ ‘ปญฺจาวุธกุมาโร นามา’ติ สุตปุโพฺพ, อหํ ตยา อธิฎฺฐิตํ อฎวิํ ปวิสโนฺต น ธนุอาทีนิ ตเกฺกตฺวา ปวิโฎฺฐ, อตฺตานํเยว ปน ตเกฺกตฺวา ปวิโฎฺฐ, อชฺช ตํ โปเถตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กริสฺสามี’’ติ อุนฺนาเทโนฺต อตฺตานํ ตเกฺกตฺวา ทกฺขิณหเตฺถน ยกฺขํ ปหริ, หโตฺถ โลเมสุเยว อลฺลียิฯ วามหเตฺถน ปหริ, โสปิ อลฺลียิฯ ทกฺขิณปาเทน ปหริ, โสปิ อลฺลียิฯ วามปาเทน ปหริ, โสปิ อลฺลียิฯ ‘‘สีเสน ตํ โปเถตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กริสฺสามี’’ติ สีเสน ปหริ, ตมฺปิ โลเมสุเยว อลฺลียิฯ โส ปโญฺจฑฺฑิโต ปญฺจสุ ฐาเนสุ พโทฺธ โอลมฺพโนฺตปิ นิพฺภโย นิสฺสารโชฺชว อโหสิฯ
Bodhisatto punapi taṃ tajjetvā khaggaṃ kaḍḍhitvā pahari, tettiṃsaṅgulāyato khaggo lomesuyeva allīyi. Atha naṃ kaṇayena pahari, sopi lomesuyeva allīyi. Tassa allīnabhāvaṃ ñatvā muggarena pahari, sopi lomesuyeva allīyi. Tassa allīnabhāvaṃ ñatvā kuntena pahari, sopi lomesuyeva allīyi. Tassa allīnabhāvaṃ ñatvā ‘‘bho yakkhana, te ahaṃ ‘pañcāvudhakumāro nāmā’ti sutapubbo, ahaṃ tayā adhiṭṭhitaṃ aṭaviṃ pavisanto na dhanuādīni takketvā paviṭṭho, attānaṃyeva pana takketvā paviṭṭho, ajja taṃ pothetvā cuṇṇavicuṇṇaṃ karissāmī’’ti unnādento attānaṃ takketvā dakkhiṇahatthena yakkhaṃ pahari, hattho lomesuyeva allīyi. Vāmahatthena pahari, sopi allīyi. Dakkhiṇapādena pahari, sopi allīyi. Vāmapādena pahari, sopi allīyi. ‘‘Sīsena taṃ pothetvā cuṇṇavicuṇṇaṃ karissāmī’’ti sīsena pahari, tampi lomesuyeva allīyi. So pañcoḍḍito pañcasu ṭhānesu baddho olambantopi nibbhayo nissārajjova ahosi.
ยโกฺข จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เอโก ปุริสสีโห ปุริสาชานีโย, น ปุริสมโตฺตว, มาทิเสน นามสฺส ยเกฺขน คหิตสฺส สนฺตาสมตฺตมฺปิ น ภวิสฺสติ, มยา อิมํ มคฺคํ หนเนฺตน เอโกปิ เอวรูโป ปุริโส น ทิฎฺฐปุโพฺพ, กสฺมา นุ โข เอส น ภายตี’’ติฯ โส ตํ ขาทิตุํ อวิสหโนฺต ‘‘กสฺมา นุ โข, ตฺวํ มาณว, มรณภยํ น ภายสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘กิํการณา, ยกฺข, ภายิสฺสามิฯ เอกสฺมิญฺหิ อตฺตภาเว เอกํ มรณํ นิยตเมว, อปิจ มยฺหํ กุจฺฉิมฺหิ วชิราวุธํ อตฺถิฯ สเจ มํ ขาทิสฺสสิ, ตํ อาวุธํ ชีราเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ, ตํ เต อนฺตานิ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสติฯ อิติ อุโภปิ นสฺสิสฺสาม, อิมินา การเณนาหํ น ภายามี’’ติฯ อิทํ กิร โพธิสโตฺต อตฺตโน อพฺภนฺตเร ญาณาวุธํ สนฺธาย กเถสิฯ ตํ สุตฺวา ยโกฺข จิเนฺตสิ ‘‘อยํ มาณโว สจฺจเมว ภณติ, อิมสฺส ปุริสสีหสฺส สรีรโต มุคฺคพีชมตฺตมฺปิ มํสขณฺฑํ มยฺหํ กุจฺฉิ ชีเรตุํ น สกฺขิสฺสติ, วิสฺสเชฺชสฺสามิ น’’นฺติ มรณภยตชฺชิโต โพธิสตฺตํ วิสฺสเชฺชตฺวา ‘‘มาณว, ปุริสสีโห ตฺวํ, น เต อหํ มํสํ ขาทิสฺสามิ, ตฺวํ อชฺช ราหุมุขา มุตฺตจโนฺท วิย มม หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ญาติสุหชฺชมณฺฑลํ โตเสโนฺต ยาหี’’ติ อาหฯ
