Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๙๐] ๗. ปญฺจุโปสถชาตกวณฺณนา

    [490] 7. Pañcuposathajātakavaṇṇanā

    อโปฺปสฺสุโกฺก ทานิ ตุวํ กโปตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุโปสถิเก ปญฺจสเต อุปาสเก อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ สตฺถา ธมฺมสภายํ จตุปริสมเชฺฌ อลงฺกตพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา มุทุจิเตฺตน ปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘อชฺช อุปาสกานํ กถํ ปฎิจฺจ เทสนา สมุฎฺฐหิสฺสตี’’ติ ญตฺวา อุปาสเก อามเนฺตตฺวา ‘‘อุโปสถิกตฺถ อุปาสกา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม , ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธุ โว กตํ, อุโปสโถ นาเมส โปราณกปณฺฑิตานํ วํโส, โปราณกปณฺฑิตา หิ ราคาทิกิเลสนิคฺคหตฺถํ อุโปสถวาสํ วสิํสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Appossukko dāni tuvaṃ kapotāti idaṃ satthā jetavane viharanto uposathike pañcasate upāsake ārabbha kathesi. Tadā hi satthā dhammasabhāyaṃ catuparisamajjhe alaṅkatabuddhāsane nisīditvā muducittena parisaṃ oloketvā ‘‘ajja upāsakānaṃ kathaṃ paṭicca desanā samuṭṭhahissatī’’ti ñatvā upāsake āmantetvā ‘‘uposathikattha upāsakā’’ti pucchitvā ‘‘āma , bhante’’ti vutte ‘‘sādhu vo kataṃ, uposatho nāmesa porāṇakapaṇḍitānaṃ vaṃso, porāṇakapaṇḍitā hi rāgādikilesaniggahatthaṃ uposathavāsaṃ vasiṃsū’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต มคธรฎฺฐาทีนํ ติณฺณํ รฎฺฐานํ อนฺตเร อฎวี อโหสิฯ โพธิสโตฺต มคธรเฎฺฐ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กาเม ปหาย นิกฺขมิตฺวา ตํ อฎวิํ ปวิสิตฺวา อสฺสมํ กตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วาสํ กเปฺปสิฯ ตสฺส ปน อสฺสมสฺส อวิทูเร เอกสฺมิํ เวฬุคหเน อตฺตโน ภริยาย สทฺธิํ กโปตสกุโณ วสติ, เอกสฺมิํ วมฺมิเก อหิ, เอกสฺมิํ วนคุเมฺพ สิงฺคาโล, เอกสฺมิํ วนคุเมฺพ อโจฺฉฯ เต จตฺตาโรปิ กาเลน กาลํ อิสิํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติฯ

    Atīte magadharaṭṭhādīnaṃ tiṇṇaṃ raṭṭhānaṃ antare aṭavī ahosi. Bodhisatto magadharaṭṭhe brāhmaṇamahāsālakule nibbattitvā vayappatto kāme pahāya nikkhamitvā taṃ aṭaviṃ pavisitvā assamaṃ katvā isipabbajjaṃ pabbajitvā vāsaṃ kappesi. Tassa pana assamassa avidūre ekasmiṃ veḷugahane attano bhariyāya saddhiṃ kapotasakuṇo vasati, ekasmiṃ vammike ahi, ekasmiṃ vanagumbe siṅgālo, ekasmiṃ vanagumbe accho. Te cattāropi kālena kālaṃ isiṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ suṇanti.

    อเถกทิวสํ กโปโต ภริยาย สทฺธิํ กุลาวกา นิกฺขมิตฺวา โคจราย ปกฺกามิฯ ตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺติํ กโปติํ เอโก เสโน คเหตฺวา ปลายิฯ ตสฺสา วิรวสทฺทํ สุตฺวา กโปโต นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ตํ เตน หริยมานํ ปสฺสิฯ เสโนปิ นํ วิรวนฺติํเยว มาเรตฺวา ขาทิฯ กโปโต ตาย วิโยเคน ราคปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน จิเนฺตสิ ‘‘อยํ ราโค มํ อติวิย กิลเมติ, น อิทานิ อิมํ อนิคฺคเหตฺวา โคจราย ปกฺกมิสฺสามี’’ติฯ โส โคจรปถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตาปสสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ราคนิคฺคหาย อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา เอกมนฺตํ นิปชฺชิฯ

    Athekadivasaṃ kapoto bhariyāya saddhiṃ kulāvakā nikkhamitvā gocarāya pakkāmi. Tassa pacchato gacchantiṃ kapotiṃ eko seno gahetvā palāyi. Tassā viravasaddaṃ sutvā kapoto nivattitvā olokento taṃ tena hariyamānaṃ passi. Senopi naṃ viravantiṃyeva māretvā khādi. Kapoto tāya viyogena rāgapariḷāhena pariḍayhamāno cintesi ‘‘ayaṃ rāgo maṃ ativiya kilameti, na idāni imaṃ aniggahetvā gocarāya pakkamissāmī’’ti. So gocarapathaṃ pacchinditvā tāpasassa santikaṃ gantvā rāganiggahāya uposathaṃ samādiyitvā ekamantaṃ nipajji.

