Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา
3. Pañhāpucchakavaṇṇanā
๖๓๘. ปญฺหาปุจฺฉเก ปาฬิอนุสาเรเนว ฌานานํ กุสลาทิภาโว เวทิตโพฺพฯ อารมฺมณตฺติเกสุ ปน ติณฺณํ ฌานานํ นิมิตฺตารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณาทิภาเวน นวตฺตพฺพตา เวทิตพฺพาฯ โลกุตฺตรา ปเนตฺถ มคฺคกาเล ผลกาเล วา สิยา อปฺปมาณารมฺมณาฯ จตุตฺถํ ฌานํ สิยา ปริตฺตารมฺมณนฺติ เอตฺถ กุสลโต เตรส จตุตฺถชฺฌานานิ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ, อิทฺธิวิธจตุตฺถํ, ทิพฺพโสตญาณจตุตฺถํ, เจโตปริยญาณจตุตฺถํ, ปุเพฺพนิวาสญาณจตุตฺถํ, ทิพฺพจกฺขุญาณจตุตฺถํ, ยถากมฺมูปคญาณจตุตฺถํ, อนาคตํสญาณจตุตฺถํ, อากาสานญฺจายตนาทิจตุตฺถํ, โลกุตฺตรจตุตฺถนฺติฯ
638. Pañhāpucchake pāḷianusāreneva jhānānaṃ kusalādibhāvo veditabbo. Ārammaṇattikesu pana tiṇṇaṃ jhānānaṃ nimittārammaṇattā parittārammaṇādibhāvena navattabbatā veditabbā. Lokuttarā panettha maggakāle phalakāle vā siyā appamāṇārammaṇā. Catutthaṃ jhānaṃ siyā parittārammaṇanti ettha kusalato terasa catutthajjhānāni sabbatthapādakacatutthaṃ, iddhividhacatutthaṃ, dibbasotañāṇacatutthaṃ, cetopariyañāṇacatutthaṃ, pubbenivāsañāṇacatutthaṃ, dibbacakkhuñāṇacatutthaṃ, yathākammūpagañāṇacatutthaṃ, anāgataṃsañāṇacatutthaṃ, ākāsānañcāyatanādicatutthaṃ, lokuttaracatutthanti.
ตตฺถ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมว โหติฯ
Tattha sabbatthapādakacatutthaṃ navattabbārammaṇameva hoti.
อิทฺธิวิธจตุตฺถํ จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมนฺตสฺส อทิสฺสมาเนน กาเยน ปาฎิหาริยกรเณ กายารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณํ, กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมนฺตสฺส ทิสฺสมาเนน กาเยน ปาฎิหาริยํ กตฺวา พฺรหฺมโลกํ คจฺฉนฺตสฺส สมาปตฺติจิตฺตารมฺมณตฺตา มหคฺคตารมฺมณํฯ
Iddhividhacatutthaṃ cittavasena kāyaṃ pariṇāmentassa adissamānena kāyena pāṭihāriyakaraṇe kāyārammaṇattā parittārammaṇaṃ, kāyavasena cittaṃ pariṇāmentassa dissamānena kāyena pāṭihāriyaṃ katvā brahmalokaṃ gacchantassa samāpatticittārammaṇattā mahaggatārammaṇaṃ.
ทิพฺพโสตญาณจตุตฺถํ สทฺทารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณํฯ
Dibbasotañāṇacatutthaṃ saddārammaṇattā parittārammaṇaṃ.