Yakkho cintesi ‘‘ayaṃ eko purisasīho purisājānīyo, na purisamattova, mādisena nāmassa yakkhena gahitassa santāsamattampi na bhavissati, mayā imaṃ maggaṃ hanantena ekopi evarūpo puriso na diṭṭhapubbo, kasmā nu kho esa na bhāyatī’’ti. So taṃ khādituṃ avisahanto ‘‘kasmā nu kho, tvaṃ māṇava, maraṇabhayaṃ na bhāyasī’’ti pucchi. ‘‘Kiṃkāraṇā, yakkha, bhāyissāmi. Ekasmiñhi attabhāve ekaṃ maraṇaṃ niyatameva, apica mayhaṃ kucchimhi vajirāvudhaṃ atthi. Sace maṃ khādissasi, taṃ āvudhaṃ jīrāpetuṃ na sakkhissasi, taṃ te antāni khaṇḍākhaṇḍikaṃ chinditvā jīvitakkhayaṃ pāpessati. Iti ubhopi nassissāma, iminā kāraṇenāhaṃ na bhāyāmī’’ti. Idaṃ kira bodhisatto attano abbhantare ñāṇāvudhaṃ sandhāya kathesi. Taṃ sutvā yakkho cintesi ‘‘ayaṃ māṇavo saccameva bhaṇati, imassa purisasīhassa sarīrato muggabījamattampi maṃsakhaṇḍaṃ mayhaṃ kucchi jīretuṃ na sakkhissati, vissajjessāmi na’’nti maraṇabhayatajjito bodhisattaṃ vissajjetvā ‘‘māṇava, purisasīho tvaṃ, na te ahaṃ maṃsaṃ khādissāmi, tvaṃ ajja rāhumukhā muttacando viya mama hatthato muccitvā ñātisuhajjamaṇḍalaṃ tosento yāhī’’ti āha.
อถ นํ โพธิสโตฺต อาห – ‘‘ยกฺข, อหํ ตาว คจฺฉิสฺสามิ, ตฺวํ ปน ปุเพฺพปิ อกุสลํ กตฺวา ลุโทฺท โลหิตปาณิ ปรรุหิรมํสภโกฺข ยโกฺข หุตฺวา นิพฺพโตฺตฯ สเจ อิธาปิ ฐตฺวา อกุสลเมว กริสฺสสิ, อนฺธการา อนฺธการเมว คมิสฺสสิ, มํ ทิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย ปน น สกฺกา ตยา อกุสลํ กาตุํ, ปาณาติปาตกมฺมํ นาม นิรเย ติรจฺฉานโยนิยํ เปตฺติวิสเย อสุรกาเย จ นิพฺพเตฺตติ, มนุเสฺสสุ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน อปฺปายุกสํวตฺตนิกํ โหตี’’ติ เอวมาทินา นเยน ปญฺจนฺนํ ทุสฺสีลฺยกมฺมานํ อาทีนวํ, ปญฺจนฺนํ สีลานํ อานิสํสญฺจ กเถตฺวา นานาการเณหิ ยกฺขํ ตเชฺชตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา ตสฺสาเยว นํ อฎวิยา พลิปฎิคฺคาหกํ เทวตํ กตฺวา อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา อฎวิโต นิกฺขมิตฺวา อฎวิมุเข มนุสฺสานํ อาจิกฺขิตฺวา สนฺนทฺธปญฺจาวุโธ พาราณสิํ คนฺตฺวา มาตาปิตโร ทิสฺวา อปรภาเค รเชฺช ปติฎฺฐาย ธเมฺมน รชฺชํ กาเรโนฺต ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ
Atha naṃ bodhisatto āha – ‘‘yakkha, ahaṃ tāva gacchissāmi, tvaṃ pana pubbepi akusalaṃ katvā luddo lohitapāṇi pararuhiramaṃsabhakkho yakkho hutvā nibbatto. Sace idhāpi ṭhatvā akusalameva karissasi, andhakārā andhakārameva gamissasi, maṃ diṭṭhakālato paṭṭhāya pana na sakkā tayā akusalaṃ kātuṃ, pāṇātipātakammaṃ nāma niraye tiracchānayoniyaṃ pettivisaye asurakāye ca nibbatteti, manussesu nibbattanibbattaṭṭhāne appāyukasaṃvattanikaṃ hotī’’ti evamādinā nayena pañcannaṃ dussīlyakammānaṃ ādīnavaṃ, pañcannaṃ sīlānaṃ ānisaṃsañca kathetvā nānākāraṇehi yakkhaṃ tajjetvā dhammaṃ desetvā dametvā nibbisevanaṃ katvā pañcasu sīlesu patiṭṭhāpetvā tassāyeva naṃ aṭaviyā balipaṭiggāhakaṃ devataṃ katvā appamādena ovaditvā aṭavito nikkhamitvā aṭavimukhe manussānaṃ ācikkhitvā sannaddhapañcāvudho bārāṇasiṃ gantvā mātāpitaro disvā aparabhāge rajje patiṭṭhāya dhammena rajjaṃ kārento dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.
สตฺถาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
Satthāpi imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā abhisambuddho hutvā imaṃ gāthamāha –
๕๕.
55.
‘‘โย อลีเนน จิเตฺตน, อลีนมนโส นโร;
‘‘Yo alīnena cittena, alīnamanaso naro;
ภาเวติ กุสลํ ธมฺมํ, โยคเกฺขมสฺส ปตฺติยา;
Bhāveti kusalaṃ dhammaṃ, yogakkhemassa pattiyā;
ปาปุเณ อนุปุเพฺพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติฯ
Pāpuṇe anupubbena, sabbasaṃyojanakkhaya’’nti.
ตตฺรายํ ปิณฺฑโตฺถ – โย ปุริโส อลีเนน อสํกุฎิเตน จิเตฺตน ปกติยาปิ อลีนมโน อลีนชฺฌาสโยว หุตฺวา อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํ สตฺตติํ สโพธิปกฺขิยเภทํ ธมฺมํ ภาเวติ วเฑฺฒติ, วิสาเลน จิเตฺตน วิปสฺสนํ อนุยุญฺชติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส ปตฺติยา, โส เอวํ สพฺพสงฺขาเรสุ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ตรุณวิปสฺสนโต ปฎฺฐาย อุปฺปเนฺน โพธิปกฺขิยธเมฺม ภาเวโนฺต อนุปุเพฺพน เอกสํโยชนมฺปิ อนวเสเสตฺวา สพฺพสํโยชนกฺขยกรสฺส จตุตฺถมคฺคสฺส ปริโยสาเน อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติ สงฺขฺยํ คตํ อรหตฺตํ ปาปุเณยฺยาติฯ
Tatrāyaṃ piṇḍattho – yo puriso alīnena asaṃkuṭitena cittena pakatiyāpi alīnamano alīnajjhāsayova hutvā anavajjaṭṭhena kusalaṃ sattatiṃ sabodhipakkhiyabhedaṃ dhammaṃ bhāveti vaḍḍheti, visālena cittena vipassanaṃ anuyuñjati catūhi yogehi khemassa nibbānassa pattiyā, so evaṃ sabbasaṅkhāresu ‘‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’’ti tilakkhaṇaṃ āropetvā taruṇavipassanato paṭṭhāya uppanne bodhipakkhiyadhamme bhāvento anupubbena ekasaṃyojanampi anavasesetvā sabbasaṃyojanakkhayakarassa catutthamaggassa pariyosāne uppannattā ‘‘sabbasaṃyojanakkhayo’’ti saṅkhyaṃ gataṃ arahattaṃ pāpuṇeyyāti.
เอวํ สตฺถา อรหเตฺตน ธมฺมเทสนาย กูฎํ คเหตฺวา มตฺถเก จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ สตฺถา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ยโกฺข องฺคุลิมาโล อโหสิ, ปญฺจาวุธกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Evaṃ satthā arahattena dhammadesanāya kūṭaṃ gahetvā matthake cattāri saccāni pakāsesi, saccapariyosāne so bhikkhu arahattaṃ pāpuṇi. Satthā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā yakkho aṅgulimālo ahosi, pañcāvudhakumāro pana ahameva ahosi’’nti.
ปญฺจาวุธชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Pañcāvudhajātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๕. ปญฺจาวุธชาตกํ • 55. Pañcāvudhajātakaṃ