    สโปฺปปิ ‘‘โคจรํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ วสนฎฺฐานา นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตคาเม คาวีนํ วิจรณฎฺฐาเน โคจรํ ปริเยสติฯ ตทา คามโภชกสฺส สพฺพเสโต มงฺคลอุสโภ โคจรํ คเหตฺวา เอกสฺมิํ วมฺมิกปาเท ชณฺณุนา ปติฎฺฐาย สิเงฺคหิ มตฺติกํ คณฺหโนฺต กีฬติ, สโปฺป คาวีนํ ปทสเทฺทน ภีโต ตํ วมฺมิกํ ปวิสิตุํ ปกฺกโนฺตฯ อถ นํ อุสโภ ปาเทน อกฺกมิฯ โส ตํ กุชฺฌิตฺวา ฑํสิ, อุสโภ ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปโตฺตฯ คามวาสิโน ‘‘อุสโภ กิร มโต’’ติ สุตฺวา สเพฺพ เอกโต อาคนฺตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ตํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อาวาเฎ นิขณิตฺวา ปกฺกมิํสุฯ สโปฺป เตสํ คตกาเล นิกฺขมิตฺวา ‘‘อหํ โกธํ นิสฺสาย อิมํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา มหาชนสฺส หทเย โสกํ ปเวเสสิํ, น ทานิ อิมํ โกธํ อนิคฺคเหตฺวา โคจราย ปกฺกมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา นิวตฺติตฺวา ตํ อสฺสมํ คนฺตฺวา โกธนิคฺคหาย อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา เอกมนฺตํ นิปชฺชิฯ

    Sappopi ‘‘gocaraṃ pariyesissāmī’’ti vasanaṭṭhānā nikkhamitvā paccantagāme gāvīnaṃ vicaraṇaṭṭhāne gocaraṃ pariyesati. Tadā gāmabhojakassa sabbaseto maṅgalausabho gocaraṃ gahetvā ekasmiṃ vammikapāde jaṇṇunā patiṭṭhāya siṅgehi mattikaṃ gaṇhanto kīḷati, sappo gāvīnaṃ padasaddena bhīto taṃ vammikaṃ pavisituṃ pakkanto. Atha naṃ usabho pādena akkami. So taṃ kujjhitvā ḍaṃsi, usabho tattheva jīvitakkhayaṃ patto. Gāmavāsino ‘‘usabho kira mato’’ti sutvā sabbe ekato āgantvā roditvā kanditvā taṃ gandhamālādīhi pūjetvā āvāṭe nikhaṇitvā pakkamiṃsu. Sappo tesaṃ gatakāle nikkhamitvā ‘‘ahaṃ kodhaṃ nissāya imaṃ jīvitā voropetvā mahājanassa hadaye sokaṃ pavesesiṃ, na dāni imaṃ kodhaṃ aniggahetvā gocarāya pakkamissāmī’’ti cintetvā nivattitvā taṃ assamaṃ gantvā kodhaniggahāya uposathaṃ samādiyitvā ekamantaṃ nipajji.

    สิงฺคาโลปิ โคจรํ ปริเยสโนฺต เอกํ มตหตฺถิํ ทิสฺวา ‘‘มหา เม โคจโร ลโทฺธ’’ติ ตุโฎฺฐ คนฺตฺวา โสณฺฑายํ ฑํสิ, ถเมฺภ ทฎฺฐกาโล วิย อโหสิฯ ตตฺถ อสฺสาทํ อลภิตฺวา ทเนฺต ฑํสิ, ปาสาเณ ทฎฺฐกาโล วิย อโหสิฯ กุจฺฉิยํ ฑํสิ, กุสุเล ทฎฺฐกาโล วิย อโหสิฯ นงฺคุเฎฺฐ ฑํสิ, อยสลาเก ทฎฺฐกาโล วิย อโหสิฯ วจฺจมเคฺค ฑํสิ, ฆตปูเว ทฎฺฐกาโล วิย อโหสิฯ โส โลภวเสน ขาทโนฺต อโนฺตกุจฺฉิยํ ปาวิสิ, ตตฺถ ฉาตกาเล มํสํ ขาทติ, ปิปาสิตกาเล โลหิตํ ปิวติ, นิปชฺชนกาเล อนฺตานิ จ ปปฺผาสญฺจ อวตฺถริตฺวา นิปชฺชิฯ โส ‘‘อิเธว เม อนฺนปานญฺจ สยนญฺจ นิปฺผนฺนํ, อญฺญตฺถ กิํ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตเตฺถว อภิรโต พหิ อนิกฺขมิตฺวา อโนฺตกุจฺฉิยํเยว วสิฯ อปรภาเค วาตาตเปน หตฺถิกุณเป สุกฺขเนฺต กรีสมโคฺค ปิหิโต, สิงฺคาโล อโนฺตกุจฺฉิยํ นิปชฺชมาโน อปฺปมํสโลหิโต ปณฺฑุสรีโร หุตฺวา นิกฺขมนมคฺคํ น ปสฺสิฯ อเถกทิวสํ อกาลเมโฆ วสฺสิ, กรีสมโคฺค เตมิยมาโน มุทุ หุตฺวา วิวรํ ทเสฺสสิฯ สิงฺคาโล ฉิทฺทํ ทิสฺวา ‘‘อติจิรมฺหิ กิลโนฺต, อิมินา ฉิเทฺทน ปลายิสฺสามี’’ติ กรีสมคฺคํ สีเสน ปหริฯ ตสฺส สมฺพาธฎฺฐาเนน เวเคน นิกฺขนฺตสฺส สินฺนสรีรสฺส สพฺพานิ โลมานิ กรีสมเคฺค ลคฺคานิ, ตาลกโนฺท วิย นิโลฺลมสรีโร หุตฺวา นิกฺขมิฯ โส ‘‘โลภํ นิสฺสาย มยา อิทํ ทุกฺขํ อนุภูตํ, น ทานิ อิมํ อนิคฺคเหตฺวา โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตํ อสฺสมํ คนฺตฺวา โลภนิคฺคหตฺถาย อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา เอกมนฺตํ นิปชฺชิฯ