เจโตปริยญาณจตุตฺถํ กามาวจรจิตฺตชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปาวจรารูปาวจรจิตฺตชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ, โลกุตฺตรจิตฺตชานนกาเล อปฺปมาณารมฺมณํฯ เจโตปริยญาณลาภี ปน ปุถุชฺชโน ปุถุชฺชนานํเยว จิตฺตํ ชานาติ, น อริยานํฯ โสตาปโนฺน โสตาปนฺนสฺส เจว ปุถุชฺชนสฺส จ; สกทาคามี สกทาคามิโน เจว เหฎฺฐิมานญฺจ ทฺวินฺนํ; อนาคามี อนาคามิโน เจว เหฎฺฐิมานญฺจ ติณฺณํ; ขีณาสโว สเพฺพสมฺปิ ชานาติฯ
Cetopariyañāṇacatutthaṃ kāmāvacaracittajānanakāle parittārammaṇaṃ, rūpāvacarārūpāvacaracittajānanakāle mahaggatārammaṇaṃ, lokuttaracittajānanakāle appamāṇārammaṇaṃ. Cetopariyañāṇalābhī pana puthujjano puthujjanānaṃyeva cittaṃ jānāti, na ariyānaṃ. Sotāpanno sotāpannassa ceva puthujjanassa ca; sakadāgāmī sakadāgāmino ceva heṭṭhimānañca dvinnaṃ; anāgāmī anāgāmino ceva heṭṭhimānañca tiṇṇaṃ; khīṇāsavo sabbesampi jānāti.
ปุเพฺพนิวาสญาณจตุตฺถํ กามาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปาวจรารูปาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล มหคฺคตารมฺมณํ, ‘‘อตีเต พุทฺธปเจฺจกพุทฺธขีณาสวา มคฺคํ ภาวยิํสุ, ผลํ สจฺฉิกริํสู’’ติ อนุสฺสรณกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ, นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํฯ
Pubbenivāsañāṇacatutthaṃ kāmāvacarakkhandhānussaraṇakāle parittārammaṇaṃ, rūpāvacarārūpāvacarakkhandhānussaraṇakāle mahaggatārammaṇaṃ, ‘‘atīte buddhapaccekabuddhakhīṇāsavā maggaṃ bhāvayiṃsu, phalaṃ sacchikariṃsū’’ti anussaraṇakāle appamāṇārammaṇaṃ, nāmagottānussaraṇakāle navattabbārammaṇaṃ.
ทิพฺพจกฺขุญาณจตุตฺถํ วณฺณารมฺมณตฺตา ปริตฺตารมฺมณํฯ
Dibbacakkhuñāṇacatutthaṃ vaṇṇārammaṇattā parittārammaṇaṃ.
ยถากมฺมูปคญาณจตุตฺถํ กามาวจรกมฺมานุสฺสรณกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปาวจรารูปาวจรกมฺมานุสฺสรณกาเล มหคฺคตารมฺมณํฯ
Yathākammūpagañāṇacatutthaṃ kāmāvacarakammānussaraṇakāle parittārammaṇaṃ, rūpāvacarārūpāvacarakammānussaraṇakāle mahaggatārammaṇaṃ.
อนาคตํสญาณจตุตฺถํ อนาคเต กามธาตุยา นิพฺพตฺติชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ, รูปารูปภเวสุ นิพฺพตฺติชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ, ‘‘อนาคเต พุทฺธปเจฺจกพุทฺธขีณาสวา มคฺคํ ภาเวสฺสนฺติ, ผลํ สจฺฉิกริสฺสนฺตี’’ติ ชานนกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ, ‘‘อนาคเต สโงฺข นาม ราชา ภวิสฺสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๐๘) นเยน นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํฯ
Anāgataṃsañāṇacatutthaṃ anāgate kāmadhātuyā nibbattijānanakāle parittārammaṇaṃ, rūpārūpabhavesu nibbattijānanakāle mahaggatārammaṇaṃ, ‘‘anāgate buddhapaccekabuddhakhīṇāsavā maggaṃ bhāvessanti, phalaṃ sacchikarissantī’’ti jānanakāle appamāṇārammaṇaṃ, ‘‘anāgate saṅkho nāma rājā bhavissatī’’tiādinā (dī. ni. 3.108) nayena nāmagottānussaraṇakāle navattabbārammaṇaṃ.