    Siṅgālopi gocaraṃ pariyesanto ekaṃ matahatthiṃ disvā ‘‘mahā me gocaro laddho’’ti tuṭṭho gantvā soṇḍāyaṃ ḍaṃsi, thambhe daṭṭhakālo viya ahosi. Tattha assādaṃ alabhitvā dante ḍaṃsi, pāsāṇe daṭṭhakālo viya ahosi. Kucchiyaṃ ḍaṃsi, kusule daṭṭhakālo viya ahosi. Naṅguṭṭhe ḍaṃsi, ayasalāke daṭṭhakālo viya ahosi. Vaccamagge ḍaṃsi, ghatapūve daṭṭhakālo viya ahosi. So lobhavasena khādanto antokucchiyaṃ pāvisi, tattha chātakāle maṃsaṃ khādati, pipāsitakāle lohitaṃ pivati, nipajjanakāle antāni ca papphāsañca avattharitvā nipajji. So ‘‘idheva me annapānañca sayanañca nipphannaṃ, aññattha kiṃ karissāmī’’ti cintetvā tattheva abhirato bahi anikkhamitvā antokucchiyaṃyeva vasi. Aparabhāge vātātapena hatthikuṇape sukkhante karīsamaggo pihito, siṅgālo antokucchiyaṃ nipajjamāno appamaṃsalohito paṇḍusarīro hutvā nikkhamanamaggaṃ na passi. Athekadivasaṃ akālamegho vassi, karīsamaggo temiyamāno mudu hutvā vivaraṃ dassesi. Siṅgālo chiddaṃ disvā ‘‘aticiramhi kilanto, iminā chiddena palāyissāmī’’ti karīsamaggaṃ sīsena pahari. Tassa sambādhaṭṭhānena vegena nikkhantassa sinnasarīrassa sabbāni lomāni karīsamagge laggāni, tālakando viya nillomasarīro hutvā nikkhami. So ‘‘lobhaṃ nissāya mayā idaṃ dukkhaṃ anubhūtaṃ, na dāni imaṃ aniggahetvā gocaraṃ gaṇhissāmī’’ti cintetvā taṃ assamaṃ gantvā lobhaniggahatthāya uposathaṃ samādiyitvā ekamantaṃ nipajji.

    อโจฺฉปิ อรญฺญา นิกฺขมิตฺวา อตฺริจฺฉาภิภูโต มลฺลรเฎฺฐ ปจฺจนฺตคามํ คโตฯ คามวาสิโน ‘‘อโจฺฉ กิร อาคโต’’ติ ธนุทณฺฑาทิหตฺถา นิกฺขมิตฺวา เตน ปวิฎฺฐํ คุมฺพํ ปริวาเรสุํฯ โส มหาชเนน ปริวาริตภาวํ ญตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปลายิ, ปลายนฺตเมว ตํ ธนูหิ เจว ทณฺฑาทีหิ จ โปเถสุํฯ โส ภิเนฺนน สีเสน โลหิเตน คลเนฺตน อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ‘‘อิทํ ทุกฺขํ มม อตฺริจฺฉาโลภวเสน อุปฺปนฺนํ, น ทานิ อิมํ อนิคฺคเหตฺวา โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตํ อสฺสมํ คนฺตฺวา อตฺริจฺฉานิคฺคหาย อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา เอกมนฺตํ นิปชฺชิฯ

    Acchopi araññā nikkhamitvā atricchābhibhūto mallaraṭṭhe paccantagāmaṃ gato. Gāmavāsino ‘‘accho kira āgato’’ti dhanudaṇḍādihatthā nikkhamitvā tena paviṭṭhaṃ gumbaṃ parivāresuṃ. So mahājanena parivāritabhāvaṃ ñatvā nikkhamitvā palāyi, palāyantameva taṃ dhanūhi ceva daṇḍādīhi ca pothesuṃ. So bhinnena sīsena lohitena galantena attano vasanaṭṭhānaṃ gantvā ‘‘idaṃ dukkhaṃ mama atricchālobhavasena uppannaṃ, na dāni imaṃ aniggahetvā gocaraṃ gaṇhissāmī’’ti cintetvā taṃ assamaṃ gantvā atricchāniggahāya uposathaṃ samādiyitvā ekamantaṃ nipajji.

    ตาปโสปิ อตฺตโน ชาติํ นิสฺสาย มานวสิโก หุตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทตุํ น สโกฺกติฯ อเถโก ปเจฺจกพุโทฺธ ตสฺส มานนิสฺสิตภาวํ ญตฺวา ‘‘อยํ น ลามกสโตฺต, พุทฺธงฺกุโร เอส, อิมสฺมิํเยว ภทฺทกเปฺป สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิสฺสติ, อิมสฺส มานนิคฺคหํ กตฺวา สมาปตฺตินิพฺพตฺตนาการํ กริสฺสามี’’ติ ตสฺมิํ ปณฺณสาลาย นิสิเนฺนเยว อุตฺตรหิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา ตสฺส ปาสาณผลเก นิสีทิฯ โส นิกฺขมิตฺวา ตํ อตฺตโน อาสเน นิสินฺนํ ทิสฺวา มานนิสฺสิตภาเวน อนตฺตมโน หุตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อจฺฉรํ ปหริตฺวา ‘‘นสฺส, วสล, กาฬกณฺณิ, มุณฺฑก, สมณก, กิมตฺถํ มม นิสินฺนผลเก นิสิโนฺนสี’’ติ อาหฯ อถ นํ โส ‘‘สปฺปุริส, กสฺมา มานนิสฺสิโตสิ, อหํ ปฎิวิทฺธปเจฺจกโพธิญาโณ, ตฺวํ อิมสฺมิํเยว ภทฺทกเปฺป สพฺพญฺญุพุโทฺธ ภวิสฺสสิ, พุทฺธงฺกุโรสิ, ปารมิโย ปูเรตฺวา อาคโต อญฺญํ เอตฺตกํ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา พุโทฺธ ภวิสฺสสิ, พุทฺธตฺตภาเว ฐิโต สิทฺธโตฺถ นาม ภวิสฺสสี’’ติ นามญฺจ โคตฺตญฺจ กุลญฺจ อคฺคสาวกาทโย จ สเพฺพ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ ตฺวํ มานนิสฺสิโต หุตฺวา ผรุโส โหสิ, นยิทํ ตว อนุจฺฉวิก’’นฺติ โอวาทมทาสิฯ โส เตน เอวํ วุโตฺตปิ เนว นํ วนฺทิ, น จ ‘‘กทาหํ พุโทฺธ ภวิสฺสามี’’ติอาทีนิ ปุจฺฉิฯ อถ นํ ปเจฺจกพุโทฺธ ‘‘ตว ชาติยา มม คุณานํ มหนฺตภาวํ ชาน, สเจ สโกฺกสิ, อหํ วิย อากาเส วิจราหี’’ติ วตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา อตฺตโน ปาทปํสุํ ตสฺส ชฎามณฺฑเล วิกิรโนฺต อุตฺตรหิมวนฺตเมว คโตฯ

    Tāpasopi attano jātiṃ nissāya mānavasiko hutvā jhānaṃ uppādetuṃ na sakkoti. Atheko paccekabuddho tassa mānanissitabhāvaṃ ñatvā ‘‘ayaṃ na lāmakasatto, buddhaṅkuro esa, imasmiṃyeva bhaddakappe sabbaññutaṃ pāpuṇissati, imassa mānaniggahaṃ katvā samāpattinibbattanākāraṃ karissāmī’’ti tasmiṃ paṇṇasālāya nisinneyeva uttarahimavantato āgantvā tassa pāsāṇaphalake nisīdi. So nikkhamitvā taṃ attano āsane nisinnaṃ disvā mānanissitabhāvena anattamano hutvā taṃ upasaṅkamitvā accharaṃ paharitvā ‘‘nassa, vasala, kāḷakaṇṇi, muṇḍaka, samaṇaka, kimatthaṃ mama nisinnaphalake nisinnosī’’ti āha. Atha naṃ so ‘‘sappurisa, kasmā mānanissitosi, ahaṃ paṭividdhapaccekabodhiñāṇo, tvaṃ imasmiṃyeva bhaddakappe sabbaññubuddho bhavissasi, buddhaṅkurosi, pāramiyo pūretvā āgato aññaṃ ettakaṃ nāma kālaṃ atikkamitvā buddho bhavissasi, buddhattabhāve ṭhito siddhattho nāma bhavissasī’’ti nāmañca gottañca kulañca aggasāvakādayo ca sabbe ācikkhitvā ‘‘kimatthaṃ tvaṃ mānanissito hutvā pharuso hosi, nayidaṃ tava anucchavika’’nti ovādamadāsi. So tena evaṃ vuttopi neva naṃ vandi, na ca ‘‘kadāhaṃ buddho bhavissāmī’’tiādīni pucchi. Atha naṃ paccekabuddho ‘‘tava jātiyā mama guṇānaṃ mahantabhāvaṃ jāna, sace sakkosi, ahaṃ viya ākāse vicarāhī’’ti vatvā ākāse uppatitvā attano pādapaṃsuṃ tassa jaṭāmaṇḍale vikiranto uttarahimavantameva gato.