อากาสานญฺจายตนอากิญฺจญฺญายตนจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณํฯ วิญฺญาณญฺจายตนเนวสญฺญานาสญฺญายตนจตุตฺถํ มหคฺคตารมฺมณํฯ
Ākāsānañcāyatanaākiñcaññāyatanacatutthaṃ navattabbārammaṇaṃ. Viññāṇañcāyatananevasaññānāsaññāyatanacatutthaṃ mahaggatārammaṇaṃ.
โลกุตฺตรจตุตฺถํ อปฺปมาณารมฺมณํฯ
Lokuttaracatutthaṃ appamāṇārammaṇaṃ.
กิริยโตปิ เตสํ ทฺวาทสนฺนํ ฌานานํ อิทเมว อารมฺมณวิธานํฯ ตีณิ ฌานานิ นมคฺคารมฺมณาติ ปจฺจเวกฺขณญาณํ วา เจโตปริยาทิญาณํ วา มคฺคํ อารมฺมณํ กเรยฺย, ตีณิ ฌานานิ ตถา อปฺปวตฺติโต นมคฺคารมฺมณา, สหชาตเหตุวเสน ปน สิยา มคฺคเหตุกา; วีริยเชฎฺฐิกาย วา วีมํสาเชฎฺฐิกาย วา มคฺคภาวนาย มคฺคาธิปติโน; ฉนฺทจิตฺตเชฎฺฐกกาเล ผลกาเล จ นวตฺตพฺพาฯ
Kiriyatopi tesaṃ dvādasannaṃ jhānānaṃ idameva ārammaṇavidhānaṃ. Tīṇi jhānāni namaggārammaṇāti paccavekkhaṇañāṇaṃ vā cetopariyādiñāṇaṃ vā maggaṃ ārammaṇaṃ kareyya, tīṇi jhānāni tathā appavattito namaggārammaṇā, sahajātahetuvasena pana siyā maggahetukā; vīriyajeṭṭhikāya vā vīmaṃsājeṭṭhikāya vā maggabhāvanāya maggādhipatino; chandacittajeṭṭhakakāle phalakāle ca navattabbā.
จตุตฺถํ ฌานนฺติ อิธาปิ กุสลโต เตรสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ สพฺพตฺถปาทกอิทฺธิวิธทิพฺพโสตทิพฺพจกฺขุยถากมฺมูปคญาณจตุตฺถเญฺจว จตุพฺพิธญฺจ อารุปฺปจตุตฺถํ มคฺคารมฺมณาทิภาเวน น วตฺตพฺพํฯ เจโตปริยปุเพฺพนิวาสอนาคตํสญาณจตุตฺถํ ปน มคฺคารมฺมณํ โหติฯ น วตฺตพฺพํ มคฺคเหตุกํ มคฺคาธิปตีติ วา; โลกุตฺตรจตุตฺถํ มคฺคารมฺมณํ น โหติ; มคฺคกาเล ปน สหชาตเหตุวเสน มคฺคเหตุกํ; วีริยวีมํสาเชฎฺฐิกาย มคฺคภาวนาย มคฺคาธิปติ; ฉนฺทจิตฺตเชฎฺฐิกาย เจว มคฺคภาวนาย ผลกาเล จ น วตฺตพฺพํฯ กิริยโตปิ ทฺวาทสสุ ฌาเนสุ อยเมว นโยฯ
Catutthaṃ jhānanti idhāpi kusalato terasasu catutthajjhānesu sabbatthapādakaiddhividhadibbasotadibbacakkhuyathākammūpagañāṇacatutthañceva catubbidhañca āruppacatutthaṃ maggārammaṇādibhāvena na vattabbaṃ. Cetopariyapubbenivāsaanāgataṃsañāṇacatutthaṃ pana maggārammaṇaṃ hoti. Na vattabbaṃ maggahetukaṃ maggādhipatīti vā; lokuttaracatutthaṃ maggārammaṇaṃ na hoti; maggakāle pana sahajātahetuvasena maggahetukaṃ; vīriyavīmaṃsājeṭṭhikāya maggabhāvanāya maggādhipati; chandacittajeṭṭhikāya ceva maggabhāvanāya phalakāle ca na vattabbaṃ. Kiriyatopi dvādasasu jhānesu ayameva nayo.