    ตาปโส ตสฺส คตกาเล สํเวคปฺปโตฺต หุตฺวา ‘‘อยํ สมโณ เอวํ ครุสรีโร วาตมุเข ขิตฺตตูลปิจุ วิย อากาเส ปกฺขโนฺท, อหํ ชาติมาเนน เอวรูปสฺส ปเจฺจกพุทฺธสฺส เนว ปาเท วนฺทิํ, น จ ‘‘กทาหํ พุโทฺธ ภวิสฺสามี’ติ ปุจฺฉิํ, ชาติ นาเมสา กิํ กริสฺสติ, อิมสฺมิํ โลเก สีลจรณเมว มหนฺตํ, อยํ โข ปน เม มาโน วฑฺฒโนฺต นิรยํ อุปเนสฺสติ, น อิทานิ อิมํ มานํ อนิคฺคเหตฺวา ผลาผลตฺถาย คมิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา มานนิคฺคหาย อุโปสถํ สมาทาย กฎฺฐตฺถริกาย นิสิโนฺน มหาญาโณ กุลปุโตฺต มานํ นิคฺคเหตฺวา กสิณํ วเฑฺฒตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา นิกฺขมิตฺวา จงฺกมนโกฎิยํ ปาสาณผลเก นิสีทิฯ อถ นํ กโปตาทโย อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ มหาสโตฺต กโปตํ ปุจฺฉิ ‘‘ตฺวํ อเญฺญสุ ทิวเสสุ น อิมาย เวลาย อาคจฺฉสิ, โคจรํ ปริเยสสิ, กิํ นุ โข อชฺช อุโปสถิโก ชาโตสี’’ติ? ‘‘อาม ภเนฺต’’ติฯ อถ นํ ‘‘เกน การเณนา’’ติ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Tāpaso tassa gatakāle saṃvegappatto hutvā ‘‘ayaṃ samaṇo evaṃ garusarīro vātamukhe khittatūlapicu viya ākāse pakkhando, ahaṃ jātimānena evarūpassa paccekabuddhassa neva pāde vandiṃ, na ca ‘‘kadāhaṃ buddho bhavissāmī’ti pucchiṃ, jāti nāmesā kiṃ karissati, imasmiṃ loke sīlacaraṇameva mahantaṃ, ayaṃ kho pana me māno vaḍḍhanto nirayaṃ upanessati, na idāni imaṃ mānaṃ aniggahetvā phalāphalatthāya gamissāmī’’ti paṇṇasālaṃ pavisitvā mānaniggahāya uposathaṃ samādāya kaṭṭhattharikāya nisinno mahāñāṇo kulaputto mānaṃ niggahetvā kasiṇaṃ vaḍḍhetvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā nikkhamitvā caṅkamanakoṭiyaṃ pāsāṇaphalake nisīdi. Atha naṃ kapotādayo upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Mahāsatto kapotaṃ pucchi ‘‘tvaṃ aññesu divasesu na imāya velāya āgacchasi, gocaraṃ pariyesasi, kiṃ nu kho ajja uposathiko jātosī’’ti? ‘‘Āma bhante’’ti. Atha naṃ ‘‘kena kāraṇenā’’ti pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘อโปฺปสฺสุโกฺก ทานิ ตุวํ กโปต, วิหงฺคม น ตว โภชนโตฺถ;

    ‘‘Appossukko dāni tuvaṃ kapota, vihaṅgama na tava bhojanattho;

    ขุทํ ปิปาสํ อธิวาสยโนฺต, กสฺมา ภวํโปสถิโก กโปตา’’ติฯ

    Khudaṃ pipāsaṃ adhivāsayanto, kasmā bhavaṃposathiko kapotā’’ti.

    ตตฺถ อโปฺปสฺสุโกฺกติ นิราลโยฯ น ตว โภชนโตฺถติ กิํ อชฺช ตว โภชเนน อโตฺถ นตฺถิฯ

    Tattha appossukkoti nirālayo. Na tava bhojanatthoti kiṃ ajja tava bhojanena attho natthi.