ตีณิ ฌานานิ น วตฺตพฺพาติ อตีตาทีสุ เอกธมฺมมฺปิ อารพฺภ อปฺปวตฺติโต นวตฺตพฺพาติ เวทิตพฺพาฯ
Tīṇi jhānāni na vattabbāti atītādīsu ekadhammampi ārabbha appavattito navattabbāti veditabbā.
จตุตฺถํ ฌานนฺติ กุสลโต เตรสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมวฯ อิทฺธิวิธจตุตฺถํ กายวเสน จิตฺตปริณามเน สมาปตฺติจิตฺตารมฺมณตฺตา อตีตารมฺมณํ; ‘‘อนาคเต อิมานิ ปุปฺผานิ มา มิลายิํสุ, ทีปา มา นิพฺพายิํสุ, เอโก อคฺคิกฺขโนฺธ สมุฎฺฐาตุ, ปพฺพโต สมุฎฺฐาตู’’ติ อธิฎฺฐานกาเล อนาคตารมฺมณํ; จิตฺตวเสน กายปริณามนกาเล กายารมฺมณตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํฯ ทิพฺพโสตญาณจตุตฺถํ สทฺทารมฺมณตฺตา ปจฺจุปฺปนารมฺมณํฯ เจโตปริยญาณจตุตฺถํ อตีเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธจิตฺตชานนกาเล อตีตารมฺมณํ; อนาคเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชนกจิตฺตชานนกาเล อนาคตารมฺมณํฯ ‘‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตา อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อมุํ นาม วิตกฺกํ วิตเกฺกสฺสตีติฯ โส พหุเญฺจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ โน อญฺญถา’’ติ อิมินา หิ สุเตฺตน (อ. นิ. ๓.๖๑) เจโตปริยญาณเสฺสว ปวตฺติ ปกาสิตาฯ อทฺธานปจฺจุปฺปนฺนสนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว ปจฺจุปฺปนฺนํ อารพฺภ ปวตฺติกาเล ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํฯ วิตฺถารกถา ปเนตฺถ เหฎฺฐาอฎฺฐกถากณฺฑวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Catutthaṃ jhānanti kusalato terasasu catutthajjhānesu sabbatthapādakacatutthaṃ navattabbārammaṇameva. Iddhividhacatutthaṃ kāyavasena cittapariṇāmane samāpatticittārammaṇattā atītārammaṇaṃ; ‘‘anāgate imāni pupphāni mā milāyiṃsu, dīpā mā nibbāyiṃsu, eko aggikkhandho samuṭṭhātu, pabbato samuṭṭhātū’’ti adhiṭṭhānakāle anāgatārammaṇaṃ; cittavasena kāyapariṇāmanakāle kāyārammaṇattā paccuppannārammaṇaṃ. Dibbasotañāṇacatutthaṃ saddārammaṇattā paccuppanārammaṇaṃ. Cetopariyañāṇacatutthaṃ atīte sattadivasabbhantare uppajjitvā niruddhacittajānanakāle atītārammaṇaṃ; anāgate sattadivasabbhantare uppajjanakacittajānanakāle anāgatārammaṇaṃ. ‘‘Yathā imassa bhoto manosaṅkhārā paṇihitā imassa cittassa anantarā amuṃ nāma vitakkaṃ vitakkessatīti. So bahuñcepi ādisati, tatheva taṃ hoti no aññathā’’ti iminā hi suttena (a. ni. 3.61) cetopariyañāṇasseva pavatti pakāsitā. Addhānapaccuppannasantatipaccuppannavaseneva paccuppannaṃ ārabbha pavattikāle paccuppannārammaṇaṃ. Vitthārakathā panettha heṭṭhāaṭṭhakathākaṇḍavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbā.