    ตํ สุตฺวา กโปโต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā kapoto dve gāthā abhāsi –

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘อหํ ปุเร คิทฺธิคโต กโปติยา, อสฺมิํ ปเทสสฺมิมุโภ รมาม;

    ‘‘Ahaṃ pure giddhigato kapotiyā, asmiṃ padesasmimubho ramāma;

    อถคฺคหี สากุณิโก กโปติํ, อกามโก ตาย วินา อโหสิํฯ

    Athaggahī sākuṇiko kapotiṃ, akāmako tāya vinā ahosiṃ.

    ๑๒๙.

    129.

    ‘‘นานาภวา วิปฺปโยเคน ตสฺสา, มโนมยํ เวทน เวทยามิ;

    ‘‘Nānābhavā vippayogena tassā, manomayaṃ vedana vedayāmi;

    ตสฺมา อหํโปสถํ ปาลยามิ, ราโค มมํ มา ปุนราคมาสี’’ติฯ

    Tasmā ahaṃposathaṃ pālayāmi, rāgo mamaṃ mā punarāgamāsī’’ti.

    ตตฺถ รมามาติ อิมสฺมิํ ภูมิภาเค กามรติยา รมามฯ สากุณิโกติ เสนสกุโณฯ

    Tattha ramāmāti imasmiṃ bhūmibhāge kāmaratiyā ramāma. Sākuṇikoti senasakuṇo.

    กโปเตน อตฺตโน อุโปสถกเมฺม วณฺณิเต มหาสโตฺต สปฺปาทีสุ เอเกกํ ปุจฺฉิฯ เตปิ ยถาภูตํ พฺยากริํสุ –

    Kapotena attano uposathakamme vaṇṇite mahāsatto sappādīsu ekekaṃ pucchi. Tepi yathābhūtaṃ byākariṃsu –

    ๑๓๐.

    130.

    ‘‘อนุชฺชุคามี อุรคา ทุชิวฺห, ทาฐาวุโธ โฆรวิโสสิ สปฺป;

    ‘‘Anujjugāmī uragā dujivha, dāṭhāvudho ghoravisosi sappa;

    ขุทํ ปิปาสํ อธิวาสยโนฺต, กสฺมา ภวํโปสถิโก นุ ทีฆฯ

    Khudaṃ pipāsaṃ adhivāsayanto, kasmā bhavaṃposathiko nu dīgha.

    ๑๓๑.

    131.

    ‘‘อุสโภ อหู พลวา คามิกสฺส, จลกฺกกู วณฺณพลูปปโนฺน;

    ‘‘Usabho ahū balavā gāmikassa, calakkakū vaṇṇabalūpapanno;

    โส มํ อกฺกมิ ตํ กุปิโต อฑํสิํ, ทุกฺขาภิตุโณฺณ มรณํ อุปาคาฯ

    So maṃ akkami taṃ kupito aḍaṃsiṃ, dukkhābhituṇṇo maraṇaṃ upāgā.

    ๑๓๒.

    132.

    ‘‘ตโต ชนา นิกฺขมิตฺวาน คามา, กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา อปกฺกมิํสุ;

    ‘‘Tato janā nikkhamitvāna gāmā, kanditvā roditvā apakkamiṃsu;

    ตสฺมา อหํโปสถํ ปาลยามิ, โกโธ มมํ มา ปุนราคมาสิฯ

    Tasmā ahaṃposathaṃ pālayāmi, kodho mamaṃ mā punarāgamāsi.

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘มตาน มํสานิ พหู สุสาเน, มนุญฺญรูปํ ตว โภชเน ตํ;

    ‘‘Matāna maṃsāni bahū susāne, manuññarūpaṃ tava bhojane taṃ;

    ขุทํ ปิปาสํ อธิวาสยโนฺต, กสฺมา ภวํโปสถิโก สิงฺคาลฯ

    Khudaṃ pipāsaṃ adhivāsayanto, kasmā bhavaṃposathiko siṅgāla.

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘ปวิสิ กุจฺฉิํ มหโต คชสฺส, กุณเป รโต หตฺถิมํเสสุ คิโทฺธ;

    ‘‘Pavisi kucchiṃ mahato gajassa, kuṇape rato hatthimaṃsesu giddho;

    อุโณฺห จ วาโต ติขิณา จ รสฺมิโย, เต โสสยุํ ตสฺส กรีสมคฺคํฯ

    Uṇho ca vāto tikhiṇā ca rasmiyo, te sosayuṃ tassa karīsamaggaṃ.

    ๑๓๕.

    135.

    ‘‘กิโส จ ปณฺฑู จ อหํ ภทเนฺต, น เม อหู นิกฺขมนาย มโคฺค;

    ‘‘Kiso ca paṇḍū ca ahaṃ bhadante, na me ahū nikkhamanāya maggo;

    มหา จ เมโฆ สหสา ปวสฺสิ, โส เตมยี ตสฺส กรีสมคฺคํฯ

    Mahā ca megho sahasā pavassi, so temayī tassa karīsamaggaṃ.