ปุเพฺพนิวาสญาณจตุตฺถํ อตีตกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล อตีตารมฺมณํ, นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํฯ ทิพฺพจกฺขุญาณจตุตฺถํ วณฺณารมฺมณตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํฯ ยถากมฺมูปคญาณจตุตฺถํ อตีตกมฺมเมว อารมฺมณํ กโรตีติ อตีตารมฺมณํฯ อนาคตํสญาณจตุตฺถํ อนาคตกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล อนาคตารมฺมณํ, นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํฯ อากาสานญฺจายตนอากิญฺจญฺญายตนจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมวฯ วิญฺญาณญฺจายตนเนวสญฺญานาสญฺญายตนจตุตฺถํ อตีตารมฺมณเมวฯ โลกุตฺตรจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณเมวฯ กิริยโตปิ ทฺวาทสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ เอเสว นโยฯ
Pubbenivāsañāṇacatutthaṃ atītakkhandhānussaraṇakāle atītārammaṇaṃ, nāmagottānussaraṇakāle navattabbārammaṇaṃ. Dibbacakkhuñāṇacatutthaṃ vaṇṇārammaṇattā paccuppannārammaṇaṃ. Yathākammūpagañāṇacatutthaṃ atītakammameva ārammaṇaṃ karotīti atītārammaṇaṃ. Anāgataṃsañāṇacatutthaṃ anāgatakkhandhānussaraṇakāle anāgatārammaṇaṃ, nāmagottānussaraṇakāle navattabbārammaṇaṃ. Ākāsānañcāyatanaākiñcaññāyatanacatutthaṃ navattabbārammaṇameva. Viññāṇañcāyatananevasaññānāsaññāyatanacatutthaṃ atītārammaṇameva. Lokuttaracatutthaṃ navattabbārammaṇameva. Kiriyatopi dvādasasu catutthajjhānesu eseva nayo.
ตีณิ ฌานานิ พหิทฺธารมฺมณาติ อชฺฌตฺตโต พหิทฺธาภูตํ นิมิตฺตํ อารพฺภ ปวตฺติโต พหิทฺธารมฺมณาฯ
Tīṇijhānāni bahiddhārammaṇāti ajjhattato bahiddhābhūtaṃ nimittaṃ ārabbha pavattito bahiddhārammaṇā.
จตุตฺถํ ฌานนฺติ อิธาปิ กุสลโต เตรสสุ จตุตฺถชฺฌาเนสุ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณเมวฯ
Catutthaṃ jhānanti idhāpi kusalato terasasu catutthajjhānesu sabbatthapādakacatutthaṃ bahiddhārammaṇameva.
อิทฺธิวิธจตุตฺถํ กายวเสน จิตฺตปริณามเนปิ จิตฺตวเสน กายปริณามเนปิ อตฺตโนว กายจิตฺตารมฺมณตฺตา อชฺฌตฺตารมฺมณํ; ‘‘พหิทฺธา หตฺถิมฺปิ ทเสฺสตี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตกาเล พหิทฺธารมฺมณํฯ
Iddhividhacatutthaṃ kāyavasena cittapariṇāmanepi cittavasena kāyapariṇāmanepi attanova kāyacittārammaṇattā ajjhattārammaṇaṃ; ‘‘bahiddhā hatthimpi dassetī’’tiādinā nayena pavattakāle bahiddhārammaṇaṃ.
ทิพฺพโสตญาณจตุตฺถํ อตฺตโน กุจฺฉิคตสทฺทารมฺมณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส สทฺทารมฺมณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ
Dibbasotañāṇacatutthaṃ attano kucchigatasaddārammaṇakāle ajjhattārammaṇaṃ, parassa saddārammaṇakāle bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasenāpi ajjhattabahiddhārammaṇaṃ.
เจโตปริยญาณจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณเมวฯ
Cetopariyañāṇacatutthaṃ bahiddhārammaṇameva.
ปุเพฺพนิวาสญาณจตุตฺถํ อตฺตโน ขนฺธานุสฺสรณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส ขนฺธานเญฺจว นามโคตฺตสฺส จ อนุสฺสรณกาเล พหิทฺธารมฺมณํฯ
Pubbenivāsañāṇacatutthaṃ attano khandhānussaraṇakāle ajjhattārammaṇaṃ, parassa khandhānañceva nāmagottassa ca anussaraṇakāle bahiddhārammaṇaṃ.
ทิพฺพจกฺขุญาณจตุตฺถํ อตฺตโน รูปารมฺมณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส รูปารมฺมณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ
Dibbacakkhuñāṇacatutthaṃ attano rūpārammaṇakāle ajjhattārammaṇaṃ, parassa rūpārammaṇakāle bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasenāpi ajjhattabahiddhārammaṇaṃ.
ยถากมฺมูปคญาณจตุตฺถํ อตฺตโน กมฺมชานนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส กมฺมชานนกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ
Yathākammūpagañāṇacatutthaṃ attano kammajānanakāle ajjhattārammaṇaṃ, parassa kammajānanakāle bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasenāpi ajjhattabahiddhārammaṇaṃ.
อนาคตํสญาณจตุตฺถํ อตฺตโน อนาคเต นิพฺพตฺติชานนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส ขนฺธานุสฺสรณกาเล เจว นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล จ พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสนาปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ
Anāgataṃsañāṇacatutthaṃ attano anāgate nibbattijānanakāle ajjhattārammaṇaṃ, parassa khandhānussaraṇakāle ceva nāmagottānussaraṇakāle ca bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasenāpi ajjhattabahiddhārammaṇaṃ.
อากาสานญฺจายตนจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณํฯ อากิญฺจญฺญายตนจตุตฺถํ นวตฺตพฺพารมฺมณํฯ วิญฺญาณญฺจายตนเนวสญฺญานาสญฺญายตนจตุตฺถํ อชฺฌตฺตารมฺมณํฯ
Ākāsānañcāyatanacatutthaṃ bahiddhārammaṇaṃ. Ākiñcaññāyatanacatutthaṃ navattabbārammaṇaṃ. Viññāṇañcāyatananevasaññānāsaññāyatanacatutthaṃ ajjhattārammaṇaṃ.
โลกุตฺตรจตุตฺถํ พหิทฺธารมฺมณเมวฯ กิริยโตปิ ทฺวาทสสุ ฌาเนสุ อยเมว นโยติฯ
Lokuttaracatutthaṃ bahiddhārammaṇameva. Kiriyatopi dvādasasu jhānesu ayameva nayoti.
อิมสฺมิํ ปน ฌานวิภเงฺค สมฺมาสมฺพุเทฺธน สุตฺตนฺตภาชนีเยปิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาเนว ฌานานิ กถิตานิ; อภิธมฺมภาชนีเยปิ ปญฺหาปุจฺฉเกปิฯ ตโยปิ หิ เอเต นยา เตภูมกธมฺมมิสฺสกตฺตา เอกปริเจฺฉทา เอวฯ เอวมยํ ฌานวิภโงฺคปิ เตปริวฎฺฎํ นีหริตฺวาว ภาเชตฺวา ทสฺสิโตติฯ
Imasmiṃ pana jhānavibhaṅge sammāsambuddhena suttantabhājanīyepi lokiyalokuttaramissakāneva jhānāni kathitāni; abhidhammabhājanīyepi pañhāpucchakepi. Tayopi hi ete nayā tebhūmakadhammamissakattā ekaparicchedā eva. Evamayaṃ jhānavibhaṅgopi teparivaṭṭaṃ nīharitvāva bhājetvā dassitoti.
สโมฺมหวิโนทนิยา วิภงฺคฎฺฐกถาย
Sammohavinodaniyā vibhaṅgaṭṭhakathāya
ฌานวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Jhānavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๒. ฌานวิภโงฺค • 12. Jhānavibhaṅgo