    ๑๓๖.

    136.

    ‘‘ตโต อหํ นิกฺขมิสํ ภทเนฺต, จโนฺท ยถา ราหุมุขา ปมุโตฺต;

    ‘‘Tato ahaṃ nikkhamisaṃ bhadante, cando yathā rāhumukhā pamutto;

    ตสฺมา อหํโปสถํ ปาลยามิ, โลโภ มมํ มา ปุนราคมาสิฯ

    Tasmā ahaṃposathaṃ pālayāmi, lobho mamaṃ mā punarāgamāsi.

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘วมฺมีกถูปสฺมิํ กิปิลฺลิกานิ, นิโปฺปถยโนฺต ตุวํ ปุเร จราสิ;

    ‘‘Vammīkathūpasmiṃ kipillikāni, nippothayanto tuvaṃ pure carāsi;

    ขุทํ ปิปาสํ อธิวาสยโนฺต, กสฺมา ภวํโปสถิโก นุ อจฺฉฯ

    Khudaṃ pipāsaṃ adhivāsayanto, kasmā bhavaṃposathiko nu accha.

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘สกํ นิเกตํ อติหีฬยาโน, อตฺริจฺฉตา มลฺลคามํ อคจฺฉิํ;

    ‘‘Sakaṃ niketaṃ atihīḷayāno, atricchatā mallagāmaṃ agacchiṃ;

    ตโต ชนา นิกฺขมิตฺวาน คามา, โกทณฺฑเกน ปริโปถยิํสุ มํฯ

    Tato janā nikkhamitvāna gāmā, kodaṇḍakena paripothayiṃsu maṃ.

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘โส ภินฺนสีโส รุหิรมกฺขิตโงฺค, ปจฺจาคมาสิํ สกํ นิเกตํ;

    ‘‘So bhinnasīso ruhiramakkhitaṅgo, paccāgamāsiṃ sakaṃ niketaṃ;

    ตสฺมา อหํโปสถํ ปาลยามิ, อตฺริจฺฉตา มา ปุนราคมาสี’’ติฯ

    Tasmā ahaṃposathaṃ pālayāmi, atricchatā mā punarāgamāsī’’ti.

    ตตฺถ อนุชฺชุคามีติอาทีหิ ตํ อาลปติฯ จลกฺกกูติ จลมานกกุโธฯ ทุกฺขาภิตุโณฺณติ โส อุสโภ ทุเกฺขน อภิตุโณฺณ อาตุโร หุตฺวาฯ พหูติ พหูนิฯ ปวิสีติ ปาวิสิํฯ รสฺมิโยติ สูริยรสฺมิโยฯ นิกฺขมิสนฺติ นิกฺขมิํฯ กิปิลฺลิกานีติ อุปจิกาโยฯ นิโปฺปถยโนฺตติ ขาทมาโนฯ อติหีฬยาโนติ อติมญฺญโนฺต นินฺทโนฺต ครหโนฺตฯ โกทณฺฑเกนาติ ธนุทณฺฑเกหิ เจว มุคฺคเรหิ จฯ

    Tattha anujjugāmītiādīhi taṃ ālapati. Calakkakūti calamānakakudho. Dukkhābhituṇṇoti so usabho dukkhena abhituṇṇo āturo hutvā. Bahūti bahūni. Pavisīti pāvisiṃ. Rasmiyoti sūriyarasmiyo. Nikkhamisanti nikkhamiṃ. Kipillikānīti upacikāyo. Nippothayantoti khādamāno. Atihīḷayānoti atimaññanto nindanto garahanto. Kodaṇḍakenāti dhanudaṇḍakehi ceva muggarehi ca.

    เอวํ เต จตฺตาโรปิ อตฺตโน อุโปสถกมฺมํ วเณฺณตฺวา อุฎฺฐาย มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺห อเญฺญสุ ทิวเสสุ อิมาย เวลาย ผลาผลตฺถาย คจฺฉถ, อชฺช อคนฺตฺวา กสฺมา อุโปสถิกตฺถา’’ติ ปุจฺฉนฺตา คาถมาหํสุ –

    Evaṃ te cattāropi attano uposathakammaṃ vaṇṇetvā uṭṭhāya mahāsattaṃ vanditvā ‘‘bhante, tumhe aññesu divasesu imāya velāya phalāphalatthāya gacchatha, ajja agantvā kasmā uposathikatthā’’ti pucchantā gāthamāhaṃsu –

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘ยํ โน อปุจฺฉิตฺถ ตุวํ ภทเนฺต, สเพฺพว พฺยากริมฺห ยถาปชานํ;

    ‘‘Yaṃ no apucchittha tuvaṃ bhadante, sabbeva byākarimha yathāpajānaṃ;

    มยมฺปิ ปุจฺฉาม ตุวํ ภทเนฺต, กสฺมา ภวํโปสถิโก นุ พฺรเหฺม’’ติฯ

    Mayampi pucchāma tuvaṃ bhadante, kasmā bhavaṃposathiko nu brahme’’ti.

    โสปิ เนสํ พฺยากาสิ –

    Sopi nesaṃ byākāsi –

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘อนูปลิโตฺต มม อสฺสมมฺหิ, ปเจฺจกพุโทฺธ มุหุตฺตํ นิสีทิ;

    ‘‘Anūpalitto mama assamamhi, paccekabuddho muhuttaṃ nisīdi;

    โส มํ อเวที คติมาคติญฺจ, นามญฺจ โคตฺตํ จรณญฺจ สพฺพํฯ

    So maṃ avedī gatimāgatiñca, nāmañca gottaṃ caraṇañca sabbaṃ.

    ๑๔๒.

    142.

    ‘‘เอวมฺปหํ น วนฺทิ ตสฺส ปาเท, น จาปิ นํ มานคเตน ปุจฺฉิํ;

    ‘‘Evampahaṃ na vandi tassa pāde, na cāpi naṃ mānagatena pucchiṃ;

    ตสฺมา อหํโปสถํ ปาลยามิ, มาโน มมํ มา ปุนราคมาสี’’ติฯ

    Tasmā ahaṃposathaṃ pālayāmi, māno mamaṃ mā punarāgamāsī’’ti.

    ตตฺถ ยํ โนติ ยํ อตฺถํ ตฺวํ อเมฺห อปุจฺฉิฯ ยถาปชานนฺติ อตฺตโน ปชานนนิยาเมน ตํ มยํ พฺยากริมฺหฯ อนูปลิโตฺตติ สพฺพกิเลเสหิ อลิโตฺตฯ โส มํ อเวทีติ โส มม อิทานิ คนฺตพฺพฎฺฐานญฺจ คตฎฺฐานญฺจ ‘‘อนาคเต ตฺวํ เอวํนาโม พุโทฺธ ภวิสฺสสิ เอวํโคโตฺต, เอวรูปํ เต สีลจรณํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ นามญฺจ โคตฺตญฺจ จรณญฺจ สพฺพํ มํ อเวทิ ชานาเปสิ, กเถสีติ อโตฺถฯ เอวมฺปหํ น วนฺทีติ เอวํ กเถนฺตสฺสปิ ตสฺส อหํ อตฺตโน มานํ นิสฺสาย ปาเท น วนฺทินฺติฯ

    Tattha yaṃ noti yaṃ atthaṃ tvaṃ amhe apucchi. Yathāpajānanti attano pajānananiyāmena taṃ mayaṃ byākarimha. Anūpalittoti sabbakilesehi alitto. So maṃ avedīti so mama idāni gantabbaṭṭhānañca gataṭṭhānañca ‘‘anāgate tvaṃ evaṃnāmo buddho bhavissasi evaṃgotto, evarūpaṃ te sīlacaraṇaṃ bhavissatī’’ti evaṃ nāmañca gottañca caraṇañca sabbaṃ maṃ avedi jānāpesi, kathesīti attho. Evampahaṃ na vandīti evaṃ kathentassapi tassa ahaṃ attano mānaṃ nissāya pāde na vandinti.

    เอวํ มหาสโตฺต อตฺตโน อุโปสถการณํ กเถตฺวา เต โอวทิตฺวา อุโยฺยเชตฺวา ปณฺณสาลํ ปาวิสิ, อิตเรปิ ยถาฎฺฐานานิ อคมํสุฯ มหาสโตฺต อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ, อิตเร จ ตโสฺสวาเท ฐตฺวา สคฺคปรายณา อเหสุํฯ

    Evaṃ mahāsatto attano uposathakāraṇaṃ kathetvā te ovaditvā uyyojetvā paṇṇasālaṃ pāvisi, itarepi yathāṭṭhānāni agamaṃsu. Mahāsatto aparihīnajjhāno brahmalokaparāyaṇo ahosi, itare ca tassovāde ṭhatvā saggaparāyaṇā ahesuṃ.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ อุปาสกา, อุโปสโถ นาเมส โปราณกปณฺฑิตานํ วํโส, อุปวสิตโพฺพ อุโปสถวาโส’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กโปโต อนุรุโทฺธ อโหสิ, อโจฺฉ กสฺสโป, สิงฺคาโล โมคฺคลฺลาโน, สโปฺป สาริปุโตฺต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ upāsakā, uposatho nāmesa porāṇakapaṇḍitānaṃ vaṃso, upavasitabbo uposathavāso’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kapoto anuruddho ahosi, accho kassapo, siṅgālo moggallāno, sappo sāriputto, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    ปญฺจุโปสถชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Pañcuposathajātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๙๐. ปญฺจุโปสถิกชาตกํ • 490. Pañcuposathikajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact